px

เรื่อง : เทพอสนีบาต God of Thunder
บทที่ 19 – คัมภีร์หนังงูหลามดาว ช่วงต้น


   “นี่เป็นความรู้ทั้งหมดเกี่ยวกับพลังเคลื่อนอสนีที่ข้าบันทึกเอาไว้ มันเต็มไปด้วยพื้นฐานในการฝึกฝน รวมไปจนถึงการใช้พลังที่สูงขึ้นไป จำเอาไว้ให้ดีว่าเจ้าต้องเก็บมันไว้ในพื้นที่ซ่อนพลังเคลื่อนภายในร่างกายของเจ้า โดยที่ไม่อาจให้ใครได้มันไปโดยเด็ดขาด !!” เล่ย เปา กล่าวขณะที่เขานำหนังสัตว์แผ่นหนึ่งออกมา



ซินฟง รับหนังสัตว์แผ่นนั้นไปด้วยความประหลาดใจอย่างมาก เพราะว่าหนังสัตว์แผ่นนั้นมีขนาดใหญ่เพียงแค่ฝ่ามือเดียว และยังเป็นหนังที่มีความบางอย่างมาก เขาจึงกล่าวออกมาว่า “นี่มัน......!?”



   “มันเป็นหนังของงูหลามดาว เจ้าลองส่งพลังเคลื่อนอสนีของเจ้าเข้าไปสิ เจ้าจะเข้าใจเอง !!” เล่ย เปา กล่าว



เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซินฟง ก็ถ่ายพลังเคลื่อนอสนีของเขาเข้าไปทันที แต่ทว่าเพียงพริบตาเดียวนั้น มันก็มีตัวอักษรปรากฏออกมาอย่างรวดเร็วอย่างมาก จนเขาทำได้เพียงร้องตะโกนออกมาว่า “เร็วเกินไปแล้ว แบบนี้จะไปอ่านทันได้ยังไง !!”



   “เจ้าก็แค่ถ่ายพลังเคลื่อนเข้าไปช้าๆก็พอ !!” เล่ย เปา กล่าว



เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซินฟง ก็ถ่ายพลังเคลื่อนอสนีลงไปในหนังสัตว์แผ่นนั้นอย่างช้าๆ หลังจากนั้นที่หนังสัตว์ก็มีแสงสว่างสีเงินเปล่งประกายออกมา พร้อมกับมีตัวอักษรลอยขึ้นมาราวกับจอคอมพิวเตอร์อยู่เบื้องหน้าของเขา “น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก !!”



   “นี่เป็นความพิเศษของหนังงูหลามดาว ไม่เพียงแต่ผู้มีพลังเคลื่อนอสนีจะสามารถใช้มันได้เท่านั้น แม้แต่ผู้ที่มีพลังเคลื่อนๆ ก็สามารถใช้มันได้เช่นกัน อีกอย่างคือหากเจ้าต้องการจะบันทึกสิ่งใดลงไป เจ้าก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน !!” เล่ย เปา กล่าวพลางหัวเราะเบาๆ 



   “ทำยังไงหรือ !?” ซินฟง กล่าวถาม



หลังจากนั้น เล่ย เปา ก็ได้กล่าวอธิบายวิธีการใช้หนังงูหลามดาวในทันที วิธีใช้ก็เพียงแค่ใช้ความคิดถึงเรื่องที่จะบันทึก พร้อมกับถ่ายพลังเคลื่อนลงไปเท่านั้น มันก็จะบันทึกเรื่องที่ต้องการในทันที



   “นี่เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมจริงๆ !!” ซินฟง กล่าวชื่นชมออกมา



   “ไม่เพียงแต่มันจะสามารถใช้งานได้ง่ายเท่านั้น แต่ว่าหนังของงูหลามดาวยังเป็นสิ่งที่มีความคงทนสูงอย่างมาก แม้ว่าเวลาจะผ่านไปกว่าหมื่นปี มันก็ยังไม่สูญสลาย และยังยากต่อการทำลายมันอีกด้วย เหล่าผู้ฝึกฝนในอดีตก็ล้วนแล้วแต่ใช้หนังของงูหลามดาวในการบันทึกความสำเร็จของพวกเขา เพื่อส่งต่อให้กับลูกหลานของตัวเองทั้งนั้น !!” เล่ย เปา กล่าว




   “แล้วจะสามารถพบงูหลามดาวได้ที่ใดหรือ !?” ซินฟง กล่าวถาม



   “ฟงเอ๋อ เจ้าอยากจะล่างูหลามดาวงั้นหรือ !?” เล่ย เปา กล่าวออกมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเบิกบาน



   “หนังของมันน่าสนใจเช่นนี้ ย่อมต้องล่ามันสิ !!” ซินฟง กล่าว



   “ฮ่าๆ ฟงเอ๋อ เจ้ายังไม่ต้องคิดถึงเรื่องล่างูหลามดาวเลย ถึงเจ้าจะมีพลังเคลื่อนหมื่นขึ้น เจ้าก็ทำได้เพียงสร้างบาดแผลเล็กๆ บนผิวหนังของลูกงูหลามดาวได้เท่านั้น ดังนั้นจึงไม่ต้องพูดถึงเรื่องการล่ามันด้วยซ้ำ !!” เล่ย เปา กล่าว



   “ห๊า !! แข็งแกร่งขนาดนั้นเชียวหรือนี่ !!” ซินฟง โพล่งออกมาด้วยความตกตะลึง



   “แน่นอนว่ามันแข็งแกร่งมาก และนอกจากว่าหนังของมันจะสามารถนำมาทำเป็นคัมภีร์ได้แล้ว ยังสามารถนำไปทำเป็นกลองหนังงูหลามดาว ซึ่งไว้ทดสอบพลังได้อีกด้วย !!” เล่ย เปา กล่าว



   “ท่านปู่ ......ท่านมีกลองนั่นหรือเปล่า !?” ซินฟง กล่าวถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น



    “ทำไมข้าจะต้องมีมันด้วยล่ะ กลองหนังงูหลามดาวมีไว้สำหรับองค์กร , นิกาย หรือขุมพลังขนาดใหญ่ พวกเขาจะใช้มันไว้สำหรับทดสอบความแข็งแกร่งของลูกศิษย์ของพวกเขา !!” เล่ย เปา กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม



    “แล้วยังมีวิธีทดสอบความแข็งแกร่งแบบอื่นอีกไหม !?’ ซินฟง กล่าวถาม



    “แน่นอนว่าย่อมมีวิธีอื่นอยู่ แต่ว่าหลังจากที่ก้าวเข้าสู่ระดับสูงแล้ว เหล่าผู้ฝึกฝนส่วนใหญ่ก็ไม่ต้องการเปิดเผยความแข็งแกร่งของตัวเองให้กับคนอื่นได้รู้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องสอบความแข็งแกร่ง !!” เล่ย เปา กล่าว



   “ท่านปู่ แล้วท่านไปถึงระดับสูงหรือยังเหรอ !?” ซินฟง กล่าวถาม



   “ฟงเอ๋อ เจ้ายังไม่ก้าวผ่านระดับต่ำด้วยซ้ำ จะฝันเฟื่องถึงระดับสูงไปทำไมหรือ !?” เล่ย เปา กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มหยัน



   “ห๊า !! ข้ามีพลังระดับพันขั้นแล้ว ทำไมข้ายังเป็นเพียงขั้นต่ำอยู่อีก !?” ซินฟง โพล่งออกมาด้วยความประหลาดใจ



   “สำหรับผู้ใช้พลังเคลื่อนระดับพันขั้น ก็เป็นได้เพียงศิษย์ระดับต่ำเท่านั้น ต้องเป็นผู้ใช้พลังเคลื่อนระดับหมื่นขั้น จึงจะสามารถกลายเป็นศิษย์ทั่วไปของขุมพลังต่างๆ ได้ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมข้าถึงต้องให้เจ้าฝึกฝนจะมีพลังถึงขั้นผู้ใช้พลังเคลื่อนเร้นลับเสียก่อน จึงจะสามารถออกไปจากที่นี่ได้ !!” เล่ย เปา กล่าว



   “เฮ้อ.....ที่แท้ก็เป็นแบบนี้เองหรือ !!” ซินฟง กล่าวออกมาด้วยความผิดหวัง



    “จะท้อแท้ทำไม ตอนนี้เจ้ายังอายุเพียงแค่สิบหกปีเท่านั้น เจ้ารู้ไหมการที่คนอายุเท่าเจ้าแต่สามารถฝึกฝนจนมีพลังระดับพันขั้นได้ ต้องนับว่าเป็นคนที่มีความสามารถพิเศษอย่างมาก และสำหรับคนที่ใช้เวลาฝึกฝนเพียงครึ่งปีเช่นเจ้า ก็นับว่าเป็นอัจฉริยะแล้ว !!” เล่ย เปา กล่าว



เมื่อได้ยินเช่นนั้น แววตาของ ซินฟง ก็เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ



    “เจ้าได้ยินไม่ผิดหรอก โดยทั่วไปแล้วศิษย์ของแต่ละขุมพลังนั้น หากว่าใช้เวลาเพียงครึ่งปีแล้วสามารถก้าวสู่ระดับผู้ฝึกพลังเคลื่อนร้อยขั้นได้ ก็นับว่าเป็นคนที่มีความสามารถพิเศษแล้ว และหากว่าในช่วงอายุสิบแปดถึงยี่สิบสองปี สามารถก้าวเข้าสู่ระดับผู้ใช้พลังเคลื่อนพันขั้น และช่วงอายุไม่เกินยี่สิบห้าปีกลายเป็นผู้ช้ำลังเคลื่อนระดับหมื่นขั้นได้ ก็ถือว่าสวรรค์โปรด!!”



   “แต่สำหรับคนที่สามารถทำเช่นนั้นได้ ก็มีจำนวนน้อยมากทีเดียว แต่ว่าคนที่สามารถทำเช่นนั้นได้ พวกเขาจะได้รับความสนใจอย่างมาก แม้แต่ขุมพลังที่แข็งแกร่งก็ต้องการตัวของพวกเขา ซึ่งพวกเขาจะได้รับการดูแลอย่างดีเป็นข้อเสนอ !!” เล่ย เปา กล่าว



    “แบบนี้ก็หมายความว่าข้าสามารถฝึกฝนพลังได้เร็วงั้นหรือ !? แบบนี้ข้าก็ยืดอกได้ใช่ไหม !?” ซินฟง กล่าว



    “นี่เจ้าภูมิใจแล้วหรือ !? เจ้าต้องรู้ก่อนว่าหากไม่ได้เป็นเพราะตราประทับสายฟ้า และความบังเอิญที่เจ้ามีพลังเคลื่อนสายฟ้า และถูกสายฟ้าฟาดเช่นนั้น เจ้าย่อไม่มีทางฝึกฝนขั้นพลังได้รวดเร็วเช่นนี้แน่ เจ้าต้องจำไว้ให้ดี ว่าการฝึกฝนที่รวดเร็ว ไม่ได้มีเพียงแค่พรสวรรค์เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงโชคอีกด้วย !!” เล่ย เปา กล่าวพลางลูบเคราไปมาอย่างแผ่วเบา



    “ฮ่าๆ ท่านปู่ ท่านช่างโชคดีจริงๆ !!” ซินฟง กล่าวพลางหัวเราะ



เล่ย เปา ครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะตบลงบนบ่าของ ซินฟง เบาๆ และกล่าวออกมาว่า “ใช่ !! ปู่โชคดีมากจริงๆ ที่ได้วิธีการฝึกฝนของเจ้ามาเช่นนี้ ไม่เช่นนั้นแล้วเกรงว่าข้าคงจะต้องตายลงอย่างอ้างว้างภายในปราการผาพยัคฆ์แน่ !!”



อย่างไรก็ตาม ใบหน้าของ เล่ย เปา ก็เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย ขณะที่เขากล่าวออกมาว่า “บางที......นี่อาจจะเป็นโชคร้ายสำหรับบางคนก็ได้ !!”



   “ท่านปู่ ตอนนี้ท่านมีพลังระดับขั้นใดหรือ !?” ซินฟง กล่าวถามออกมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น



    “ตอนนี้ข้ามีพลังระดับขั้นใดนั้นเจ้ายังไม่ต้องรู้หรอก มันจะเป็นการกดดันเจ้ามากเกินไป อยากแรกคือเจ้าต้องก้าวไปให้ถึงระดับผู้ใช้พลังเคลื่อนหมื่นขั้นให้ได้เสียก่อน หลังจากขั้นนั้นไปด้วยพลังที่มี พวกเขาก็สามารถสยบผู้ใช้พลังเคลื่อนหมื่นขั้นได้อย่างง่ายดาย !!” เล่ย เปา กล่าว



    “เหนือกว่านั้นเรียกว่าอะไรหรือ !?” ซินฟง กล่าวถาม



    “จิตเคลื่อนคล้อย !! พวกเขาสามารถบีบอัดวงแหวนพลังเคลื่อนที่แท้จริงได้ ด้วยความสามารถของพวกเขา มันก็ทำให้พวกเขามีอายุยืนยาวได้กว่าร้อยยี่สิบปี และหากว่าพวกเขายังคงฝึกฝนต่อไปเรื่อยๆ มันก็สามารถทำให้พวกเขามีอายุได้ถึงร้อยห้าสิบปี ด้วยสถานะของพวกเขา มันจะทำให้พวกเขากลายเป็นที่เคารพของทุกๆ คนโดยที่ไม่มีใครกล้าต่อกร!!” เล่ย เปา กล่าว



   “จิตเคลื่อนคล้อยงั้นหรือ !!”



    “ท่านปู่ ข้าสามารถไปถึงระดับจิตเคลื่อนคล้อยได้ไหม !?” ซินฟง กล่าวถาม



เล่ย เปา ตบลงบนบ่าของ ซินฟง อีกครั้ง ก่อนจะกล่าวออกมาว่า “ระดับจิตเคลื่อนคล้อย ไม่ได้เป็นจุดสิ้นสุดสำหรับเจ้า แต่มันเป็นจุดเริ่มต้นที่แท้จริงสำหรับเจ้า !!”



   “แต่ว่ากว่าข้าจะไปถึงระดับนั้นได้ ข้าก็ต้องไปให้ถึงระดับผู้ใช้พลังเคลื่อนหมื่นขั้นให้ได้ก่อน แต่ว่ามันไม่ง่ายเลยนี่สิ !!” ซินฟง กล่าวพลางใช้นิ้วเคาะไปที่ศีรษะของเขาเบาๆ



   “หากว่าสำหรับคนอื่นๆ แล้ว มันย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายแน่นอน แต่สำหรับเจ้าแล้วมันย่อมไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด !!” เล่ย เปา กล่าว เขาไมได้กังวลกับความฝันของ ซินฟง แม้แต่นิดเดียว 



หลังจากที่เขาได้พบวิธีฝึกฝนพลังเคลื่อนสายฟ้าแบบใหม่แล้วนั้น มุมมองในการฝึกฝนพลังเคลื่อนของเขาก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก



   “ท่านปู่ ทำไมถึงได้ใช้ชื่อว่าจิตเคลื่อนคล้อยงั้นหรือ !?” ซินฟง กล่าวถาม



    “เพราะมันเป็นชื่อที่ใช้แทนตัวตนของผู้ที่แข็งแกร่งจริงๆ มันคือชื่อที่ผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะสามารถใช้ได้ !!” เล่ย เปา กล่าว



    “ท่านปู่ได้ใช้ชื่อจิตเคลื่อนคล้อยไหม !?” ซินฟง กล่าวถาม



    “แล้วเจ้าคิดว่าไงล่ะ !?” เล่ย เปา กล่าวพลางยิ้มกริ่ม



    “ข้าว่าท่านปู่จะต้องเป็นจิตเคลื่อนคล้อยแน่นอน !!” ซินฟง กล่าว



    “เจ้ายังไม่ต้องคิดถึงเรื่องนั้น เจ้าควรหมั่นฝึกฝนพลังของเจ้าให้ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว แต่เจ้าจงจำไว้ให้ดี ว่าอัจฉริยะย่อมมีอนาคตที่สดใสกว่าคนอื่นๆ !!” เล่ย เปา กล่าว


By.GOT

รีวิวผู้อ่าน