บทที่ 8 งานฝีมือ
เว่ยเหยียนถิงลำบากใจ พ่อบ้านจางนั้นเรียกเขาไปคนเดียว ถ้าพาญาติพี่น้องไปด้วยเกรงว่าจะไม่ดี คนอื่นเขาก็ยังไม่ได้ตอบตกลงด้วย
จางเหมาเห็นว่าเขาขยันอดทนแล้วก็มีความกระตือรือร้น เลยให้งานนี้กับเขา
เห็นชายหนุ่มของตัวเองซื่อสัตย์เกินไป ฉินจิ่นเลยแนะนำว่า “ท่านพี่ก็ลองพาน้องสี่ไปดูสิเจ้าค่ะ ได้ไม่ได้ก็ขึ้นอยู่กับพ่อบ้านจาง ถ้าไม่ได้ก็ให้เขากลับมา ก็ไม่ได้เสียหายอะไร”
เว่ยเหยียนถิงก็เชื่อคำพูดภรรยา ถึงได้ตกลงว่าถ้าถึงเวลาจะพาเว่ยเหยียนซิ่นไปด้วยกัน
บนทางกลับนั้นมีหิมะลอยอยู่ในอากาศ ป่าไม้ท่ามกลางหิมะเงียบสงบเป็นพิเศษ มีแค่ฝีเท้าของคนสองคน บางทีก็มีกิ่งไม้ที่โดนหิมะทับจนหัก เกิดเสียงดังแคร่กขึ้น
การได้กินเนื้อแพะตุ๋นในวันเหมายัน นั่นคือความเคยชินก่อนนางจะข้ามภพ
น่องแพะที่ล้างสะอาดและหั่นเป็นชิ้น ตุ๋นลงในหม้อพร้อมกับหัวไชเท้า ต้องใช้เวลาประมาณชั่วโมงนึง แล้วซุปเนื้อแพะหอมกรุ่นก็ออกจากหม้อ
เสี่ยวซีที่อยู่อีกฝั่งก็น้ำลายไหล เพิ่งจะออกจากหม้อร้อนๆ ฉินจิ่นก็ตักให้เขาเต็มถ้วย
“โทษทีนะ วันนี้ในตลาดไม่มีลูกอม เอาไว้ครั้งหน้าพี่ค่อยชดเชยให้เจ้านะ”
การที่ไม่สามารถทำตามที่ตกลงกับเด็กได้นั้น บางทีอาจจะเป็นบทเรียนที่ไม่ดีต่อเด็ก
“ไม่เป็นไรขอรับ พี่สาวเอาเนื้อกลับมา ข้าก็ดีใจมากแล้วล่ะ”
“เด็กดี รีบกินเถอะ”
นางลูบไปที่หัวของเขา ช่างเป็นเด็กที่รู้เรื่องจริงๆ
กินอิ่มกันทั้งครอบครัว และก่อนจะเข้านอนนั้นหิมะก็หยุดตกแล้ว ฉินจิ่นกำลังเก็บถ้วยเก็บจาน เว่ยเหยียนถิงจะช่วยแต่นางไม่ยอม วันนี้กินเยอะไปหน่อย กินแล้วไม่ขยับเนื้อขยับตัวสักหน่อย รู้สึกไม่ค่อยสบายท้อง เกรงว่าจะกระทบกับการนอน
เว่ยเหยียนถิงนั่งมองนางอยู่อีกฝั่ง ถึงจะสวมเสื้อผ้าที่หนาๆ ก็ยังพรางทรวดทรงได้ยาก มองดูมือที่ขาวเนียนของนาง ชายผู้กระปรี้กระเปร่าก็มีความคิดโผล่ขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย
ฉินจิ่นกำลังล้างจาน แล้วเขาก็โอบกอดนางจากด้านหลัง
“อาจิ่น” นี่เป็นเสียงน่าดึงดูดที่ซ่อนความอยากเอาไว้ นางหน้าแดงขึ้น รู้ว่าเขาอยากจะทำเรื่องนั้นอีกแล้ว
ต้องโทษสมัยก่อนที่น่าเบื่อมากจริงๆ พอทานอาหารเย็นเสร็จก็ไม่มีกิจกรรมอื่นต่อ สามีภรรยาปกติทั่วไปก็ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน แต่นี่ยังไม่ถึงเวลาจริงๆ
“ท่านพี่ถิง เมื่อวานข้าบอกกับพี่แล้วไม่ใช่รึ ว่าตอนนี้น่ะยังไม่ได้”
“ข้ารู้” เขาโอบเอวนางอยู่เหมือนเดิม เอาคางเกยไปที่ไหล่ของนาง “กอดเจ้าแบบนี้ก็พอแล้ว”
ความปรารถนาที่ง่ายๆ แบบนี้ทำให้คนไม่กล้าที่จะปฏิเสธ ถึงแม้จะอึดอัดหน่อยๆ แต่นางก็ยังให้เขากอดจนทำงานบ้านเสร็จ ยังดีที่เสี่ยวซีหลับไปแล้ว ไม่งั้นถ้าเขาได้มาเห็นฉากนี้ล่ะก็ ต้องประหม่ามากแน่ๆ
เพื่อไม่ให้กระตุ้นเว่ยเหยียนถิง ฉินจิ่นให้เขาไปนอนที่เตียงเล็ก
ถึงแม้ชายผู้ซื่อสัตย์คนนี้จะทำหน้าตาหดหู่ แต่ก็เชื่อฟังคำพูดของภรรยา
เหลือเวลาอีกสิบวันก่อนจะถึงวันส่งท้ายปีเก่า ฉินจิ่นได้พาเสี่ยวซีและเว่ยเหยียนถิงกลับไปอยู่บ้านแม่สามี ถึงแม้ว่าการอยู่สามคนจะเป็นอิสระ แต่นางก็มีแผนการของตัวเอง
“อาจวน เจ้าสามารถช่วยอะไรข้าหน่อยได้หรือไม่”
“ช่วยอะไรหรือเจ้าค่ะ”
ถึงแม้ว่าพี่สะใภ้รองจะดีแล้ว แต่เว่ยจวนก็รู้สึกไม่ชินที่เรียกตัวเองแบบนี้
“ได้ยินมาว่าฝีมือเย็บปักถักร้อยของเจ้านั้นใช้ได้ ข้าอยากจะให้เจ้าช่วยทำของสักสองสามอย่างให้ข้าหน่อย เจ้าวางใจได้ ข้าจะให้เงินค่ามือแน่นอน”
“เราเป็นครอบครัวเดียวกัน ค่ามือไม่ค่ามืออะไรกัน ยังไงข้าก็ว่างอยู่แล้ว พี่สะใภ้รองอยากให้ข้าทำอะไรบอกข้ามาได้เลย” ถึงเว่ยจวนจะใจสั่น แต่นางก็กินเนื้อของฉินจิ่นไปตั้งสองมื้อ ในใจเลยรู้สึกว่าจะคิดเงินกับนางก็ไม่ใช่เรื่อง
“เจ้าไม่ต้องเกรงใจ ของนี้ของข้าน่ะทำแล้วก็เอาไปขายแล้วได้เงิน เจ้าช่วยทำด้วยก็ถือว่าเงินนี้น่ะเราหามาด้วยกัน เจ้าก็ไม่ใช่เด็กแล้ว ควรจะออกเรือนได้แล้ว สถานการณ์ที่บ้านน่ะเจ้าก็รู้ เพราะฉะนั้นเจ้าก็เก็บเงินส่วนตัวไว้ด้วยไม่ดีกว่ารึ ใช้เป็นเงินสินเดิม ผู้หญิงเราน่ะต้องมีเงินออมบ้าง จะได้ไม่ถูกบ้านฝั่งสามีรังแก”
เว่ยจวนได้ยินว่าฉินจิ่นคิดเผื่อตัวเองแบบนั้นแล้ว ก็รู้สึกซาบซึ้ง จริงๆ แล้วในหมู่บ้านที่ยากจนลำบากแบบนี้ ผู้หญิงออกเรือนนั้นมีเงินสินเดิมที่ไหนกัน ผู้หญิงส่วนใหญ่ต่างถูกบ้านตัวเองขายออกไปเพื่อแลกเงินทั้งนั้น ก็เหมือนกับฉินจิ่น เงินที่แลกมานั้นปกติก็จะเอาไปให้ลูกชายในบ้านนั้นแต่งงาน ยิ่งไปกว่านั้นคือบางบ้านอาจจะมีการแลกลูกสาวกันด้วย
เอาลูกตัวเองแต่งออกไป แล้วแลกเอาลูกสาวคนอื่นมาเป็นลูกสะใภ้
ฉินจิ่นพาเว่ยจวนไปที่ร้านค้าในเมือง ใช้เงินที่เหลือจากครั้งที่แล้วมาซื้อผ้า แล้วก็ซื้อสมุนไพรบางส่วน แล้วก็ยังซื้อเครื่องมือเขียนพู่กันด้วย
บ้านชาวนาทั่วไปไม่ค่อยได้เห็นกระดาษพู่กัน เว่ยจวนก็ไม่พลาดที่จะสงสัย “พี่สะใภ้รอง นี่พี่จะทำเอาไปทำอะไรหรือจ๊ะ”
“ข้าจะวาดภาพออกมาสักสองสามภาพ เจ้าช่วยข้าเย็บเป็นถุงหอม ถึงเวลาก็เอาขายในเมือง”
“ถุงหอมน่ะมีคนตัดเย็บอยู่แล้ว ฝีมือคนชนบทอย่างเรา พวกคุณหญิงคุณนายในเมืองคงไม่สนใจหรอกเจ้าค่ะ” ถึงแม้ว่าต้นทุนผ้าของถุงหอมนั้นจะไม่มาก แต่ซื้อของพวกนี้แล้วค่าใช้จ่ายรวมๆ ก็ห้าสิบเหวินอยู่เหมือนกัน พอที่จะซื้อผักซื้อเนื้อมากมาย เว่ยจวนเลยเสียดายเงินส่วนนี้
แต่ฉินจิ่นกลับไม่ได้กังวล “เจ้าเย็บตามที่ข้าวาดก็พอแล้วล่ะ”
ช่างปักในเมืองจะเก่งแค่ไหน ก็คงเทียบกับคนที่มาจากศตวรรษที่21ที่ล้ำสมัยมีประสบการณ์อย่างนางไม่ได้หรอก อีกอย่างนี่ก็ไม่ใช่ถุงหอมทั่วไป ภายในมียาจีนและเครื่องหอม ทำให้มีสรรพคุณที่แตกต่างกันด้วย
เมื่อก่อนนางเคยทำการสำรวจ ถุงหอมในสมัยนี้ส่วนใหญ่จะใส่ดอกไม้ใบหญ้า นางเพิ่มสมุนไพรเข้าไปก็ถือว่าเป็นการบุกเบิกแล้ว
ตอนแรกคิดว่าเรื่องนี้จะง่าย แต่พอวาดภาพก็เจอกับปัญหาเข้า นางนั้นเขียนพู่กันจีนไม่เป็นจริงๆ เวลาชั่วโมงนึงเสียกระดาษไปแล้วสี่แผ่น แต่ที่ทำให้นางเสียดายนั้น ทุกอย่างล้วนเป็นเงินทั้งนั้น
เว่ยจวนร้อนใจอยู่ข้างๆ คิดไปคิดมาเลยคิดออกวิธีนึง ไปคว้าเว่ยเหยียนถิงที่กำลังผ่าฟืนอยู่กับเว่ยเหยียนซิ่นที่ลานบ้านมา
“พี่สะใภ้รองจ้ะ เมื่อก่อนพี่รองของข้าก็เขียนหนังสือสวยเหมือนกัน เรื่องวาดรูปก็คงจะไม่มีปัญหา”
“จริงสิ ท่านพี่ ท่านวาดตามที่ข้าบอกได้ไหมเจ้าคะ”
เว่ยเหยียนถิงดีใจที่ได้ช่วยงานนี้ ได้แสดงความสามารถต่อหน้าภรรยา “ให้วาดน่ะได้ แต่ถ้าวาดออกมาไม่สวยก็อย่าหัวเราะข้าล่ะ”
“ไม่หัวเราะไม่หัวเราะ ข้ารับรองได้”
เว่ยเหยียนถิงเริ่มวาด ฉินจิ่นฝนหมึกอยู่อีกฝั่ง อธิบายอย่างละเอียด สามีภรรยาร่วมมือกันแล้วก็เป็นรูปเป็นร่างขึ้นบนกระดาษอย่างรวดเร็ว เว่ยเหยียนถิงสามารถทำให้คำพูดของนางบอกเป็นจริงได้ ช่างเป็นจิตของความรักที่มีต่อกันจริงๆ
วาดไปทั้งหมดสามภาพ พอเว่ยจวนเห็นก็อึ้งโดยไม่รู้ตัว “ภาพนี้ช่างสวยจริงๆ ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน ถ้าไปปักอยู่บนถุงต้องขายได้แน่นอน พี่สะใภ้ พี่เก่งจัง”
วันนี้นางถึงกับเปลี่ยนมุมมองของนางจริงๆ
“ต่อไปก็ต้องพึ่งเจ้าแล้วล่ะ งานเย็บปักนี้เป็นงานฝีมือเชียวแหนะ”
“พี่สะใภ้รองวางใจเถิด ข้าจะไม่ทำมันพังแน่นอน”
เดิมทีเว่ยจวนนั้นไม่ได้หวังจะหาเงินจากการขายถุงหอม แต่พอเห็นภาพวาดนี้แล้วความคิดก็เปลี่ยนไป มีแรงบันดาลใจขึ้นทันที เวลาเสื้อผ้าของชาวบ้านคนจนขาด ตัวเองก็เป็นคนเย็บ เพราะฉะนั้นจึงทำให้เป็นการฝึกเย็บปักถักร้อยของเว่ยจวน บวกกับมีฉินจิ่นคอยช่วยด้วย ภายในไม่ถึงห้าวันเลยทำถุงหอมสมุนไพรออกมาได้ถึงยี่สิบถุง
จริงๆ แล้วควรเป็นสองคนน้องสาวกับพี่สะใภ้ไปขายที่ตลาดด้วยกัน แต่เว่ยจวนหามรุ่งหามค่ำทำงานเย็บปักมาหลายคืน ร่างกายไม่ไหวแล้วจริงๆ ฉินจิ่นเลยให้นางพักผ่อนอยู่ที่บ้านให้ดี แล้วตัวเองกับเว่ยเหยียนถิงก็ไปด้วยกัน