เล่มที่ 1 ตอนที่16: สัญญาที่ยังติดค้างตลอด 10 ปี (1)
ท้องฟ้าที่มืดครึ้มค่อย ๆ จางหายไปก่อนรุ่งสางจะเข้ามาแทนที่อย่างเงียบเชียบ แสงสว่างสีทองรำไรปรากฏขึ้นมาบนขอบฟ้าอันไกลโพ้นสว่างไสว ที่ด้านนอกชายป่าของเมืองโนวิซ 110 มีผู้เล่นที่ชื่อว่าโจรหรือมู่หรงเสี่ยวเทียนนั้นกำลังนั่งสมาธิอยู่ แน่นอน อย่างน้อยก็ยังมีกางเกงในตัวจิ๋วติดตัวเขามา
ความสุขจากการได้รับหินสีเลือดของเมื่อวานมลายหายไปจากการถูกมอนสเตอร์หัวม้าฆ่าตายหลายครั้งหลายครา
“ให้ตายเถอะ 2 ครั้งแล้วนะ หรือว่ามันถึงขีดจำกัดแล้ว ? ” มู่หรงเสี่ยวเทียนจ้องไปที่ฝูงมอนสเตอร์หัวม้าที่มีประมาณสองโหล พวกมันอยู่ห่างจากเขาออกไปไม่ไกลมากนัก เขากัดฟันแน่น เพราะเมื่อวานเขามัวไปเสียเวลาอยู่กับชายชราขุดแร่ไปเสียส่วนใหญ่ และเขาเองก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงตารางหรือแผนการแต่อย่างใด และหลังจากที่กินอาหารมื้อค่ำเสร็จแล้ว เขาก็ออกไปล่ามอนสเตอร์ถึงดึกดื่น เมื่อเวลาล่วงเลยมามากกว่า 10 ชั่วโมงสำหรับการดิ้นรนอันแสนหฤโหด ผลลัพธ์ของมันก็ดันเหมือนกับวันวานไม่มีผิด นั่นก็คือ ร่างของเขาลอยละลิ่วเพราะถูกมอนสเตอร์หัวม้าเตะเป็นครั้งที่สองและต้องกลับไปที่จุดเกิดครั้งแล้วครั้งเล่า
เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นมาบนหน้าผากของเขาจนไหลเข้าตา ความรู้สึกละคายเคืองและแสบดวงตานั้นทำให้ตาของมู่หรงเสี่ยวเทียนปิดลงเล็กน้อย เขาเอื้อมมือไปเช็ดมันออกจากใบหน้า และก็ดันไปโดนกับบาดแผลตรงหลังมือของเขาอย่างไม่ได้ตั้งใจ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโศกเศร้า เพียงชั่วขณะ ความทรงจำเก่า ๆ ก็ผุดขึ้นมา มันทำให้หัวใจของเขาหล่นวูบ ภาพจากอดีตค่อย ๆ ฉายเลือนรางอยู่ตรงหน้า และฉากที่หลับไหลในก้นบึ้งของหัวใจก็ตื่นขึ้นมาในความคิดของเขา
“ปัง ! ” มู่หรงเสี่ยวเทียนวัย 17 ปีทุบโต๊ะด้วยหมัดของเขาและพูดออกมาอย่างเคียดแค้น “อย่าพูดถึงมันอีก ฉันจะเป็นคนรับงานนี้เอง ใครก็ตามที่ต้องการจะคัดค้านฉัน ฉันจะหันไปเผชิญหน้ากับมันด้วยตัวเอง”
โต๊ะสี่เหลี่ยมโทรม ๆ สั่นสะเทือนเล็กน้อยจากแรงทุบ แสงสลัวทำให้เห็นใบหน้าละเอียดอ่อนและสง่างามของมู่หรงเสี่ยวเทียนที่เปลี่ยนไปเป็นความน่ากลัว ในห้องนั้นอบอวลไปด้วยกลิ่นบุหรี่
“ถ้าเช่นนั้นก็ปล่อยให้บอสกวนเป็นคนตัดสินใจ” หมิงหยวนที่นั่งอยู่ตรงข้ามมู่หรงเสี่ยวเทียนยกเหล้าที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาดื่มรวดเดียวหมด จากนั้นเขาก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงต่ำอย่างเชื่องช้า
ทั้งขวดเหล้าและถ้วยจานมากมายวางระเกะระกะอยู่บนโต๊ะนั้น นอกจากมู่หรงเสี่ยวเทียนและชายร่างผอมที่ชื่อหมิงหยวนแล้ว มันก็ยังมีชายร่างใหญ่และชายหัวล้านที่มีหนวดอีกคนหนึ่งอยู่
หลังจากได้ยินคำพูดของหมิงหยวน หลายคนก็มองไปที่โซฟาทรุดโทรมซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนัก
เมื่อมองผ่านเข้าไปในเงามืดสลัวของแสงตะเกียง จะเห็นว่ามีชายวัยกลางคนอายุราว ๆ 30 ปีนั่งอยู่ที่นั่น เขาดูดุร้ายราวกับว่าเป็นหมาป่าเจ้าเล่ห์ ร่างกายท่อนบนเต็มไปด้วยรอยสัก เมื่อรวมกันกับใบหน้าลึกลับนั้นก็ยิ่งทำให้ดูน่าเกรงขามเข้าไปอีก
“เทียนไซจะเป็นผู้รับหน้าที่นี้ไป โดยมีหมิงหยวนไปกับเขา” เสียงแหบแห้งของบอสกวนดังออกมา
“อะไรกันวะ ทำไมงานดี ๆ มันมักจะได้ทำเสมอ ? ตอนนี้ฉันไม่มีเงินที่จะไปปรนเปรอผู้หญิงแล้วเนี่ย ! ” ชายหัวล้านสูบบุหรี่พึมพำกับตัวเองออกมาอย่างไม่พอใจ
“หุบปากลง ดาบาล แกรู้อะไรบ้างนอกจากเสียเวลากับผู้หญิงไปวัน ๆ ” ไฮซีลุกขึ้นมาจากโซฟาและจ้องมองไปที่ชายหัวล้านอย่างเย็นชา แววตาของเขาคมกริบ
ชายหัวล้านสั่นสะท้านไปทั้งตัว เขาก้มหน้าลงและไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก
“ไฮซี แกกับดาบาลออกไปก่อน ฉันมีเรื่องจะต้องอธิบายกับพวกเขา” เสียงของบอสกวนนุ่มลงเล็กน้อย แต่ทว่ามันยังคงเย็นชาอยู่
“โอ้ว” ชายร่างใหญ่ที่ไว้ผมยาวตอบสนองกลับมา เขาลุกขึ้นยืนและเดินออกจากห้องไปกับชายหัวล้านทันที
เมื่อพบว่าทั้งสองคนออกไปแล้ว บอสกวนก็แสดงท่าทีอ่อนโยนลงมาเล็กน้อย เขาก้าวไปที่โต๊ะพร้อมกับหยิบขวดเหล้าที่เปิดเอาไว้ขึ้นมา จากนั้นก็กระดกมันเข้าไปทันที
“ปึก” เขาวางขวดเหล้าลงบนโต๊ะอย่างรุนแรง บอสกวนสูดลมหายใจลึกๆ ก่อนจะนั่งลงไป
“พี่กวน ฉันละนับถือพี่จริง ๆ ” มู่หรงเสี่ยวเทียนยกแก้วเหล้าขึ้นมาและจ้องมองไปยังบอสกวนอย่างสุภาพ
“เทียนไซ แกรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงไม่ให้แกออกไปทำงานเสี่ยงตายนี้ ? ” บอสกวนโบกมือให้มู่หรงเสี่ยวเทียนขณะที่เขาวางขวดเหล้าลงไป
“ฉันรู้ว่าบอสเกรงว่าพวกเราจะมีคดีติดตัวจนถลำลึกและไม่อาจจะถอนตัวได้” มู่หรงเสี่ยวเทียนวางแก้วเหล้าลงไปและมองไปที่บอสกวนด้วยท่าทางซาบซึ้งใจ ตั้งแต่เขาเริ่มติดตามบอสกวนมาก็เป็นเวลาถึงสองปีกว่า ๆ แล้ว บอสกวนได้ดูแลเขาและหมิงหยวนมาอย่างดี
“ถ้ารู้แบบนี้ก็ดีแล้ว” บอสกวนพยักหน้าและหันไปหาหมิงหยวน “พวกเราทั้งห้าคน ไฮซีเป็นเด็กกำพร้า เขาไม่มีอะไรจะต้องเป็นกังวล ที่สำคัญเขาเกิดมาพร้อมกับความโง่เขลา ส่วนเจ้าหัวล้านนั่นก็ไม่ต่างอะไรไปจากเถ้าถ่านของคนที่ตายแล้ว มันทั้งไร้ประโยชน์ อีกทั้งเป็นคนน่ารังเกียจ ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ฉันจ้างมันมาเป็นลูกน้อง” บอสกวนส่ายหน้าไปมาด้วยรอยยิ้มอันบูดเบี้ยว “สำหรับฉันแล้ว ความชั่วร้ายไม่ใช่พื้นฐานของทั้งหมด”
มู่หรงเสี่ยวเทียนมองไปที่บอสกวนอย่างเงียบ ๆ ใบหน้าของเขานิ่งสงบโดยไม่แสดงสีหน้าอะไรออกมาแม้แต่น้อย ส่วนใบหน้าของหมิงหยวนนั้นมืดมน แววตาของเขาดูลึกมากจนไม่สามารถมองเห็นได้ว่าคิดอะไรอยู่
บอสกวนกระดกเหล้าลงไปอีกครั้ง เขาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ไฮซี เจ้าหัวล้าน และฉัน มีคดีติดตัวมากมาย ชีวิตนี้คงจบสิ้นแล้ว ไม่ว่าจะจับเป็นหรือจับตาย มันก็ไม่แตกต่างอะไรกันมากนัก แต่ว่า..” บอสกวนพูดเพิ่มเติมขึ้นมาอีกว่า “แต่ว่าแกทั้งสองคนแตกต่างจากพวกเรา เพราะแก มู่หรงเสี่ยวเทียน แกจะต้องดูแลน้องชายและน้องสาว โดยที่ให้พวกเขาได้ไปโรงเรียนดี ๆ มีการศึกษาที่ดีเท่าที่จะทำได้ ส่วนแก ตู้หมิงหยวน แกเองก็ต้องหาเงินไปรักษาน้องสาวที่ตาบอด ในฐานะบอส ฉันไม่สามารถปล่อยให้พวกแกไปเสี่ยงอันตรายได้”
“พี่กวน พวกเราไม่รู้เลยว่าในชีวิตนี้จะชดใช้หนี้บุญคุณให้แก่พี่ได้ยังไง พวกเราซาบซึ้งเป็นอย่างมาก” มู่หรงเสี่ยวเทียนหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม ที่มุมปากของตู้หมิงหยวนนั้นเริ่มที่จะกระตุกเล็กน้อย แต่ว่าเขาก็ยังไม่ได้พูดอะไรออกมา จากนั้นเขาก็ยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มอย่างเงียบเชียบ
บอสกวนจ้องมองไปที่พวกเขาทั้งสองด้วยรอยยิ้มที่ดูอ่อนโยน ก่อนจะยกเหล้าขึ้นมาดื่ม และพูดว่า “คราวนี้ ผู้จ้างวานเสนอราคา 200,000 หยวนเพื่อซื้อแขนข้างขวา”
“ทำไมมันสูงขนาดนั้น ? ” มู่หรงเสี่ยวเทียนรู้สึกประหลาดใจ
“สูงอะไรกัน ? ” บอสกวนเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา “ใครก็ซื้อแขนขวาได้ด้วยเงิน 200,000 หยวนได้ แต่ทว่ามันขึ้นอยู่กับว่าแขนนั้นเป็นของใคร ? ”
“เขาต้องการแขนของใคร ? ” หมิงหยวนที่ไม่ได้พูดมาสักพักถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เข้ม
“แขนเจ้าอ้วนหลี่” ทันใดนั้นเอง บรรยากาศในห้องก็หนักอึ้ง อุณหภูมิรอบตัวราวกับลดต่ำลง ขณะที่ในห้องก็คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์
“หืม ? ” มู่หรงเสี่ยวเทียนขมวดคิ้ว
หมิงหยวนเองก็มีสีหน้าเคร่งขรึม
บอสกวนพยักหน้าและพูดอย่างจริงจังว่า “ดังนั้นคราวนี้พวกแกจะต้องวางแผนอย่างละเอียด จะต้องลงมืออย่างรวดเร็ว แม่นยำ และอย่าปราณี ! ”
มู่หรงเสี่ยวเทียนและหมิงหยวนต่างก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ
“นอกจากนี้” บอสกวนเห็นว่าเรื่องนี้เขาได้อธิบายอย่างชัดเจนแล้ว ดังนั้นจึงเปลี่ยนเรื่อง “หลังจากเรื่องนี้จบลงแล้ว แกทั้งสองจะต้องหนีไปจากที่นี่ทันที ถอนตัวจากวงการนี้และต้องไม่กลับมาทำมันอีก”
“อะไรนะ ? ” มู่หรงเสี่ยวเทียนและหมิงหยวนต่างก็อุทานขึ้นมาพร้อม ๆ กัน
“เฮ้อ” บอสกวนจ้องมองไปที่ทั้งสองอยู่สักพัก เขาถอนหายใจและพูดออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “ไม่ใช่ว่าข้าอยากจะไล่พวกแกออกไป แต่ความลับธุรกิจของพวกเรามันรั่วไหลออกไปแล้ว ! ”
มู่หรงเสี่ยวเทียนและหมิงหยวนต่างก็ตกลงไปในความเงียบงัน ตอนนี้ไม่ว่ายังไงมันก็ถูกเปิดเผยออกแล้ว พวกเขากำลังถูกตำรวจจับตามอง มันจะดีที่สุดหากว่าจะตัดสินใจทำแบบนั้น !
บรรยากาศที่หนักอึ้งในห้องที่ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นบุหรี่และแอลกอฮอล์ มันมีความหดหู่ปรากฏขึ้นมา ทำให้หัวใจของพวกเขานั้นเต้นระรัว....
To be continued…