บทที่1 นี่หรือแม่แท้ๆ
“ตี๊ดตี๊ด……ตี๊ด……”
“พลังงานของระบบต่ำเกินไป เกิดความเสียหายรุนแรง เข้าสู่โหมดพักผ่อน”
“ตี๊ดๆๆๆๆๆ……”
……
เสียงเครื่องกลดังอยู่ในหัวไม่หยุด ยุ่งเหยิงไปหมด ฉินจิ่นยังไม่ทันได้ฟื้น ก็ได้ยินผู้หญิงคนนึงตะโกนเสียงดัง อย่างกับเป็ดที่ถูกบีบคอ “ตายแล้ว ตายแล้ว มีคนกระโดดแม่น้ำ”
คนกลุ่มหนึ่งกรูกันเข้ามา พากันวิจารณ์หญิงสาวที่ตัวเปียกอยู่บนพื้น จู่ๆก็มีหญิงชาวนาที่มีอายุ พุ่งออกมาจากฝูงชน แล้วก็พุ่งเข้าไปบนร่างของฉินจิ่นทันที คว้าไปที่แขนของเธอและเขย่าเธอสุดชีวิต ร้องไห้อ้อนวอนต่อฟ้าดิน “โธ่! ทำไมชีวิตข้าถึงได้มีเวรมีกรรมเช่นนี้ ทำไมลูกสาวที่ข้าเลี้ยงให้เติบโตมาอย่างดิบดีถึงต้องมาตายไป แล้วครอบครัวของเราจะอยู่กันอย่างไร”
ฟังแล้วความสัมพันธ์แม่ลูกนั้นแน่นแฟ้นเหลือเกิน
ฉินจิ่นโดนเขย่าตัวจนเวียนหัว ไอออกมาสองสามครั้งตามด้วยสำลักน้ำในแม่น้ำออกมา รู้สึกเพียงแค่ว่าถูกเขย่าจนอาหารที่ตัวเองทานไปเมื่อคืนนั้นออกมาเกือบหมดแล้ว
“ป้าคะ ป้าคือใครเหรอคะ”
มองดูชาวบ้านกลุ่มหนึ่งที่แต่งกายเหมือนคนสมัยก่อน ฉินจิ่นรู้สึกงงเล็กน้อย เธอในศตวรรษที่21นั้นเป็นหมอคนหนึ่ง ที่เพิ่งผ่าตัดเสร็จและกำลังขับรถกลับบ้าน ได้พุ่งไปชนเข้ากับรถบรรทุกขนาดใหญ่ เธอคิดว่าตัวเองตายไปแล้ว ไม่คิดว่าแค่แป๊บเดียวก็ได้มาอยู่ในที่ที่น่าแปลกนี่แล้ว
ทะลุมิติเหรอ นี่มันเว่อร์เกินไปรึเปล่า
พอนางฉินเห็นว่าฉินจิ่นฟื้นแล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที จากนั้นบิดไปที่หูของเธออย่างโหดเหี้ยม
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าคนตอแหลอย่างเจ้าน่ะต้องแกล้งตาย ยังกล้ารนหาที่ตายอีก วันนี้ข้าจะมัดเจ้ากลับไปที่ตระกูลเว่ยให้ได้ ฉินยิงเอาเชือกมา!”
ข้างๆนางฉินมีเด็กสาวอายุประมาณสิบขวบอยู่คนนึง ฟังคำพูดของนางฉินมองซ้ายมองขวา ข้างๆก็ไม่มีอะไรที่ดูเหมาะ จะถอดเข็มขัดของตัวเอง แต่นั่นก็เพิ่งจะซื้อมาใหม่ ทำใจไม่ได้ นิ้วมือหยุดไปที่เอวแล้วก็ลังเล
“เจ้าก็อยากจะยั่วโมโหข้าอีกคนใช่ไหม เจ้าจับมันไว้ให้ข้า ข้าจัดการเอง”
ฉินยิงโดนบิดไปหนึ่งที เจ็บจนคอหด รีบจับฉินจิ่นไว้ “พี่สาว ที่ท่านแม่ทำก็เพื่อเจ้า เจ้าเชื่อฟังท่านแม่แล้วแต่งงานเถอะ ถึงจะแต่งกับใคร ยังไงเจ้าก็ต้องแต่งอยู่ดี”
ความทรงจำเป็นช่วงๆผ่านเข้ามาในหัว ฉินจิ่นพอจะเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
ตระกูลฉินฐานะยากจน ปีที่แล้วลูกชายคนโตจะแต่งงานแต่ไม่มีเงินสินสอด ตระกูลฉินเลยขายนางให้กับตระกูลเว่ย เพื่อที่จะแลกกับเบี้ยสองตำลึง เว่ยเหยียนปิน ลูกชายคนโตตระกูลเว่ยนั้นร่างกายอ่อนแอขี้โรค อายุ27แล้วยังหาภรรยาไม่ได้ ตอนแรกนางจะแต่งงานไปเพื่อความเป็นมงคล แต่ใครจะรู้ว่าชายโสดนี่ทั้งดีใจทั้งตื่นเต้น นางยังไม่ทันได้แต่งเข้าตระกูลเว่ยก็ชายหนุ่มก็ชิงตายก่อนแล้ว
ถ้าพูดจากมุมมองการแพทย์สมัยนี้ นี่น่าจะเป็นอาการเลือดออกในสมองบวกกับอาการหัวใจวายเฉียบพลัน
ตอนแรกคิดว่าถ้าตัวนางไปถึงตระกูลเว่ยแล้ว ตระกูลเว่ยก็จะจ่ายเงินเลย ตอนนี้เว่ยเหยียนปินดันตายไปแล้ว ตระกูลเว่ยเลยไม่อยากจะเสียเงิน ตระกูลฉินก็ไม่ยินยอมรับภาระเลี้ยงดูอีกต่อไป จึงไม่ให้นางกลับบ้าน นางเลยอยู่ที่บ้านตระกูลเว่ยมาปีนึง ส่วนเรื่องงานแต่งของลูกชายคนโตตระกูลฉินนั้น เนื่องจากไม่มีปัญญาจ่ายค่าสินสอด เลยต้องเลื่อนออกไปอีกปีนึง
ดูแล้วต่อไปฝ่ายหญิงก็คงจะยกเลิกงานแต่งแน่ๆ นางฉินเลยคิดออกอยู่ทางนึง ก็คือให้นางแต่งงานกับเว่ยเหยียนถิงลูกชายคนรองที่หน้าเสียโฉมของตระกูลเว่ย ใครจะรู้ว่าพอแต่งงานเสร็จ นางก็ได้หนีออกมา นางฉินกลัวว่าเงินนั้นจะเป็นโมฆะอีก จึงได้พาคนออกไปตามหาทันที
ร่างเดิมนั้นทนกับชีวิตไม่ไหวจนกระโดดแม่น้ำฆ่าตัวตาย เลยทำให้เกิดฉากนี้ขึ้นพอดี
นางฉินหาเชือกไม่เจอเลยดึงต้นกกที่อยู่ริมแม่น้ำ บิดรวมกันจนมีลักษณะเหมือนเชือก เตรียมจะมัดฉินจิ่น โดยที่ไม่รู้ว่าฉินจิ่นนั้นไม่ใช่ฉินจิ่นคนเดิมแล้ว
“ท่านแม่ ท่านแม่ไม่ต้องมัดข้า ข้าจะกลับไปกับท่านแม่อยู่แล้ว เมื่อครู่ข้าเกือบตาย ในใจท่านแม่มีแต่เงินรึ ไม่มีความรู้สึกของความเป็นแม่ลูกเลยรึ”
“เจ้าหยุดพูดไร้สาระกับข้าเดี๋ยวนี้นะ น้ำหน้าอย่างเจ้าขายออกได้ก็ดีแค่ไหนแล้ว ไม่ดูสภาพตัวเองเลยสักนิด ยังดีที่ตระกูลเว่ยรับเจ้าไว้ ไม่งั้นถึงเจ้าจะไปขอทานอดตายอยู่บนถนนก็ไม่มีใครสนใจเจ้าหรอก”
“ใช่แล้ว พี่สาว คนอื่นๆไม่น้อยเห็นเจ้ากลับบ้านมาด้วยเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ท่านพ่อและท่านแม่ก็ขายหน้าจะแย่อยู่แล้ว กว่าจะหาคนระดับนี้ให้เจ้าได้มันไม่ง่ายเลยนะ ถ้าข้าเป็นเจ้า ข้าคงยอมแต่งงานโดยดี ให้ท่านพ่อกับท่านแม่ได้เบาใจลงบ้าง”
ตอนแรกฉินจิ่นได้ทะเลาะตบตีกับคนโดยไม่รู้สาเหตุที่หน้าหมู่บ้านมาก่อน พอกลับถึงบ้านผมเผ้าก็ยุ่งเหยิงและเสื้อผ้าก็ขาดหลุดลุ่ยไปหมด ระหว่างทางจึงเจอกับคำวิจารณ์ของชาวบ้านไม่น้อย
นางฉินที่คิดแต่จะขายลูกสาวแล้วได้ราคาดีนั้นโมโหสุดขีด ไม่ได้สนใจแผลบนตัวนาง เอาแต่เฆี่ยนตีนาง จากนั้นราคาค่าตัวหญิงสาวจึงถูกลดเป็นราคาสองตำลึง
ความจริงก่อนจะขายให้กับตระกูลเว่ยนั้นนางได้ทำการขายลูกสาวไปแล้วถึงหกครั้ง แต่ไม่รู้ว่าเป็นอาถรรพ์อะไร คนที่นางต้องแต่งงานด้วยต่างก็ต้องมีเหตุต้องตายก่อนที่จะได้เป็นสามี รวมถึงลูกชายคนโตของตระกูลเว่ยด้วย รวมแล้วก็ตายไปทั้งหมดเจ็ดคน
หน้าตาของฉินจิ่นขึ้นชื่อว่าสวยในหมู่บ้าน ถ้าไม่มีเรื่องบ้านั่น สินสอดของนางก็คงจะได้มากกว่ายี่สิบตำลึงซะอีก ไม่แน่บางทีอาจจะได้แต่งงานกับคนใหญ่คนโตในเมือง เทศกาลปีใหม่ก็ยังเอาเนื้อกลับมาที่บ้านได้ด้วย แต่ตอนนี้ทำเอาผู้คนที่อยู่ทั้งใกล้ทั้งไกลนั้นรู้เรื่องกันหมด แน่นอนว่าไม่มีใครกล้ารับนางเข้าตระกูลง่ายๆอยู่แล้ว นางฉินนึกถึงเรื่องนี้แล้วคับแค้นใจมาก เหมือนว่าตัวเองนั้นขาดทุนไปหลายพันตำลึงเลยทีเดียว
นางฉินจะมัดฉินจิ่น แต่กลับโดนฉินจิ่นผลักออก นางฉินเซไปหลายก้าว ก้นใหญ่ๆนั้นถอยหลังไป ล้มลงทีนึงจนร้องเสียงเหมือนหมู แล้วก็เอ่ยปากด่าอยู่บนพื้น
“นังสารเลว เจ้ากล้าตีแม่เจ้ารึ ข้าไม่น่าคลอดเจ้ามาตั้งแต่แรกเลย ตอนแรกคิดจะให้เจ้าแต่งเข้าตระกูลเว่ย เจ้าจะได้เอาเงินกลับมาช่วยค่าใช้จ่ายที่บ้านได้ทุกเดือน แต่นี่หนึ่งปีแล้ว พี่ชายเจ้ายังไม่ได้แต่งเมียกลับมาเลย เจ้าคิดจะทำให้ข้าเป็นบ้าตายแต่แรกอยู่แล้วใช่ไหม”
นางฉินเตะขาไปมั่วอยู่บนพื้น ฉินยิงรีบไปพยุงนาง “พี่สาว เจ้าดูสิว่าเจ้าทำให้ท่านแม่โมโหจนเป็นแบบนี้ไป เจ้ายังไม่รีบขอโทษท่านแม่อีก”
คนที่อยู่รอบๆพากันวิจารณ์อย่างหนักหน่วง เพราะเรื่องอกตัญญูนั้นถือเป็นเรื่องใหญ่
ฉินจิ่นลุกขึ้นมาจากพื้น เสื้อผ้าที่เปียกๆแนบอยู่บนตัวที่สั่นของนาง ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อท่าทีของนาง
“ท่านแม่ ข้าก็เป็นลูกสาวของท่านเหมือนกัน ท่านด่าข้าแบบนี้ก็ได้รึเจ้าคะ พี่ชายจะแต่งงานท่านก็ช่วยอย่างเต็มที่ ท่านแม่ก็คลอดข้าและเขามาเหมือนกัน ทำไมถึงเลี้ยงดูไม่เหมือนกันละเจ้าคะ” นางพูดอย่างสิ้นหวัง อารมณ์อดีตของร่างเดิมนั้นมีกระทบถึงนางเช่นกัน
เดือนนี้ที่อยู่บ้านตระกูลเว่ย นางก็ขโมยของส่งให้ที่บ้านไม่น้อย
ในเมื่อเป็นครอบครัวเดียวกัน ถ้าพวกเขาเกรงใจตัวเองหน่อยก็คงดี แต่ถ้ายังไร้เยื่อใยแบบนั้น นางก็จะไม่เกรงใจแล้วเหมือนกัน
“ลูกสาวที่อกตัญญูอย่างเจ้า! ข้าจะถือว่าข้าไม่ได้คลอดเจ้ามา ตั้งแต่วันนี้เจ้าก็ไม่ต้องกลับมาเหยียบบ้านของข้าอีก!”
ตอนแรกนางฉินคิดว่าฉินจิ่นจะร้องไห้อ้อนวอน ใครจะรู้ว่าพอฟังแล้วนางจะพูดคำเดียวว่า “ได้”
นางฉินอึ้งไปสักพัก แล้วก็ตื่นตระหนกขึ้น จะไม่เอาลูกสาวก็ได้ แต่เงินนั้นจะช่างมันไม่ได้ พอนางฉินคิดวางแผนแล้ว ก็รีบเกาะฉินยิงลุกขึ้น
“คิดจะไป มันก็คงไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก ตลอดเวลาหลายปีข้าก็ไม่ได้เลี้ยงเจ้ามาฟรีๆ ถ้าไม่ได้สักสิบตำลึงข้าก็จะไม่หยุดแน่”
“ได้ สิบตำลึงก็สิบตำลึง ห้าวันหลังจากนี้ท่านมาเอาเงินไปได้เลย” ได้สองตำลึงจากตระกูลเว่ยยังไม่พออีก ยังอยากจะรีดไถจากเธออีกสิบตำลึงอีก แต่ถ้าใช้กำจัดญาติพี่น้องที่วิปริตแบบนี้ได้ก็ถือว่าคุ้มค่าดี
รอบๆมีชาวบ้านมากมายดูอยู่ นางฉินกลัวว่านางจะเบี้ยว เลยจับมือนางเขียนเป็นลายลักษณ์อักษร พอทำเสร็จ ก็พาฉินยิงกลับไปอย่างพึงพอใจ
“ท่านแม่ ท่านแม่ว่ามันจะเอาเงินสิบตำลึงมาได้ภายในห้าวันจริงๆรึ”แค่ตำลึงเดียวนั้นก็เป็นรายได้ทั้งปีของครอบครัวธรรมดาทั่วไปเชียวนะ สิบตำลึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย ตั้งแต่เกิดมาฉินยิงยังไม่เคยได้เห็นเงินเยอะเท่านี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ
“ช่างมันปะไร ยังไงก็มีหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรแผ่นนี้แล้ว ถ้ามันไม่มีเงิน เราก็ค่อยเอาจากตระกูลเว่ย ถึงยังไงตอนนี้มันก็เป็นลูกสะใภ้ของตระกูลเว่ยแล้ว ว่าแล้วก็ยังมีที่นาอีกแปลงนึงกับวัวตัวนึงด้วยหนิ” นางฉิน เก็บหลักฐานเอาไว้ ราวกับว่าทั้งที่นาทั้งวัวนั้นต้องตกเป็นของนางยังไงอย่างงั้น