บทที่15 พี่เขยจะถูกลักพาตัวไปหรือ
“เจ้ามองอะไรกัน รีบกินข้าวสิ” นิ้วมือที่เรียวยาวของเว่ยเหยียนถิงจิ้มไปที่หน้าผากของนางหนึ่งที ดุจนทำให้จิตใจที่เป็นสาวน้อยของนางนั้นแตกสลาย
ในบ้านมีสามีที่หล่อแบบนี้ช่างอิ่มเอมดีจริงๆ ต่อไปถ้า มีชีวิตที่มีเงินทองร่ำรวยจนไม่ขาดเหลืออะไร มันจะต้องดีมากแน่ๆ
พอกินอิ่มแล้ว เสี่ยวซีและนางก็นอนที่เตียงใหญ่ ส่วนเว่ยเหยียนถิงก็ไปนอนที่เตียงเล็กคนเดียว
เมื่อก่อนนั้นเขาอดใจไม่ไหวอยากจะนอนกับนาง แต่ครั้งนี้กลับกลายเป็นนางไปแล้ว
รูปลักษณ์ภายนอกที่ดูดีแบบนี้ ใครจะไม่น้ำลายสอกันล่ะ แต่เพื่อต้องฟอร์มไว้ นางเลยไม่ได้แสดงท่าทีที่หื่นกระหายออกไป
อีกไม่กี่วันเว่ยเหยียนถิงก็ต้องไปทำนาฤดูใบไม้ผลิที่บ้านตระกูลจางแล้ว สองสามวันนี้ฉินจิ่นเลยขอให้เขาทำกระบอกไม้ไผ่ไว้ แล้วก็ให้เขาไปเก็บสมุนไพรยากับตัวเอง
สองสามวันนี้ฉินจิ่นก็ได้ทำยาไปอีกยี่สิบขวด ส่งไปขายที่ร้านขายยา พอเว่ยเหยียนถิงไปที่บ้านตระกูลจางแล้ว ก็ให้เว่ยจวนไปกับฉินจิ่น แล้วก็เอาถุงหอมที่ทำเสร็จไปขายด้วย
ป้าหลี่เห็นฉินจิ่นมาแล้วก็กระตือรือร้นมาก “อาจิ่น ข้ากำลังจะไปหาเจ้าพอดี พวกถุงมือกับผ้าพันคอที่เจ้าทำเมื่อครั้งที่แล้ว ข้าขายให้เจ้าหมดแล้ว ถ้าเจ้ายังมีอีกก็ส่งมาได้เลย”
ป้าหลี่เอาเงินให้นาง ผ้าพันคอผืนนึงถุงมือชุดนึง ทั้งหมดขายได้หนึ่งก้วนยี่สิบเหวิน ป้าหลี่เก็บไว้สี่สิบเหวิน ให้นางแปดสิบเหวิน
“พี่สะใภ้รองเจ้าค่ะ ผ้าพันคอถุงมืออะไรรึ” เว่ยจวนเห็นนางได้เงินเยอะขนาดนี้ในพริบตา ก็ทั้งอิจฉาทั้งนับถือ
“ก็คือของที่ทำจากขนแกะที่เราซื้อมาครั้งที่แล้วน่ะ วันที่ลงเขา พี่ชายเจ้าก็สวมอยู่ เจ้าน่าจะจำได้อยู่บ้าง”
เว่ยจวนได้ยินแล้วก็ครุ่นคิด จริงๆ แล้วตอนนั้นนางก็รู้สึกแล้วว่าของที่อยู่บนคอแล้วก็บนมือของเว่ยเหยียนถิงนั้นแปลกๆ แต่พวกนี้นั้นเทียบกับความตะลึงในตอนที่เห็นหน้าเขาไม่ได้ เลยถูกละเลยไป
“เอาถุงหอมให้ป้าหลี่ก่อนเถอะ กลับไปข้าจะค่อยๆ อธิบายให้เจ้าฟัง”
ระหว่างทางที่มา ฉินจิ่นได้บอกเรื่องที่นางคุยกับป้าหลี่ไป แน่นอนว่าเว่ยจวนก็แสดงท่าทีที่เชื่อฟังพี่สะใภ้รองทั้งหมด
ฉินจิ่นใช้เงินแปดสิบเหวินไปซื้อเนื้อซื้อผัก แบ่งครึ่งนึงให้บ้านตระกูลเว่ย ตอนที่ซื้อเนื้อก็ซื้อขนแกะสามถุงจากพ่อค้าขายเนื้อด้วย
อากาศเย็นคนกินเนื้อแกะกันเยอะ แต่ถ้าอากาศกลับมาอบอุ่นแล้ว กลัวว่าเนื้อแกะก็คงจะมีไม่เยอะแบบนี้แล้ว ถ้าถึงเวลานั้นขนแกะก็คงจะยิ่งน้อยลงไปอีก
เว่ยจวนเอาเนื้อผักไปไว้ที่บ้านตระกูลเว่ยก่อนแล้วก็ช่วยฉินจิ่นถือของอย่างอื่นขึ้นเขา
เสี่ยวซีมองเห็นทั้งสองคนเดินมาแต่ไกลผ่านทางหน้าต่าง จึงเปิดประตูแล้ววิ่งออกมา ช่วยพวกนางถือของ
เสี่ยวซีถือถุงที่ใหญ่เกือบจะเท่าครึ่งตัวของเขา ขนแกะนั้นไม่หนัก เขายังอยากจะถือเพิ่มอีกถุงนึง
“พอแล้ว เจ้าถือกลับไปก่อนเถอะ ที่เหลือเดี๋ยวพี่เอากลับไปเอง”
“ข้าช่วยพี่สาวได้ ข้าเป็นเด็กผู้ชาย”
ฉินจิ่นขวางเขาไม่อยู่ ทำได้แค่ให้เขาอีกถุงนึง เสี่ยวซีถือขนแกะสองถุง โซๆ เซๆ เข้าไปในบ้าน พอเดินแล้วก็เหมือนตุ๊กตาล้มลุกยังไงอย่างงั้น
เว่ยจวนปิดปากหัวเราะ “ถ้าเสี่ยวซีโตแล้วต้องเป็นสุภาพบุรุษแน่นอนเลย เด็กแค่นี้ก็รู้จักเป็นห่วงพี่สะใภ้รองแล้ว ต่อไปต้องมีผู้หญิงมาชอบแน่นอนเลยล่ะ”
เหมือนว่าเสี่ยวซีที่อยู่ในห้องจะได้ยินสิ่งที่พวกนางคุยกัน พอออกมาอีกทีแก้มก็แดงแล้ว ไม่แม้จะมองเว่ยจวนแต่กลับรับขนแกะจากมือนาง แล้วก็ถือเข้าไป
“เสี่ยวซีน่ะขี้อาย เจ้าอย่าไปแกล้งเขาเลย ข้างนอกหนาว เราเข้าไปข้างในกันเถอะ”
ไฟถ่านในบ้านลุกขึ้น ทั้งสามนั่งพิงล้อมรอบเตาอั้งโล่ ถ่านนั้นเว่ยเหยียนถิงเป็นคนเผา ไม่รู้ว่าใช้ไม้อะไรทำ แต่ใช้ดีมาก เผาแล้วก็ไม่มีควัน ไม่มีกลิ่นที่ทำให้คนสำลักเลยสักนิด
เป็นเพราะไม่มีผู้ใหญ่อยู่บ้าน ทุกครั้งก่อนที่นางจะออกไปนางก็จะดับถ่านแล้วก็เปิดหน้าต่างไว้เล็กน้อย หลีกเลี่ยงพิษคาร์บอนมอนอกไซด์
ทั้งสามนั่งล้อมเตาอั้งโล่ ฟังเสียงถ่านปะทุ ข้างนอกนั้นอากาศหนาวจัด ทำให้ตอนนี้สบายสุดๆ
“พี่สะใภ้รอง วันนี้พี่รองไม่กลับมาเหรอเจ้าคะ”
“สองสามวันนี้เขาต้องอยู่ที่บ้านตระกูลจางน่ะ รอให้ปลูกนาเสร็จค่อยกลับมา”
“พี่ไม่ห่วงสักนิดเลยเหรอเจ้าค่ะ”
“เป็นห่วงอะไรรึ”
เว่ยจวนขยับที่ มานั่งข้างๆ นาง “ตอนนี้พี่รองไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ พี่ดูพวกผู้หญิงในหมู่บ้านพวกนั้นสิ เห็นเขาก็เหมือนหมาป่าเห็นเนื้อ ไม่ได้จะบอกว่าพี่รองจะทำเรื่องที่รู้สึกผิดต่อพี่สะใภ้รองนะ แต่ถึงไม่กลัวโจรขโมยก็กลัวโจรที่จ่อจะปล้นน่ะสิ พี่ต้องดูให้ดีนะพี่สะใภ้รอง อย่าให้คนอื่นฉวยโอกาสไปได้”
ฉินจิ่นรู้ว่าคำพูดพวกนี้ของเว่ยจวนนั้นก็คิดแทนนางด้วยความจริงใจ ในใจนั้นก็เกิดความซาบซึ้งขึ้น ก็เหมือนเป็นเพื่อนสนิทของตัวเองในตอนนั้น
“พี่รองของเจ้าน่ะ ข้าเข้าใจ ข้าไม่มีทางเชื่อหรอกว่าเขาจะเหมือนพวกคนที่ทอดทิ้งเมียพวกนั้นหรอก” ฉินจิ่นนึกถึงคำที่เว่ยเหยียนถิงพูดในตอนนั้น ถึงจะไม่ใช่คำพูดที่หวานหรือคำสัญญา ก็อาศัยหัวใจของเขาที่ทำทุกๆ อย่างเพื่อตัวเอง และฉินจิ่นก็ไม่มีทางเชื่อว่าเขาจะออกนอกลู่นอกทาง
พูดจบ ฉินจิ่นก็พัดไฟที่อยู่ในเตาอั้งโล่อีกครั้ง ก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นไม่น้อย
เสี่ยวซีก็พูดเสียงดังขึ้นทันที “ข้าก็เชื่อพี่เขยเหมือนกัน”
ฉินจิ่นหัวเราะ เด็กคนนี้ปกป้องเว่ยเหยียนถิงอยู่ตลอด ดูแล้วความสัมพันธ์นั้นดีจริงๆ
เว่ยจวนใช้นิ้วจิ้มไปที่หน้าผากของเสี่ยวซี ยิ้มแล้วพูดว่า “เวลาว่าเจ้าล่ะหน้าแดงเชียว ตอนนี้พูดถึงพี่ชายเจ้า เจ้าน่ะออกนอกหน้าเชียว ข้าก็เชื่อเขาเหมือนกัน”
“พี่สะใภ้รอง ข้าแค่รู้สึกว่าสายตาของคนพวกนั้นที่มองพี่รองของข้านั้นเร่าร้อนเกินไป คนพวกนี้นั้นไม่เข้าตาข้าเลย เมื่อก่อนตอนที่หน้าตาพี่รองของข้าพัง ก็ไม่เห็นพวกเขาเป็นแบบนั้น ตอนนี้หน้าดีแล้ว กลับรีบมาดูหน้าพี่รองของข้า” ในตอนที่เว่ยจวนพูดเรื่องแบบนี้นั้นนางโกรธมาก เมื่อก่อนเว่ยเหยียนถิงทนความทุกข์ทรมานมามากในอดีต พอคิดถึงเรื่องนี้ จู่ๆ ฉินจิ่นก็รู้สึกปวดใจเล็กน้อย
ไฟในเตาอั้งโล่นั้นแผดเผาได้ร้อนมาก ทำให้ใบหน้าของทั้งสามคนแดงไปหมด
ฉินจิ่นเห็นว่าท้องฟ้าวันนี้ก็ค่อยๆ มืดแล้ว พรุ่งนี้ยังมีเรื่องของพรุ่งนี้อีก เลยเรียกพวกเขากินข้าว
“เจ้าจุดไฟไปก่อนนะ ข้าไปทำกับข้าวก่อนเดี๋ยวเรามากินเนื้อแกะกัน”
“ไม่ต้องหรอกเจ้าค่ะ” เว่ยจวนลุกขึ้นยืนปฏิเสธ “ท่านแม่คงทำอาหารอยู่ที่บ้านแล้ว ข้ากลับไปกินที่บ้านก็ได้ อีกอย่างพี่ก็ให้เนื้อกับผักข้ามาเยอะขนาดนี้ ข้าจะกินข้าวที่บ้านพี่อีกก็คงไม่ใช่เรื่องแล้วล่ะ”
“งั้นก็กินที่นี่กันเถอะ ข้ากับเสี่ยวซีมีกันแค่สองคน มีเจ้าอยู่ยังครึกครื้นกว่าหน่อย” ฉินจิ่นนั้นให้เว่ยจวนเป็นเพื่อนสนิทของตัวเองไปแล้วจริงๆ เวลามองก็มองเหมือนเป็นน้องสาวตัวเอง ทั้งเพียรพยายามทั้งขยัน ช่างทำให้คนอื่นชอบจริงๆ
เว่ยจวนส่ายหน้า แล้วก็ยังคงปฏิเสธ ก่อนจะกลับก็บีบไปที่แก้มของเสี่ยวซี “พี่จะกลับแล้ว คนดีต้องช่วยพี่สะใภ้รองทำงานด้วยนะ”
เสี่ยวซีพยักหน้าอย่างเคร่งขรึมเหมือนชายหนุ่มแล้วพูดว่า “ขอรับ ข้าจะช่วยพี่สาวทำงาน”
เว่ยจวนหัวเราะแล้วกลับไป
วันนั้นฉินจิ่นและเสี่ยวซีอยู่ที่บ้านแล้วกินเนื้อแกะด้วยกัน เสี่ยวซีก็ยังคงกินอย่างมีความสุขเหมือนเดิม
ฉินจิ่นมองดูเขาแล้วหัวเราะ “ค่อยๆ กินนะ ยังมีอีก ไม่ต้องรีบหรอก”
หน้าของเสี่ยวซีแทบจะมุดเข้าไปในจานแล้ว แล้วจู่ๆ ก็เงยหน้าขึ้น “พี่เขยจะโดนคนอื่นหลอกไปจริงๆ เหรอขอรับ”
ฉินจิ่นชะงักไปสักพัก จับไปที่หน้าเขาแล้วพูดว่า “อย่าไปฟังที่เว่ยจวนพูดไปเรื่อยเลย นางกำลังล้อเจ้าเล่นน่ะ”
เสี่ยวซีตอบเสียงอืมไปทีนึง