บทที่ 19 กลับไปอย่างสมเกียรติ
เมื่อได้คิดว่าภัยคุกคามของเขาในตอนนี้ก็น่าจะหมดลงแล้ว เฉินเฉียง ผู้ซึ่งระแวดระวังในทุกสิ่งก็ไม่ประมาทที่จะหลงลืมตรวจสอบโดยใช้การตรวจจับด้วยเสียงกับพื้นที่ภายในถ้ำแห่งนี้
บุคคลเช่นนี้ย่อมไม่ตกตายโดยง่าย
แน่นอนว่าหลังจากตรวจสอบแล้วเขาก็ได้พบว่าในถ้ำนั้นยังมีเม่นเกราะอยู่อีก
อย่างไรก็ตาม จากขนาดตัวของเม่นเกราะที่เขารับรู้ได้นั้นเล็กกว่าเจ้าสองตัวนี้มาก และมันก็ดูเหมือนจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีการต่อสู้เกิดขึ้นที่ด้านนอก โดยตอนนี้มันเหมือนจะทำอะไรบางอย่างอยู่ที่มุมถ้ำก็ไม่รู้
หลังจากโยนร่างของเม่นเกราะสองตัวทิ้งไป เฉินเฉียงก็ได้สวมหนังเม่นเกราะตัวใหญ่อีกครั้งและได้เดินเข้าไปในถ้ำ
ถ้ำนี้มีความลึกเพียงห้าเมตรเท่านั้น แต่พื้นที่ภายในทั้งหมดอยู่ที่ประมาณสิบตารางเมตร
แต่กลับมีกลิ่นที่โชยออกมาทำให้เขานั้นต้องรีบใช้มือบีบจมูกของตน
ด้วยการที่ว่าเม่นเกราะนี้เป็นสัตว์กินเนื้อ ต่อให้ไม่พบเศษซากร่างภายในถ้ำ แต่ภายในนั้นก็ยังมีกลิ่นเนื้อเน่าตลบอบอวล
เม่นเกราะตัวน้อยที่อยู่ตรงมุมถ้ำนี้มีขนาดเท่ากับกระต่ายตัวเล็กๆ มันน่าจะพึ่งเกิดมาได้ไม่นาน หลังจากมันเห็นเฉินเฉียงในร่างของเม่นเกราะแล้ว มันก็ได้ร้องออกมาอย่างมีความสุขพร้อมทั้งทำการตะกุยใส่อย่างใสซื่อ
จะน่ารักเกินไปแล้ว
เจ้าตัวน้อยน่ารักนี่ทำให้เฉินเฉียงต้องจ้องมองอยู่นาน
ความจริงเฉินเฉียงในตอนนี้อยากจะเดินเข้าไปกอดเจ้าตัวน้อยนี้สักทีเหมือนกัน แต่เมื่อได้เห็นสิ่งที่เจ้าตัวน้อยนี้กินอยู่เมื่อครู่ ทำให้เขานั้นต้องเปลี่ยนท่าทีในทันที เขาพูดออกมาอย่างปวดใจ
“ไอ้หนู เลิกกินไอ้นั่นดีกว่านะ มันไม่อร่อยหรอก”
เฉินเฉียงพูดออกมาด้วยสายตาที่ร้อนรนพร้อมทั้งแย่งเศษแก่นคริสตัลที่อยู่ในปากของเจ้าตัวน้อยออกมา เขานั้นปวดใจแบบสุดๆ
แต่เมื่อเขาได้เห็นแก่นคริสตัลนับร้อยหลากสีสันที่กองเรี่ยราดอยู่กับพื้น นี่ทำให้เขานั้นอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้เขารวยแล้ว
ถึงแม้ว่าเจ้าตัวน้อยจะได้รับกลิ่นที่คุ้นเคยมาจากเฉินเฉียงจนอยากจะเข้ามาหา แต่เมื่อโดนแย่งขนมออกมาจากปากแบบนี้ทำให้ตัวมันเองนึกได้ว่าขนมของมันต้องโดนขโมยแน่ๆ นี่ทำให้มันกรีดร้องออกมาอย่างไม่มีความสุข
เจ้าตัวน้อยได้รีบคลานต้วมเตี้ยมไปคว้าขนมของมันมาได้สองก้อน
หรือก็คือแก่นคริสตัลสองก้อนที่มีค่าเท่ากับพลังงาน 20 หน่วย
เฉินเฉียงนั้นเมื่อเห็นแล้วก็อดจะเสียดายไม่ได้ เขาจึงได้ทำเรื่องน่าอายออกมาอีกครั้ง
ด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มละไม เฉินเฉียงได้นำแก่นคริสตัลที่เม่นเกราะตัวน้อยกินเหลือเอาไว้ยื่นไปตรงหน้าของมันแล้วแกว่งไปมา
“ฮี่ฮี่ฮี่ เพื่อนตัวน้อย เจ้านี่รสชาติไม่เลวเลยใช่ไหมล่า เรามาแลกกันหน่อยดีกว่า”
เมื่อเห็นว่าเจ้าเม่นเกราะตัวน้อยยังไม่มีท่าทีตอบสนอง เขาก็ได้พูดออกมาอย่างหน้าไม่อายว่า “เพื่อนตัวน้อย นายก็น่าจะรู้นา...ว่าแก่นนี่อร่อยกว่าน่ะ ไม่เสียดายเหรอ”
ในตอนนี้เฉินเฉียงเปรียบได้ดั่งหมาป่าที่กำลังหลอกล่อลูกแกะ
อาจเป็นเพราะว่าเฉินเฉียงนั้นยังคงสวมซากร่างของเม่นเกราะอยู่ เจ้าตัวน้อยจึงทำเพียงจมูกฟุตฟิตก่อนที่จะยอมมอบแก่นคริสตัลทั้งสองให้และกัดกินแก่นคริสตัลครึ่งชิ้นที่อยู่ในมือ
นี่เขาควรจะนำมันกลับคืนรึเปล่านะ
เฉินเฉียงรู้สึกอิดออดเล็กน้อย
เขานั้นไม่อยากที่จะฆ่าสิ่งมีชีวิตในขณะที่ยังน่ารักแบบนี้
“ช่างมันแล้วกัน ฉันจะปล่อยจะครึ่งก้อนนี้ให้เจ้าตัวน้อยนี่กินไป”
เฉินเฉียงตัดใจจากแก่นคริสตัลที่มีค่าเท่ากับพลังงาน 10 หน่วยในที่สุด
“อย่างน้อยฉันก็ยังเป็นคนดีอยู่บ้าง ไม่ได้โหดร้ายพอที่จะทำได้ถึงขนาดนั้น”
เฉินเฉียงกล่าวชมตัวเองเล็กน้อยก่อนที่จะค่อยๆเดินจากมา
เจ้าตัวน้อยเมื่อเห็นเฉินเฉียงปล่อยคริสตัลครึ่งก้อนที่อยู่ในปากมันไป มันร้องออกมาและมองเฉินเฉียงด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป
ด้วยการที่เจ้าตัวน้อยตัวนี้ยังมีระดับสติปัญญาที่ต่ำ แม้แต่เฉินเฉียงที่ในตอนนี้มีทักษะภาษาสัตว์อยู่ในระดับเชี่ยวชาญก็ไม่อาจที่จะเข้าใจคำพูดของมันได้
“...อย่าบอกนะว่าเจ้าจะตามข้ามาน่ะ”
เฉินเฉียงจ้องมองไปยังเจ้าตัวน้อยด้วยความรู้สึกผิดที่บังเกิดขึ้นมาในหัวใจ
ตอนนี้เม่นเกราะที่พอจะดูแลมันได้ก็ตกตายไปจนหมดแล้ว หากเจ้าตัวน้อยนี้อยู่ตัวเดียวก็คงจะมีชีวิตอยู่ที่นี่อย่างยากลำบากเป็นแน่
“.....เอาเถอะ ถึงข้าจะพาเจ้าไปได้แต่ข้าไม่มีแก่นคริสตัลให้กินแล้วนะ”
เฉินเฉียงได้เดินเข้าไปหาเม่นเกราะตัวน้อยก่อนที่จะกอดขึ้นมาเอาไว้ในแขนข้างหนึ่ง แล้วจึงเดินออกไปจากถ้ำ
ด้วยการที่เม่นตัวน้อยนี้ยังไม่โตเต็มที่ ขนของมันจึงไม่ได้แหลมอะไร เมื่อเฉินเฉียงนำมันมากอดไว้ในอกก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรเลยแม้แต่น้อย
หลังจากออกมาจากถ้ำ เฉินเฉียงได้พบกับลูกผลไม้เล็กๆหกลูกถูกเสียบไว้ที่หลังของเจ้าตัวน้อย
เขาดึงมันออกมาหนึ่งลูกก่อนที่จะลองกัดกินดู
“แบรร....ห่วยแตกชะมัด”
เฉินเฉียงลองยื่นลูกผลไม้นี้ใส่ไว้ในปากของเจ้าตัวน้อย “นายลองกินดูสิ”
เจ้าตัวน้อยเองที่กินได้แม้แต่แกนคริสตัลที่แข็งมาก ได้อ้าปากงับเข้ามาเคี้ยวได้อย่างสนุกปาก
“เยี่ยมม ต่อแต่นี้นายก็กินผลไม้นี่ก็แล้วกัน ..... แก่นคริสตัลนั่นมันแข็งนา เอามาให้ฉันดีกว่ารึเปล่า”
เฉินเฉียงยังคงหลอกล่อเจ้าตัวน้อยเพื่อแย่งแก่นคริสตัลครึ่งก้อนที่อยู่ในเท้าของมันในขณะที่เดินออกมา
อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวน้อยกลับกอดแก่นคริสตัลชิ้นสุดท้ายของมันไว้อย่างเหนียวแน่น ไม่ยอมให้หลุดมือแม้แต่น้อย
เฉินเฉียงในที่สุดก็ยอมแพ้เกี่ยวกับเรื่องนี้
แต่ยังไงซะ แก่นคริสตัลทังหมดที่เขาเก็บเกี่ยวมาได้นั้น ส่วนใหญ่อยู่ในระดับทหาร และมีชิ้นหนึ่งอยู่ในระดับนายพล แต่เมื่อเขาเปลี่ยนทั้งหมดเป็นค่าพลังงานแล้ว นี่ทำให้เขานั้นมีค่าพลังงานอยู่ที่ 2,740 หน่วย
ติ้ง
ค่าพลังงานเพียงพอต่อการรวมทักษะระดับกลาง ระบบทำการรวมทักษะโดยอัตโนมัติ
การรวมทักษะระดับกลางเสร็จสมบูรณ์ สายเลือดของนายท่านหลอมรวมเสร็จสมบูรณ์
ชื่อ เฉินเฉียง
ระดับ: นักรบสายเลือดทหารระดับกลาง
ค่าพลังงาน:1740
ค่าการใช้ประโยชน์:1
ค่าความอดทน:25
ค่าพลังชีวิต:28
ค่าความแข็งแกร่ง:51
ค่าความเร็ว:35
ค่าพลังจิต:24
วิธีการบ่มเพาะ: หลอมเลือดทำลายล้างระดับต้น
ทักษะ: ไร้ตัวตน
ทักษะ: การตรวจสอบด้วยเสียง
ทักษะ: เพลิงดาบสายฟ้าทำลายวิญญาณระดับต้น
ทักษะ: ก้าวย่างสวรรค์ระดับเริ่มเรียนรู้
ทักษะ: ภาษาสัตว์
ทักษะ: แกะรอยด้วยกลิ่น
ทักษะ: ขุดรู
ทักษะ: สื่อสารไร้สาย
สายเลือด ทมิฬระดับกลาง
พลังห้าธาตุระดับสูง
หมายเหตุ : การยกระดับทักษะขั้นสูงใช้พลังงาน 10,000 หน่วย ขอให้นายท่านรีบหาค่าพลังงานให้เพียงพอเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
-ระบบหลอมรวมทักษะได้รวมสายเลือดจากทุกสายเลือดแล้วเปลี่ยนเป็นสายเลือดสองแบบเหรอ-
-ยิ่งไปกว่านั้นคือมันยังเป็นสายเลือดที่เขาไม่เคยได้ยินมากก่อนอีกด้วย-
-อย่าบอกนะว่าสายเลือดพวกนี้เป็นสายเลือดในตำนาน-
อย่างไรก็ตาม หลังจากเฉินเฉียงเห็นว่าสายเลือดมากมายของเขาหลงเหลือเพียงแค่สองก็อดที่จะรู้สึกเสียดายออกมาไม่ได้เหมือนกัน
ต่อพอคิดว่าเขาเสียค่าพลังงานไป 1,000 แต่หลังจากนี้เขามีสายเลือดสองสายเลือดเหมือนๆกับคนอื่น หากคนอื่นรู้เข้าคงไม่เห็นว่าเขาเป็นตัวประหลาดอย่างแน่นอน...ล่ะมั้ง
แต่การที่ต้องเสียค่าพลังงานไปกับการหลอมรวมถึงหนึ่งพันในทันทีแบบนี้ นี่ทำให้เฉินเฉียงรู้สึกปวดหัวไม่น้อยเหมือนกัน
แถมเขานั้นยังต้องหาแก่นคริสตัลให้ได้มากกว่าเดิมอีก
เขาเงยหน้าขึ้นเหม่อมองท้องฟ้าราวกับกำลังทำใจยอมรับก่อนที่จะรีบเร่งฝีเท้าของตนในทันที
วันนี้เป็นเส้นตาย หากเขาไม่รีบกลับไปล่ะก็ ผู้ควบคุมจ้าวและคนอื่นๆจะเก็บของจากไป
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้อะไรเกี่ยวกับผลกระจ่างจิต แต่ในช่วงห้าวันมานี้เขาก็ได้รับอะไรมามากมายแล้ว ทั้งค่าพลังงานกว่าสองพันหน่วย และทักษะที่แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมากมายนัก
ดังคำกล่าวที่ว่า โอกาสและวิกฤตนั้นมักอยู่คู่กันเสมอ และโอกาสแบบนี้ก็ปรากฏได้ยากยิ่ง หากเขานั้นยังคงอยู่ที่เขาหมาง
หากเขาต้องการรอดพ้นที่จะมีอันตรายออกมาเมื่อไหร่ไม่รู้แบบนี้ เฉินเฉียงนั้นทำได้เพียงอย่างเดียวคือการเข้าไปค้นหาอันตรายเหล่านั้น และเติบโตแห่งแกร่งยิ่งกว่าอันตรายเหล่านั้นจะทำอะไรเขาได้
ห้าวันผ่านไป ภายนอกกระโจมสนามนอกเขตรังหมาป่า นักรบสายเลือดระดับทหารและระดับวิญญาณสมควรจะกลับมาได้แล้วในวันนี้
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าคนเหล่านี้จะกลับมาก็จริง แต่ไม่มีใครเลยที่ได้ข่าวคราวเกี่ยวกับผลกระจ่างจิตเลยแม้แต่น้อย
นี่ทำให้ผู้ควบคุมจ้าวนั้นเดินวนไปมาอย่างอยู่ไม่สุข ยิ่งเวลาผ่านไป เขาก็ยิ่งมองเหล่านักรบที่กลับมาด้วยความหวังมากขึ้น แต่เมื่อรับรู้ เขาก็ยิ่งผิดหวังมากกว่าเดิม
“เฮ้ออออ พวกเราเหลือเวลาอีกเพียงครึ่งชั่วโมงก็จะถึงเส้นตายแล้ว ดูเหมือนว่าภารกิจนี้จะไม่สำเร็จสินะ”
ผู้ควบคุมจ้าวพร่ำบ่นพลางถอนหายใจยาวออกมา
“ผู้ควบคุมจ้าว ตอนนี้ยังไม่หมดเวลานี่นา พวกเรายังมีหวังครับ ไม่ใช่ว่ายังมีอีกประมาณยี่สิบคนที่ยังไม่ได้กลับมาหรอกเหรอ พวกเขาอาจจะกลับมาพร้อมข่าวดีก็ได้นะ”
ผู้ควบคุมจ้าวมองไปยังทหารเวรที่อยู่ข้างๆพลางส่ายหัว “อย่ามาปลอบกันจะดีกว่า มีใครไม่รู้บ้างว่าในรังหมาป่านั่นอันตรายมากมายขนาดไหน”
“ในครั้งนี้ ทันทีที่พวกเขานั้นเข้าไปรอบนอกข้าก็ได้ยินมาว่ามีคนตกตายตั้งแต่วันแรกแล้ว นี่ก็ผ่านไปห้าวันแล้ว คนเข้าไปกว่าร้อยคนจะกลับมาแบบรอดปลอดภัยสักแปดสิบคนนี่ก็ไม่ได้แย่เลยด้วยซ้ำ แถมเมื่อวันก่อนหมาป่าสีเงินจันทรานั่นยังออกมาในพื้นที่อันตรายนั่นอีกด้วย ดีไม่ดีพวกเขาจะโดนไอ้หมาเวรนั่นกวาดเรียบไปแล้ว”
“ก็ยังไม่แน่นะครับ ผู้ควบคุมจ้าวอย่าลืมสิว่าเรานั้นบอกพวกเขาเกี่ยวกับพื้นอันตรายไปแล้ว ไม่สมควรจะมีใครก้าวเข้าไปในเขตนั้นนะ”
“ฮึ่มมมม เจ้าไม่ได้ยินที่คนที่ออกมาเมื่อสามวันก่อนเหรอว่าไอ้หมาบ้านั่นวิ่งพล่านไปทั่วเขตรังเลยน่ะ”
เมื่อทุกคนได้ยินผู้ควบคุมจ้าวพูดแบบนั้นออกมาก็อดที่จะรู้สึกอับโชคไม่ได้เหมือนกัน คนที่รีบออกมาก่อนนั้นเป็นเพราะพวกเขาได้ยินเสียงร้องของหมาป่าจึงได้รีบหนีออกมาในทันที และเชื่อกันว่าต้องมีใครบางคนก้าวล้ำเข้าไปในพื้นที่อันตรายเป็นแน่
“นายพลจาง ท่านเห็นเฉินเฉียงที่มาจากอาณานิคมเขาหมางกับข้ารึเปล่า”
หลิงเว่ยในตอนนี้มีรอยแผลเป็นสีแดงสดเกิดขึ้นบนใบหน้า แต่สีหน้าของเขาก็ยังร้อนรนเป็นห่วงเฉินเฉียงอยู่ดี เขาเข้ามาจับแขนของนายพลจางเอาไว้
นายพลจางส่ายหน้าไปมาพร้อมกับพูดอย่างเศร้า “เป็นความผิดของข้าเอง ข้าไม่ควรที่จะให้พาเขามาที่นี่เลย น่าละอายชะมัด”
“.....ลืมมันไปดีกว่าครับ อย่าโทษตัวเองเลย ในช่วงสองปีมานี้อาณานิคมที่อยู่ภายใต้ตึกนายพลเหมันต์จันทราเองก็แข็งแกร่งขึ้นมากแล้ว แต่ก็ยังต้องสูญเสียนักรบสายเลือดไปนับพันทุกปี เป็นไปได้ว่าที่หมาป่าสีเงินแสงจันทร์นั่นหอนออกมาเมื่อสามวันก่อนอาจเป็นเพราะเด็กนั่นก็ได้”
และเป็นจริงดังคำกล่าวที่ว่า พูดถึงไก่ ไก่ก็มา ใจตอนนี้คนที่อยู่ข้างผู้ควบคุมจ้าวได้ชี้ไปที่สิ่งๆหนึ่งที่กำลังเข้ามาใกล้กระโจมภารกิจมากขึ้น “ผู้ควบคุมจ้าว ดูนั่น นั่นมันเม่นเกราะ”