px

เรื่อง : เทพอสนีบาต God of Thunder
บทที่ 30 – การโจมตี และการป้องกัน ช่วงปลาย


   “ท่านอาจารย์ มันเป็นเพราะพวกเขาไม่รับรู้ถึงความแข็งแกร่งของท่านมากกว่า !!” เวื่นหยาน กล่าว นางหมายความว่าคนของปราการผาพยัคฆ์ไม่รับรู้ จึงไม่หวาดกลัวเช่นนี้



เมื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของ หงเฉิน ก็ดูดีขึ้นอย่างมาก มันไม่แปลกที่หมู่บ้านเล็กๆ ซึ่งห่างไกล่เช่นนี้จะไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของเขา เพราะเขาเองก็ไม่คิดจะมาที่นี่แต่อย่างใด หากว่าไม่ใช่เพราะเรื่องเด็กที่มีพลังเอกลักษณ์เดี่ยวเช่นนั้น แม้ว่าเขาจะทำลายที่นี่จนราบคาบก็ไม่มีความสำคัญต่อเขา เพราะสิ่งเดียวที่สำคัญต่อเขาก็คือ เล่ย ซินฟง



   “ผู้อาวุโส พวกเขาไม่ยอมจำนน !!” ในขณะเดียวกันนั้น ต้าเฟย ก็เดินกลับมาเช่นกัน



   “จี้หยา นำกำลังโอบไป พวกเราจะโจมตี !!” หงเฉิน กล่าว



   “ข้าว่ามันจะดีกว่าหากพวกเราบุกทะลวงไปตรงๆ !!” จื่อ จี้หยา กล่าว เขามั่นใจอย่างมากว่าด้วยพลังของผู้ใช้พลังเคลื่อนระดับร้อยขั้น และพันขั้นนั้น สามารถสยบปราการผาพยัคฆ์ได้อย่างแน่นอน



   “เช่นนั้นข้าจะช่วยเจ้าเอง !! เตรียมหอกเหล็กให้ข้าสักสามสี่โหล !!” หงเฉิน กล่าว



เมื่อได้ยินเช่นนั้น คนติดตามของเขาก็รีบไปนำหอกของคนจากป้อมอินทรีย์กว่าหกสิบชิ้นมากองไว้ด้านหน้าของ หงเฉิน อย่างรวดเร็ว



ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่เข้าใจว่า หงเฉิน ต้องการจะทำสิ่งใด พวกเขาต่างคิดว่า หงเฉิน จะใช้หอกเหล่านี้สังหารคนของปราการผาพยัคฆ์ที่อยู่บนผาสูงชันนั้น ซึ่งนั่นมันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน



   “จี้หยา เจ้าจะใช้เส้นทางใด !?” หงเฉิน กล่าว



   “ข้าว่าเส้นทางนั้นเหมาะสมที่สุด เส้นทางอื่นอันตรายเกินไป !!” จื่อ จี้หยา กล่าวตอบออกมาอย่างรวดเร็ว



เมื่อได้ยินเช่นนั้น หงเฉิน ก็พยักหน้ารับพร้อมกับพุ่งหอกเหล็กออกไปอย่างรุนแรง



***** ฟิ้วววววววว *****



หอกเหล็กด้ามนั้นได้ปักลงบนผนังผาอย่างหนักแน่น แต่ทว่า หงเฉิน ยังไม่ได้หยุดมือแต่อย่างใด เขายังคงขว้างหอกเหล็กออกไปอย่างต่อเนื่องจนดูคล้ายกับบันได้ปรากฏออกมาบนผนังผา



   "เยี่ยมไปเลยนายท่าน !!” จื่อ จี้หยา โพล่งออกมาด้วยความยินดี



   “ไม่ต้องกลัว ตราบใดก็ตามที่ปล่อยหินยักษ์ลงไป บันไดเหล่านั้นต้องพังทลายลงไปแน่ !!” หู่ คัง กล่าวไปยังคนของปราการผาพยัคฆ์



ด้วยความแข็งแรงของเหล่านักล่านั้น มันเป็นเรื่อง่ายอย่างมากที่พวกเขาจะสามารถรวบรวมก้อนหินขนาดใหญ่มาได้ อีกทั้งพวกเขายังได้เตรียมน้ำร้อนเอาไว้รับมืออีกด้วย



   “ตามข้ามา !!” จื่อ จี้หยา ตะโกนลั่นไปทางเหล่าผู้ใช้พลังเคลื่อนระดับพันขั้นทั้งสิบ



   “พวกเจ้าสองคนก็ตามไปด้วย !!” หงเฉิน กล่าวไปยัง ต้าเฟย และ หยิงยู่



เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทั้ง ต้าเฟย และ หยิงยู่ พวกเขาทั้งสองคนก็ไม่ลังเลที่จะติดตาม จื่อ จี้หยา และผู้ใช้พลังเคลื่อนทั้งสิบคนไปในทันที



   “ทุกคนนิ่งไว้ รอฟังคำสั่งของข้า !!” จื่อ จี้หยา กล่าว



ในเวลานั้น คนทั้งสิบสามคนได้ปีนไปตามบันไดหอกที่ปักลงบนผนังผาอย่างมันคง ด้วยบันไดออกเช่นนี้ มันก็ทำให้ความรวดเร็วของ จื่อ จี้หยา เพิ่มขึ้นอย่างมาก เพียงไม่นานเขาก็สามารถผ่านออุปสรรคแรกที่เขาเผชิญในก่อนหน้านี้ไปได้อย่างง่ายดาย



หลังจากก้าวไปตามบันไดหอกได้เพียงไม่นาน จื่อ จี้หยา ก็เห็นเงาของผู้คนที่ยืนอยู่บนหน้าผาสูงอย่างชัดเจน เจาจึงตะโกนออกมาว่า “ตามข้ามา เตรียมปะทะ !!”



   “ลุย !!”



   “พวกเขาขึ้นมาได้รวดเร็วมาก !! เตรียมปล่อยหิน !!” หู่ คัง ประหลาดใจเล็กน้อยก่อนจะตะโกนสั่งให้ปล่อยหินลงไปในทันที



ในเวลานั้น เหล่านักล่าของปราการผาพยัคฆ์ก็เริ่มผลักหินขนาดใหญ่ให้ตกลงมาจากหน้าผาในทันที



***** ตึ้ง ตึ้ง ตึ้ง *****



เสียงดังกระหึ่มออกมาจากโล่ของ จื่อ จี้หยา ด้วยความแข็งแกร่งของร่างกายของเขานั้น มันก็สามารถทำให้เขาสามารถต้านรับหินที่ตกลงมาได้อย่างง่ายดาย



***** แกรกกกกกก *****



หินที่ถูกปล่อยลงมานั้น แต่ละก้อนมีน้ำหนักไม่น้อยกว่าหนึ่งพันจินทั้งสิ้น แม้ว่า จื่อ จี้หยา จะสามารถต้านรับไว้ได้ก็ตาม แต่หอกที่ปักลงบนผนังผาก็ไม่อาจต้านแรงปะทะที่ส่งลงมาได้แต่อย่างใด นั่นทำให้หอกที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าหลุดออกมจากผนังผาในทันที



เมื่อเป็นเช่นนั้น จื่อ จี้หยา ทำได้เพียงคว้าไปที่รอยแตกบนผนังผา เพื่อทรงตัวไม่ให้ร่วงลงไปเท่านั้น แต่ทว่าการตอบโต้ของปราการผาพยัคฆ์ยังไม่สิ้นสุดแต่อย่างใด



***** ฉ่า ฉ่า ฉ่า *****



เสียงน้ำเดือดดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับมีกลุ่มควันลอยขึ้นมาจากโล่ของ จื่อ จี้หยา ที่ใช้ครอบอยู่บนศีรษะของเขา 



***** ครืนนนนนนน *****



หลังจากนั้นเพียงไม่นาน เสียงอึกทึกก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับที่มีท่อนซุงตกลงมาจากหน้าผา กระแทกเข้ากับขบวนของคนทั้งสิบสามอย่างรุนแรง



เมื่อเห็นเช่นนั้น จื่อ จี้หยา ก็รีบมองหาทางออกสำหรับตัวเองอย่างรวดเร็ว และสุดท้ายเขาก็ทำได้เพียงไต่ตามหอกเหล็กลงมาอย่างไม่มีทางเลือกเท่านั้น



เพียงเวลาแค่ไม่นานนั้น ขบวนทั้งสิบสามคนก็มีคนที่ไปถึงสองคน และได้รับบาดเจ็บอีกสี่คน ส่วนที่เหลือสามารถหนีรอดออกมาได้อย่างปลอดภัย



เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเช่นนั้น ใบหน้าของ หงเฉิน ก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำ ในขณะที่โพล่งออกมาว่า “กล้าต่อต้านข้าเช่นนี้ พวกเจ้าจะต้องรับผลที่ตามมา นับแต่นี้ไปปราการผาพยัคฆ์จะต้องถูกกำจัดอย่างสิ้นซาก !!”



   “นายท่าน ข้าไม่อาจขึ้นไปได้ !!” จื่อ จี้หยา กล่าวไปยัง หงเฉิน 



ในเวลานั้น หงเฉิน ก็ครุ่นคิดอย่างหนักในทันที เขาไม่สามารถโจมตีปราการผาพยัคฆ์ได้ด้วยตัวเอง เนื่องจากพลังที่แข็งแกร่งของเขา มันจะทำให้เกิดการสูญเสียมากเกินไป และนั่นอาจจะทำให้ส่งผลต่อตำแหน่งของเขาในบูรพาแดงก็เป็นได้



เมื่อเป็นเช่นนั้น หงเฉิน ก็จำต้องไตร่ตรองอย่างละเอียดในการบุกโจมตีปราการผาพยัคฆ์ เขารู้ดีว่าเพียงแค่ผู้ใช้พลังเคลื่อนระดับพันขั้นนั้น ก็สามารถจัดการกับนักล่าของปราการผาพยัคฆ์ลงได้อย่างง่ายดาย แต่ทว่าตอนนี้เขากลับเสียเปรียบเรื่องชัยภูมิอย่างมาก จนไม่อาจให้เขาทำเช่นนั้นได้



ในขณะเดียวกันทางด้าน ซินฟง , เล่ย เปา และ เล่ย ซิงเหยา พวกเขาทั้งสามคนได้เผชิญกับพายุหิมะกรรโชกอีกสองครั้ง แต่ทว่าในแต่ละครั้งมันก็ยังไม่อาจทำให้ เล่ย เปา ฟื้นฟูพลังของเขากลับมาได้โดยสมบูรณ์ มันเปรียบได้กับว่าเขามีโอกาส แต่เขาก็ยังไม่อาจคว้ามันไว้ได้ทั้งหมดก็ว่าได้ อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ได้ทำให้ เล่ย เปา สูญเสียสติอารมณ์ของเขาแต่อย่างใด เห็นได้ชัดว่าเขาสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้อย่างดี



ซินฟง สามารถรับรู้ถึงความอดทนของปู่ของเขาได้อย่างชัดเจน ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาได้พบกับ เล่ย เปา นั้น เขาก็มองว่าชายชราผู้นี้เปรียบได้กับระเบิดเวลา ที่สามารถระเบิดออกมาเมื่อใดก็ได้ ดังนั้นเขาจึงได้กล่าวปลอบออกมาว่า “ท่านปู่ ไม่ต้องรีบร้อน ท่านสามารถฟื้นพลังกลับมาได้มากเช่นนี้ก็นับว่าสุดยอดแล้ว ถึงยังไงพวกเราก็ยังมีเวลาอยู่ !!”



   “ข้าเข้าใจดี ข้าไม่ได้ใจร้อน ถึงยังไงข้าก็ฟื้นพลังกลับมาได้มากพอสมควร ข้าย่อมไม่อาละวาดใส่เจ้ากับน้องสาวอยู่แล้ว โฮ๊ะๆ...... !!” เล่ย เปา กล่าว



เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซินฟง ก็ไม่รู้ว่าจะกล่าวตอบออกไปเช่นไร หลังจากที่อยู่ด้วยกันมาหลายปี เขาก็รู้ดีว่า เล่ย เปา จะไม่อาละวาดใส่เขา และน้องสาวอย่างแน่นอน แต่สิ่งที่เขากังวลก็คือสถานะดั้งเดิมของ เล่ย เปา ต่างหาก



   “หากว่าผ่านพายุหิมะกรรโชกอีกหนึ่งลูก แล้วข้ายังไม่อาจฟื้นฟูพลังทั้งหมดกลับมาได้ พวกเราก็กลับกันได้ !!” เล่ย เปา กล่าว



   “อืม !! พายุหิมะกรรโชกนับว่าเป็นสิ่งที่หายาก แต่ถึงยังไงแล้วพายุฝนที่ดีที่สุดก็อยู่ในช่วงฤดูร้อนอยู่ดี !!” ซินฟง กล่าว



   “มันก็ใช่ !! แต่ว่าถึงยังไงมันก็ยังมีข้อแตกต่างกันระหว่างพายุ ข้าสัมผัสได้...........!! ข้านี่โง่จริงๆ !!” เล่ย เปา โพล่งขึ้นมาพร้อมกับใช้ฝ่ามือตบลงบนศีรษะของตัวเอง



   “ท่านปู่ ตีตัวเองทำไม......ท่านไม่เจ็บเหรอ !?” เล่ย ซิงเหยา กล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ



   “ไม่มีอะไรหรอก......ฮ่าๆ....ข้าเข้าใจแล้ว !!” เล่ย เปา กล่าวพลางหัวเราะลั่นออกมาอย่างไม่คาดคิด



   “ท่านปู่ ท่านเข้าใจอะไรหรือ !?” ซินฟง กล่าวถามพลางฝืนยิ้มบางออกมา



   “ตราบใดก็ตามที่พวกเราสามารถหาพายุหิมะกรรโชกได้อีกครั้ง ข้ารับรองเลยว่าข้าจะสามารถฟื้นฟูพลังกลับมาได้อย่างสมบูรณ์แน่นอน !!” เล่ย เปา กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม



   “ไหนท่านปู่บอกว่าจะพาพวกเราไปหาท่านพ่อ กับท่านแม่ !!” เล่ย ซิงเหยา กล่าวเชิงหยอกล้อ แต่ทว่ามันกลับทำให้ทุกคนเงียบเสียงลงอย่างกะทันหัน



   “หากว่าปู่ฟื้นพลังกลับมาได้สมบูรณ์ ปู่จะพาพวกเจ้าทั้งสองคนไปพบกับท่านพ่อ และท่านแม่ของพวกเจ้าเอง !!” หลังจากที่นิ่งเงียบไปชั่วอึดใจหนึ่ง เล่ย เปา ก็กล่าวพลางยิ้มออกมาอย่างขมขื่น



   “พ่อแม่ของพวกเจ้าอยู่ที่ใดกัน !? มันก็เป็นคำพูดที่เจ้าไม่มีทางสัมผัสได้ถึงสิ่งใด หากว่าให้เลือกพ่อและแม่ กับปู่ และพี่ชาย เจ้าย่อมต้องเลือกอย่างหลังแน่นอน !!”



ทั้ง ซินฟง และ เล่ย ซิงเหยา ต่างรู้ดีว่าพ่อและแม่ของพวกเขานั้นถูกขับไล่ออกไปโดย เล่ย เปา ซึ่งเป็นปู่ของพวกเขา และแม้แต่ เล่ย เปา เองก็ยังไม่อาจรู้ได้ว่าตอนนี้ลูกชาย และลูกสะใภ้ของเขาอยู่ที่ใด



   “เมื่อถึงเวลานั้น การตามหาพ่อแม่ของพวกเจ้าย่อมไม่ใช่เรื่องยาก !!” เล่ย เปา กล่าวในใจ



เล่ย ซิงเหยา ไม่ได้ยินคำกล่าวที่เต็มไปด้วยความจริงใจของ เล่ย เปา แต่อย่างใด สำหรับ ซินฟง แล้วนั้น ไม่ว่าเขาจะได้ยิน หรือไม่ได้ยินก็ตาม มันก็ไม่ได้มีความหมายใดๆ สำหรับเขา เพราะตั้งแต่เขาลืมตามาบนโลกแห่งนี้ เขาก็มีเพียงปู่ และน้องสาวเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงไม่ได้มีความรู้สึกใดๆ ต่อพ่อ และแม่ของเขาในโลกนี้แม้แต่นิดเดียว



หลังจากนั้นสองวันพวกเขาทั้งสามคนก็ได้พบกับพายุหิมะกรรโชกอีกครั้ง แต่ทว่าพายุหิมะกรรโชกลูกนี้กลับมีขนาดเล็กกว่าในสองลูกแรกอย่างมาก เพราะมันแทบที่จะไม่มีสายฟ้าฟาดลงมาด้วยซ้ำ



ด้วยความรุนแรงของพายุหิมะกรรโชกนั้น มันก็ทำให้ ซินฟง และ เล่ย ซิงเหยา ต้องเขาไปหลบอยู่ในโพรงไม้ใหญ่อยู่ดี



ในตอนนี้ ซินฟง ไม่ได้ฝึกฝนพลังของเขาต่อแต่อย่างใด มันเป็นเพราะความรวดเร็วในการฝึกฝนของเขาที่รวดเร็วอย่างมาก จึงทำให้คนที่มีอายุรุ่นเดียวกับเขานั้นไม่อาจตามความก้าวหน้าของเขาได้ทัน ดังนั้นเขาจึงยังไม่ต้องฝึกฝนเพิ่มในตอนนี้



เล่ย เปา เป็นคนที่มีประสบการณ์สูงส่งอย่างมาก ตลอดชีวิตที่ผ่านมานั้น เขาได้พบเห็นเรื่องอัศจรรย์ต่างๆ มากมาย แต่เขาก็ไม่เคยพบเห็นคนที่มีอายุสิบหกย่างสิบเจ็ดปีเช่นเดียวกับ ซินฟง ทะลวงพลังเข้าสู่ระดับผู้ใช้พลังเคลื่อนหมื่นขั้นมาก่อน ดังนั้นเขาจึงยังไม่ให้ ซินฟง ทะลวงพลังในตอนนี้ เนื่องจากว่าเขายังไม่มั่นใจว่าจะมีผลกระทบหรือไม่



ซินฟง เชื่อฟังคำสั่งสอนของ เล่ย เปา อย่างมาก และเขาก็รู้ดีว่า เล่ย เปา เป็นห่วงเขา ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะทำตามคำสั่ง นั่นคือเพียงนั่งดูพายุหิมะกรรโชกโดยไม่ต้องฝึกฝน



ในเวลานี้ เล่ย เปา รู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก หลังจากที่เขาได้กล่าวออกมาว่าเขาสามารถแก้ไขความผิดพลาดได้แล้วนั้น ตอนนี้มันก็ถึงเวลาที่จะได้เห็นผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นแล้ว.......... 


By.GOT
คนปราการผาพยัคฆ์จะต้านไว้ได้นานแค่ไหน เล่ย เปา ซิงฟง จะกลับไปทันเวลาหรือไม่ ต้องรอติดตาม

รีวิวผู้อ่าน