เล่มที่ 1 ตอนที่ 35: ชะตากรรมของฉินจิงยี่ (1)
“เธอมีชีวิตที่ยากลำบาก ! ” เมื่อพูดถึงตอนนี้ ป้าแม่บ้านก็ไม่สามารถเก็บอารมณ์ไว้อยู่ จากนั้นเธอก็เล่าออกมาเหมือนอัดอั้นไว้นาน “พ่อหนุ่ม น้องชายของจิงยี่นั้นป่วยเป็นโรคลูคีเมีย เพื่อที่จะรักษาน้องชายของเธอ มันจึงทำให้ครอบครัวของเธอมีหนี้สูงถึง 100,000 หยวน แม่ของจิงยี่เองก็สุขภาพไม่ดีและไม่สามารถออกไปทำงานได้ ทั้งครอบครัวนั้นได้แต่อาศัยเพียงพ่อของจิงยี่และตัวของเธอเอง พ่อของจิงยี่นั้นมีเงินเดือนเพียง 1,000 หยวน บวกกับของจิงยี่รวมแล้วได้ 3,000 หยวนต่อเดือน เงินจำนวนนี้ก็เพียงพอแค่จ่ายค่ายาค่ารักษาให้แก่น้องชายของเธอแต่ละเดือนเท่านั้น และตอนนี้ทางโรงพยาบาลก็ได้แจ้งว่ามีไขกระดูกสันหลังที่เข้ากันได้กับน้องชายของเธอ แต่ค่ารักษาและค่าผ่าตัดนั้นแพงเป็นอย่างมาก เบิกสิทธ์ค่ารักษาได้ก็ไม่ถึง 200,000 หยวน มีบางคนได้ใช้โอกาสนี้เข้ามาเพื่อฉวยโอกาสจากความยากลำบากในครั้งนี้” ป้าแม่บ้านก็หันหน้าไปที่รถ BMW จากนั้นก็ส่ายหัวแล้วถอนหายใจออกมา “ในยุคนี้จะมีคนมีน้ำใจจริง ๆ สักกี่คนกัน คนมากมายที่เข้ามานั้นก็ล้วนแต่เข้ามาเพื่อหวังผลประโยชน์ทั้งนั้น ! ”
“มันเกี่ยวอะไรกับเจ้าของรถ BMW คันนี้ด้วยล่ะครับ?” มู่หรงเสี่ยวเทียนเคร่งขรึมขึ้น คิ้วของเขาเริ่มขมวดเป็นปม
จากนั้นป้าแม่บ้านก็ส่ายหัวและพูดออกมาว่า “เจ้าของรถ BMW คันนั้น ชื่อว่าหม่าเจียน เขาเป็นเจ้าของโรงงานแห่งหนึ่งและเป็นเพื่อนร่วมชั้นของจิงยี่ตอนเธออยู่โรงเรียนประถม เมื่อน้องชายของจิงยี่ป่วย จิงยี่ได้ไปยืมเงินเขามา 80,000 หยวน แต่จนถึงตอนนี้สถานการณ์ก็วิกฤติขึ้นเรื่อย ๆ จิงยี่ไม่มีเงินจ่าย ดังนั้นเธอจึงต้องแต่งงานเพื่อเป็นการชดใช้”
“บัดซบ ! ” มู่หรงเสี่ยวเทียนสบถออกมาอย่างไม่พอใจ คำพูดของเขานั้นเย็นชาเป็นอย่างมาก “ถ้าชอบจิงยี่จริง ๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่มาทำเรื่องสกปรกแบบนี้ได้ยังไงกัน ! ? ”
“แล้วนายชอบเธอไหม ? ” ป้าแม่บ้านทำหน้าอยากรู้อยากเห็นออกมา “นายคิดว่าเจ้าหม่าเจียนนั้นเป็นคนดีมากนักรึไง ? เขาเป็นนักเลงหัวไม้ของเมืองตงเฉิง ! เขาอาศัยเงินสกปรกที่เป็นมรดกของตระกูลมาทำเรื่องเลวทราม ป้าก็ไม่รู้ว่ามีหญิงสาวกี่คนแล้วที่โดนเขาทำลายความบริสุทธิ์ ! ”
“บ้านของจิงยี่อยู่หลังไหน ? ” มู่หรงเสี่ยวเทียนกำหมัดแน่นและแววตาของเขาดูเยือกเย็นเป็นอย่างมาก
“หลังนั้นไง” ก่อนที่ป้าจะพูดจบ ร่างของมู่หรงเสี่ยวเทียนก็หายไปทันที
“จิงยี่ ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องค่ารักษาของน้องชายเธอนะ” หม่าเจียนกอดจิงยี่แนบแน่นตรงมุมของโซฟาและจ้องมองหน้าอกที่โดดเด่นของจิงยี่ด้วยไฟราคะ
“หม่าเจียน ไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลกับฉันก่อน วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วนะ ฉันได้ให้สัญญากับนายไปแล้วว่าจะแต่งงาน ยังไงฉันก็รักษาคำพูดของฉันอย่างแน่นอน” ความหวังในแววตาของจิงยี่หายไป ความโศกเศร้ามากมายปรากฏออกมา ตอนนี้เธอกำลังพยายามใช้มือปัดป้องอย่างสุดกำลัง
“ฮ่าฮ่าฮ่า” หม่าเจียนหัวเราะออกมาอย่างหยาบคายและโอบมือไปข้างเอวของจิงยี่ โดยใช้มืออีกข้างจับไปที่หน้าอกของเธอ “ไม่ว่ายังไงเธอก็จะกลายเป็นของฉันในไม่ช้า ทำไมเราไม่...”
“อย่านะ อย่า หม่าเจียน ฉันขอร้องนายล่ะ” จิงยี่ร้องขอออกมาอย่างหดหู่ พร้อมกับใบหน้าที่เจ็บปวด
“หืม ! ” หม่าเจียนพูดออกมาอย่างเย็นชา “อาการป่วยของน้องชายเธอไม่สามารถรอได้นะ และโรงพยาบาลก็กำลังรอให้เธอไปจ่ายค่าผ่าตัดอยู่ ยิ่งเธอยอมฉันเร็วเท่าไหร่ เราก็ยิ่งไปจ่ายค่าผ่าตัดเร็วเท่านั้นนะ ! ” ขณะที่พูดนั้นมือข้างหนึ่งของเขาก็เลื่อนลงไปที่เอวของจิงยี่ ส่วนมืออีกข้างก็รูดซิบกางเกงของตัวเองลง
น้ำตาของจิงยี่ไหลรินออกมาอาบเต็มหน้า มือไม้ของเธออ่อนแรงลง หรือว่านี่เป็นชะตากรรมที่เธอจะต้องพบเจอ ? หลังจากนี้ไปเธอคงจะไม่ได้เป็นตัวของตัวเองอีก ? ชีวิตที่เหลือของเธอหลังจากนี้คงจะต้องถูกบังคับไม่ต่างอะไรจากตายทั้งเป็น ?
“ไอ้สัตว์นรก ! หยุดเดี๋ยวนี้นะ ! ” มู่หรงเสี่ยวเทียนพุ่งเข้ามาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ ใบหน้าของเขาแดงก่ำ แววตานั้นไม่ต่างอะไรกับหมาป่าที่ดุร้าย ความเจ็บปวดที่ลึกที่สุดในใจของเขาราวกับได้รับการปลดปล่อย จากนั้นก็ระเบิดความโกรธออกมาทันที
“ตุ้บ ! ” มู่หรงเสี่ยวเทียนต่อยหน้าของหม่าเจียนเต็มแรง จากนั้นเลือดจำนวนมากก็ไหลออกมาจากปากของเขาไม่หยุด
“ฉันจะจัดการแกซะ ไอ้สารเลว ! ” มู่หรงเสี่ยวเทียนพูดขึ้นมาจากนั้นก็ดึงคอเสื้อของอีกฝ่ายแล้วโยนให้ห่างออกไป ก่อนจะคว้าตัวของจิงยี่มา
“อ้ากก ! ! ” หม่าเจียนส่งเสียงกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด จากนั้นมู่หรงเสี่ยวเทียนก็หักแขนของเขาซ้ำไปอีกครั้ง
“กล้าดียังไงมาแตะต้องตัวเธอ โทษของแกคือตายสถานเดียว ! ” มู่หรงเสี่ยวเทียนดึงหัวของหม่าเจียนด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างนั้นล็อคไปที่เอวของเขา และกำลังจะยกหม่าเจียนขึ้นมา
“พี่เทียน อย่า ! ! ” จิงยี่ตกตะลึงและตกใจเป็นอย่างมาก จากนั้นเธอก็รีบเข้าไปหาและกอดมู่หรงเสี่ยวเทียนเอาไว้
“พี่เทียน ! ” จิงยี่มองไปที่ใบหน้าของมู่หรงเสี่ยวเทียนด้วยความตกใจ จากนั้นก็มองไปที่หม่าเจียน ใบหน้าของเขานั้นเต็มไปด้วยเลือดและดวงตาก็แสดงความโกรธแค้นออกมาเป็นอย่างมาก หน้าตาของเขาบิดเบี้ยวไปด้วยความเจ็บปวด จนทำให้มู่หรงเสี่ยวเทียนปล่อยมือจากหม่าเจียน
ตอนนี้กำลังเกิดความขัดแย้งขึ้นมาภายในใจของจิงยี่ เพราะใจหนึ่งเธอก็หวังว่าอยากจะให้มู่หรงเสี่ยวเทียนกำจัดไอ้คนโสมมนี่ไปซะ แต่อีกใจหนึ่งเธอก็ไม่อยากให้พี่ชายที่แสนดีคนนี้จะต้องมาสูญเสียอิสระในชีวิตไปอีกครั้ง
“เชื่อใจฉันเถอะ” มู่หรงเสี่ยวเทียนจ้องมองไปที่จิงยี่ด้วยท่าทีสงบ เสียงนั้นมีความเป็นผู้ใหญ่ ล้ำลึกและเต็มไปด้วยความมั่นใจอย่างไม่ต้องสงสัย
“ฉัน...” จิงยี่ลังเลอยู่สักพักแล้วคิดในใจ “ฉันจะสามารถเชื่อใจผู้ชายที่พบเจอแค่ในเกมได้งั้นหรือ ? นี่ฉันเสียสติไปแล้วหรือเปล่า ? ”
“อย่าช่วยน้องชายด้วยการทำร้ายตัวเองแบบนี้เลย การกระทำเช่นนี้มันไม่ใช่วิธีที่ดีหรอกนะ เธอต้องการจะให้น้องชายของเธอใช้ชีวิตโดยที่ต้องรู้สึกผิดไปตลอดงั้นหรือ ? เชื่อฉัน ทุกอย่างจะได้รับการแก้ไข” มู่หรงเสี่ยวเทียนเปล่งเสียงที่หนักแน่นออกมา สายตาของเขานั้นเปล่งประกายไปด้วยความจริงใจ
ในที่สุดน้ำตาก็ไหลลงมาอาบใบหน้าของจิงยี่ ความสับสนค่อย ๆ จางหายไป จากนั้นความตื้นตันใจก็เข้ามาแทนที่ หัวใจของเธอถูกกระตุ้นโดยผู้ชายที่แสนธรรมดา แต่ทว่ากลับมีความมั่นคงเมื่ออยู่ต่อหน้าของเธอ ดวงตาคู่นั้นของเขาเผยให้เห็นถึงความจริงใจและมั่นใจเป็นอย่างมาก
เมื่อเห็นว่าไอ้สกปรกหม่าเจียนหายไปจากประตู มู่หรงเสี่ยวเทียนก็ยิ้มออกมาอย่างอบอุ่น เขาเดินเข้าไปอย่างสุภาพและปาดน้ำตาออกจากใบหน้าของจิงยี่ จากนั้นเขาก็พูดออกมาอย่างแผ่วเบาว่า “เอาล่ะ ทุกอย่างจะไม่เป็นไร สายรุ้งที่งดงามมักจะปรากฏขึ้นมาหลังจากฝนตกเสมอ”
ทำไมมู่หรงเสี่ยวเทียนถึงเข้ามายุ่งเรื่องของคนอื่นแบบนี้ ทำไมโลกถึงปล่อยให้เขาทำเช่นนี้ ? หรือว่ามันเป็นเพราะว่าเขาชอบจิงยี่กันแน่ ? มันเป็นไปไม่ได้ ! เพราะหัวใจของเขาจมอยู่ในนรกชั้นที่ลึกที่สุดเมื่อตอนที่หยางซีจากไปสิบปีที่แล้ว หรือว่านี่เป็นเพราะมิตรภาพที่พวกเขามีให้กัน ? แต่ก็ดูเหมือนว่าพวกเขาก็ไม่ได้รู้จักกันมานานสักเท่าไหร่ แล้วอะไรทำให้เขาตัดสินใจที่จะทำเช่นนี้ ? หรือว่ามันเป็นความทรงจำในอดีตที่ฝังลึกอยู่ในใจของเขา ? หรือเป็นเพราะหัวใจที่กล้าหาญและอ่อนโยนที่ซ่อนอยู่ภายใต้รูปร่างอัปลักษณ์เช่นนี้กัน ! ?
To be continued…