px

เรื่อง : พ่อบ้านจักรพรรดิปีศาจ
ตอนที่ 21 ปัญหามาถึงที่


วันที่สอง จั๋วฝานกำลังนั่งทำสมาธิในห้องที่โรงเตี๊ยม แต่ก็มีเสียงฝีเท้าวิ่งเข้ามาใกล้ หัวหน้าผางวิ่งเข้ามาด้วยใบหน้ากระวนกระวาย

 

“ตระกูลซุนมาล้อมเราอยู่ด้านนอก”

 

จั๋วฝานค่อย ๆ ลืมตาแล้วแสยะยิ้ม”ในที่สุดก็มากัน”

 

“เอ๊ะ ทำไมเจ้าถึงนิ่งเฉยขนาดนั้น?”

 

จั๋วฝานเดินออกไปโดยไม่สนใจ”ข้ากำลังรอพวกมันอยู่ บอกสองพี่น้องให้มาด้วย”

 

หัวหน้าผางอดกลอกตาไม่ได้ จั๋วฝานเป็นพ่อบ้านของตระกูลลั่ว และเรียกคุณหนูกับนายน้อยต่อหน้าคนอื่น แต่เมื่ออยู่กันเอง เขากลับไม่เป็นแบบนั้น

 

ถ้ามันเป็นอดีต หัวหน้าผางคงลงมือสั่งสอนไปแล้ว แต่เขากลับชินกับนิสัยปากร้ายใจอ่อนของจั๋วฝานแล้ว เขามีนิสัยชอบต่อว่าสองพี่น้อง แต่เขาจะเป็นคนแรกที่กระโดดไปปกป้องทั้งคู่

 

เหมือนกับเมื่อวาน ตอนเขาตำหนิลั่วหยุนชางที่จู่ๆก็พูดและเกือบทำลายข้อตกลงของพวกเขา แม้จะผิดเวลา คุณหนูก็รู้ว่าหลังเห็นหลงจิ่วจากไป ว่าจั๋วฝานได้ทำประโยชน์อย่างมากต่อตระกูลลั่ว

 

ด้วยการที่ตระกูลลั่วมีเงินนับล้าน พวกเขาจึงไม่อยู่ในตำแหน่งที่ต้องพึ่งพาใครอื่นอีก

 

สิ่งสำคัญสุดคือการประเมินของหลงจิ่ว ตราบเท่าที่ตระกูลลั่วมีจั๋วฝาน ทั้งตระกูลก็จะผงาด

 

“คนมีความสามารถที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุด!”หัวหน้าผางลูบคาง ชื่นชมจั๋วฝานก่อนไปรับสองพี่น้อง

 

ในไม่ช้า หัวหน้าผางก็พาพวกเขาไปหาจั๋วฝานในโถงโรงเตี๊ยม ลั่วหยุนชางยังฝังใจกับเรื่องเมื่อวานอยู่

 

“ไปกัน คุณหนู นายน้อย”

 

จั๋วฝานแสดงท่าเชื้อเชิญไปด้านนอกด้วยสายตา และลั่วหยุนชางก็แค่นเสียงขณะดึงน้องชายน้องไป

 

ผู้ดูแลโรงเตี๊ยมเปิดประตู

 

ลั่วหยุนชางแสดงคุณสมบัติของคุณหนูด้วยการเปลี่ยนท่าทางและสีหน้าให้สมกับสถานะดังกล่าว จั๋วฝานถึงกับถอนหายใจให้กับตัวอย่างที่ดีของคุณหญิงในตระกูล

 

คนตระกูลซุน 30 คนยืนด้านนอก เป็นผู้เชี่ยวชาญกลั่นลมปราณ นำโดยซุนยู่เฟยและนายน้อยสูงสง่า เขาถือพัดไว้ ขณะที่ดวงตาสว่างวาบตอนเห็นลั่วหยุนชาง

 

เมื่อสังเกตเห็นสายตานั้น ลั่วหยุนชางก็หันไปมองซุนยู่เฟย”ทำไมคุณหนูซุนถึงพาคนจำนวนมากมาหาเรา?”

 

“ฮึ่ม ยังจะถามทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจ!”ซุนยู่เฟยชี้จั๋วฝานด้วยความเกลียดชัง”วันนี้ ข้าจะกวาดล้างทั้งตระกูลลั่วให้หมด!”

 

ลั่วหยุนชางขมวดคิ้ว ดึงลั่วหยุนไห่มาข้างหลัง แต่หลังเห็นใบหน้าผ่อนคลายของจั๋วฝาน นางก็หายเครียด

 

ในช่วงเวลาแสนอันตรายเหล่านี้ จั่วฝานเป็นคนแก้ปัญหาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นต่อหน้าไช่หรงหรือหลิงจิ่ว ความเจ้าเล่ห์และการวางแผนของเขาช่วยให้พวกเขาผ่านพ้นอุปสรรคทั้งหมดไปได้

 

ต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญทั้งสองเหล่านั้น คนเหล่านี้ไม่นับเป็นอะไร

 

ลั่วหยุนชางรู้ ตราบเท่าที่จั๋วฝานสงบ เรื่องนี้ก็จะเรียบร้อย

 

เมื่อเห็นจั๋วฝานยังไร้อารมณ์ ลั่วหยุนชางก็เริ่มยิ้ม เชิดหน้าด้วยความมั่นใจ”ตระกูลลั่วของข้าปกคลุมเมืองเนตรสายลมมานานนับศตวรรษ เจ้าคิดว่าเราจะยอมงอเพียงเพราะเจ้าพูดเช่นนั้นหรือ?คุณหนูซุน ตระกูลของเจ้าอยู่ที่นี่มาแค่ไม่กี่สิบปี โปรดระวังน้ำเสียงเจ้าด้วย”

 

ในที่สุดลั่วหยุนชางก็สามารถฟื้นคืนความสูงส่งที่นางมีได้ตอนตระกูลลั่วรุ่งเรือง ความมั่นใจดังกล่าวทำให้คนอื่นพูดไม่ออก

 

ผู้ชมได้ลดซุนยู่เฟยให้เป็นคนรับใช้ปากร้ายขณะที่ลั่วหยุนชางเป็นสตรีผู้สูงศักดิ์

 

เมื่อสังเกตเห็นสีหน้าพวกเขา ใบหน้าของซุนยู่เฟยก็แดงก่ำ ระเบิดปราณออกมา”ลั่วหยุนชาง ข้าจะสั่งสอนเจ้าถึงความหมายของตระกูลที่ล่มสลายเอง”

 

นางกระโจนออกไป และหัวหน้าผางก็พุ่งตัวมาปกป้องคุณหนูของเขา แต่ก่อนจะได้พบกัน พัดก็คั่นกลางระหว่างทั้งคู่

 

“เปียวเกอ(ญาติชาย) เจ้า…”ซุนยู่เฟยจ้องเขาด้วยตาแดงก่ำ

 

ด้วยรอยยิ้มอ่อน ๆ ชายหนุ่มไม่มองซุนยู่เฟยเลย แต่กลับจับจ้องลั่วหยุนชางด้วยความเคารพ”คุณหนูลั่ว โปรดให้อภัยกับความไร้มารยาทของเปียวเม่ย(ญาติผู้หญิง)ข้าด้วย เรามาบ้านของท่านเพื่อให้พ่อบ้านของท่านแสดงความยุติธรรมกับลูกพี่ลูกน้องข้า มันไม่ใช่เรื่องของคุณหนู ถ้าท่านส่งตัวเขามา ข้ารับประกันว่าจะไม่ทำร้ายสมาชิกตระกูลลั่ว”

 

“เปียเกอ เราไม่ได้คุยกับแบบนี้นี่ ทำไม..”ซุนยู่เฟยตื่นตระหนก แต่เขากลับปิดใบหน้าด้วยพัด

 

“ข้าสามารถนำความรุ่งเรืองในอดีตกลับคืนสู่ตระกูลลั่วได้”

 

“ไม่จำเป็น จั๋วฝานเป็นคนของตระกูลลั่ว ถ้าพวกเจ้าคิดสร้างปัญหาให้กับเขา เจ้าก็ต้องจัดการกับทั้งตระกูล ถ้ามีข้อร้องเรียนใด ก็มาหาข้า ข้าคือผู้ดูแลตระกูลลั่ว”ลั่วหยุนชางยืนหยัดอย่างกล้าหาญ

 

ชายหนุ่มส่ายหัว ลบรอยยิ้มออกจากหน้า”ข้าคิดว่าคุณหนูไม่ควรรีบแสดงอารมณ์ออกมา ถ้าท่านรู้ว่าข้าเป็นใคร ท่านอาจไม่พูดแบบเดิม”

 

ลั่วหยุนชางจ้องเขาพร้อมขมวดคิ้ว

 

“ข้าน้อย โหยวเฉวียน ศิษย์แห่งโหยวหมิงกู่(หุบเหวมืด)”

 

“อะ-”ลั่วหยุนชางตกใจ ถอยหลังไปสองก้าว”นั่น..เจ็ดตระกูลใหญ่”

 

“ฮ่าๆๆ ตอนนี้กลัวแล้วหรือ?”ซุนยู่เฟยหัวเราะด้วยความภาคภูมิใจ

 

ทุกคน นอกจากจั๋วฝานแล้วต่างมีสีหน้าดำมืด ไม่มีเหตุผลให้ต้องกลัวตอนพบหลงจิ่วเพราะพวกเขากำลังเจรจากัน แต่กรณีนี้ พวกเขากำลังขัดแย้งหุบโหยวหมิงกู่

 

เจ็ดตระกูลใหญ่แค่ต้องยกนิ้ว และตระกูลสามัญชนก็จะล่มสลายแล้ว ไม่แปลกใจที่ผู้นำตระกูลไช่หรงถึงเห็นหญิงสาวตระกูลซุนสำคัญ ตระกูลของนางมีความเกี่ยวข้องกับเจ็ดตระกูลใหญ่นี่เอง

 

“จั๋วฝาน..”

 

ลั่วหยุนชางจับมือเขา เสียงของนางสั่นสะท้าน

 

ด้วยรอยยิ้มมั่นใจ เขาก้าวไปข้างหน้า”ข้าพ่อบ้านตระกูลลั่ว จั๋วฝาน มาสู้ตัวต่อตัวกับข้าหน่อยเป็นไง?”

“ฮึ่ม เปียวเม่ยพูดถูก เจ้ามันเป็นทาสอวดดี”โหยวเฉวียนเดินเข้ามา”การที่เราทุกคนไปรุมคนอย่างเจ้าจะทำให้ชื่อเสียงโหยวหมิงกู่ต้องแปดเปื้อน”

 

ด้วยคำพูดสุดท้าย โหยวเฉวียนก็พลันหายตัวไป

 

จั๋วฝานหรี่ตา พร้อมตีลังกากลับหลัง เมื่อเขามองไปข้างหน้า เลือดก็ไหลลงบนหน้าเขา

 

เลือดไหลย้อยลงแก้ม

 

“ฮึ่ม เจ้าหลบได้ดี”โหยวเฉวียนมองเขาอย่างชั่วร้าย ราวกับกำลังเล่นกับเขา

 

[ผู้บ่มเพาะปีศาจ กลั่นปราณขั้น6]

 

จั๋วฝานเหล่ตาและยิ้ม”น่าสนใจ”

 

ตอนโหยวเฉวียนโจมตีเหมือนปีศาจ ถ้าจั๋วฝานไม่ใช่ผู้บ่มเพาะปีศาจมากประสบการณ์ เขาคงตายไปแล้ว แต่นี่ได้เผยให้เห็นธรรมชาติของโหยวหมิงกู่ ว่าเป็นฝ่ายปีศาจ

 

ถ้าคนอื่นพบปัญหาดังกล่าว พวกเขาต้องเผชิญกับปัญหายากลำบาก

 

ผู้บ่มเพาะปีศาจจะได้รับพลังผ่านทุกวิธีการที่เต็มไปด้วยอันตรายและความป่าเถื่อย ผู้บ่มเพาะสายชอบธรรมจะใช้แนวทางตรงกันข้าม ก้าวไปทีละก้าว พวกเขาไม่น่าประทับใจเท่าผู้บ่มเพาะปีศาจ แต่ก็แทบไม่พบปัญหาในการบ่มเพาะ

 

และนี่ก็อธิบายว่าทำไมแม้จะเป็นแค่ขั้นหก โหยวเฉวียนก็ยังอันตราย แต่จั๋วฝานเป็นขั้นสอง ความแตกต่างถึงสี่ขั้นทำให้เขากดดันมากกว่าตอนสู้กับผู้บ่มเพาะสายชอบธรรม

 

โชคดีที่จั๋วฝานคือสัตว์ประหลาดโบราณในสายปีศาจ 

 

“เจ้าไม่เป็นไรนะ?”ลั่วหยุนชางกังวล มองดูรอยเลือดไหลย้อยบนแก้มเขา

 

เขาปาดเลือด แสดงรอยยิ้มตื่นเต้น มันไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยสู้กับพวกระดับสูงกว่ามาก่อน แค่ว่าทั้งหมดล้วนเป็นผู้บ่มเพาะสายธรรมมะ นี่คือครั้งแรกที่เขาพบผู้บ่มเพาะปีศาจในสถานการณ์นี้และเริ่มสนุกกับความแปลกใจของมัน

 

“สู้!”

 

ถึงแม้ตระกูลลั่วจะไม่อยู่นี่ มันก็ยังสำคัญที่ต้องผ่านการต่อสู้นี้ไปให้ได้เพื่อแผนการร้ายของเขา ศึกนี้ไม่มีเหตุผลใด เลือดที่เดือดพล่านของเขาเป็นตัวกำหนดการเคลื่อนไหว

 

สายตากระหายเลือดในดวงตาของจั๋วฝานทำให้โหยวเฉวียนสะดุ้ง

 

สามัญสำนึกบอกเขาว่ากระบวนท่าแรกนั้นควรพรากชีวิตจั๋วฝานได้ และต่อให้รอดพ้นด้วยปาฏิหาริย์บางอย่าง 

อีกฝ่ายก็ต้องกลัว แต่แทนที่จะกลัว จั๋วฝานกลับตื่นเต้นและกระหายการต่อสู้

 

“หรือว่า….”

 

โหยวเฉวียนนึกถึงบางสิ่งบางอย่าง แต่ก็ถูกบังคับให้ต้องป้องกัน

 

ปัง!

 

ฝ่ามือเลือดระเบิดในมือเขา ผลักเขาถอยซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อเขาหยุด มือของเขาก็มีเลือดไหลหยด

 

“เปียวเกอ ระวังตัวด้วย แม้กระทั่งไช่หรงก็ยังเสียท่าให้เขาจากฝ่ามือนี้”ซุนยู่เฟยแนะนำ

 

โหยวเฉวียนขมวดคิ้ว สีหน้าของเขาดำมืด”นี่เจ็บปวดมาก ไม่คิดเลยว่าข้าจะได้พบกับคนแบบเขา..:”

 

เขาเห็นจั๋วฝานฉีกยิ้มกว้างและถอนหายใจอยู่ข้างใน ขณะเดียวกันก็เพิ่มความระมัดระวัง

 

[ถ้าข้ารู้ ข้าคงไม่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้..]

 

รีวิวผู้อ่าน