หวีด!
แสงสีแดงพุ่งผ่านท้องฟ้ามืด ผ่านประตู เข้าตัวจั๋วฝาน
เขาพ่นลมหายใจ ลืมตาขึ้นด้วยความยินดี โชคดี ทารกโลหิตหลบหนีได้เร็ว ไม่งั้นคงโดนตาแก่หัวล้านทำลาย
เขาไม่คิดฝันว่าจะพบคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งขนาดนี้ในตระกูลไช่ แม้เขาจะไม่รู้ระดับการบ่มเพาะของอีกฝ่าย เขาก็มั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้ด้อยไปกว่าหลงจิ่ว
และเมื่อทารกโลหิตถูกทำลาย เพราะการเชื่อมต่อของจั๋วฝานกับมัน มันคงเป็นหายนะสำหรับเขาด้วย ต่อให้หัวใจเขาระเบิด เขาก็จะไม่ตายตราบเท่าที่ทาสโลหิตยังมีชีวิต เพราะวินาทีที่เขาผูกมัดกับทารกโลหิต มันจะกลายเป็นหัวใจเขา
“ข้าต้องฝึกให้หนักขึ้นเพื่อพัฒนาพลังข้า”
ประสบการณ์อันกว้างขวางบอกเขาว่าอันตรายกำลังเกิด ตอนนี้ มันเหมือนโหยวหมิงกู่กับศาลาเฉียนหลงกำลังเงียบ แต่ภูเขาลมดำอาจเป็นชนวนให้เกิดหายนะโดยมีตระกูลลั่วอยู่ตรงกลาง
ชะตากรรมของเขาขึ้นอยู่กับการเพิ่มพลังทารกโลหิตให้เป็นระดับหลอมกระดูก นี่คือทางเดียวที่จะมั่นใจได้ว่าเขาจะต้านทานยอดฝีมืออย่างหลงจิ่วได้
จั๋วฝานหลับตา กลั่นปราณและแก่นโลหิตที่ทารกโลหิตรวบรวม
วินาทีต่อมา แสงสีแดงก็ส่องจากหน้าอกเขาขณะที่พลังงานสีแดงไหลผ่านเส้นเลือดไปยังหัวใจเขา เมื่อพลังรวมกันในหน้าอก มันก็เริ่มรักษา การเต้นหัวใจที่อ่อนแรงของเขาเริ่มเต้นแรงขึ้น
ในเวลาแค่ชั่วโมงเดียว หน้าอกเขาหายดี ไม่เหลือแม้แต่รอยแผลเป็น ถ้าไม่มีใครเห็นว่าหัวใจของเขาระเบิด พวกเขาคงไม่เชื่อเหตุการณ์นี้
เขากลั่นปราณที่ทารกโลหิตรวบรวมมาต่อไป เปลี่ยนเป็นพลังปราณสีดำ ส่วนหนึ่งไหลเข้าตันเถียนเขา อีกส่วนไหลกลับไปหาทารกโลหิต
ผู้เชี่ยวชาญกลั่นปราณไม่น้อยกว่า 50 คนโดนกลั่นและผลักดันจั๋วฝานให้ผ่านกลั่นลมปราณขั้นสามและเกือบเข้าสู่ขั้นสี่
บูม! จั๋วฝานกับทารกโลหิตทะลวงผ่านขั้นสี่พร้อมกัน
จั๋วฝานมีความสุข มันง่ายมากที่จะเพิ่มพลัง มันต้องใช้เวลาแค่สิบวันเท่านั้น
แต่เมื่อเขาอยากเลื่อนเป็นขั้นห้า เขาพบว่าปราณที่ทารกโลหิตเก็บมาหมดไปแล้ว
เขาอยากพัฒนาต่อ แต่นี่ก็น่าพึงพอใจแล้ว
เขามองออกนอกหน้าต่างที่ท้องฟ้าแจ่มใสและเดินออกไปเพื่อยืดเส้น ตอนนี้ที่ภูเขาลมดำกำลังมา เขาต้องหาที่ปลอดภัยให้ตระกูลลั่วหลบ
จั๋วฝานเปิดประตูไปห้องเขาแต่ก่อนจะได้ก้าวเท้า เสียงก็ดังขึ้น บางสิ่งตกลงมาที่เท้าเขา เขามองดู เห็นลั่วหยุนชางกำลังลุกขึ้นอย่างเขินอาย
“เจ้าทำอะไร?”จั๋วฝานขมวดคิ้ว
เขาทุ่มความสนใจกับการควบคุมทารกโลหิตตลอดคืนและจากนั้นก็บ่มเพาะ เขาไม่ได้ให้ความสนใจกับสิ่งที่เกิดด้านนอกห้องเลย
[บัดซบ!ข้าประมาทขนาดนี้ได้อย่างไร?ถ้ามันเป็นศัตรู ข้าคงตายไปแล้ว]
เมื่อเห็นเขาดูโกรธ ลั่วหยุนชางก็ขอโทษ”ข้ากังวลว่าบาดแผลของเจ้าจะแย่ลงและจึงมารอด้านนอก ตอนนี้ที่เจ้าไม่เป็นไรแล้ว ข้าก็จะไป”
“หยุดก่อน นี่เจ้ายืนเฝ้าข้าทั้งคืนเลยหรือ?”จั๋วฝานตกใจ
ลั่วหยุนชางหน้าแดง รีบหมุนตัวหนีด้วยความเร่งรีบ
หัวหน้าผางโผล่หัวออกมาพอดี เห็นจั๋วฝานปลอดภัย และส่งเสียงตะโกนลั่น”น้องชายจั๋ว เจ้าหายดีแล้ว บาดแผลของเจ้าทำให้พวกเรากลัวมาก คุณหนูยืนเฝ้าหน้าประตูเจ้าตลอด เอ๊ะ นางไปไหนแล้ว?”
“ไปแล้ว”
จั๋วฝานลูบจมูก พูดอย่างใจเย็น แต่ความอบอุ่นกลับเพิ่มขึ้นในหัวใจ
[เจ้ามารหัวใจบัดซบ!]
จั๋วฝานสาปแช่ง จักรพรรดิปีศาจผู้รุ่งโรจน์จะเกิดความรู้สึกกับผู้หญิงสามัญชนได้ไง?
[นี่ต้องเป็นฝีมือของมารหัวใจแน่]
“ใช่แล้ว เฒ่าผาง เจ้ามาได้ทันเวลาพอดี ไปศาลาเฉียนหลงกับข้าหน่อย”
“แล้วคุณหนูกับ…”
“สบายใจได้ หลังเหตุการณ์เมื่อวาน คงไม่มีใครกล้าแตะต้องเรา ถ้าพวกมันไม่กลัวว่าจะยั่วโมโหศาลาเฉียนหลง..”
หัวหน้าผางคิดสักพักและชูนิ้วให้จั๋วฝาน ดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยความเคารพ เขาไม่เข้าใจแผนของจั๋วฝาน แต่ก็ชัดเจนว่าจั๋วฝานทำให้คนอื่นเข้าใจผิดคิดว่าศาลาเฉียนหลงหนุนหลังตระกูลลั่ว
“พ่อบ้านจั๋ว ตอนนี้ข้าเชื่อมั่นอย่างเต็มที่แล้ว ถ้าตระกูลลั่วไม่มีเจ้าเป็นพ่อบ้าน เราคงถึงฆาตไปแล้ว มันนับเป็นการเสียเปล่าจริงๆที่ปล่อยให้เจ้าไปกวาดสวนหลังบ้านในตอนนั้น”
จั๋วฝานหัวเราะ ตบไหล่หัวหน้าผางพลางส่ายหัว
[คนคนนั้นไม่ใช่ข้า..]
15 นาทีต่อมา ทั้งคู่ก็มาถึงประตูศาลาเฉียนหลง ผู้คุมด้านหน้าเป็นคนเดิม แต่ครั้งนี้ ทั้งคู่กลับแสดงความเคารพ
“เชิญ ท่านแขกผู้มีเกียรติ”
“ว่าไงนะ เจ้าไม่ต้องไปรายงานก่อนหรือ?”จั๋วฝานเยาะเย้ย
หลังหัวเราะโง่ๆ ผู้คุมก็รู้ว่าจั๋วฝานยังไม่พอใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้และขอโทษ”มันเป็นเราที่อวดดี ไม่รู้จักความยิ่งใหญ่ของท่าน ท่านทำการค้าหินปราณล้านก้อน เราไม่มีสิทธิ์ขวางแขกอย่างท่าน”
“เหอะ!”จั๋วฝานแค่นเสียงจากนั้นก็พาหัวหน้าผางเข้าด้านใน ทิ้งผู้คุมที่ยังก้มหัวประจบเขา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่พอใจ แต่ก็ยังสวมรอยยิ้มจอมปลอมบนหน้า
ทั้งสองวิ่งไปหาหลงขุ่ย ครั้งนี้ นางขาดความเคารพ แต่กลับแสดงท่าทีโกรธเกรี้ยวขณะเดินหนี
“อืม เราไปทำให้นางไม่พอใจตอนไหน?”หัวหน้าผางงุนงง
จั๋วฝานยิ้ม
“คุณหนูหลงขุ่ย นี่คือวิธีที่ศาลาเฉียนหลงปฏิบัติต่อแขกงั้นหรือ?”
“ฮึ่ม พวกเจ้านะหรือแขก?”นางเลิกคิ้ว จ้องเขา”เจ้าไม่สมควรเป็นแขกเมื่อเจ้ากำลังหลอกใช้เรา!”
จั๋วฝานลูบคาง ยิ้มและพึมพำ”ยังเป็นแค่เด็กสาว และใสซื่อ”
เสียงของจั๋วฝานแผ่วเบา แต่ก็มากพอไปถึงหูของหลงขุ่ย นางได้รับการปฏิบัติราวกับอัญมณีของตระกูลมาตลอด ไม่เคยได้รับคำดูถูกเช่นนี้ โดยเฉพาะจากคนที่อายุพอๆกับนาง
“จั๋วฝาน เจ้าเรียกใครว่าเด็ก?”
“เจ้าไง!”จั๋วฝานยิ้ม”ไม่ว่าจะเป็นเรื่องธุรกิจหรืออะไรก็ตามระหว่างเจ็ดตระกูลใหญ่ ทุกอย่างต้องถูกนำมาพิจารณาตอนมองผลกำไร แต่เจ้ากลับโกรธแค่เพราะโดนใช้ในแผนคนอื่น เจ้าอยู่รอดมานานขนาดนี้ได้ไง?เทียบกับเจ้า หลงเจี๋ยยังโตกว่า เขารู้ว่าข้าใช้เข้าและแค่เดินหนีไปแทน จากที่ข้ามอบ การยอมรับว่าแพ้ก็เป็นพลังแบบหนึ่ง อย่างน้อยครั้งต่อไปที่ข้าวางแผนใช้งานเขาก็คงไม่ง่ายขนาดนั้น”
นี่คือครั้งแรกที่หลงขุ่ยได้ยินข้อโต้แย้งแบบนี้และตกตะลึง
นางมาจากบ้านใหญ่ของตระกูลและอยู่ในความดูแลของหลงจิ่ว ผู้อาวุโสในบ้านใหญ่พูดถึงพรสวรรค์ของนางอย่างมากแต่ก็ยังไม่มอบความรับผิดชอบอันหนักอึ้งให้นาง เมื่อนางมาถึงที่นี่ หลงจิ่วก็พูดเหมือนกัน พรสวรรค์นางไม่น้อยไปกว่าหลงเจี๋ยแต่หลงจิ่วไม่วางใจให้นางรับผิดชอบ
นางไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้มันดูเหมือนนางจะเริ่มเข้าใจแล้ว…
“ความรัก ความเกลียดชัง ความใกล้ชิดและการแก้แค้นจะไม่ช่วยเจ้า มีแค่ผลประโยชน์เท่านั้น”จั๋วฝานเห็นดวงตาสับสนของนางแล้วหัวเราะเบาๆ”เรามาระบายความคับข้องใจส่วนตัวของเราและคุยเรื่องธุรกิจกันดีกว่า มันยังเป็นที่ที่พรสวรรค์เจ้าได้ฉายแสง”
หลงขุ่ยคิดและพยักหน้า
แต่จากนั้นเสียงกระแอมก็ดังขึ้น พร้อมด้วยเสียงมีอายุ”คุณชายจั๋ว มาคุยกัน”
ทั้งสามหันไปเห็นหลงจิ่วเดินมาพร้อมหลงเจี๋ย แต่หลงเจี๋ยไม่สามารถปกปิดควาามตกใจได้ขณะจ้องมองจั๋วฝาน
เมื่อวาน เขาเห็นหัวใจของจั๋วฝานระเบิดแต่ตอนนี้ เขากลับเดินเหินได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ลมหายใจของเขายังสม่ำเสมอมาก
[เขาหายดีในคืนเดียว?ได้ไง?]
“ปู่จิ่ว ท่านจะไม่ให้โอกาสผู้เยาว์เลยหรือ?”จั๋วฝานพูดโดยไม่สนใจท่าทีของหลงเจี๋ย
หลงจิ่วส่ายหัวพร้อมหัวเราะ”ฮ่าๆๆ แค่จากการคุยกับเจ้า ข้าก็จบด้วยการถูกใช้ แต่เจ้ายังกล้ามาที่นี่ ถ้าข้ารู้ธาตุแท้ของเจ้าแต่แรก ข้าคงยึดถือเจ้าเป็นสัตว์ประหลาดพันปีที่หลบภัยในตระกูลลั่ว”
[บ้าจริง!นั่นใกล้เคียงมาก!]
จั๋วฝานฝืนหัวเราะ”ท่านใจดีเกินไป ปู่จิ่ว ข้าจะไปเทียบกับท่านได้ยังไง?”
“พอแล้ว!”หลงจิ่วเปลี่ยนน้ำเสียง”ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่?”
“ข้ากำลังมองหาบ้านพักที่ปลอดภัยให้ตระกูลลั่วอาศัย ปุ่จิ่วรู้สถานที่ดีๆหรือไม่?”
หลงจิ่วลูบเครา”ทำไมข้าถึงควรช่วยเจ้า?”
“ง่ายมาก ศาลาเฉียนหลงเป็นหนี้เรา!แถม..”จั๋วฝานหัวเราะอย่างร้ายกาจ”มันจะช่วยให้พวกท่านจับตาดูเราได้ง่ายขึ้น”
ดวงตาของหลงจิ่วหรี่ลงขณะที่หัวใจของเขาสั่นสะท้านด้วยความตกใจ
[เด็กเวรนี่มองขาดไปหมด นับตั้งแต่ฆ่าโหยวเฉวียนเมื่อวาน ศาลาเฉียนหลงก็ตั้งรับ ความสัมพันธ์ของเรากับโหยวหมิงกู่ตึงเครียดมาก การต่อสู้อาจแตกหักได้ทุกเมื่อ]
และตระกูลลั่วก็คือตัวแปรเพราะพวกเขามีสายสัมพันธ์กับศาลาเฉียนหลง ไม่มีใครกล้ายุ่งกับมัน แต่มันยังช่วยให้ตระกูลลั่วทำตามใจชอบ การเคลื่อนไหวผิดๆอาจกระตุ้นให้เกิดสงครามระหว่างตระกูลได้
นี่ทำให้หลงจิ่ววางกำลังสอดส่องตระกูลลั่ว แต่จั๋วฝานกลับมองออก นี่ทำให้หลงจิ่วรู้สึกหวาดหวั่น
[เจ้าเด็กเวรนี่มีแผนอะไร?]
เขาไม่คิดเลยว่าผู้บ่มเพาะที่มีประสบการณ์นับร้อยปีอย่างเขาจะโดนเด็กคนหนึ่งปั่นหัว และเขาก็ยังไม่เข้าใจภาพรวมทั้งหมดอีก ความรู้สึกเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องน่าประทับใจเลย…