บทที่ 48 การได้เงินทำให้คนมีความสุข
แต่หลังจากที่เปิดกิจการไป ฉินจิ่นก็สังเกตเห็นว่ามีคนไม่น้อยชอบกินเนื้อกระต่าย เลยไปล่ากระต่ายกับเว่ยเหยียนถิงในป่า ถ้าล่ากระต่ายได้เยอะ แล้วเลี้ยงให้พวกมันกินผักเยอะเกินไป เนื้อกระต่ายนี้ก็จะไม่มีกลิ่นอายของความเป็นกระต่ายป่าเท่าตอนแรกแล้ว แล้วแบบนั้นก็จะทำให้ขายไม่ออก
แบบนี้ไม่ได้การแล้ว ฉินจิ่นกำลังไตร่ตรองอยู่ เนื้อกระต่ายนี้ต้องกินคู่กับอะไรสักอย่างถึงจะได้รสชาติ
ฟู่……แต่จะกินคู่กับอะไรดีล่ะ
ต่างบอกกันว่าไก่ทอดนั้นคู่กับเบียร์นั้น ฟินราวกับได้ขึ้นสวรรค์ แล้วฉินจิ่นก็เกิดไอเดียขึ้นทันที งั้นเนื้อกระต่ายก็คู่กับเหล้าได้ไง
“เราสามารถทำอาหารให้เป็นชุดแล้วขายด้วยกันได้” ฉินจิ่นจับแขนของเว่ยเหยียนถิงไว้ ก็ยิ้มแล้วพูด
“อะไรคืออาหารชุดรึ” เว่ยเหยียนถิงและเว่ยจวนถามขึ้นพร้อมกันด้วยความสงสัย
“ก็คือเอากระต่ายป่าและเหล้าขายด้วยกัน แบบนี้ก็จะได้ขายเหล้าออกไป แล้วก็ได้ขายกระต่ายออกไปด้วย”
บอกจะทำก็ทำเลย ฉินจิ่นรีบบอกคนครัวว่าให้ทำเนื้อกระต่ายตุ๋นทันที จากนั้นก็แขวนป้าย เนื้อกระต่ายแกล้มเหล้า ชั่วฟ้าดินสลาย ชุดละสามสิบเหวิน
เป็นเพราะทุกคนต่างรู้สึกแปลกใหม่ ไม่เคยซื้อแบบนี้มาก่อน และไม่มีใครเคยขายแบบนี้มาก่อน
“เถ้าแก่ กระต่ายแกล้มเหล้าของเจ้าน่ะ เป็นยังไง”
ฉินจิ่นเห็นว่ามีคนถามเรื่องนี้ ก็ตอบอย่างดีใจว่า “ถ้าเนื้อกระต่ายอย่างเดียวนั้นยี่สิบเหวิน เหล้าอย่างเดียวขวดละสิบห้าเหวิน รวมกันก็จะเป็นสามสิบห้าเหวินจ้ะ แต่อาหารชุดกระต่ายแกล้มเหล้านั้นจ่ายค่าสามสิบเหวินคุ้มมากเลยนะเจ้าคะ”
“เป็นเนื้อกระต่ายที่ไม่ดีรึไม่” คนคนนั้นเห็นว่าคุ้มขนาดนี้ ก็กังวลเล็กน้อย
“เป็นมิตรบ้านเรือนเคียงกันทั้งนั้น เราจะหลอกท่านได้ยังไงล่ะเจ้าคะ” ฉินจิ่นพูด
“สิ่งที่สำคัญสำหรับการเปิดร้านนั้นคือความน่าเชื่อถือ ถ้าพวกข้าหลอกท่านแล้ว ต่อไปท่านก็คงไม่มาซื้ออีก การค้าขายที่ขาดทุนแบบนี้ ข้าไม่ทำหรอกเจ้าค่ะ”
คนคนนี้ฟังแล้วก็วางใจขึ้น อีกอย่างเขาก็เคยได้ยินเรื่องเถ้าแก่ฉินคนนี้มาว่า เวลาคนคนนี้ขายของนั้นจะไม่หลอกลวง พอพูดแบบนี้แล้ว ก็ยิ่งรู้สึกว่าคนคนนี้นั้นเหมือนกับคำร่ำลือไม่มีผิด
“เอาละ เอาให้ข้าชุดนึง”
“ได้เจ้าค่ะ”
ฉินจิ่นรีบบอกให้เชฟทำชุดนึงทันที ในตอนที่นำมาวางนั้น ทุกคนต่างก็พากันมองอาหารชุดนี้
เว่ยจวนยกมาไว้บนโต๊ะเขาอย่างมีมารยาท “ลูกค้าเจ้าค่ะ ลองชิมดู ว่ารสชาติเป็นยังไง”
คนคนนั้นสูดดมแรงๆ ไปทีนึง ก็ยกนิ้วโป้งขึ้นแล้วบอกว่า “หอม หอมจริงๆ”
ฉินจิ่นยิ้มแล้วพูดว่า “รสชาติเป็นยังไงบ้าง ถูกปากท่านหรือไม่เจ้าคะ”
คนคนนั้นชิมไปคำนึงด้วยความอดใจไม่ไหวแล้วพูดว่า “เถ้าแก่ฉิน ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว เนื้อกระต่ายนี้ของเจ้ามันอร่อยมาก เหล้าก็ดีด้วย”
คนทั้งร้านก็พากันหัวเราะกันหมด เห็นเขากินได้อร่อยขนาดนี้แล้ว แต่ละคนก็อดใจไม่ไหว
“เถ้าแก่ เอามาให้ข้าชุดนึง”
“เถ้าแก่ ข้าก็เอา”
“เถ้าแก่ ข้าด้วย”
ไม่นาน กระต่ายกว่าสิบตัวที่ค้างสต๊อกนั้นก็ถูกขายออกไปหมดแล้ว ฉินจิ่นก็รู้สึกพึงพอใจมาก ตอนคิดยอดขายตอนกลางคืนนั้น อาหารชุดนั้นขายได้สามก้วน ส่วนเงินเศษที่เหลือนั้น ก็ขายได้อีกก้วนนึง รวมแล้ววันนี้ก็ขายได้ทั้งหมดสี่ก้วน
ฉินจิ่นยิ้มไม่หุบ “ดี ดีมากเลย ฮ่าๆๆๆ”
……
พอเปิดร้านในเช้าวันต่อมา ฉินจิ่นนึกถึงผลที่ได้เมื่อวานก็รู้สึกดีใจมาก
วันนี้ฉินจิ่นอยู่ช่วยที่ร้าน และไม่จำเป็นต้องออกไปล่าสัตว์ด้วย
“เถ้าแก่”
ฉินจิ่นก็ต้อนรับอย่างร่าเริง “ลูกค้าเจ้าคะ ท่านจะรับอะไรดีเจ้าคะ”
“ข้าได้ยินว่าเมื่อวานนี้เนื้อกระต่ายของเจ้านั้นดีมาก แล้วก็ยังมีเหล้ารสชาติดี ราคาก็ไม่แพง เอามาให้ข้าชุดนึง”
ฉินจิ่นพูดด้วยความรู้สึกผิดว่า “โธ่ ทำไมบังเอิญเช่นนี้ หมดตั้งแต่เมื่อวานกลางคืนแล้วเจ้าค่ะ”
“แล้วจะมีอีกเมื่อไหร่ล่ะ”
“อันนี้ข้าก็พูดไม่ได้เช่นกันเจ้าค่ะ”
แล้วคนคนนั้นก็หันตัวเดินกลับไป “เอาเถอะ”
บทสนทนานี้ถูกเว่ยเหยียนถิงได้ยินเข้าแล้ว ก็ออกมาบอกว่า “อาจิ่น ต่อไปพี่จะรับผิดชอบไปล่าสัตว์เอง แบบนี้ก็จะได้มีเนื้อกระต่ายที่ใช้ได้ทุกวัน”
แต่ว่าหลังจากที่ตัวเองไปล่าสัตว์กับเขาเมื่อวานแล้ว ฉินจิ่นก็รู้สึกว่าแบบนี้มันลำบากมาก เลยพูดว่า “ไม่ต้องไปแล้วจ้ะ เราไม่ขายเมนูนี้แล้ว”
“ไม่ได้นะ มีโอกาสได้ค้าขายแล้วเราก็อย่าปฏิเสธเลย”
แต่ฉินจิ่นขัดเขาไม่ได้ เว่ยเหยียนถิงก็คว้าเอาธนูแล้วก็ออกไป แล้วตกดึกก็เอากระต่ายกลับมาอีก
ช่วงเวลานั้น ธุรกิจร้านอาหารไปได้ดีมาก
“พี่ถิง” ในตอนที่เว่ยเหยียนถิงยังไม่ได้ออกบ้านนั้น ฉินจิ่นเลยเรียกเขามา
“เกิดอะไรขึ้นรึ” เว่ยเหยียนถิงไม่เข้าใจ
ฉินจิ่นก็หยิบรองเท้าคู่นึงออกมาจากใต้โต๊ะ “ให้พี่จ้ะ”
“ให้พี่รึ” เว่ยเหยียนถิงดีใจจนแทบบ้า “จริงรึ”
“แน่นอนสิ รีบลองเร็ว” ฉินจิ่นดันเขาให้ไปนั่งอีกฝั่งนึง
เว่ยเหยียนถิงเปลี่ยนรองเท้า ไซส์ใส่ได้พอดี การออกแบบก็สวยมาก ก็พูดอย่างดีใจว่า
“อาจิ่น รองเท้านี้ใส่สบายเท้ามากเลย ทำไมอยู่ดีๆ ถึงคิดอยากซื้อรองเท้าให้พี่ล่ะ”
ฉินจิ่นเห็นเว่ยเหยียนถิงดีใจจนเหมือนเด็ก ตัวเองก็ดีใจมาก “พี่ไปข้างนอกทุกวัน แน่นอนว่าต้องใช้รองเท้าสักคู่สิ”
แล้วตอนนี้เว่ยจวนก็มาพอดี หน้าตาเร่งรีบมาก
“ขอโทษด้วยจ้ะพี่สะใภ้รอง วันนี้ข้ามาสายเลย เมื่อวานกลับไปดึก เลยเผลอหลับไปแล้วก็เพิ่งจะตื่นตอนนี้น่ะจ้ะ”
ฉินจิ่นก็รู้สึกได้ “ยุ่งมากจริงๆ ดูท่าทางแล้วเราต้องจ้างคนแล้วล่ะ’
ไม่นาน ฉินจิ่นก็แปะประกาศรับสมัคร ผ่านไปไม่นานก็มีคนมาสมัคร
“เถ้าแก่ ท่านหาลูกจ้างอยู่รึเปล่าจ๊ะ” คนที่มานั้นสะพายกระเป๋าเสื้อผ้าอยู่ด้านหลังแล้วถามอยู่ที่ประตู
“ใช่จ้ะ” ฉินจิ่นมองพิจารณาดูคนนี้แล้ว ผอมแห้งหน้าซีด เหมือนไม่ได้กินข้าวอิ่มมานานยังไงอย่างงั้น “เจ้าจะสมัครรึ”
“ใช่จ้ะ” คนคนนั้นดูเหมือนจะกลัวว่าฉินจิ่นจะไม่รับตัวเอง แล้วก็บอกว่า “ข้าทำได้ทุกอย่าง ไม่กลัวลำบากจ้ะ เงินน้อยหน่อยไม่เป็นไร กินฟรีอยู่ฟรีก็พอจ้ะ”
ฉินจิ่นหัวเราะ “ที่นี่เราก็ไม่ได้มีงานหนักอะไรให้ทำ ที่มีก็คือทำความสะอาด ยกอาหาร เรื่องเงินน่ะจะให้เจ้าเดือนละสามก้วน”
“จ้ะๆๆ” แล้วคนนั้นก็ตอบตกลงอย่างเต็มปาก
เว่ยจวนก็ยิ้ม แล้วก็ได้ลูกจ้างมาแบบนี้ถึงสองคน แล้วยังมีคนนึงที่เป็นคนล่าสัตว์อีกด้วย
“พี่สะใภ้รองจ๊ะ พี่หาคนล่าสัตว์มาทำไมหรือจ๊ะ สัตว์พี่รองออกไปล่ามาก็พอที่เราจะขายแล้วไม่ใช่หรือจ๊ะ”
ฉินจิ่นนึกถึงท่าทางของเว่ยเหยียนถิงต้องลำบากอยู่ทุกวันแล้ว “เจ้าดูพี่รองของเจ้าสิ ต้องลำบากอยู่ทุกวัน ตื่นเช้ากลับดึกไปล่าสัตว์ สองคนสลับกัน เขาก็จะได้พักหน่อย”
เว่ยจวนเห็นฉินจิ่นเป็นแบบนั้นก็แอบหัวเราะ “พี่สะใภ้รองรักพี่รองมาก ทำให้คนอิจฉาจริงๆ”
“ไปๆๆ” ฉินจิ่นโดนเว่ยจวนแซวจนหน้าแดง “รีบไปทำงานเร็ว”
กิจการร้านอาหารร้อยรสก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ฉินจิ่นมีกลยุทธ์ดี เว่ยจวนก็บริการได้ดี เพราะฉะนั้นทุกคนเลยมากินข้าวร้านพวกเขา
นี่ทำให้กิจการร้านเพียวเซียงที่อยู่ใกล้ๆ และอยู่มาก่อนนั้นแย่ลงทันที
“นี่มันอะไรกัน ฉินจิ่นเปิดร้านอาหารใหม่ ธุรกิจร้านเราก็ไม่รุ่งเรืองอีกเลย” เถ้าแก่ของร้านเพียวเซียงโมโหหนัก
“เถ้าแก่ แบบนี้ก็เป็นปกติแหละขอรับ ร้านอาหารเปิดใหม่ก็ต้องกระทบกับธุรกิจเราอยู่แล้ว” คนใช้บ่นพึมพำ
“ปกติอะไร ก็เพราะพวกเจ้าไม่ได้ทำงานเต็มที่ไงล่ะ สุดท้ายถึงทำให้ธุรกิจของเราสู้พวกมันไม่ได้”
ลูกจ้างไม่กล้าเถียง เพราะรู้ว่าเถ้าแก่อารมณ์ไม่ดี ถ้าเถียงไปอีกก็ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น