px

เรื่อง : สาวนาตัวน้อยกับระบบแพทย์
บทที่2 หรือต้องผลิตเครื่องจ่ายไฟ


บทที่2 หรือต้องผลิตเครื่องจ่ายไฟ

ระหว่างที่ฉินจิ่นกลับบ้าน ก็ได้เก็บสมุนไพรบนเขาระหว่างทางมาด้วยเล็กน้อย
บ้านหลังดังกล่าวนั้นสร้างอยู่บนไหล่เขา เป็นบ้านไม้หลังเล็กๆ ที่สั่นคลอน ร่างเดิมนั้นไม่ชอบคนในตระกูลเว่ย และไม่ยอมอาศัยอยู่กับพ่อแม่ตระกูลเว่ย เพื่อที่จะให้ครอบครัวสงบสุข เว่ยเหยียนถิงเลยทำได้เพียงพาภรรยาย้ายออกมาอยู่ข้างนอกกันเอง

สภาพบ้านเก่าและซอมซ่อ ทั้งสี่ด้านนั้นเป็นผนังดิน ประตูบ้านทรุดโทรม
ฉินจิ่นยืนอยู่นอกประตู คนเดียวท่ามกลางสายลม แต่นี่มันผุพังเกินไปรึเปล่า
นางผลักประตูเข้าไป ในบ้านนั้นมืดสนิททั้งๆ ที่เป็นตอนกลางวัน ดูท่าแล้วเหมือนไม่อยากจุดไฟ นางจับๆ คลำๆ ไปถึงที่โต๊ะ ยังไม่ทันได้จับตะเกียงน้ำมัน เท้าก็ไปเตะโดนอะไรบางอย่างซะก่อน

“ใคร ใครอยู่ตรงนั้นน่ะ”
นางรีบจุดไฟให้สว่าง คว้าเจ้าจิ๋วออกมาจากใต้โต๊ะ ร่างน้อยร้องเรียก “พี่สาว”
ปรากฏว่าคือเสี่ยวซี

เสี่ยวซีคือเด็กที่ถูกตระกูลฉินเก็บมาเลี้ยง ตอนแรกคิดว่าถ้าลูกชายคนโตหาเมียไม่ได้ก็จะให้เอาเขามาเป็นลูก แต่หลังๆ มาได้มีการตกลงเรื่องงานแต่งกัน แน่นอนว่าเขาก็ไม่มีประโยชน์อีกต่อไป ตระกูลฉินเอาเขาไปทิ้งตั้งสามครั้ง แต่เด็กตัวเล็กๆ คนนี้ก็หาทางกลับบ้านเจอทุกครั้ง ตระกูลฉินรำคาญ เลยส่งเขาไปที่บ้านตระกูลเว่ย ให้ฉินจิ่นดูแล อาศัยกินข้าวของบ้านตระกูลเว่ย

จริงๆ แล้วตระกูลเว่ยก็ถือว่าเมตตาต่อร่างเดิมสุดๆ ลูกชายคนโตตระกูลเว่ยตายไปแล้ว ตระกูลฉินไม่ยอมรับฉินจิ่นคนเดิมกลับตระกูล ตระกูลเว่ยก็ให้อยู่ตั้งหนึ่งปี แล้วก็ยังมีตัวภาระนี้ติดมาด้วย
ฉินจิ่นใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาบนหน้าเขาให้แห้ง “ไม่ร้องแล้วนะ พี่ก็ยังอยู่ดีอยู่นี่ไง เจ้าเป็นผู้ชาย ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นเจ้าต้องเข้มแข็งนะ รู้ไหม”

เสี่ยวซีเช็ดน้ำตา ยกมือแล้วลูบไปบนหน้า น้ำมูกและน้ำตาถูกลูบออกจากใบหน้าทันที
เด็กคนนี้อ่อนไหวเชื่อฟังมากๆ ทำให้คนต่างพากันเอ็นดูสุดๆ
“เจ้าหิวแล้วใช่ไหม เดี๋ยวพี่หาอะไรให้กินนะ”
ฉินจิ่นค้นและหาทั่วบ้านไปรอบนึง หาจนหมดทุกที่ในบ้านแต่ค้นเจอแค่มันเทศสองหัว แม้แต่ข้าวเม็ดนึงก็ไม่มี นางทำได้แค่เอามันเทศสองหัวลงไปนึ่งในหม้อ ยังดีที่ในบ้านยังมีฟืนแล้วก็น้ำอยู่

เสี่ยวซีมองดูมันเทศที่มีไอร้อนปุดๆ ที่อยู่ตรงหน้า เพียงคิดจะยื่นมือออกมารับมันเทศ แต่แล้วก็เก็บมือกลับไป “พี่สาวกินก่อนเลยขอรับ”
เป็นเด็กที่รู้เรื่องจริงๆ นางลูบไปที่หัวของเขา เอามันเทศหัวนึงส่งไปในมือของเขา แล้วตัวเองก็หยิบมาหัวนึง “เอาล่ะ เรามากินด้วยกันเถอะ”
เสี่ยวซีกินอย่างตะกละมูมมาม ดูท่าทางจะหิวมานานมากแล้ว

พอกินอิ่มแล้ว ฉินจิ่นก็จับไปที่เสื้อบางๆ บนตัวเขา จากนั้นนางก็ไปค้นเอาเสื้อของตัวเองออกมาตัวนึง ตัดแล้วให้เขาใช้เป็นเสื้อกันหนาว ดีที่เด็กนั้นตัวเล็ก เสื้อตัวนึงนั้นพอนำมาตัดแล้วก็ยังเหลือเศษผ้าอยู่
เสี่ยวซีเห็นว่าจู่ๆ นางก็ตัดเสื้อผ้า เลยตกใจ นึกว่าสมองของนางกระทบกระเทือนมีปัญหา พอเห็นว่านางทำเสื้อให้ตัวเอง ก็ยิ่งรู้สึกเหลือเชื่อ “พี่สาว ให้ข้าจริงๆ รึ”

“แน่นอนสิ เจ้ารีบลองใส่ฝีมือของข้าดูเร็ว” ยังดีที่นางใช้ด้ายใช้เข็มเย็บผ้าเป็นอยู่บ้าง จริงๆ แล้วเย็บแผลให้คนไข้กับเย็บผ้าก็คล้ายๆ กัน โอเค……ดูเหมือนจะไม่คล้าย ถึงจะทำออกมาดูแปลกๆ หน่อย แต่พอเห็นท่าทางที่สวมใส่อย่างดีใจของเสี่ยวซีแล้ว ในใจก็รู้สึกชื่นใจหน่อยๆ
“พี่สาว พี่ดูไม่เหมือนเมื่อก่อนเลยนะ เมื่อก่อนพี่จะทำเสื้อใหม่ให้แต่ตัวเอง”
“แบบนี้ไม่ดีรึไง ต่อไปถ้าทำงานได้เงินแล้ว ก็จะซื้อเสื้อผ้าให้เจ้าเยอะๆ ด้วย รอเจ้าโตก็จะหาเมียให้เจ้าอีกด้วย”
ทำเอาเด็กชายที่อายุแปดขวบอดหน้าแดงไม่ได้ “ข้าไม่เอาเสื้อใหม่ เอาแค่เสื้อที่พี่สาวไม่ใช้ก็พอแล้วล่ะ”
เขาพูดอย่างระมัดระวัง ฟังแล้วทำให้คนรู้สึกเศร้าได้อีก อดไม่ได้ที่จะกอดเขาเข้ามาในอ้อมแขน “เจ้าวางใจเถิด ต่อไปจะไม่มีอีกแล้ว”

ถึงแม้นางจะแต่งงานแล้ว แต่จริงๆ แล้วก็อายุเพียงสิบสามปี
อายุแค่นี้ก็ต้องเป็นภรรยาแล้ว ทำให้รู้สึกโมโหจริงๆ มีบางที่ที่ยังไม่ได้เติบโตอย่างเต็มที่เลยด้วยซ้ำ
พูดถึงหาเงิน นางนึกขึ้นได้ถึงวัตถุดิบยาที่นางเอามา อาศัยตอนที่ฟ้ายังไม่มืดนั้น ก็เริ่มลงมือทันที สับ บด ต้ม สุดท้ายก็ได้เป็นยาใส่ไปในโถ การกระทำแบบนี้นางทำได้อย่างเชี่ยวชาญและชำนาญ ไม่มีสากหิน ก็ใช้ก้อนหินแทน แต่ในบ้านนั้นไม่มีภาชนะเหลือสำหรับเก็บเลยสักนิด หาเจอแค่โถดื่มน้ำสองโถ เลยทำได้แค่สองโถไปก่อน
พรุ่งนี้นางจะเอายาสองขวดนี้ไปในเมือง ดูว่าจะแลกเงินได้เท่าไหร่กันแน่ ถ้าขายได้ดีนางก็จะทำเพิ่มอีกหลายๆ ขวด

พอเก็บวัตถุดิบยาที่เหลือเสร็จแล้ว ก็ลากเสี่ยวซีที่อึ้งอยู่นั้นขึ้นเตียงแล้วเข้านอน ที่เหลือนั้นพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน
ก่อนนอนเสียงระบบก็ดังตี๊ดๆ ขึ้นอีก
“พลังงานของระบบต่ำเกินไป เริ่มเข้าสู่โหมดพักผ่อน กรุณาชาร์จแบตเตอรี่ในทันที กรุณาชาร์จแบตเตอรี่ในทันที……”
ชาร์จแบตเหรอ จะชาร์จยังไงล่ะ จะให้นางผลิตเครื่องจ่ายไฟในยุคสมัยโบราณรึไงกัน
ชาติที่แล้วนางเข้าร่วมโครงการวิจัยระดับสูงโครงการหนึ่ง ทำให้ได้รับระบบนึงมา ระบบนี้เชื่อมต่อกับคลังยาของนาง ยิ่งไปกว่านั้นคือสามารถสร้างใบสั่งยาอัตโนมัติเพื่อให้นางได้ค้นหาข้อมูลอ้างอิง แล้วก็ไม่รู้ว่าพอมาถึงยุคสมัยโบราณแล้วระบบยังจะสามารถใช้ได้อยู่รึเปล่า ดูทีท่าแล้วคงต้องชาร์จแบตเตอรี่ก่อนถึงจะรู้ได้
แต่ก่อนที่จะรู้น่ะ จะชาร์จแบตยังไงล่ะ
ฉินจิ่นขี้เกียจจะคิดต่อแล้ว ตอนนี้การจัดการปัญหาเรื่องกินอิ่มนอนอุ่นนั้นสำคัญกับนางมากกว่า

นอนถึงเที่ยงคืน ก็มีสายลมเย็นพัดโชยมา นางกอดผ้าแน่นโดยไม่รู้ตัว แล้วก็รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ เหมือนมีใครแอบเข้ามาในห้อง รู้สึกว่าฝีเท้านั้นใกล้เข้ามา เดินมาข้างเตียงทีละก้าว
ฉินจิ่นแอบยื่นมือคว้าเชิงเทียนที่อยู่บนหัวเตียง มุ่งไปที่เงาดำแล้วปาออกไป
แต่ข้อมือกลับถูกมือหนาใหญ่ที่แรงเยอะจับมือไว้แน่นทันที
“อาจิ่น ข้าเอง” เสียงของชายหนุ่มที่น่าดึงดูดส่งมาที่ข้างหู นางเงยหน้าขึ้นแล้วตกใจไปที แล้วหน้าผีก็ได้ปรากฏขึ้นในสายตาของนาง
ใบหน้าที่ถูกพันเป็นกากบาทด้วยผ้าพันแผลสีขาว เผยให้เห็นเพียงแค่ดวงตาคู่เดียว ในตอนกลางคืนนั้นยิ่งทำให้น่ากลัวเข้าไปใหญ่

เว่ยเหยียนถิงกลับมากลางดึก มาพร้อมกับพายุหิมะ
นางเกือบจะลืมแล้ว ว่าตัวเองนั้นยังมีสามีที่ได้มาง่ายๆ อีกด้วย
เชิงเทียนสว่างขึ้น เขาถอดหมวกงอบและเสื้อกันฝนออก ปัดหิมะด้านบน มองดูฉินจิ่นที่กำลังมองเขาอยู่ เว่ยเหยียนถิงเลยรู้สึกประหม่า
“ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เจ้าตกใจนะ ได้ยินว่าเจ้าเกิดเรื่อง ข้าเลยไปหาเจ้า แต่แม่ของเจ้าบอกว่าเจ้ากลับมาแล้ว ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว เจ้าพักผ่อนก่อนเถิด เดี๋ยวข้าไปนอนข้างนอกเอง”
“เปล่า เปล่า ข้าไม่ได้กลัว ท่านอย่าสนใจเลย” ด้วยสัญชาตญาณของแพทย์แล้ว พอเห็นแผลก็อดไม่ได้ที่จะมองไปหลายที “ให้ข้าดูแผลบนหน้าของท่านหน่อยได้รึไม่”

“เจ้าจะดูไปทำไมกัน” สายตาของเว่ยเหยียนถิงนั้นมีความระแวงเกิดขึ้น คนรอบตัวต่างพากันหนีเขา ขนาดเด็กในหมู่บ้านยังถูกเขาทำให้ตกใจร้องไห้อีกด้วย เมื่อก่อนฉินจิ่นนั้นไม่ยอมแม้แต่จะมองหน้าของเขา ทำไมจู่ๆ วันนี้ถึงอยากจะดูแผลของเขากันล่ะ
“ท่านอย่าเข้าใจผิดนะ เพียงแค่ข้าได้ทำยารักษาแผลภายนอกไว้เมื่อครู่นี้น่ะ อยากให้ท่านได้ลองดู”
เมื่อสักครู่พอเขาเข้าไปในห้องก็ได้กลิ่นยาแล้ว กำลังคิดแปลกใจพอดี
ฉินจิ่นลากเขาให้นั่งลง เอายาที่เหลือที่ไม่ได้บรรจุลงในขวด แกะผ้าพันแผลบนหน้าของเขาออก ใช้นิ้วมือป้าย แล้วทาขึ้นไปอย่างระมัดระวัง
ตอนแรกเว่ยเหยียนถิงนั้นต่อต้านสุดขีด แต่ก็ค่อยๆ เริ่มเชื่อฟัง

เขามองดูหญิงสาวที่อยู่ไม่ไกลอย่างน่าทึ่ง มองดูแก้มแดงๆ และริมฝีปากที่อวบอิ่มของนาง แล้วก็ยังมีนิ้วมือที่เรียวยาวนั้น วันนี้นางดูไม่ค่อยเหมือนวันปกติทั่วไป

 

รีวิวผู้อ่าน