px

เรื่อง : สาวนาตัวน้อยกับระบบแพทย์
บทที่31 เอาแกไว้ทำประโยชน์อะไรเนี่ย


บทที่31 เอาแกไว้ทำประโยชน์อะไรเนี่ย

“เรื่องนี้ ข้าก็ไม่ได้รู้มาก ยังต้องฟังอาจารย์หมออีกทีว่าจะยังไง”
นางเว่ยกระทืบเท้าอย่างกระวนกระวาย “ท่านหมอทำไมยังไม่อีกมาล่ะ นี่มันเวลาไหนกันแล้ว”

“แม่จ๊ะ ใจเย็นๆ ก่อน พี่รองไปเรียกแล้ว น่าจะใกล้ถึงแล้วจ้ะ” เว่ยจวนพูดปลอบใจแม่
ในตอนที่กำลังพูดอยู่ เว่ยเหยียนถิงก็พาหมอมาพอดี
“หมอจาง พ่อข้าอยู่ทางนั้น ท่านรีบไปดูเร็วเข้า” เว่ยเหยียนถิงลากหมอตลอดทั้งทาง จนตอนนี้หมอจางก็กำลังหอบแฮกๆ อยู่

พอเห็นว่าเป็นเรื่องถึงชีวิต หมอจางก็ไม่กล้าที่จะลีลา ตรงเข้าจับชีพจรทันที
“อาจารย์หมอ ผัวข้าเป็นอย่างไรบ้าง” นางเว่ยถามอยู่อีกฝั่ง
“แม่จ๊ะ” เว่ยจวนดึงแม่เว่ยแล้วพูดว่า “วัดชีพจรก็ต้องใช้เวลา เร็วขนาดนี้ได้ที่ไหนกันล่ะจ๊ะ
ผ่านไปสักพัก หมอจางก็ลุกขึ้นมาแล้วเปิดหนังตาดู ดูอย่างละเอียด
“ตกลงเป็นยังไงกันแน่ล่ะ อาจารย์หมอ”
หมอจางส่วยหัว พูดว่า “ข้าก็ไม่เคยเห็นตัวอย่างแบบนี้มาก่อนเหมือนกัน”

นางเว่ยได้ยินแล้วก็แทบจะเป็นลมไป ยังดีที่เว่ยจวนพยุงอยู่อีกฝั่ง
“ถ้างั้นพ่อข้าจะ......” เว่ยเหยียนซิ่นถาม
“ไม่ ไม่” หมอจางลูบเคราแล้วพูดว่า “ทุกท่านสบายใจได้ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แค่ไม่รู้ว่าจะฟื้นเมื่อไหร่”
ไม่รู้ว่านี่เป็นข่าวดีหรือข่าวร้าย อาจจะทำให้พ่อเว่ยต้องนอนอยู่ตรงนี้ตลอดไปก็ได้ ไม่ฟื้นแต่ก็ไม่ตายงั้นเหรอ

“แบบนี้ดีกว่า ข้าจะให้ยาก่อนสักสองสามอย่าง พวกเจ้าให้เขากินก่อน แล้วอีกสองสามวันข้าค่อยมาดูผลอีกที”
ในเมื่อเรื่องเป็นแบบนี้แล้ว ก็มีแค่วิธีนี้แล้วล่ะ

“ผัวข้า เจ้าไปทำบาปทำกรรมอะไรไว้ ถึงได้รับกรรมหนักขนาดนี้” นางเว่ยกอดพ่อเว่ยแล้วร้องไห้ไม่หยุด แม้แต่ฉินจิ่นก็อดไม่ได้ที่จะซึ้งใจ เรื่องแบบนี้ไม่สามารถแสดงออกมาได้ มันต้องเอ่ยมาจากความรู้สึกจริงๆ เท่านั้น

“แม่จ๊ะ อย่าร้องเลย อาจารย์หมอก็บอกแล้วไม่ใช่รึ ว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง”
“แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องสักหน่อย ผัวข้าน่ะ ไม่มีตอนไหนเลยที่จะสุขสบาย มีแต่ลำบากมาโดยตลอด”
เว่ยเหยียนซิ่นและเว่ยจวนยุ่งอยู่กับการปลอบนางเว่ย แล้วเว่ยเหยียนถิงก็ไปส่งอาจารย์หมอกลับไป

ความสามารถของอาจารย์หมอในหมู่บ้านชนบทแบบนี้นั้นค่อนข้างน้อยฉินจิ่นส่ายหัว พูดพึมพำว่า “หรือจะหาโอกาสลองใช้ระบบดี......”

อาการของชายชราเว่ยไม่ดีขึ้นสักที ถึงแม้ว่าอาจารย์หมอจะให้ยาแล้ว แต่พอนางเว่ยนึกถึงว่าชายชราเว่ยยังนอนอยู่บนเตียงอยู่ ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่ถึงจะฟื้น เลยอดที่จะร้องไห้ไม่ได้ เว่ยเหยียนถิงก็ทำให้แค่ปลอบใจนาง

“แม่จ๊ะ อย่าร้องเลย” เว่ยจวนพยุงจับไหล่ของนางเว่ย
“พยุงแม่ไปทางนู้นก่อนเถอะ พักผ่อนหน่อย ไม่ร้องแล้วนะจ๊ะ” ฉินจิ่น เว่ยเหยียนถิงและเว่ยเหยียนซิ่นปรึกษากันแล้วพูด “แม่ร้องไห้อยู่แบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่อง วันนี้ดูแล้วน่าจะต้องมีคนเฝ้า จะได้ดูแลพ่อกับแม่ด้วย”
“ข้าดีกว่า”
“ข้าดีกว่า”
ทั้งสองต่างก็อาสา แต่ฉินจิ่นก็ส่ายหัว “ข้าดีกว่า”
“ไม่ได้” เว่ยเหยียนถิงพูดปฏิเสธทันที “ยังไงก็ข้าดีกว่า เจ้ากลับไปเถอะ”


ฉินจิ่นส่ายหัว “ข้าพอจะรู้เรื่องแพทย์หน่อย จะได้ให้ยาตอนดึกด้วย อีกอย่างแม่ก็ร้องไห้จนเป็นแบบนี้ ก็ต้องมีลูกอยู่ด้วยคนหนึ่ง สองสามวันนี้เสี่ยวซีก็ขี้กลัวอยู่ด้วย พี่กลับไปอยู่กับเขาเถอะจ้ะ”

คำไม่กี่คำที่อธิบายเรื่องต่างๆ จนเข้าใจ เว่ยเหยียนถิงเลยทำได้แค่จับมือแล้วพูดว่า “แต่ว่าวันนี้เจ้าเหนื่อยมากแล้ว กลางคืนก็ต้องมาเฝ้าอีก......”
ฉินจิ่นตัดบทคำพูดของเว่ยเหยียนถิง “พี่ถิงจ๊ะ พี่สบายใจได้ พรุ่งนี้พี่มาค่อยมาแทนข้าก็แล้วกันจ้ะ”


พูดแบบนี้แล้ว เว่ยเหยียนถิงก็ไม่รู้จะพูดอะไรอีก ทำได้แต่จับมือของฉินจิ่นไว้ “อาจิ่น ถ้ากลางดึกเจ้าเหนื่อยแล้ว ก็ปลุกพวกน้องสี่นะ อย่าฝืนล่ะ”
“จ้ะ”
ฉินจิ่นส่งเว่ยเหยียนถิงจากไกลๆ จนแผ่นหลังของเขาหายไปกับความมืดแล้วค่อยหันกลับเข้าบ้านเว่ยไป

เว่ยเหยียนซิ่นออกไปตักน้ำ เว่ยจวนกำลังทำกับข้าวกับฉินจิ่นอยู่
“กลัวว่าเป็นแบบนี้แล้วแม่จะกินไม่ลงมากกว่าจ้ะ
“กินไม่ลงก็ต้องกินสักหน่อย ไม่งั้นร่างกายจะรับไหวได้ยังไงล่ะ”
ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่ เว่ยเหยียนซิ่นก็กลับมาแล้ว ฉินจิ่นตักน้ำมาล้างผักทำกับข้าว ตอนกลางคืนก็กินๆ ไปหน่อยก็พอ หลังกินข้าวเสร็จ เว่ยจวนก็ช่วยฉินจิ่นล้างจานไปแล้วก็พูดไปว่า

“พี่สะใภ้รองจ๊ะ เดี๋ยวกลางคืนข้ามาอยู่เป็นเพื่อนพี่นะจ๊ะ”
“ไม่ต้องหรอกจ้ะ” ฉินจิ่นรีบปฏิเสธ นางเลือกที่จะเฝ้าคนเดียวเพราะอยากจะเปิดระบบเพื่อเอายา “ตอนกลางคืนข้าอยู่คนเดียวได้ เจ้าวิ่งไปวิ่งมา เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เดี๋ยวก็เข้านอนเร็วหน่อยล่ะ”
“งั้นพี่......”
“ไม่ต้องห่วงหรอก ถ้าข้าเหนื่อยข้าจะปลุกพวกเจ้ามาแทนข้าแน่นอน”

ต้องกำชับว่าถ้าเหนื่อยแล้วจะปลุกนางตื่นแน่นอน เว่ยจวนถึงได้สบายใจขึ้นหน่อย

ในตอนกลางคืน ฉินจิ่นก็อดไม่ได้ที่จะหาว รอจนแน่ใจว่าพวกแม่ย่าเว่ยและเว่ยจวนหลับแล้ว ถึงได้แอบเปิดระบบขึ้น

ในโลกปัจจุบันนั้นนางทุ่มเทให้กับวิจัยทางการแพทย์มาก จนคิดค้นยามาตัวนึง ไม่ถึงกับว่าจะถอนพิษได้ร้อยอย่าง แต่พิษที่ไม่รุนแรงส่วนใหญ่นั้นก็ถอนได้ “อยู่ไหนแล้วล่ะ ทำไมหาไม่เจอ” ฉินจิ่นพูดเองเออเอง
“เสี่ยวปา ยาอยู่ไหน”
“ไม่รู้”
ฉินจิ่นใบหน้าหมอง “เจ้ามีความสามารถหยิบอัตโนมัติไม่ใช่รึไง”
“แบตเตอรี่ไม่พอ”
ฉินจิ่นแทบกระอักเลือด
ไอ้เด็กขี้เกียจนี่ เอาเจ้าไว้ทำประโยชน์อะไรเนี่ย

ในที่สุดฉินจิ่นก็เจอยานี้อยู่ที่มุมนึง ที่จริงแล้วอยู่นี่นี่เอง
เพิ่งจะหยิบมาได้สามเม็ดก็ได้ยินเสียงกฎระเบียบดังขึ้น
“ระบบเตือน ระบบเตือน แบตเตอรี่ไม่พอ โปรดชาร์จแบตเตอรี่......”
ยังไม่ได้รอให้ฉินจิ่นตอบโต้อะไร ระบบก็มืดไปทันที แล้วก็ปิดเครื่องไปแล้ว

“นี่มันกินไฟมากไปหน่อยรึเปล่า......” ฉินจิ่นหมดปัญญา แต่ยังดีที่นางมือไวหยิบยารักษาออกมาสามเม็ดมองพวกนางเว่ยอย่างระมัดระวัง รีบให้ยากับพ่อเว่ยหลังจากที่พวกเขากำลังหลับอยู่
ต้องใช้เวลากว่าสองชั่วโมงถึงจะเห็นผลของฤทธิ์ยา กะเวลาดูแล้ว ก็ต้องรอให้ถึงหลังฟ้าสว่าง
วันรุ่งขึ้น เว่ยจวนก็ตื่นมาเห็นฉินจื่นนอนฟุบอยู่บนโต๊ะ สะกิดนาง “พี่สะใภ้รองจ๊ะ พี่ไปพักผ่อนเถอะ”
“ฉินจิ่นยังไม่ทันได้พูดอะไร จู่ๆ ชายชราเว่ยที่นอนอยู่ก็พูดได้แล้ว “ลูกจวน”

“พ่อ พ่อฟื้นแล้ว” เว่ยจวนรีบพยุงพ่อเว่ยขึ้น หันมาตะโกนไปข้างนอก “แม่ ชายสี่ พ่อฟื้นแล้ว”
แม่เว่ยเห็นพ่อเว่ยฟื้นแล้ว ก็ร้องไห้ด้วยความดีใจ “ผัวข้า เจ้าฟื้นแล้ว ข้าคิดว่าเจ้าจะไม่รอดแล้ว โธ่ ผัวข้า”

ใจที่ฉินจิ่นกังวลอยู่ของฉินจิ่นก็สบายใจขึ้นแล้ว มองชายสี่ที่อยู่อีกฝั่ง แล้วพูดสั่งว่า “น้องสี่ เจ้าไปเรียกพี่รองของเจ้ามาหน่อยสิ แล้วก็บอกให้เขาสบายใจได้แล้ว”
“จ้ะ” เว่ยเหยียนซิ่นรีบออกไปหาเว่ยเหยียนถิง ตอนกลับมานั้นก็ได้พาหมอจางมาด้วย

“ข้าเรียกหมอจางมาวัดชีพจรอีกที แล้วก็ตรวจดูอาการอีกทีด้วย จะได้รับรองได้หน่อย” เว่ยเหยียนถิงพูดอธิบาย
นี่เป็นเรื่องปกติ ทั้งที่เมื่อวานยังบอกว่าไม่รู้จะฟื้นเมื่อไหร่ จู่ๆ ตอนนี้ก็ฟื้นซะแล้ว
“เชิญขอรับ หมอจาง”
หมอจางวัดชีพจรที่มือของพ่อจาง แล้วตรวจดูลิ้นและเปลือกตาของพ่อเว่ยอย่างละเอียด แล้วก็ส่ายหน้าด้วยความประหลาดใจ “น่าแปลกน่าแปลก ข้าไม่เคยเห็นตัวอย่างแบบนี้มาก่อนเลยจริงๆ”

 

รีวิวผู้อ่าน