บทที่ 39 ทำอะไรบางอย่าง
“เฉินเฉียง การเก็บตัวบ่มเพาะของเจ้าช่วงที่ผ่านมานี้เป็นยังไงบ้าง”
หลังจากฮู่ต้าไฮ่ได้มอบบททดสอบให้กับกัวเหลียงแล้วก็ได้หันกลับไปคุยกับเฉินเฉียง
“เรียนท่านอาจารย์ ในตอนนี้ข้าเปิดจุดตันเถียนได้ถึงสิบจุดแล้ว แต่การฝึกฝนร่างกายนั้นยังไม่สำเร็จเท่าที่ควร ข้าเพียงบรรลุถึงขั้นหลอมกล้ามเนื้อและผิวหนังเท่านั้น”
“สิบเลยรึ ฮี่ฮี่ฮี่”
ฮู่ต้าไฮ่ได้พยักหน้าอย่างยอมรับในความสามารถ “ไม่เลวเลยจริงๆ ตัวเจ้านั้นแม้จะมีถึงหกสายเลือดแต่กลับเพิ่มระดับความแข็งแกร่งได้โดยใช้เวลาเพียงเดือนเดียวเท่านั้น”
“กัวเหลียง เจ้าก็ดูศิษย์น้องของเจ้าเป็นตัวอย่างบ้างสิ ถ้าเป็นแบบนี้ละก็ อีกไม่นานศิษย์น้องของเจ้าจะไล่ตามทันแล้วนะเฮ้ย”
ฮู่ต้าไฮ่ที่ในตอนนี้หันไปตวาดกัวเหลียงเสร็จแล้วก็ได้หันมาพูดกับเฉินเฉียงอีกครั้ง “เฉินเฉียง ถึงแม้ว่าเจ้านั้นจะทำออกมาได้ถือว่าดีก็จริง แต่เจ้าก็อย่าได้ทำตัวหลงลำพองใจไปล่ะ ตอนนี้เจ้าเองก็ยังต้องฝึกหนักอยู่”
“นั่นก็เพราะระดับการฝึกฝนร่างกายของเจ้านั้นยังค่อนข้างต่ำ”
“สำหรับแผนกวิชายุทธพิเศษของเรานั้น ความแข็งแกร่งของร่างกายนั้นถือได้ว่าสำคัญที่สุด ยกตัวอย่างเช่นศิษย์พี่ของเจ้า ถึงแม้เขาเองจะมีการฝึกฝนร่างกายระดับเริ่มต้นเหมือนกัน แต่เขานั้นกลับสำเร็จการฝึกฝนนี้ในระดับสุดยอดไปแล้ว นี่ทำให้ร่างกายของเขานั้นแข็งแกร่งประดุจเหล็กกล้า แม้แต่ต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดระดับเดียวกันก็ยังยากที่จะโจมตีทะลวงผ่านร่างกายของเขาไปได้”
“และในเมื่อเจ้าได้รับรู้ถึงความสำคัญของการฝึกฝนร่างกายนี้แล้ว เจ้าต้องไม่ผ่อนคลายการฝึกฝนร่างกาย เข้าใจรึเปล่า”
“ศิษย์ทราบแล้ว”
เฉินเฉียงในตอนนี้ถึงแม้จะก้มหัวและตอบรับด้วยความเคารพ แต่ในใจของเขานั้นกลับคิดไปอีกอย่างหนึ่ง
เขานั้นคิดไม่ถึงว่าศิษย์พี่ใหญ่หลู่ฟางของเขานั้นจะฝึกฝนร่างกายเบื้องต้นได้ถึงระดับสุดยอดแล้ว ถ้าเขาได้ดูดซับทักษะความสามารถของหลู่ฟางมานั้นเขาจะประหยัดเวลาได้มากกว่า
แน่นอนว่าเขานั้นไม่ต้องการจะดูดซับจากศพของหลู่ฟาง แต่เขานั้นสามารถดูดซับผ่านเวทีเป็นตายของสำนักได้ ดูเหมือนว่าเขาต้องทำดีกับศิษย์พี่ใหญ่ของเขาให้มากๆจะได้มีโอกาสขอสิ่งนี้จากศิษย์พี่ของเขา
อีกด้านหนึ่ง กัวเหลียงนั้นโดนอาจารย์ของตนดุด่าไม่หยุด เขาทำได้เพียงก้มหัวน้อมรับอย่างกดดันเท่านั้น ในระหว่างนั้นเอง กำไรสื่อสารก็ได้กะพริบขึ้นมา เขาได้เปิดออกดูก็ต้องตกใจและรีบพูดโพล่งออกมาในทันที “แย่แล้วครับอาจารย์ ศิษย์พี่มีปัญหาแล้ว”
“ห้ะ”
ฮู่ต้าไฮ่เองก็ได้ขมวดคิ้วและเปิดกำไรสื่อสารของตนขึ้นมาดู เขาได้พูดออกมาเบาๆว่า “เป็นไปได้ยังไง เขาเนี่ยนะที่จะกล้าทำเรื่องแบบนี้กับสำนักน่ะ”
เฉินเฉียงเองที่เห็นก็ได้เปิดกำไรสื่อสารของตัวเองดูบ้าง
และเมื่อเห็นคนสามคนที่อยู่ในห้องในตอนนี้ทำให้เขารู้แล้วว่าปัญหานี้น่าจะเกินกว่าที่พวกเขาคิดไว้
ในตอนนี้เหล่าพวกระดับสูงของสำนักศึกษาได้มาอยู่ที่แผนกเล่นแร่
“รีบไป รีบไปเดี๋ยวนี้”
ฮู่ต้าไฮ่พุ่งออกไปจากห้องด้วยสีหน้าที่น่าสะพรึงกลัว
ที่แผนกเล่นแร่แปรธาตุในตอนนี้ศิษย์แผนกวิชายุทธพิเศษเกือบยี่สิบคนเผชิญหน้ากับเฟิงไคเหลียงที่จ้องมองมาด้วยความโกรธเกรี้ยว
ที่ข้างๆกันนั้นก็ได้มีชายแก่อายุหกสิบปีคนหนึ่ง
ชายแก่คนนี้ดูมีความอดทนที่สูงล้ำ เขาทำเพียงหรี่ตาลงมองและยกริมฝีปากขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนที่จะชี้ไปยังหลู่ฟางและตะคอกออกมา
“หลู่ฟาง ใครใช้ให้เจ้ากล้ามาก่อปัญหาที่นี่กัน”
“นี่ไอ้แก่ฮู่ต้าไฮ่นั้นมีปัญญาสั่งสอนศิษย์ได้แค่นี้เองเหรอ”
แผนกเล่นแร่แปรธาตุของเรานั้นเป็นรากฐานให้กับสำนักเต่าดำ เพียงเรื่องนี้ก็น่าจะมากพอที่ทำให้เจ้าไม่ควรจะมาลงมือที่นี่ แต่มาในวันนี้ดูเหมือนว่าพวกเจ้านั้นต้องการที่จะมาหาเรื่องสินะ พวกเจ้าต้องการอะไร
เหล่าศิษย์แห่งแผนกวิชายุทธพิเศษเองต้องการจะพูดตอบกลับไป แต่เป็นหลู่ฟางยกมือห้ามเอาไว้
“ผู้อาวุโสจ้าว ท่านไม่กล่าวหากันมากเกินไปรึไงกัน”
“การที่พวกเรานั้นมาที่นี่เพียงเพราะต้องการซื้อยาเท่านั้น แล้วพวกเราจะไปก่อปัญหาได้ยังไง”
“ข้าเพียงแค่ไม่คาดคิดว่าศิษย์น้องเฟิงแห่งแผนกเล่นแร่แปรธาตุจะคิดราคายาสูงเสียดฟ้า กับยาเปิดจุดลมปราณกับคิดราคาถึงหมื่นคะแนน”
“นี่ไม่ได้ต่างจากการปล้นกันเลยชัดๆ”
“ไม่เพียงเท่านั้น ข้าได้เตรียมชุดหลอมยาเปิดจุดลมปานนี้มาเองสามชุด”
“ก่อนหน้านี้ศิษย์คนอื่นเองเสียค่าใช้จ่ายเพียงสองสามร้อยแต้มคะแนนเท่านั้น”
“แล้วทำไมในครั้งนี้ศิษย์น้องเฟิงถึงกับเก็บเงินมากมายขนาดนี้กัน”
“ผู้อาวุโสจ้าวเองลองถามศิษย์คนอื่นก็ได้ ถ้าแผนกเล่นแร่ยังคงทำแบบนี้อยู่แล้วพวกเราจะเติบโตและแข็งแกร่งขึ้นได้เช่นไรกัน”
คำพูดของหลู่ฟางนั้นแม้จะจับในศิษย์คนอื่นก็จริง แต่เมื่อพวกเขาเหล่านั้นถูกจับจ้องโดยเฟิงไคเหลียง ทุกคนทำได้เพียงหุบปากของตนไว้เท่านั้น
ถึงแม้พวกเขานั้นจะไม่ชอบการกระทำของแผนกเล่นแร่แปรธาตุก็ตาม แต่นี่เป็นความขัดแย้งระหว่างแผนกวิชายุทธพิเศษและแผนกเล่นแร่แปรธาตุเท่านั้น สำหรับแผนกอื่นแล้วพวกเขาไม่ได้โดนกดขี่อะไรมากมาย นี่จึงทำให้ไม่มีใครกล้าที่จะเป็นศัตรูกับแผนกเล่นแร่ในตอนนี้ อย่างน้อยต้นเหตุระหว่างแผนกเล่นแร่แปรธาตุกับแผนกของตนนั้นต้องไม่ได้มาจากพวกเขา
ผู้อาวุโสจ้าวได้กวาดตามองไปรอบๆพร้อมกับพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ก่อนที่จะหันมามองหลู่ฟางและส่งสายตายั่วโมโหออกมา “หลู่ฟาง ข้าไม่เห็นว่าสถานการณ์จะเป็นไปตามที่เจ้าบอกเลยนี่นา ดูเหมือนว่าทุกคนเองก็ไม่ได้มีปัญหากับการกระทำของแผนกเล่นแร่แปรธาตุเลยไม่ใช่รึไงกัน”
หลู่ฟางและพวกได้มองไปรอบๆก็เห็นเหล่าศิษย์สำนักที่ทำได้เพียงเงียบปากเท่านั้น เมื่อเห็นฉากนี้ หลู่ฟางทำได้เพียงถอดถอนลมหายใจออกมาเท่านั้น
ศิษย์สำนักเหล่านี้นั้นทำได้เพียงห่วงในสวัสดิภาพของตัวเองเท่านั้น เพราะยังไงซะ แผนกเล่นแร่แปรธาตุคิดค่าใช้จ่ายแพงกว่าปกติกับเหล่าศิษย์แผนกวิชายุทธพิเศษเท่านั้น กับศิษย์แผนกอื่นแล้วพวกเขาคิดราคาตามปกติ
อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุนี้ความหวังที่จะได้ยาเปิดลมปราณของเขามานั้นคงต้องเป็นหมัน
หนึ่งหมื่นแต้มคะแนนเลยนะเฮ้ย
ยิ่งไปกว่านั้นคือต่อให้เขาสามารถหาหนึ่งหมื่นแต้มคะแนนมาจ่ายให้ได้ก็จริง แต่ถ้าเฟิงไคเหลียงตั้งใจจะปรุงยาเกรดต่ำให้เขา ยาที่ได้มาย่อมไม่คุ้มสุดๆ สำหรับเขาแล้วนั้นเม็ดยาเปิดจุดลมปราณนี้คือกุญแจสำคัญในการก้าวขึ้นไปสู่ระดับนายพลวิญญาณขั้นกลาง
“เหอะ ผู้อาวุโสจ้าว เจ้าเองก็เป็นถึงผู้อาวุโสของสำนักแล้ว เมื่อไหร่กันที่เจ้ามาสนใจกับเรื่องความขัดแย้งระหว่างแผนกของข้ากับแผนกเล่นแร่”
เป็นตอนนี้ที่ฮู่ต้าไฮ่ได้พุ่งมายืนอยู่ตรงหน้าและถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“อาจารย์ ทำไมท่านมาที่นี่ล่ะ”
เมื่อได้เห็นฮู่ต้าไฮ่แล้ว หลู่ฟางและพวกรีบทำการคารวะอย่างเคารพ
“ฮึ่ม มีคนใหญ่คนโตมารังแกศิษย์ของข้าแล้วจะให้ข้าในฐานะอาจารย์นิ่งดูเฉยๆได้ยังไง ไม่ต้องกังวลนะ หลู่ฟาง สำนักของเรานั้นย่อมไม่กลั่นแกล้งศิษย์ที่ดีอย่างแน่นอน”
ฮู่ต้าไฮ่พยายามปลอบใจหลู่ฟางก่อนที่จะหันไปหาจ้าวหยาง
เฉินเฉียงและกัวเหลียงที่พึ่งจะมาถึงนั้นเมื่อได้เห็นเหตุการณ์แล้ว กัวเหลียงกระซิบออกมาในทันที
“ศิษย์น้อง ดูเหมือนผู้อาวุโสจ้าวจะร่วมมือกับแผนกเล่นแร่เพื่อต่อกรกับพวกเรานะ”
“ผู้อาวุโสจ้าวเหรอ” เฉินเฉียงที่ได้ยินก็รีบมองเข้าไปยังคนที่กำลังเผชิญหน้ากันอยู่ในทันทีและถามออกมา “คนที่เป็นปู่ของจ้าวฮั่นนั่นอ่ะนะ”
กัวเหลียงพยักหน้ารับ “ต้องเป็นเพราะเจ้าล้มจ้าวฮั่นได้แน่ๆ ผู้อาวุโสจ้าวเองจึงเล่นแง่กับพวกเราอย่างนี้ ข้าว่าครั้งนี้ศิษย์พี่ใหญ่คงไม่ได้ยาที่ต้องการแน่ๆ”
“ศิษย์พี่ใหญ่มาที่นี่เพื่อหลอมยาเหรอ”
“ใช่ ศิษย์พี่ใหญ่ในตอนนี้นั้นได้เปิดจุดชีพจรลับได้สิบสองจุด และกำลังก้าวเข้าไปอยู่ในระดับการบ่มเพาะนายพลวิญญาณขั้นกลางแล้ว ตอนนี้เขานั้นต้องการใช้เม็ดยาเปิดจุดลมปราณเพื่อทะลวงข้ามไปขั้นต่อไปน่ะ”
เฉินเฉียงพยักหน้ารับก่อนที่จะเริ่มวางแผนขึ้นในใจ
“ฮี่ฮี่ฮี่ อาจารย์ฮู่นั้นดูเหมือนว่าจะพูดมาอย่างเข้าใจผิดนะ ในฐานะผู้อาวุโสของสำนักแล้ว ข้าก็แค่ตอบสนองในเรื่องนี้เพราะเป็นความขัดแย้งของลูกศิษย์เท่านั้น”
“ศิษย์แผนกวิชายุทธพิเศษเหล่านี้มายังแผนกเล่นแร่แปรธาตุเพราะต้องการให้หลอมยาให้ หากว่ายอมจ่ายค่าธรรมเนียมตามปกติละก็ข้าเองคงไม่ต้องออกหน้าออกมา”
“อย่างไรก็ตามหากว่ามีศิษย์สำนักต้องการบังคับศิษย์ของแผนกเล่นแร่แล้ว แน่นอนว่าข้าย่อมปล่อยไว้ไม่ได้”
“บังคับแผนกเล่นแร่เหรอ บังคับยังไงกัน หลู่ฟาง เจ้าไปบังคับพวกเขาอย่างนั้นรึ”
“เรียนท่านอาจารย์ พวกเรายังไม่ได้ทำสิ่งใดเลย พวกเรามาที่นี่เพียงเพื่อขอให้ศิษย์น้องเฟิงหลอมยาให้เท่านั้น”
“แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างนั้น ศิษย์น้องเฟิงกลับให้ศิษย์จ่ายค่าใช้จ่ายแต้มคะแนนหนึ่งหมื่นเพื่อการหลอมยานี้ ไม่อย่างนั้นศิษย์น้องจะไม่ยอมหลอมยาให้” “แต้มคะแนนหนึ่งหมื่นนี้ ศิษย์ไม่สามารถยอมรับได้จริงๆจึงต้องการความกระจ่างเท่านั้น”
“อะไรนะ หนึ่งหมื่นแต้มคะแนน เฟิงไคเหลียง เจ้าจะมากเกินไปแล้ว”
ฮู่ต้าไฮ่ได้ถามออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว
“อาจารย์ฮู่ นี่คือกฎของพวกเราแผนกเล่นแร่แปรธาตุ หากพวกท่านไม่จ่ายแต้มคะแนนนี้มา แน่นอนว่าทางข้าย่อมมีสิทธิปฏิเสธ”
เฟิงไคเหลียงได้ตอบกลับอย่างเย็นชาก่อนที่จะหันหลังกลับไป
“ไอ้แก่ฉี ไอ้แก่ระยำ ออกมาเดี๋ยวนี้”
ฮู่ต้าไฮ่นั้นไม่ต้องการจะเล่นงานลูกศิษย์สำนักให้เสียเกียรติ เขาจึงได้เงยหน้าขึ้นฟ้าและคำรามอย่างดังลั่น เสียงของเขานั้นทำให้ทั้งแผนกของแผนกเล่นแร่แปรธาตุต้องสั่นสะเทือน