px

เรื่อง : เส้นทางแห่งโชคชะตา (นิยายแปล) ปลดล๊อคตอนฟรี วันละ 1 ตอน
เล่ม 1 ตอนที่ 1: ถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำ


เล่ม 1 ตอนที่ 1: ถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำ

 

            เม็ดฝนที่เย็นยะเยือกพร้อมกับลมหนาวที่พัดเข้ามาปะทะใบหน้าของมู่หรงเสี่ยวเทียนอย่างไม่ขาดสายนั้น นอกจากจะไม่สามารถทำให้เขารู้สึกโกรธขึ้นมาได้ แต่มันยังทำให้ความเย่อหยิ่งจองหองและหัวใจที่แข็งกระด้างของเขานั้นสงบลง

 

            เสียงฟ้าร้องยังคงดังกึกก้องกังวานไปทั่วทั้งเมือง เมื่อฟังดูแล้วมันคล้ายกับกลองรบที่กำลังตีรัวท่ามกลางสงครามอันแสนหฤโหด มีแสงสีขาวระยับตาฟาดฟันลงมาจากเมฆที่มืดครึ้มเป็นระยะ มันส่องสว่างเจิดจ้าเป็นครั้งคราว จากนั้นก็หายไปในความมืดมิดที่ไร้ขอบเขตแทบจะทันที

 

            ในความมืดมิดนั้น รอยแผลเป็นที่ลากยาวจากหน้าผากจนถึงหางตาของมู่หรงเสี่ยวเทียนนั้นยังคงชัดเจนไม่เปลี่ยนแปลง ใบหน้าของเขาบูดเบี้ยวและเต็มไปด้วยความโกรธแค้นที่ไม่อาจจะบรรยายออกมาได้ ใบหน้านั้นดูขมขื่นและน่ากลัวอย่างมาก ขณะที่ชายร่างสูง 180 เซนติเมตร กำลังเดินเข้ามาราวกับปีศาจในค่ำคืนอันมืดมิดท่ามกลางพายุที่โหมกระหน่ำ

 

            “ไฮซี นายจะต้องไม่ตายเปล่า ฉันคนนี้จะต้องทำให้ไอ้หัวล้านนั่นตายอย่างสาสม ! ” เสียงร่ำไห้ดังก้องในใจของเขา

 

            “ครืน ! ! ” เสียงฟ้าผ่ายังคงดังอย่างต่อเนื่อง  แสงวับวาบสาดส่องลงมาอย่างไม่หยุดยั้ง

 

            “ตึง ! ” มู่หรงเสี่ยวเทียนใช้เท้าของเขากระแทกเข้าไปยังประตูบ้านที่ทรุดโทรมหลังหนึ่งในเขตตงเฉิงของเมืองเค

 

            “ตูม ! ” ฉากเก่า ๆ ในอดีตได้แล่นผ่านเข้ามาในหัวของเขาราวกับว่าเป็นสายน้ำอันพริ้วไหวที่ไม่สามารถควบคุมได้ ความเจ็บปวดได้ปะทุขึ้นมาทั่วทั้งหัวใจราวกับหอกที่ทิ่มแทงเข้าใส่อย่างรุนแรง มันเหลือเพียงความโศกเศร้าและความสิ้นหวังที่ไม่สิ้นสุดเท่านั้นที่เหลืออยู่

 

            ในบ้านทรุดโทรมหลังนั้น ชายหัวล้านกระโจนลุกขึ้นมาจากที่นอนของเขาเพราะตกใจกับเสียงของประตูที่ถูกกระแทกอย่างรุนแรง ร่างกายท่อนบนของเขานั้นเปลือยเปล่า และเข็มขัดที่เอวของเขานั้นก็ถูกปลดเอาไว้เหลือเพียงแค่ครึ่งหนึ่ง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลและรอยขีดข่วน รวมกันนั้นก็ยังมีคราบเลือดจาง ๆ อยู่หลายแห่งทั่วตัว  เขาตัวสั่นเล็กน้อยในขณะที่สายลมอันหนาวเหน็บพัดผ่านประตูเข้ามาปะทะกับร่าง

 

            ที่มุมห้องนั้น หญิงสาวคนหนึ่งกำลังอยู่ในท่าทางสิ้นหวังอย่างถึงที่สุด  เธอกำเสื้อผ้าที่ขาดเอาไว้แน่นหนาและมีใบหน้าที่ซีดขาวราวกระดาษ

 

            ความกลัวในจิตใจของมู่หรงเสี่ยวเทียนนั้นจางหายไป จากนั้นน้ำตาก็ไหลอาบแก้มของเขา ความรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้างปรากฏขึ้นมาทันที

 

            การกระทำของเขาแข็งทื่อราวกับว่าเป็นหุ่นยนต์ ทันใดนั้นมู่หรงเสี่ยวเทียนก็ถอดเสื้อแจ็คเก็ตที่เปียกโชกไปด้วยน้ำฝนออกมา พร้อมกับดึงขวานที่คมกริบขึ้นมาจนเห็นประกายระยิบระยับเมื่อมันสะท้อนแสง

 

            “เทียน เทียน เทียนไซ แก แกต้องการจะทำอะไร ? ” ชายหัวล้านตัวสั่นสะท้านอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เขากำลังก้าวถอยหลังออกไป

 

            “แก ไอ้ชาติชั่ว ทำไมถึงทำเรื่องสารเลวแบบนี้ ? แม้แต่ผู้หญิงของพี่ แกก็ยังไม่ละเว้น ! ” เสียงที่เย็นชาดังก้องไปทั่ว ทุกคำพูด ทุกย่างก้าว ที่เขาค่อย ๆ เดินเข้าไปหาชายหัวล้านคนนั้นดูราวกับว่าเป็นร่างที่มาจากนรก

 

            “เทียนไซ แกจะทำอะไร ? ไฮซีก็ตายไปแล้ว ผู้หญิงคนนั้นก็จะต้องเปลี่ยนไปเป็นของคนอื่น ฉันเองก็ยังไม่ได้ทำอะไรเธอเลยแม้แต่น้อย” ชายหัวล้านแสดงความกลัวออกมา

 

            “เธอออกไปซะ ! ” มู่หรงเสี่ยวเทียนจ้องมองไปที่ผู้หญิงคนนั้นด้วยท่าทีที่เย็นชา

 

            หญิงสาวตัวสั่นเทา เธอรีบเดินหายไปในความมืดท่ามกลางลมพายุของค่ำคืนนั้น

 

            “เทียนไซ เรามาเป็นพี่น้องกันเถอะ อย่าทำให้มือแกเปื้อนเลือดเพราะเรื่องแค่นี้เลย”

 

            “พี่น้องงั้นหรือ ? ” มู่หรงเสี่ยวเทียนหัวเราะออกมาด้วยความเคียดแค้น น้ำเสียงของเขาเหมือนคนบ้าดีเดือดที่กำลังเสียสติ “กล้าขายไฮซีให้กับเจ้าอ้วนหลี่ แล้วทำไมแกถึงกล้าดีมาพูดถึงคำว่าพี่น้องอีก ? ”

 

            ใบหน้าของชายหัวล้านเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน “เทียนไซ ยกโทษให้ฉันด้วย แก....ไม่นะ ไม่...อย่าฆ่าฉัน การฆ่าคนจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต” ชายหัวล้านอ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง ร่างกายของเขาสั่นสะท้านราวกับว่าเป็นใบไม้ที่ถูกพัดไปในสายลม

 

            “ไม่ต้องห่วง ฉันยังเพิ่งจะ 18 ปีเอง อีกอย่างฉันก็ไม่ต้องการที่จะร่วมมือกับแกอีกต่อไป” น้ำเสียงของมู่หรงเสี่ยวเทียนดูโหดร้ายและป่าเถื่อนเป็นอย่างมาก เมื่อพูดจบเขาก็]ลงมือเชือดเฉือนร่างของชายหัวล้านคนนั้นโดยการใช้ขวานที่คมกริบในมือของเขาสับลงไปอย่างบ้าคลั่ง

 

            ในช่วงเวลานั้นฝนยังคงกระหน่ำลงมาอย่างไม่ขาดสาย มันจึงทำให้ไฟฟ้าทั่วทั้งเมืองดับลงในยามค่ำคืน

 

            มู่หรงเสี่ยวเทียนยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปราย เขามองขึ้นไปบนฟ้าและปล่อยให้น้ำฝนที่เย็นฉ่ำนั้นร่วงโรยลงมาเพื่อชำระล้างความเศร้าโศกในใจของเขา

 

            ตอนนี้หัวใจของเขานั้นแตกสลาย ปลายทางของสวรรค์นั้นอยู่ที่ใด ? มู่หรงเสี่ยวเทียนชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้าและตะโกนออกมาว่า “ไอ้พระเจ้าเฮงซวย โลกนี้มันช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย ! ”

 

            ………………….

 

            ใบไม้ที่ร่วงหล่นจะถูกสายลมพัดพาไปที่แห่งใด ? ขึ้นไปบนฟ้าหรือว่าร่วงหล่นลงบนพื้นดิน ?

 

ร่างของเซิงเฟยวู่ที่เหมือนกับปีกของนางฟ้า ได้นำพาความสุขอันแสนยาวนาน ความรักที่ตื่นขึ้นนั้นซ่อนอยู่แห่งหนใด หรือเหลือเอาไว้เพียงแค่กลิ่นหอมของวันวาน

 

            ความอบอุ่นของปีกนางฟ้า ท่ามกลางความปวดร้าวอันแสนยาวนาน ฉันเชื่อว่าเธอนั้นจะยังอยู่ที่นี่และไม่จากไป

 

            ความรักของฉันจะปกป้องเธอเหมือนกับนางฟ้า ถ้าหากว่าต่อจากนี้จะไม่มีฉันอีกต่อไป เธอจะหาคนที่เข้าใจแบบฉันได้ที่ไหนอีก

 

            ท่วงทำนองที่ไพเราะสวยงามและเศร้าโศกนั้นพรั่งพรูขึ้นมาในหัวของเขาตลอดระยะทางที่เขาเดินไปบนท้องถนน

 

            “คุณลุง ร้องไห้ทำไมกันคะ ? ” เสียงของเด็กน้อยที่ไร้เดียงสาดังเข้ามาในหูของมู่หรงเสี่ยวเทียน

 

            “โอ้ว” มู่หรงเสี่ยวเทียนที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ ก็ได้สติกลับมา เขามองไปยังดวงตาคู่นั้นที่เต็มไปด้วยความสงสัยซึ่งอยู่ตรงหน้าของเขา “อ้อ พอดีว่าฝุ่นมันเข้าตาลุงน่ะ” เขารีบปาดน้ำตาทิ้งไป จากนั้นก็ใช้มือหมุนด้านข้างประตูเพื่อปิดหน้าต่างรถ

 

            เมื่อมองไปยังด้านนอก ตอนนี้รถของพวกเขาก็ค่อย ๆ เคลื่อนตัวเข้ามายังเขตเมืองเคอย่างช้า ๆ ร่องรอยแห่งความเศร้าโศกได้ผ่านเข้ามาในหัวใจของเขา มันเป็นเวลานานกว่าสิบปีแล้วที่เขายังคงเจ็บปวด จากเมืองเคแห่งนี้ การที่เขากลับมาในวันนี้ถึงแม้ว่ามันจะล่วงเลยไปมากกว่าสิบปี แต่ทว่าเวลานานขนาดนี้ก็ไม่สามารถรักษาบาดแผลในใจของเขาได้

 

            ตรงปลายสุดของถนนแห่งนั้น มีทั้งความรักและหัวใจที่แตกสลาย ช่วงเวลาเก่า ๆ ได้ย้อนเข้ามาในความทรงจำของเขาอีกครั้ง  ตอนนี้สิ่งต่าง ๆ ได้เปลี่ยนไป สิ่งที่ทิ้งไว้มีเพียงคราบน้ำตาที่อยู่เต็มใบหน้า

 

            มู่หรงเสี่ยวเทียนกำลังยืนอยู่บนถนนที่เร่งรีบและพลุกพล่านไปด้วยผู้คน เขาจ้องมองอย่างเหม่อลอยไปที่ผู้คนมากมายซึ่งกำลังสัญจรผ่านไปมา กาลเวลาที่ผันเปลี่ยนไปถึงสิบปีนี้ทำให้เขาแทบจะไม่สามารถจำภาพในอดีตของเมืองเคได้เลยแม้แต่น้อย

 

            บ้านของฉัน ? อยู่ตรงไหนกันนะ ? ที่ไหนคือที่ที่ใจเราเรียกว่าบ้านในตอนอดีต ? ตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว มีเพียงตึกที่ตั้งตระหง่านละลานตาเท่านั้นที่บดบังพื้นที่แทบไม่เหลือกลิ่นอายเดิม

 

            นี่ฉันยังมีบ้านให้กลับอยู่หรือ ? มู่หรงเสี่ยวเทียนส่ายหัวไปมาและยิ้มออกมาอย่างขมขื่น เขาสงสัยเป็นอย่างมากว่าตอนนี้น้องชายและน้องสาวของเขาจะสบายดีหรือไม่ ? มู่หรงเสี่ยวเทียนเงยหน้าขึ้นมาและถอนหายใจเบา ๆ อีกครั้ง ฝันร้ายจากสิบปีที่แล้วยังคงเป็นภาพติดตาของเขาไม่ลืมเลือน

 

            ในตอนนั้นเขาได้เดินไปยังประตูบ้านของหลินเสี่ยวหมิง เขาเป็นอาจารย์ใหญ่ในโรงเรียนมัธยมอันดับหนึ่งของเมืองเค จากนั้นก็กดกริ่งอย่างบ้าคลั่ง เลือดที่ติดอยู่บนร่างกายของเขาถูกน้ำฝนที่กระหน่ำลงมาชะล้างจนทำให้พื้นกลายเป็นสีแดงฉาน

 

            “เสี่ยวเทียน มันเกิดอะไรขึ้นกับนาย ? มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย ? ” ชายวัยกลางคนเปิดประตูออกมา ก่อนจะตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น

 

            “ผมฆ่าคนมาครับ” ภายใต้แสงสลัวในห้องของเขา ใบหน้าของมู่หรงเสี่ยวเทียนบูดเบี้ยวและดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก

 

            “อะไรนะ นาย...? ” เขาตกใจอย่างสุดขีดและพูดไม่ออกกับสิ่งที่ได้ยิน สีหน้าของมู่หรงเสี่ยวเทียนไร้ความรู้สึกและสายตาของเขาก็ดูแข็งทื่อ

 

            ชายวัยกลางคนที่กำลังตกใจก็ได้สติกลับมา สักพักความเสียใจก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเขา  “เสี่ยวเทียน กฎหมายนั้นไร้ความปราณี นายเองก็ต้องกล้าเผชิญหน้ากับสิ่งที่เกิดขึ้น ฉันจะไปส่งนายมอบตัวที่สถานีตำรวจ”

 

“ตึง ! ” เสี่ยวเทียนทรุดลงบนพื้นด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ “ผมไม่อยากให้ลุงไปด้วย ผมจะไปเอง แต่ที่ผมมาวันนี้เพื่อที่จะมาขอร้องอะไรบางอย่างจากลุงหลิน”

 

            “ลุกขึ้นมาเร็วเข้า บอกฉันมา ว่านายต้องการจะให้ฉันช่วยอะไร ? ” น้ำตาเริ่มไหลออกมาจากดวงตาของชายวัยกลางคน

 

            “พวกเราสามพี่น้องมักจะรบกวนลุงอยู่เสมอ ๆ ผมรู้ดีว่าลุงหลินนั้นเป็นคนดี ผมอยากจะขอให้ลุงช่วยอุปการะน้อง ๆ ของผมด้วย” มู่หรงเสี่ยวเทียนโขกศีรษะคำนับซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นการขอร้อง

 

            “เสี่ยวเทียน ลุกขึ้นมาก่อน ลุงให้คำมั่นสัญญากับนายว่าจะดูแลน้องของนายเอง” ชายวัยกลางคนพยายามพยุงร่างของมู่หรงเสี่ยวเทียนให้ลุกขึ้นมา เสียงของเขาสั่นเครือเล็กน้อย จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมาและถอนหายใจ “โชคชะตามักจะกลั่นแกล้งผู้คนเสมอ”

 

            “ลุงหลิน ได้โปรดอย่าบอกน้องสาวและน้องชายของผมเรื่องนี้...” มู่หรงเสี่ยวเทียนลุกขึ้นยืน เขาคร่ำครวญออกมาไม่หยุดหย่อนจนฟังไม่ได้ความ เขาโค้งคำนับชายวัยกลางคนที่เต็มไปด้วยความมึนงง และหันหลังกลับไปตามลำพัง จากนั้นก็วิ่งหายไปในสายลมหนาวที่อยู่ท่ามกลางสายฝน

 

            “เฮ้ออ” ชายวัยกลางคนส่ายหัวไปมา เขาดึงสติกลับมา เสี่ยวเทียนเคยเรียนอยู่ที่โรงเรียนมัธยมอันดับหนึ่งของเมืองเค ตอนนั้นอาจารย์ใหญ่หลินนั้นก็ได้ลาออกไปเพื่อที่จะทำธุรกิจส่วนตัวเมื่อสิบปีก่อน จากนั้นเขาก็ได้นำน้องชายและน้องสาวของเขาไปด้วย

 

            เสี่ยวยี่ เสี่ยวเฟิง พวกเธอจะสบายดีไหม ? มู่หรงเสี่ยวเทียนกระตุกมุมปาก ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างไม่เต็มใจ ที่แห่งนี้มีผู้คนมากมาย เขาควรจะลืมมันไปก่อน เพราะตอนนี้เขายังไม่ต้องการที่จะไปหาสองคนนั้น อย่างแรกที่เขาควรจะทำก็คือหางานและตั้งหลักปักฐาน พูดตามตรงตอนนี้เงินของเขาก็เหลือไม่มากแล้ว

 

            “คุณมีความสามารถพิเศษอะไรบ้าง ? ”

 

            “ไม่มีครับ”

 

            อีกฝ่ายส่ายหัวอย่างสิ้นหวัง

 

            ......................

 

            “ขอโทษนะคะ ระดับการศึกษาของคุณอยู่ระดับไหน ? ”

 

            “คือ... ผมเรียนไม่จบมัธยมปลายครับ”

 

            “ถ้างั้นก็ขอโทษด้วยนะคะ.....”

 

            ……………..

 

            “คุณเคยทำงานมาแล้วกี่ปีคะ ? ”

 

            “ไม่เคยครับ”

 

            “ถ้าอย่างงั้นก็ เสียใจด้วยนะคะ เราไม่สามารถรับคุณเข้ามาทำงานได้จริง ๆ ” พนักงานรับสมัครส่ายหัวไปมา

 

            ...............

 

            “คุณเพิ่งจะพ้นโทษออกมาหรือคะ ? ฉันต้องขออภัยด้วยนะ”

 

            มู่หรงเสี่ยวเทียนส่ายหัวไปมาและจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ

 

            ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เขาได้วิ่งหาที่สมัครงานอยู่หลายสิบแห่งและสัมภาษณ์งานมามากมาย แต่ก็ไม่มีคำว่า “เริ่มงานได้” เลยสักแห่ง สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกสิ้นหวังและเศร้าโศกเป็นอย่างมาก วันพรุ่งนี้เขาจะไปอยู่ที่ไหน ? มู่หรงเสี่ยวเทียนที่รู้สึกไร้หนทาง และสิ้นหวังได้เดินเตร่ไปทั่วท้องถนนอย่างไร้จุดหมาย

 

            และแล้ว “โชคชะตา” ก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าเขา

 

            “กลุ่มหนานเทียนรับสมัครนักเล่นเกมมืออาชีพ เพื่อสร้างทีมที่ยอดเยี่ยมที่สุด โดยทางเราจะให้เงินเดือนที่สูง รวมถึงสวัสดิการที่ดี  ผู้ที่สนใจสามารถเข้ามาสมัครร่วมกลุ่มกับพวกเขาได้ที่กลุ่มหนานเทียนสาขาเอเชีย ก่อนเวลา 17.00 น. หมดเขตวันที่ 1 มกราคม 2010 รายละเอียดของสถานที่ตั้งอยู่ที่บ้านเลขที่ 8 ถนนไมซอน ย่านชิงม่า เมืองเค ประเทศจีน”

 

            ป้ายประกาศโฆษณานี้สะดุดตามู่หรงเสี่ยวเทียนเป็นอย่างมาก มันถึงกับทำให้รอยยิ้มที่หายไปของเขาปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าที่มืดมน

 

            “ฉันเคยเล่นเกมตำนานวีรบุรุษสามก๊กมาก่อน ฮ่าฮ่าฮ่า มันไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะบอกว่าฉันก็เป็นมืออาชีพมาก่อนเหมือนกัน” มู่หรงเสี่ยวเทียนพึมพำออกมา

 

            หลังจากที่เขาอ่านป้ายรับสมัครผู้เล่นเกมมืออาชีพอย่างละเอียด เขาก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาและมีแรงบัลดาลใจมากขึ้นหลังจากที่เดินหางานมาทั้งวัน

 

            ประเทศต่าง ๆ มากกว่า 24 ประเทศ รวมทั้ง จีน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา เยอรมนี กว่าสิบปีที่ผ่านมาพวกเขาได้ร่วมลงทุนไปกว่า 300,000 ล้านดอลล่าห์ เพื่อที่จะสร้างเกมจำลองเสมือนจริงขนาดใหญ่ขึ้นมา พัฒนาโดยนักวิทยาศาสตร์หลายพันคน จนได้เกมที่มีชื่อว่า “เดสตินี่” ออกมา โดยตัวเกมจะเป็นภาพเสมือนที่ดูสมจริงเป็นอย่างมาก

 

 

To be continued…

 

           

           

           

รีวิวผู้อ่าน