บทที่40 แตกหักกันแล้ว
“มีข้อเสนออะไรอีกหรือไม่” หลิวเซียงกัดฟันถาม
“ไม่มีแล้ว” ฉินจิ่นคิดอย่างถี่ถ้วน แล้วก็ไม่มีแล้วจริงๆ
ได้ยินคำนี้ของฉินจิ่นแล้ว หลิวเซียงก็หันหลังกลับไป
“หยุดก่อน เจ้าจะไปไหน” ฉินจิ่นบังอยู่ข้างหน้าของหลิวเซียง โยนใบสัญญาหลักฐานให้กับหลิวเซียง “ลงลายมือเสร็จแล้วค่อยไป”
หลักฐานลายมือนั้นเว่ยเหยียนถิงทำไว้แต่แรกแล้ว นางทะลุมิติมา เลยไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับตัวหนังสือของสมัยนี้
“หมายความว่ายังไง เจ้ากลัวข้าจะเปลี่ยนใจงั้นรึ” หลิวเซียงเห็นใบหลักฐานลายมือนี้แล้วก็รู้สึกตลก
“ข้ากลัว” แล้วฉินจิ่นก็ยอมรับ ว่าตัวเองนั้นกลัวนางจะทำอีก ไม่งั้นจะทำใบหลักฐานลายมือนี้ขึ้นมาทำไมล่ะ
“เจ้าจะเขียนไม่เขียน” เห็นท่าทางที่ลังเลของหลิวเซียงแล้ว ฉินจิ่นก็ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ถ้าเจ้าไม่เขียน เราก็ไปศาลาว่าการกัน ถามผู้ว่าว่าควรจะคำนวณยังไง”
หลิวเซียงถูกบังคับจนไม่มีทางเลือก ทำได้แค่ลงลายมือในกระดาษ ทั้งที่ในใจก็เหมือนมีไฟกำลังลุกไหม้อยู่
ในวันรุ่งขึ้นหลังจากที่ทำหลักฐานลายมือของฉินจิ่นและหลิวเซียงนั้น หลิวเซียงก็ทำตามที่บอกไว้ในสัญญา เอาถุงหอมและยาทั้งหมดขนทิ้งไป พอดีกันกับเว่ยจวนที่เอาถุงหอมที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ ไปส่งให้กับฉินจิ่น “พี่สะใภ้รองจ๊ะ วันนี้พี่รีบออกบ้าน จนลืมแม้กระทั่งถุงหอมที่สั่งทำเลยจ้ะ”
ฉินจิ่นก็เห็นว่าตัวเองนั้นยุ่งจนหลงลืมไปหมดแล้ว “คิดว่าวันนี้พี่รองของเจ้าจะเข้าบ้านแม่ย่า เลยกะจะให้เขาเอามา แต่เขาก็ไปล่าสัตว์ซะแล้ว”
“ไม่เป็นไรจ้ะ ข้าก็เอามาให้พี่แล้วนี่ไงจ๊ะ” พูดจบเว่ยจวนก็ปิดปากแล้วหัวเราะ แล้วพูดว่า
“พี่สะใภ้รองรู้ไหมจ๊ะ เมื่อกี้ตอนที่ข้าเพิ่งมานั้นได้ยินว่าหลิวเซียงเอาถุงหอมแล้วก็ยาออกไปหมดแล้ว บอกว่าไม่ขายแล้ว”
ฉินจิ่นพยักหน้า เพื่อบอกว่าตัวเองรู้เรื่องนี้แล้ว
“ผู้หญิงเลวก็ต้องมีวันนี้สักวัน” เว่ยจวนนึกแล้วก็รู้สึกดีใจ “ถ้างั้นพี่สะใภ้อยู่ตรงนี้ก่อน ข้าไปซื้อของแล้วเดี๋ยวจะกลับมาจ้ะ”
รอถึงตอนที่ตัวเองกลับมา ฉินจิ่นก็อึ้งไปหมด “เจ้าซื้อเยอะเกินไปรึเปล่า”
ฉินจิ่นพลิกดูเนื้อพวกนั้น ต่างเป็นเนื้อดีทั้งนั้น
“ทำให้ผู้หญิงชั่วนั่นล้มลงได้ แน่นอนว่าต้องฉลองหน่อย พี่สะใภ้รองจ๊ะ วันนี้มากินข้าวที่บ้านนะ พาเสี่ยวซีมาด้วยนะ” แค่เว่ยจวนนึกถึงสีหน้าที่น่าเวทนาของหลิวเซียงแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มมีความสุข
ฉินจิ่นส่ายหน้า กังวลเล็กน้อย “ข้ารู้สึกว่าหลิวเซียงคนนี้น่ะไม่ได้จบง่ายขนาดนั้น ยังไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่”
“ถ้างั้นซื้อแล้ว ไม่กินก็คงไม่ได้แล้วล่ะ อีกอย่างข้าก็รู้สึกว่ามีพี่สะใภ้อยู่ นางคงไม่สามารถก่อเรื่องอะไรได้หรอก” เว่ยจวนยิ้มดีใจ
รอจนถึงเที่ยงแล้ว ฉินจิ่นกลับไปรับเสี่ยวซีไปกินข้าวที่บ้านเว่ย ในเมื่อเว่ยเหยียนถิงออกไปล่าสัตว์แล้ว ปกติก็จะไม่กลับมากินข้าวเที่ยงที่บ้านแล้ว
“คารวะ ปู่เว่ย ย่าเว่ย” เสี่ยวซีมีมารยาทมาก
เว่ยจวนเห็นแล้วก็ดีใจสุดๆ บีบไปที่แก้มของเสี่ยวซี แล้วพูดว่า “เสี่ยวซี เจ้าสูงขึ้นไม่น้อยเลยนะ”
พวกเขาต่างก็ได้ยินเรื่องที่หลิวเซียงไม่ขายถุงหอมกับยาแล้ว ตอนที่นั่งกินข้าวบนโต๊ะนั้นก็ดีใจสุดๆ
“เสี่ยวซี มา กินเนื้อชิ้นนี้เร็ว” เว่ยจวนคีบเนื้อชิ้นนึงให้เสี่ยวซี
นางเว่ยเห็นท่าทางที่ทุกข์ใจของฉินจิ่นแล้ว ก็พูดด้วยความเป็นห่วงว่า
“สะใภ้รอง เจ้าเป็นอะไรไป ดูเหมือนวันนี้เจ้ากินข้าวไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่”
ฉินจิ่นส่ายหน้า หยิบตะเกียบขึ้นแล้วพูดว่า
“ไม่มีอะไรจ้ะ คงเป็นเพราะช่วงนี้ยุ่งๆ ไปหน่อยน่ะเจ้าค่ะ”
ก่อนที่พายุจะเข้านั้น ผิวทะเลนั้นก็ราบเรียบสงบทั้งนั้น
ฉินจิ่นจำคำนี้ได้อยู่เสมอ ในเมื่อหลิวเซียงไม่ได้เป็นคนที่เรียบง่ายขนาดนั้น ทั้งโลภทั้งหัวรั้น นางนั้นไม่เชื่อจริงๆ ว่าหลิวเซียงจะปล่อยไปง่ายๆ แบบนั้น จนถึงตอนที่กินข้าวเสร็จ ฉินจิ่นเห็นเว่ยเหยียนซิ่นไปตักน้ำ ก็ตะโกนให้เขาหยุด แล้วพูดว่า “พี่มีเรื่องอยากจะให้เจ้าช่วยหน่อยน่ะ”
“ พี่สะใภ้รอง มีอะไรให้ข้าทำก็บอกได้เลย ไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้หรอก” เว่ยเหยียนซิ่นรีบวางถังน้ำลง เกรงว่าฉินจิ่นจะให้เขาทำงานที่ใช้กำลัง ถือถังน้ำไว้คงไม่สะดวกเท่าไหร่
“ข้ารู้สึกว่าหลิวเซียงนั้นไม่ใช่คนที่ถอดใจง่ายๆ เจ้าไปจับตาดูนางอีกสักสองสามวัน ถ้ามีเรื่องอะไร เราจะได้เตรียมตัวรับมือให้ทัน” ฉินจิ่นพูดความคิดในใจของตัวเอง
“ได้ขอรับ” เว่ยเหยียนซิ่นตอบตกลงทันที“วางใจเถอะ พี่สะใภ้รอง ข้าจะคอยดูให้ดี”
......
ไม่นาน โจวหลันหลันก็รู้ข่าวที่หลิวเซียงจะไม่ขายถุงหอมกับยาอีกแล้ว ก็ถามลูกจ้างของบ้านตัวเองว่า “ที่พวกเจ้าพูดน่ะเรื่องจริงรึ”
“แน่นอนว่าเรื่องจริงสิขอรับ ร้านหลิวเซียงน่ะบอกแล้ว ว่าจะไม่ขายถุงหอมอีกแล้ว”
พอโจวหลันหลันได้ยิน จากที่ไม่ได้โมโห ก็โกรธจนขว้างแก้วชาลงบนโต๊ะ
“ไม่ได้เรื่องสักนิดเลยจริงๆ” จากนั้นก็ออกไป ที่ร้านหลิวเซียงทันที
“เถ้าแก่ของพวกเจ้าล่ะ”
พวกลูกจ้างรั้งโจวหลันหลันไว้ไม่อยู่ หลิวเซียงที่อยู่ข้างในนั้นพอได้ยินเสียงก็เดินออกมา พูดว่า
“มีเรื่องอะไรกันแต่เช้า”
คำนี้นั้นมุ่งตรงไปที่โจวหลันหลัน ลูกจ้างของตัวเองนั้น ต่างทำหน้าที่ของตัวเองกัน แต่แค่โจวหลันหลันนั้นมาก็เสียงดังขึ้น
“ยังจะมาถามว่าข้ามาเอะอะโวยวายอะไรอีก รู้กันไปทั่วตลาดแล้ว ว่าเจ้าน่ะไม่กล้าสู้กับฉินจิ่นแล้ว” โจวหลันหลันพูดด้วยใบหน้าเยาะเย้ยว่า
“คนแบบเจ้าน่ะ จะทำอะไรได้ล่ะ”
“โจวหลันหลัน เจ้าพูดจาดีๆ ไม่เป็นใช่หรือไม่” หลิวเซียงยิ่งมองโจวหลันหลันก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิด ถ้าไม่ใช่เพราะโจวหลันหลันเสนอเรื่องไม่ดีให้กับนาง ให้นางไปเอายาจากร้านขายยา ก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น นางก็คงจะไม่ติดกับดักหรอก ทำให้ตัวเองเป็นที่น่าอับอายยังไม่ว่า ตอนนี้ยังจะกล้ามาหยาบคายที่นี่อีก
“ข้าพูดผิดตรงไหน หลิวเซียง เจ้าดูสภาพตอนนี้ของตัวเองสิ ยังอยากจะแต่งงานกับเว่ยเหยียนถิงอีก” โจวหลันหลันม้วนขนเสื้อขึ้น แล้วเสียงก็ดังขึ้นเรื่อยๆ ท่าทางเหมือนว่าจะไม่ได้ใส่ใจภาพพจน์ใดๆ
“เจ้าแต่งเข้าไปได้รึ แค่ฉินจิ่นยังสู้ไม่ได้เลย”
หลิวเซียงนั้นไม่เคยเห็นผู้หญิงที่งี่เงาขนาดนี้มาก่อนเลย อีกอย่างสิ่งที่ตัวเองไม่อยากได้ยินที่สุดในตอนนี้คือ นางสู้ฉินจิ่นไม่ได้ แต่โจวหลันหลันนั้นพูดอยู่ตลอดไม่หยุด
“ข้าดูแล้วเจ้าน่ะเป็นแค่ของไร้ประโยชน์ ถ้าไม่มีปัญญา ก็ไม่ควรจะสู้กับฉินจิ่นแต่แรก ยังจะมาเป็นพันธมิตรกับข้าอีก”
“ออกไปซะ”
หลิวเซียงออกคำสั่งไล่แขก
“เจ้าบอกให้ข้าไปข้าก็ไปงั้นเหรอ เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน”
ไม่ค่อยจะมีใครที่กล้าพูดคำว่าออกไปกับนางเท่าไหร่ แต่หลิวซียงที่ไร้ประโยชน์นั้นยังกล้าที่จะกำเริบเสิบสานอีก
หลิวเซียงทนโจวหลันหลันไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว “ลากนางออกไปซะ”
“เจ้า......เจ้ายังจะกล้าลากข้าอีก......” โจวหลันหลันถูกลูกจ้างร้านหลิวเซียงโยนออกไปทันที แล้วก็ไม่ลืมที่จะด่าด้วยว่า
“นังหลิวเซียง สมน้ำหน้าแล้วล่ะที่ไม่ได้แต่งงาน”
ฉากนี้นั้นถูกเว่ยเหยียนซิ่นที่อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่เห็นขึ้นแล้ว แล้วก็กลับไปบอกฉินจิ่น
“จริงรึ” ฉินจิ่นรู้สึกไม่อยากจะเชื่อสักเท่าไหร่
“จริงขอรับ ข้าเห็นเองกับตา” เว่ยเหยียนซิ่นตอบกลับ
นางส่ายหน้าแต่ไม่ได้ยิ้ม ฉินจิ่นก็แค่สบายใจขึ้นหน่อย แต่ก็ยังกำชับว่า “น้องสี่ เจ้าไปจับตาดูอีกสักสองสามวัน ถ้าไม่มีอะไรแปลกๆ จริงๆ ก็ไม่ต้องดูแล้ว แล้วถ้ามีอะไรก็ให้บอกข้าให้เร็วที่สุด”
แต่แค่ร้านหลิวเซียงก็ไม่ได้ดีอะไร ไม่นานลูกจ้างก็จับสังเกตได้แล้วว่ามีคนมาทำลับๆ ล่อๆ แอบจับตาดูอยู่นอกร้าน
“เถ้าแก่ขอรับ สองสามวันนี้ใครมาป้วนเปี้ยนไปๆ มาๆ อยู่นอกร้านหลิวเซียงของเรา เหมือนจะมาจับตาดูพวกเรายังไงอย่างงั้น” ลูกจ้างรายงานให้กับหลิวเซียง