px

เรื่อง : สาวนาตัวน้อยกับระบบแพทย์
บทที่ 26 ผู้หญิงคนนี้ไม่ปกติ


บทที่ 26 ผู้หญิงคนนี้ไม่ปกติ
เมื่อก่อนฉินจิ่นก็เคยปั้นมนุษย์ดินนั้นมาก่อน ก็เล่นสนุกดี พอได้ยินก็ตื่นเต้น เลยพับแขนเสื้อแล้วพูดว่า “งั้นเจ้าไปเอาน้ำมา เดี๋ยวพี่จะเล่นกับเจ้า”
“เมื่อก่อนพี่สาวไม่เคยเล่นอันนี้กับข้าเลย บอกว่าจะทำให้เสื้อผ้าสกปรก”เสี่ยวซีคิดแล้วพูดว่า
“พี่สาวไม่ค่อยเหมือนเมื่อก่อนแล้ว”

“ใช่สิ เมื่อก่อนพี่สาวไม่รู้เรื่อง ตอนนี้โตขึ้นหน่อย เลยต้องใส่ใจเจ้ามากขึ้นหน่อยไงล่ะ”
พอพูดจบ ในใจก็แอบบ่นเจ้าของร่างเดิม เป็นพี่สาวประสาอะไรเนี่ย เล่นกับน้องยังกลัวเสื้อผ้าเลอะอีก

“อื้ม” เสี่ยวซีพยักหน้า แล้วก็รีบไปเอามา “พี่สาว หลบไกลๆ หน่อย อย่าไปโดนน้ำโคลนล่ะ”
พอเสี่ยวเอาน้ำเทหมดแล้ว ฉินจิ่นก็ยื่นมือลงไป แล้วก็เริ่มนวดดิน
จะปั้นเป็นเว่ยเหยียนถิง ฉินจิ่นคิด แล้วก็ลงมือทำไป
จริงๆ แล้วสมัยก่อนมีทางเลือกดีขนาดนั้นที่ไหนกัน ฉินจิ่นก็ยิ่งไม่มีฝีมือด้วย ปั้นคนได้ไม่ดีขนาดนั้น แค่มองรูปร่างออกว่าคล้ายนิดหน่อยก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว

“พี่สาว พี่ปั้นอะไรเหรอ”
“แล้วเสี่ยวซี เจ้าปั้นอะไรล่ะ”
“ดูสิจ๊ะ พี่สาว”เสี่ยวซี ยกขึ้นให้ฉินจิ่นดูราวกับเป็นสมบัติ เป็นลิงตัวนึง ซึ่งเหมือนของจริงมาก
“เสี่ยวซี เจ้าปั้นใช้ได้เลยนะ” ฉินจิ่นชมด้วยความจริงใจ เทียบกับที่ตัวเองปั้นเว่ยเหยียนถิงแล้ว ลิงของเสี่ยวซีนั้นประสบความสำเร็จมากจริงๆ แล้วผลงานของตัวเองละ

“พี่สาว ข้าขอดูของพี่หน่อย”เสี่ยวซีชะเง้อหน้ามา พิจารณาอยู่นานก็ยังไม่พูดอะไร
“เจ้าดูออกไหมว่านี่คืออะไร” ฉินจิ่นรู้สึกว่าถึงแม้ตัวเองจะฝีมือไม่ดี แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่ดูไม่ออกหรอก มันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ

“อื้ม”เสี่ยวซียื่นมือออกมา แล้วเกาไปที่หัวของตัวเอง แต่พอได้เห็นดินในมือตัวเองก็ถอดใจ มองดูอย่างละเอียดแล้วถามว่า “พี่สาว พี่ก็ปั้นลิงตัวนึงเหมือนกันหรือ”

แล้วหน้าของฉินจิ่นก็เปลี่ยนเป็นหม่นหมองไปทันที ถึงแม้ว่าจะพูดหวิดไปหน่อย แต่ก็คงไม่แย่ขนาดนี้หรอกมั้ง ทำลายความมั่นใจของตัวเองไปไม่น้อยเหมือนกัน
แต่พอตั้งใจดูผลงานของเสี่ยวซีแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เสี่ยวซี เจ้าเล่นเองก่อนเถอะ พี่จะไปดูพี่เขยหน่อย”

หาข้ออ้างหนีไป ไม่งั้นหน้าคงไม่มีที่วางแล้วล่ะ
พอล้างมือสะอาดแล้ว ฉินจิ่นก็เดินไปทางเว่ยเหยียนถิง “พี่ถิง”
“อาจิ่น”
เห็นเขาตัดต้นไม้เยอะขนาดนี้แล้ว เว่ยเหยียนถิงนั้นเก่งจริงๆ
“เหนื่อยรึเปล่าจ๊ะ เหนื่อยก็พักก่อน”
“เหนื่อยที่ไหนกัน” เว่ยเหยียนถิงหัวเราะ แล้วเหงื่อก็ไหลลงมาเป็นเม็ดๆ เหมือนเม็ดถั่วเหลือง
ฉินจิ่นหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดเหงื่อบนหัวของเว่ยเหยียนถิง หัวเราะแล้วพูดว่า “ยังบอกจะว่าไม่เหนื่อยอีก ดูสิ เหงื่อไหลไปตั้งเท่าไหร่แล้ว”

เวลาผ่านไปในแต่ละวัน งานซ่อมแซมก็ยังคงดำเนินต่อ ตอนที่กินข้าวในวันที่สาม จู่ๆเสี่ยวซีก็ถามขึ้นว่า “พี่สาว พี่เขย ทำไมซ่อมนานขนาดนี้แล้วยังซ่อมไม่เสร็จอีกล่ะ
“เพราะจะทำเป็นห้องข้างๆ ให้เสี่ยวซีน่ะ เลยช้าไปหน่อย แต่ก็ยังมีเหลืออีกไม่กี่วันก็จะซ่อมเสร็จแล้ว” เว่ยเหยียนถิงตอบ

เสี่ยวซีทำเสียงอ๋อไปทีแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีก จนถึงตอนที่กินข้าวเย็นก็ยังไม่พูดอะไรเลยสักคำ
ฉินจิ่นรู้สึกแปลกๆ เลยพูดกับเว่ยเหยียนถิงว่า “พี่ถิง ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าเสี่ยวซีไม่มีความสุขเลยล่ะ”

เว่ยเหยียนถิงพยักหน้า สื่อว่าเห็นด้วย “พี่ก็รู้สึกเหมือนกัน”
เสี่ยวซีเป็นคนที่อ่อนไหวง่ายสุดๆ แล้วก็เป็นคนมีความสุขง่ายด้วย แต่จู่ๆ ก็รู้สึกไม่มีความสุข

“เสี่ยวซี” ฉินจิ่นมองดูเสี่ยวซีที่กำลังเล่นดินอยู่ แล้วถามว่า “เจ้าเป็นอะไรไป ไม่ดีใจหรอก”
“เปล่าจ้ะเสี่ยวซีไม่ได้ไม่มีความสุขนะ
ฉินจิ่นนั้นแทบจะพูดว่าความรู้สึกของเจ้าแทบจะเขียนอยู่บนหน้าแล้ว ก็เลยถามอย่างอดทนว่า
“แล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่ล่ะ บอกพี่มาสิ”
“เปล่า ข้าไม่ได้ไม่มีความสุข
......
วันนี้อากาศดี ฉินจิ่นกับเว่ยเหยียนถิงก็ออกไปขายถุงหอม ตรงหัวมุมตลาด ฉินจิ่นและเว่ยเหยียนถิงก็วางแผงขายของ
“พี่ถิง เอาถุงหอมออกมาหน่อยจ้ะ” ฉินจิ่นพูด
“แม่นาง อันนี้ขายยังไงจ๊ะ”

“เหมือนครั้งที่แล้วเลยจ้ะ อันละยี่สิบเหวิน” ฉินจิ่นหัวเราะ ส่งให้ทั้งสองคนดู “ข้าไม่ค่อยขึ้นราคาหรอกเจ้าค่ะ”
จากการที่ขายดีในครั้งที่แล้ว ครั้งนี้ยังผ่านไปได้ไม่นาน ถุงหอมก็ใกล้จะขายหมดแล้ว เหลือแค่อันเดียว
“อันนี้เท่าไหร่จ๊ะ” ที่มานั้นคือผู้หญิงคนหนึ่ง คิ้วโก่งหุ่นดี สวยมากๆ
“ยี่สิบเหวิน”
นางหยิบถุงหอมมาก่อนแล้วตั้งใจดู จากนั้นก็ดมอยู่ข้างจมูก “เป็นยาสมุนไพรบางอย่าง ฝีมือดี คุ้มค่ากับราคา” พูดแล้วก็โยนเงินยี่สิบเหวินไปให้

“ผู้หญิงนั้นเป็นคนที่รู้ราคาอยู่แล้ว”
ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้พูดอะไรมาก มองดูเว่ยเหยียนถิงและฉินจิ่น แล้วถามว่า “นี่คือสามีเจ้ารึ”
“ใช่ ข้าเป็นสามีของนาง “เว่ยเหยียนถิงแย่งตอบ กลัวฉินจิ่นจะบอกว่าไม่ใช่ แล้วฉินจิ่นก็หันกลับมายิ้มแล้วมองเว่ยเหยียนถิง

ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่คิดเหมือนกันว่าเว่ยเหยียนถิงจะแย่งตอบ ก็น่าทึ่งเหมือนกัน พอเห็นทั้งสองรักกันแบบนั้นแล้ว ก็กำถุงหอมในมือแน่น
“ข้าได้ยินมาว่าแม่นางฉินนั้นเป็นคนมีความสามารถ ข้าก็ขายเครื่องหอมเหมือนกัน ร้านหลิวเซียงข้างหน้านั้นเป็นร้านข้าเอง แต่ของในร้านนั้นไม่ดีเท่าของแม่นางฉิน แม่นางฉินช่วยแนะนำหน่อยจะได้ไหมจ๊ะ”

ฉินจิ่นอึ้งไป ผู้หญิงคนนี้นั้นดูแล้วไม่น่าคบหา แนะนำอะไรกัน คนค้าขายเหมือนกันก็ไม่ลงรอยกันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว นางสามารถเอ่ยปากบอกว่าของฉินจิ่นนั้นดีต่อหน้าผู้คนเยอะขนาดนี้ แล้วตอนนี้ก็ยังยิ้มแล้วบอกให้แนะนำอีก เรื่องมันคงไม่ง่ายแบบนั้นแน่นอน

“ยังมีงานให้ทำอยู่ที่บ้านน่เจ้าค่ะ เกรงว่าจะอยู่นานไม่ได้ เป็นวันอื่นดีไหมเจ้าคะ”
“วันที่นัดกันไม่เท่าวันที่บังเอิญหรอกจ้ะ”
ฉินจิ่นมองดูผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า ในใจคิดว่ายังไงวันนี้คงหนีไม่พ้นแล้ว ตอนแรกคิดว่าจะคิดหากลยุทธ์ชิงหนีก่อนค่อยจัดการนาง แต่พอเห็นนางคนนี้แล้ว คิดว่าไม่ได้แล้วล่ะ

ฉินจิ่นหันกลับไปพูดกับเว่ยเหยียนถิงว่า “พี่ถิง พี่กลับไปก่อนดีกว่าจ้ะเสี่ยวซีอยู่ที่บ้าน ข้าไม่ค่อยวางใจ” สองสามวันนี้เสี่ยวซีดูซึมๆ ฉินจิ่นถามก็ไม่ได้คำตอบ ทำได้แค่อยู่เป็นเพื่อนเขา
“อาจิ่น เดี๋ยวข้ารอเจ้าดีกว่า” เว่ยเหยียนถิงไม่สบายใจที่จะให้ฉินจิ่นอยู่ที่นี่คนเดียว
“ที่นี่ไม่มีอะไรแล้ว พี่กลับไปก่อนเถอะจ้ะ”

ผู้หญิงคนนั้นก็พูดเสริมว่า “เจ้าสบายใจได้ ไม่มีเรื่องอะไรใหญ่โตหรอก แค่แนะนำนิดหน่อยน่ะ ถึงบ้านก่อนเที่ยงแน่นอน”
เว่ยเหยียนถิงยังคงจ้องมองฉินจิ่น ฉินจิ่นจับไปที่มือเขาอย่างช่วยไม่ได้ “ยอดรัก ข้าจะรีบกลับไปนะ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”
เว่ยเหยียนถิงถึงได้สบายใจขึ้น พยักหน้าแล้วพูดว่า “งั้นพี่กับเสี่ยวซีจะรอเจ้าด้วยกันนะ”
“จ้ะ”

เห็นท่าทางที่รักใคร่กันแบบนั้นของทั้งสองแล้ว ผู้หญิงคนนั้นรู้สึกไม่พอใจ ต่อหน้านั้นไม่ได้พูดอะไร แต่กลับลากฉินจิ่นไปแล้ว
“ข้านามสกุลหลิว ชื่อเดี่ยวๆ คือเซียง” ในขณะที่พูด ฉินจิ่นก็เห็นบนร้านนั้นมีชื่อหลิวเซียงอยู่ เป็นคำพ้องเสียงนี่เอง
ฉิ่นจิ่นมองไปบนถุงหอม ก็รู้สึกว่าใช้ได้ ถึงแม้ฝีมือจะแย่กว่าเว่ยจวนหน่อย แต่ไม่ถึงกับแย่มาก
“ข้าชงชาอย่างดีไว้ด้วย แม่นางฉินลองมาชิมดูหน่อยสิจ๊ะ”
ฉินจิ่นพิจารณาอยู่นานมาก ทุกที่เต็มไปด้วยคนใช้ แต่ก็ไม่เคยเห็นสามีของนางเลย ช่างแปลกใจจริงๆ
“สามีของแม่นางหลิวออกไปข้างนอกหรือจ๊ะ”

 

รีวิวผู้อ่าน