วันที่สอง จั๋วฝานกำลังนั่งทำสมาธิในห้องที่โรงเตี๊ยม แต่ก็มีเสียงฝีเท้าวิ่งเข้ามาใกล้ หัวหน้าผางวิ่งเข้ามาด้วยใบหน้ากระวนกระวาย
“ตระกูลซุนมาล้อมเราอยู่ด้านนอก”
จั๋วฝานค่อย ๆ ลืมตาแล้วแสยะยิ้ม”ในที่สุดก็มากัน”
“เอ๊ะ ทำไมเจ้าถึงนิ่งเฉยขนาดนั้น?”
จั๋วฝานเดินออกไปโดยไม่สนใจ”ข้ากำลังรอพวกมันอยู่ บอกสองพี่น้องให้มาด้วย”
หัวหน้าผางอดกลอกตาไม่ได้ จั๋วฝานเป็นพ่อบ้านของตระกูลลั่ว และเรียกคุณหนูกับนายน้อยต่อหน้าคนอื่น แต่เมื่ออยู่กันเอง เขากลับไม่เป็นแบบนั้น
ถ้ามันเป็นอดีต หัวหน้าผางคงลงมือสั่งสอนไปแล้ว แต่เขากลับชินกับนิสัยปากร้ายใจอ่อนของจั๋วฝานแล้ว เขามีนิสัยชอบต่อว่าสองพี่น้อง แต่เขาจะเป็นคนแรกที่กระโดดไปปกป้องทั้งคู่
เหมือนกับเมื่อวาน ตอนเขาตำหนิลั่วหยุนชางที่จู่ๆก็พูดและเกือบทำลายข้อตกลงของพวกเขา แม้จะผิดเวลา คุณหนูก็รู้ว่าหลังเห็นหลงจิ่วจากไป ว่าจั๋วฝานได้ทำประโยชน์อย่างมากต่อตระกูลลั่ว
ด้วยการที่ตระกูลลั่วมีเงินนับล้าน พวกเขาจึงไม่อยู่ในตำแหน่งที่ต้องพึ่งพาใครอื่นอีก
สิ่งสำคัญสุดคือการประเมินของหลงจิ่ว ตราบเท่าที่ตระกูลลั่วมีจั๋วฝาน ทั้งตระกูลก็จะผงาด
“คนมีความสามารถที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุด!”หัวหน้าผางลูบคาง ชื่นชมจั๋วฝานก่อนไปรับสองพี่น้อง
ในไม่ช้า หัวหน้าผางก็พาพวกเขาไปหาจั๋วฝานในโถงโรงเตี๊ยม ลั่วหยุนชางยังฝังใจกับเรื่องเมื่อวานอยู่
“ไปกัน คุณหนู นายน้อย”
จั๋วฝานแสดงท่าเชื้อเชิญไปด้านนอกด้วยสายตา และลั่วหยุนชางก็แค่นเสียงขณะดึงน้องชายน้องไป
ผู้ดูแลโรงเตี๊ยมเปิดประตู
ลั่วหยุนชางแสดงคุณสมบัติของคุณหนูด้วยการเปลี่ยนท่าทางและสีหน้าให้สมกับสถานะดังกล่าว จั๋วฝานถึงกับถอนหายใจให้กับตัวอย่างที่ดีของคุณหญิงในตระกูล
คนตระกูลซุน 30 คนยืนด้านนอก เป็นผู้เชี่ยวชาญกลั่นลมปราณ นำโดยซุนยู่เฟยและนายน้อยสูงสง่า เขาถือพัดไว้ ขณะที่ดวงตาสว่างวาบตอนเห็นลั่วหยุนชาง
เมื่อสังเกตเห็นสายตานั้น ลั่วหยุนชางก็หันไปมองซุนยู่เฟย”ทำไมคุณหนูซุนถึงพาคนจำนวนมากมาหาเรา?”
“ฮึ่ม ยังจะถามทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจ!”ซุนยู่เฟยชี้จั๋วฝานด้วยความเกลียดชัง”วันนี้ ข้าจะกวาดล้างทั้งตระกูลลั่วให้หมด!”
ลั่วหยุนชางขมวดคิ้ว ดึงลั่วหยุนไห่มาข้างหลัง แต่หลังเห็นใบหน้าผ่อนคลายของจั๋วฝาน นางก็หายเครียด
ในช่วงเวลาแสนอันตรายเหล่านี้ จั่วฝานเป็นคนแก้ปัญหาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นต่อหน้าไช่หรงหรือหลิงจิ่ว ความเจ้าเล่ห์และการวางแผนของเขาช่วยให้พวกเขาผ่านพ้นอุปสรรคทั้งหมดไปได้
ต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญทั้งสองเหล่านั้น คนเหล่านี้ไม่นับเป็นอะไร
ลั่วหยุนชางรู้ ตราบเท่าที่จั๋วฝานสงบ เรื่องนี้ก็จะเรียบร้อย
เมื่อเห็นจั๋วฝานยังไร้อารมณ์ ลั่วหยุนชางก็เริ่มยิ้ม เชิดหน้าด้วยความมั่นใจ”ตระกูลลั่วของข้าปกคลุมเมืองเนตรสายลมมานานนับศตวรรษ เจ้าคิดว่าเราจะยอมงอเพียงเพราะเจ้าพูดเช่นนั้นหรือ?คุณหนูซุน ตระกูลของเจ้าอยู่ที่นี่มาแค่ไม่กี่สิบปี โปรดระวังน้ำเสียงเจ้าด้วย”
ในที่สุดลั่วหยุนชางก็สามารถฟื้นคืนความสูงส่งที่นางมีได้ตอนตระกูลลั่วรุ่งเรือง ความมั่นใจดังกล่าวทำให้คนอื่นพูดไม่ออก
ผู้ชมได้ลดซุนยู่เฟยให้เป็นคนรับใช้ปากร้ายขณะที่ลั่วหยุนชางเป็นสตรีผู้สูงศักดิ์
เมื่อสังเกตเห็นสีหน้าพวกเขา ใบหน้าของซุนยู่เฟยก็แดงก่ำ ระเบิดปราณออกมา”ลั่วหยุนชาง ข้าจะสั่งสอนเจ้าถึงความหมายของตระกูลที่ล่มสลายเอง”
นางกระโจนออกไป และหัวหน้าผางก็พุ่งตัวมาปกป้องคุณหนูของเขา แต่ก่อนจะได้พบกัน พัดก็คั่นกลางระหว่างทั้งคู่
“เปียวเกอ(ญาติชาย) เจ้า…”ซุนยู่เฟยจ้องเขาด้วยตาแดงก่ำ
ด้วยรอยยิ้มอ่อน ๆ ชายหนุ่มไม่มองซุนยู่เฟยเลย แต่กลับจับจ้องลั่วหยุนชางด้วยความเคารพ”คุณหนูลั่ว โปรดให้อภัยกับความไร้มารยาทของเปียวเม่ย(ญาติผู้หญิง)ข้าด้วย เรามาบ้านของท่านเพื่อให้พ่อบ้านของท่านแสดงความยุติธรรมกับลูกพี่ลูกน้องข้า มันไม่ใช่เรื่องของคุณหนู ถ้าท่านส่งตัวเขามา ข้ารับประกันว่าจะไม่ทำร้ายสมาชิกตระกูลลั่ว”
“เปียเกอ เราไม่ได้คุยกับแบบนี้นี่ ทำไม..”ซุนยู่เฟยตื่นตระหนก แต่เขากลับปิดใบหน้าด้วยพัด
“ข้าสามารถนำความรุ่งเรืองในอดีตกลับคืนสู่ตระกูลลั่วได้”
“ไม่จำเป็น จั๋วฝานเป็นคนของตระกูลลั่ว ถ้าพวกเจ้าคิดสร้างปัญหาให้กับเขา เจ้าก็ต้องจัดการกับทั้งตระกูล ถ้ามีข้อร้องเรียนใด ก็มาหาข้า ข้าคือผู้ดูแลตระกูลลั่ว”ลั่วหยุนชางยืนหยัดอย่างกล้าหาญ
ชายหนุ่มส่ายหัว ลบรอยยิ้มออกจากหน้า”ข้าคิดว่าคุณหนูไม่ควรรีบแสดงอารมณ์ออกมา ถ้าท่านรู้ว่าข้าเป็นใคร ท่านอาจไม่พูดแบบเดิม”
ลั่วหยุนชางจ้องเขาพร้อมขมวดคิ้ว
“ข้าน้อย โหยวเฉวียน ศิษย์แห่งโหยวหมิงกู่(หุบเหวมืด)”
“อะ-”ลั่วหยุนชางตกใจ ถอยหลังไปสองก้าว”นั่น..เจ็ดตระกูลใหญ่”
“ฮ่าๆๆ ตอนนี้กลัวแล้วหรือ?”ซุนยู่เฟยหัวเราะด้วยความภาคภูมิใจ
ทุกคน นอกจากจั๋วฝานแล้วต่างมีสีหน้าดำมืด ไม่มีเหตุผลให้ต้องกลัวตอนพบหลงจิ่วเพราะพวกเขากำลังเจรจากัน แต่กรณีนี้ พวกเขากำลังขัดแย้งหุบโหยวหมิงกู่
เจ็ดตระกูลใหญ่แค่ต้องยกนิ้ว และตระกูลสามัญชนก็จะล่มสลายแล้ว ไม่แปลกใจที่ผู้นำตระกูลไช่หรงถึงเห็นหญิงสาวตระกูลซุนสำคัญ ตระกูลของนางมีความเกี่ยวข้องกับเจ็ดตระกูลใหญ่นี่เอง
“จั๋วฝาน..”
ลั่วหยุนชางจับมือเขา เสียงของนางสั่นสะท้าน
ด้วยรอยยิ้มมั่นใจ เขาก้าวไปข้างหน้า”ข้าพ่อบ้านตระกูลลั่ว จั๋วฝาน มาสู้ตัวต่อตัวกับข้าหน่อยเป็นไง?”
“ฮึ่ม เปียวเม่ยพูดถูก เจ้ามันเป็นทาสอวดดี”โหยวเฉวียนเดินเข้ามา”การที่เราทุกคนไปรุมคนอย่างเจ้าจะทำให้ชื่อเสียงโหยวหมิงกู่ต้องแปดเปื้อน”
ด้วยคำพูดสุดท้าย โหยวเฉวียนก็พลันหายตัวไป
จั๋วฝานหรี่ตา พร้อมตีลังกากลับหลัง เมื่อเขามองไปข้างหน้า เลือดก็ไหลลงบนหน้าเขา
เลือดไหลย้อยลงแก้ม
“ฮึ่ม เจ้าหลบได้ดี”โหยวเฉวียนมองเขาอย่างชั่วร้าย ราวกับกำลังเล่นกับเขา
[ผู้บ่มเพาะปีศาจ กลั่นปราณขั้น6]
จั๋วฝานเหล่ตาและยิ้ม”น่าสนใจ”
ตอนโหยวเฉวียนโจมตีเหมือนปีศาจ ถ้าจั๋วฝานไม่ใช่ผู้บ่มเพาะปีศาจมากประสบการณ์ เขาคงตายไปแล้ว แต่นี่ได้เผยให้เห็นธรรมชาติของโหยวหมิงกู่ ว่าเป็นฝ่ายปีศาจ
ถ้าคนอื่นพบปัญหาดังกล่าว พวกเขาต้องเผชิญกับปัญหายากลำบาก
ผู้บ่มเพาะปีศาจจะได้รับพลังผ่านทุกวิธีการที่เต็มไปด้วยอันตรายและความป่าเถื่อย ผู้บ่มเพาะสายชอบธรรมจะใช้แนวทางตรงกันข้าม ก้าวไปทีละก้าว พวกเขาไม่น่าประทับใจเท่าผู้บ่มเพาะปีศาจ แต่ก็แทบไม่พบปัญหาในการบ่มเพาะ
และนี่ก็อธิบายว่าทำไมแม้จะเป็นแค่ขั้นหก โหยวเฉวียนก็ยังอันตราย แต่จั๋วฝานเป็นขั้นสอง ความแตกต่างถึงสี่ขั้นทำให้เขากดดันมากกว่าตอนสู้กับผู้บ่มเพาะสายชอบธรรม
โชคดีที่จั๋วฝานคือสัตว์ประหลาดโบราณในสายปีศาจ
“เจ้าไม่เป็นไรนะ?”ลั่วหยุนชางกังวล มองดูรอยเลือดไหลย้อยบนแก้มเขา
เขาปาดเลือด แสดงรอยยิ้มตื่นเต้น มันไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยสู้กับพวกระดับสูงกว่ามาก่อน แค่ว่าทั้งหมดล้วนเป็นผู้บ่มเพาะสายธรรมมะ นี่คือครั้งแรกที่เขาพบผู้บ่มเพาะปีศาจในสถานการณ์นี้และเริ่มสนุกกับความแปลกใจของมัน
“สู้!”
ถึงแม้ตระกูลลั่วจะไม่อยู่นี่ มันก็ยังสำคัญที่ต้องผ่านการต่อสู้นี้ไปให้ได้เพื่อแผนการร้ายของเขา ศึกนี้ไม่มีเหตุผลใด เลือดที่เดือดพล่านของเขาเป็นตัวกำหนดการเคลื่อนไหว
สายตากระหายเลือดในดวงตาของจั๋วฝานทำให้โหยวเฉวียนสะดุ้ง
สามัญสำนึกบอกเขาว่ากระบวนท่าแรกนั้นควรพรากชีวิตจั๋วฝานได้ และต่อให้รอดพ้นด้วยปาฏิหาริย์บางอย่าง
อีกฝ่ายก็ต้องกลัว แต่แทนที่จะกลัว จั๋วฝานกลับตื่นเต้นและกระหายการต่อสู้
“หรือว่า….”
โหยวเฉวียนนึกถึงบางสิ่งบางอย่าง แต่ก็ถูกบังคับให้ต้องป้องกัน
ปัง!
ฝ่ามือเลือดระเบิดในมือเขา ผลักเขาถอยซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อเขาหยุด มือของเขาก็มีเลือดไหลหยด
“เปียวเกอ ระวังตัวด้วย แม้กระทั่งไช่หรงก็ยังเสียท่าให้เขาจากฝ่ามือนี้”ซุนยู่เฟยแนะนำ
โหยวเฉวียนขมวดคิ้ว สีหน้าของเขาดำมืด”นี่เจ็บปวดมาก ไม่คิดเลยว่าข้าจะได้พบกับคนแบบเขา..:”
เขาเห็นจั๋วฝานฉีกยิ้มกว้างและถอนหายใจอยู่ข้างใน ขณะเดียวกันก็เพิ่มความระมัดระวัง
[ถ้าข้ารู้ ข้าคงไม่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้..]