บทที่ 21 ใครๆก็มองหน้าเขา
“ท่าน” โจวหลันหลันลุกขึ้นแล้วดึกชายเสื้อของเถ้าแก่จ้าว “เป็นเพราะฉินจิ่นผู้หญิงเลวนั่นหาเรื่องข้าก่อนต่างหาก มันรังแกข้า”
“เจ้ายังกล้าโกหกข้าอีกอยู่รึ” เถ้าแก่จ้าวเกลียดการที่คนอื่นโกหกตัวเอง “นายท่านเจียงบอกความจริงออกมาหมดแล้ว”
“นายท่าน ข้าไม่กล้าแล้ว ข้าจะไม่ทำอีกแล้ว”
“เจ้าไสหัวไปอยู่อีกฝั่งซะ” เถ้าแก่จ้าวผลักโจวหลันหลันไปอีกฝั่งแล้วพูดว่า “เอากระดาษกับพู่กันมา ข้าจะหย่ากับเจ้า”
โจวหลันหลันได้ยินคำนี้แล้ว ในใจก็กลัวขึ้นทันที รีบวิ่งเข้าไปเกาะชายเสื้อของเถ้าแก่จ้าว ร้องไห้แล้วพูดว่า “นายท่าน ข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่กล้าอีกแล้ว”
เถ้าแก่จ้าวก้มหัวลงแล้วเห็นโจวหลันหลันกำลังร้องห่มร้องไห้ขอความสงสารให้กับตัวเอง ก็อดไม่ได้ที่ใจจะคล้อยตาม
“นายท่าน ข้าไม่กล้าอีกแล้วจริงๆ”
“จริงรึ”
โจวหลันหลันฟังแล้ว ตอนนี้เถ้าแก่จ้าวก็ใจอ่อนแล้ว รีบก้มหน้าแกล้งทำเป็นร้องไห้ฟูมฟายทันที “จริงเจ้าค่ะ ต่อไปถ้านายท่านบอกอะไร ข้าจะไม่ฝ่าฝืนคำพูดของนายท่านแล้วเจ้าค่ะ”
ถึงแม้โจวหลันหลันจะพูดจาน่าฟัง แต่พอเถ้าแก่จ้าวนึกถึงเรื่องทำธุรกิจกับบ้านเจียงแล้วก็ยังโมโหอยู่
“นายท่าน……” โจวหลันหลันยังพูดไม่ทันจบ ก็สลบลงพื้นไปแล้ว
เถ้าแก่จ้าวเห็นแล้วก็ร้อนรน รีบไปพยุงโจวหลันหลันขึ้นทันที “หลันหลัน เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม”
โจวหลันหลันค่อยๆ หรี่ตา เห็นเขากังวลขนาดนี้ ก็รู้ว่าการที่ตัวเองแกล้งสลบแบบนี้นั้นใช้ได้ผล แล้วตอนนั้นโจวหลันหลันก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น พร้อมกับน้ำตาที่ร้องไห้แล้วพูดว่า “ข้าแค่กลัวว่านายท่านจะไล่ข้าไป”
เถ้าแก่จ้าวถอนหายใจ “ไม่เฆี่ยนเจ้าแล้ว แต่ว่าเจ้าต้องกักตัวอยู่ที่บ้านสองเดือน ถ้าไม่มีคำสั่งจากข้าห้ามออกจากบ้าน”
“อื้ม ข้าจะเชื่อฟังนายท่านเจ้าค่ะ” ตอนนั้นขอแค่ไม่เฆี่ยนตัวเอง โจวหลันหลันก็ตอบตกลงได้หมด
……
“ตอนนี้ต้องรีบทำนาฤดูใบไม้ผลิ ปีนึงก็ไม่ค่อยจะมีเวลาว่างเท่าไหร่”
“ใช่แล้วล่ะ แล้วนี่ที่ดินบ้านใครล่ะ”
“บ้านขุนนางจางน่ะ แน่นอนว่าถ้ารวย ก็สามารถจ้างคนอื่นมาทำได้ ใครจะไปเหมือนเราล่ะ”
ผู้หญิงสามคนพูดคุยกันแล้วเดินผ่านทุ่งนา เห็นเว่ยเหยียนถิงและเว่ยเหยียนซิ่นกำลังทำนาอยู่
“นี่คือพี่สี่บ้านเว่ยหนิ” มองออกว่าหนึ่งในนั้นคือเว่ยเหยียนซิ่น แต่พอเห็นชายรูปงามที่จมูกสูงโด่งแล้วก็หน้าตาหล่อวัวตายควายล้ม แล้วก็เสียสติไปทันที
นี่คือใคร ในเมืองยังมีคนที่หล่อขนาดนี้อยู่อีกรึ
อีกคนถามขึ้น “นี่คือใครน่ะ ทำไมไม่เคยเห็นมาก่อนเลยล่ะ”
“นี่คือเว่ยเหยียนถิง พี่ชายข้า”
ทั้งสามสาวอึ้งจนปิดปากไม่ได้ นี่คือไอ้ขี้เหร่ก่อนหน้านี้รึ ทำไมแค่แป๊บเดียวถึงได้หล่อขึ้นขนาดนี้
“เจ้าคือเว่ยเหยียนถิงจริงๆ รึ”
“ใช่”
พอได้ยินเสียงนี้ ผู้หญิงทั้งสามถึงจะเชื่อว่านี่คือเว่ยเหยียนถิง ก็คือเว่ยเหยียนถิงที่เป็นชายหน้าตาขี้เหร่ในเมื่อก่อน
“นี่ ทำไมเจ้าถึงได้หล่อขึ้นขนาดนี้ล่ะ”
เว่ยเหยียนไม่ยอมบอกว่าพวกนางว่าฉินจิ่นเป็นคนรักษาให้ตัวเอง กลัวว่าจะเอาเรื่องปวดหัวให้ฉินจิ่นโดยไม่จำเป็น หลายวันนี้ฉินจิ่นยุ่งกับการถักผ้าพันคอแทบจะไฟลุก ถ้าเกิดเอาเรื่องนี้ไปให้ฉินจิ่นปวดหัวอีก งั้นตัวเองก็คงใจบาปเกินไปแล้ว
พวกนางทั้งสามเห็นเว่ยเหยียนถิงไม่พูดไม่จาแล้ว ก็ไม่ได้ถามอีก
“พวกเจ้าสองคนทำงานกันต่อเถอะ พวกเราขอตัวกลับก่อน”
“จ้ะ”
ทั้งสามหันหลังไป แล้วก็เริ่มหารือกัน “คนนั้นคือเว่ยเหยียนถิงจริงๆ รึ ทำไมถึงหล่อขึ้นขนาดนั้นล่ะ”
“ใช่ ไม่เหมือนเมื่อก่อนเลยสักนิด ถ้าข้าไม่เคยเห็นเขามาก่อน ข้ายังนึกว่าเขาหน้าตาแบบนี้มาตลอดเลย”
พูดกันตลอดทาง แล้วทั้งสามก็กลับบ้านไป
ไม่นาน คนทั้งเมืองก็รู้กันหมดว่าไอ้ขี้เหร่ของตระกูลเว่ยนั้นหล่อแล้ว
……
หลายเดือนที่ผ่านมา ฉินจิ่นรีบจนไม่มีเวลาปลีกตัวออกมาได้ ทั้งทำยา ทั้งถุงมือผ้าพันคอที่ขายดีขึ้นเรื่อยๆ ถุงหอมก็ยิ่งเป็นที่ต้องการจนต้องแย่งกันก็ยอม เว่ยเหยียนถิงที่ทำนาเสร็จแล้วก็กลับมาอยู่บ้านก็ได้ช่วยฉินจิ่น ฐานะทางบ้านก็ได้เปลี่ยนแปลงไปบ้างเล็กน้อย ก็ถือว่าพอมีเงินเก็บบ้างแล้ว
“อาจิ่น เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่รึ” เว่ยเหยียนถิงเห็นฉินจิ่นกำลังมองเหม่อไปที่แผ่นหลังของเสี่ยวซีเลยถามว่า “เสี่ยวซีโตขึ้นเยอะมาก เจ้าไม่ต้องห่วงเขามากหรอก”
“พี่ถิงจ๊ะ ข้าจำได้ว่าวันเกิดของเสี่ยวซีใกล้จะถึงแล้วนะ”
พอเตือนแบบนี้ เว่ยเหยียนถิงถึงจะนึกเรื่องนี้ขึ้นได้ โทษตัวเองที่ขี้หลงขี้ลืม ลืมเรื่องแบบนี้ไปได้ยังไง
“ใช่แล้ว น่าจะอีกสามวันถัดไป”
“พี่ถิง ข้าอยากจะทำของอร่อยให้เขากินน่ะ ฉลองวันเกิดให้เขาหน่อย”
เว่ยเหยียนถิงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ได้ พวกเราฟังเจ้าทุกอย่าง”
ฉินจิ่นยิ้มให้เว่ยเหยียนถิง ถึงแม้ว่าเรื่องทะลุมิตินั้นจะเป็นเรื่องไม่คาดคิด แต่การที่ได้สามีที่หล่อแบบนี้ก็ไม่แย่เหมือนกัน
สามเดือนถัดมา ฉินจิ่นและเว่ยเหยียนถิงมาส่งยาที่ร้านขายยาพอดี ตอนนี้ยาทานั้นกลายเป็นของสัญลักษณ์ของร้านขายยาไปแล้ว พอเถ้าแก่หวูเห็นว่าพวกเขามา ก็รีบมาต้อนรับ พูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มว่า
“อ้าว นี่ไม่ใช่สามีเว่ยของแม่นางฉินรึ ไม่เจอกันนานเลย”
คนงานก็เห็นเว่ยเหยียนถิงและฉินจิ่นจากไกลๆ ก็รีบเอาชาปี้หลัวชวนไปชงทันที
ตอนนี้เว่ยเหยียนถิงนั้นมากับฉินจิ่นเป็นประจำ ไม่ได้มีความขี้ขลาดและดูถูกตัวเองเหมือนครั้งแรกที่มาที่ร้าน ยิ่งไปกว่านั้นหน้าก็ได้ฉินจิ่นรักษาจนหายดีแล้ว
“หลายวันก่อน ท่านสามีเว่ยมา ข้าไม่ได้อยู่ร้าน ได้ยินคนงานบอกว่าหน้าของท่านเว่ยหายดีแล้ว ตอนแรกข้ายังไม่เชื่อ มาวันนี้ก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ด้วย” เถ้าแก่หวูตั้งใจมองหน้าของเว่ยเหยียนถิง ไม่เชื่อจริงๆ ว่าเขาเคยเป็นไอ้ขี้เหร่นั่นมาก่อน ถ้าไม่ใช่เพราะฉินจิ่นเรียกว่าพี่ถิงมาตลอด เขาไม่มีทางเชื่อแน่นอนว่านั่นคือเว่ยเหยียนถิงที่เคยมาร้านตัวเองเมื่อก่อนหน้านี้
เว่ยเหยียนถิงได้ยินคำนี้แล้ว ก็มองฉินจิ่นอย่างประหม่า ทั้งหมดเป็นเพราะนางมีความสามารถ ฉลาด หน้าของตัวเองถึงดีได้เร็วแบบนี้ และกลายเป็นหน้าที่หล่อเหลาแบบนี้
ฉินจิ่นก็ยิ้มให้กับเว่ยเหยียนถิง จากนั้นก็พูดกับเถ้าแก่หวูอีกว่า “ที่มาครั้งนี้นั้นข้าตั้งใจจะมาส่งยาโดยเฉพาะน่ะ”
“โธ่ แม่นางฉิน ดูเจ้าพูดสิ จะกล้าให้เจ้ามาส่งได้ยังไงล่ะ ถ้างั้นวันหลังกำหนดสักวันนึง เดี๋ยวข้าให้คนงานของข้าไปเอามาก็ได้แล้วล่ะ เป็นการรบกวนให้เจ้าต้องมาอีก”
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ เรากำลังจะไปเดินเล่นพอดี แล้วก็ยังได้ขายถุงหอมด้วย”
“โอ้ เป็นความคิดที่ดี”
ฉินจิ่นล้วงยาออกมาสิบสองขวด หกขวดเป็นยาทาภายนอก อีกห้าขวดเป็นยาแก้ท้องร่วง อีกขวดนึงนั้นเป็นยาแก้ไข้
“นี่เจ้าค่ะ ขวดละยี่สิบเหวิน” เถ้าแก่หวูรู้ว่าผู้หญิงคนนี้นั้นเก่งมาก ถ้าจะกดราคาจริงๆ นั้น เขาไม่มีปัญญาอยู่แล้ว
“แน่นอน” ฉินจิ่นได้ตกลงราคากับเถ้าแก่หวูไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ยังไงก็ไม่เปลี่ยนง่ายๆ ไม่งั้นเดี๋ยวคนอื่นจะหาว่าตัวเองนั้นทำธุรกิจแล้วพูดจากลับกลอกเอาได้
“ขวดละยี่สิบเหวิน ทั้งหมดสองก้วนสี่สิบเหวิน แม่นางฉินลองนับดู”
“ไม่ต้องหรอกเจ้าค่ะ เถ้าแก่หวูนั้นเชื่อใจได้”
เพิ่งออกจากร้าน เว่ยเหยียนถิงก็ถามว่า “อาจิ่น ตอนนี้เราจะซื้ออะไรไปฉลองวันเกิดของเสี่ยวซีกันดีล่ะ”
“ขาหมู ครั้งก่อนข้าได้ยินเสี่ยวซีพูดถึงอยู่ครั้งนึง”
“ได้จ้ะ”
ทั้งสองพุ่งไปที่ตลาดสด แล้วหยุดที่พ่อค้าขายเนื้อ
“พี่หวัง มีขาหมูหรือไม่ เอาให้ข้าหนึ่งขาจ้ะ”
พ่อค้านั้นนามสกุลหวัง เป็นคนที่ซื่อสัตย์คนหนึ่ง ไม่ขาดไม่เกินแม้แต่ขีดเดียว