“อีหลิงไม่ได้ทำอะไรผิด แม่เชื่อหลาน อีกอย่างคนรับใช้ที่บ้านเธอ แกต้องรีบไล่คนพวกนั้นออกไปซะ ในเมื่ออีหลิงไม่ชอบ ทำไมแกจึงยังเก็บคนพวกนั้นไว้อีกล่ะ จ่ายเงินให้คนรับใช้ก็เพื่อให้รับใช้นาย ไม่ใช่มีไว้ให้ทำให้นายโกรธ” ย่าเจี่ยนหันหน้าหนีราวกับว่าพูดไปก็ไร้ประโยชน์
เจี่ยนอีหลิงมองดูคนทั้งสองโต้เถียงกัน แล้วจึงยื่นมือออกไปดึงชายเสื้อของย่าเจี่ยน
ย่าเจี่ยนก้มมองเธอ
“อย่าทะเลาะเลย หนูผิด”
เจี่ยนอีหลิงมีความผิดส่วนหนึ่งจริงๆ อย่างน้อยเธอก็ไม่ควรที่จะทะเลาะกับพี่ชายของเธอเพราะว่าเขาเป็นเพื่อนที่ดีกับเพศตรงข้าม
ในประเด็นนี้เจี่ยนอีหลิงคนเดิมผิดจริงๆ ที่ใจแคบและขี้ขลาด
ส่วนที่ว่าเธอได้ผลักเขาหรือไม่นั้นยังเป็นข้อกังขาอยู่ เจี่ยนอีหลิงไม่ต้องการที่จะโต้แย้งอย่างไร้ความหมายในช่วงเวลานี้
ถึงแม้ว่าจะยืนยันว่าไม่ได้ทำต่อหน้าปู่ย่า แต่ก็ไม่สามารถที่จะแสดงหลักฐานใดๆออกมาได้ ย่อมไม่เกิดผลดีอะไร นอกจากจะทำให้พ่อแม่ของเธอผิดหวังมากขึ้นเท่านั้น
“อีหลิง หลาน…” ย่าเจี่ยนมองดูเจี่ยนอีหลิงอย่างประหลาดใจ
เมื่อเจี่ยนอีหลิงพูดคำพูดเหล่านี้ออกมาอย่างจริงใจ ทำให้เจี่ยนชูฉิงเกิดความรู้สึกประทับใจ
เห็นได้ชัดว่าเด็กคนนี้รู้จริงว่าตนเองผิดในคราวนี้
ในเวลานี้ ปู่เจี่ยน ซึ่งได้อยู่เงียบๆ มานับตั้งแต่เจี่ยนอีหลิงและคนอื่นๆเข้ามาในบ้าน ก็พูดขึ้นว่า “อีหลิง มานี่สิ”
ปู่เจี่ยนกวักมือเรียกเจี่ยนอีหลิง
หลังจากลังเลอยู่ชั่วขณะ เจี่ยนอีหลิงก็เดินไปหาอย่างสงบเสงี่ยม
ปู่เจี่ยนนั่งอยู่บนโซฟาและยื่นมือออกไปลูบหัวเจี่ยนอีหลิง “ปู่ต้องการให้หลานมาอยู่ที่นี่ อีกอย่างปู่ก็ต้องการถามพ่อหนูว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร ตอนนี้ดูเหมือนว่าหลานได้ยอมรับผิดแล้ว ปู่รู้สึกดีใจมาก”
เหมือนกับย่าเจี่ยน ปู่เจี่ยนก็ชื่นชอบแต่เพียงหลานสาวคนนี้เช่นกัน ทั้งยังเอาอกเอาใจต่อหลานสาวตัวน้อยนี้ เขาจะไม่ลังเลที่จะหามาให้หากว่าหลานสาวตัวน้อยคนนี้ต้องการ
แต่ชายชราคนนี้เป็นผู้นำตระกูลเจี่ยน และก็เป็นเด็กในตระกูลเจี่ยนที่ได้รับบาดเจ็บหนักครั้งนี้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องแยกแยะความถูกผิดให้ชัดเจน
ในที่สุดสีหน้าของชายชราก็ค่อยผ่อนคลายลง เขาพูดกับหลานสาวที่เป็นแก้วตาดวงใจว่า “เรื่องของพี่ชายหลาน ปู่จะถือว่ามันเป็นเรื่องในอดีต สุดท้ายแล้วไม่ว่าหลานจะทำผิดมากมายเพียงใด หลานก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าแขนของพี่ชายหลานนั้นได้รับบาดเจ็บ แต่อย่างไรก็ตามก็ควรมีการลงโทษ ต้องมีการติดตามผลสิ่งที่ได้ทำลงไปแล้ว และอย่าให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำอีก หลานเข้าใจไหม”
เจี่ยนอีหลิงพยักหน้า
ชายชรากล่าวว่า “เด็กตระกูลเจี่ยนของเราไม่เป็นไรถ้าจะโหดร้ายกับคนข้างนอก แต่ไม่อนุญาตให้ทำร้ายคนในตระกูลโดยเด็ดขาด ครั้งนี้ยกประโยชน์ให้เห็นแก่ความเป็นเด็กและเป็นความผิดครั้งแรกของหลาน”
เจี่ยนอีหลิงพยักหน้าอีกครั้ง
เจี่ยนอีหลิงไม่สงสัยเลยว่าชายชราจะลงโทษเธอ
เพราะว่าตามนิยายต้นฉบับ เป็นชายชรานี้เองที่ได้สั่งให้ขับเจี่ยนอีหลิงออกจากบ้านตระกูลเจี่ยนในที่สุด
ย่าเจี่ยนไม่สามารถทนดูได้อีกต่อไป เธอก้าวเข้ามาดึงเอาเจี่ยนอีหลิงไปจากปู่เจี่ยน
“ตาเฒ่า ทำไมช่างดุนัก แกกำลังจะทำให้เธอกลัว”
แม้ย่าเจี่ยนจะกล่าวเช่นนั้น แต่เธอก็ยังกลัวว่าปู่เจี่ยนจะทำอะไรอยู่บ้าง
ไม่เช่นนั้นเธอก็คงไม่ก้าวเข้ามาหยุดยั้งก่อนที่ปู่เจี่ยนจะทันได้พูดจบ
ย่าเจี่ยนและปู่เจี่ยนนั้นอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาตลอดชีวิต และพวกเขาก็เข้าใจนิสัยใจคอกันและกันเป็นอย่างดี
ในเรื่องเล็กน้อยไม่ว่าเธอจะสร้างปัญหามากแค่ไหน เขาก็จะยอมให้เธอ
แต่เมื่อเป็นเรื่องที่ร้ายแรง หญิงชราก็จะยอมเช่นเดียวกัน
ถ้าเธอดื้อดึง เกรงว่าพวกเขาคงไม่สามารถที่จะอยู่ด้วยกันมาจนถึงปานนี้