px

เรื่อง : War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 432 : ผู้ใดสอนผู้ใดกันแน่?


WSSTH บทที่ 432 : ผู้ใดสอนผู้ใดกันแน่?

 

 

หลังจากที่เฟิ่งเทียนหวู่กล่าวแนะนำสระชำระจิตให้ต้วนหลิงเทียนเสร็จสิ้น  นางก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังสิ่งของในมือต้วนหลิงเทียน ดวงตาคู่งามของนางทอประกายซับซ้อนออกมาวูบหนึ่ง ก่อนที่จะถอนสายตาไป

หากเป็นคนธรรมดาคงไม่ทันได้สังเกตเห็นการมองมาวูบหนึ่งเช่นนี้ แต่ด้วยพลังวิญญาณอันเฉียบคมของต้วนหลิงเทียนการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงทั้งหมด เขาย่อมสังเกตเห็นได้ทันที

“เจ้าชอบมันหรือไม่?” ต้วนหลิงเทียนหยิบสร้อยคอที่เต็มไปด้วยอัญมณีสีรุ้ง กับไข่มุกเรืองแสงขึ้นมา ก่อนที่จะยื่นให้เฟิ่งเทียนหวู่ชิ้นหนึ่ง “อันนี้ ข้าให้เจ้า”

ใบหน้าที่งดงามของเฟิ่งเทียนหวู่ขึ้นสีแดงระเรื่อ ก่อนที่จะนางจะนึกถึงบางสิ่งออก ค่อยถอนหายใจออกมาเบาๆ “พี่ใหญ่ต้วน ท่านควรจะเก็บมันไว้ให้พี่สะใภ้ทั้งสอง...”

ต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ถึงความรู้สึกเสียดายในน้ำเสียงของเทียนหวู่ เขาส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนที่จะยิ้มออกมา พร้อม หยิบสร้อยยัดใส่มือเฟิ่งเทียนหวู่แล้วจับมือนางให้กำมันเอาไว้  ขณะที่เขาจับมือนางนั้น ตัวนางก็แข็งทื่อ รู้สึกเสมือนถูกสายฟ้าฟาดผ่าอย่างไรอย่างนั้น

"สร้อยคอนี้ให้เจ้า ส่วนไข่มุกข้าจะเก็บไว้เอง ...เจ้าห้ามปฏิเสธมัน!" เมื่อต้วนหลิงเทียนกล่าวคำถึงช่วงท้าย น้ำเสียงของเขาก็ดุดันไม่น้อย

ต้วนหลิงเทียนย่อมรู้ดีแก่ใจ ว่าสร้อยคอรวมถึงไข่มุกนี่ ทางตระกูลฉางและตระกูลเฉียน มอบให้เพื่อเป็นการขอขมา เพราะพวกมันกลัวที่จะบาดหมางผิดใจกับเฟิ่งหวู่เต้า

เพราะในสายตาพวกมัน ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยเฟิ่งหวู่เต้าไปแล้ว

อาจกล่าวได้ว่าเป็นเพราะอำนาจของเฟิ่งหวู่เต้า เขาถึงได้รับสิ่งของนี้มา เช่นนั้นการมอบให้เทียนหวู่ ก็สมควรแล้ว

"ขอบคุณพี่ใหญ่ต้วน" เฟิ่งเทียนหวู่ก้มหน้าลงเล็กน้อย นางรู้สึกอายอยู่บ้าง

ในมือของนางยังถือสร้อยคอที่ประดับไปด้วยอัญมณีสีรุ้งไว้อย่างแน่น ราวกับกลัวมันจะหายไปไหน

ครู่ต่อมาเฟิ่งเทียนหวู่ก็พาต้วนหลิงเทียนไปยังลานว่างที่กว้างใหญ่แห่งหนึ่ง

“ท่านปู่คง” ภายใต้การนำของเทียนหวู่ ต้วนหลิงเทียนก็เดินไปหาชายชราพร้อมกันกับนาง

ชายชราคนนี้สวมเสื้อผ้าสีเทา ให้ความรู้สึกราวกับจืดจาง แทบจับสัมผัสไม่ได้ว่าตัวมันยืนอยู่ตรงนั้น...

ต้วนหลิงเทียนเข้าใจได้ทันที ว่าชายชรานี้สมควรเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการจารึกอาคม ที่เฟิ่งหวูเต้าบอกเขา และยังเป็นเจ้าของขุมพลังวิญญาณอันน่าเกรงขามเมื่อไม่กี่วันก่อนอีกด้วย

"อาวุโสคง" ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าเบาๆ ให้กับชายชรา

ชายชราเองก็พยักหน้ารับการทักทายต้วนหลิงเทียน ก่อนที่จะใช้ดวงตาสีโคลนจับจ้องไปยังเฟิ่งเทียนหวู่ด้วยความสงสัย ทำไมเจ้ามาหาข้าได้เล่า?

"ท่านปู่คง ท่านพ่อบอกกับข้าว่า...จะให้ท่านช่วยแนะนำเรื่องการจารึกอาคมกับพี่ใหญ่ต้วน ข้าก็เลยพาเขามาหาท่าน... เอาล่ะ ข้าไม่รบกวนพวกท่านทั้งสองแล้ว" เฟิ่งเทียนหวู่ยิ้มให้ชายชรา ก่อนที่จะกล่าวคำลาต้วนหลิงเทียน แล้วจากไป

ส่วนทางด้านต้วนหลิงเทียนนั้น ก็ยืนสบตากับชายชราอยู่ครู่หนึ่ง

ในแววตาของต้วนหลิงเทียนยังแฝงความขอบคุณเอาไว้

เขารู้ดีว่าเฟิ่งเทียนหวู่ต้องการส่งเสริมเขา  แต่น่าเสียดายที่เขาไม่จำเป็นต้องให้ใครมาชี้แนะเรื่องการจารึกอาคม...

เพราะอย่างไรต้วนหลิงเทียนก็ได้รับความทรงจำสองช่วงชีวิตของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิดเอาไว้แล้ว  แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนย่อมเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่าง องค์ความรู้ในการจารึกอาคมชั่วชีวิตของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด เขาก็ย่อมรู้ดี

เท่าที่เขารู้ตอนนี้ตัวเขามีความรู้เรื่องการจารึกอาคมระดับแนวหน้าของทวีปเมฆาล่อง!  ยากที่จะมีใครมีคุณสมบัติมากพอที่จะชี้แนะเขาได้...

“สหายน้อย คุณหนูดีต่อเจ้ายิ่งนัก... อย่าได้ทำให้นางผิดหวังเสียเล่า...หาไม่แล้ว อย่าได้หาว่าตาแก่ผู้นี้ไม่เตือนเจ้า” สายตาของชายชราดุร้ายราวกับส่องแสงได้ คำกล่าวเตือนนี้นับว่าจริงจังไม่น้อย

ต้วนหลิงเทียนเพียงยิ้มรับอย่างไม่แยแสต่อท่าทีนี้

“เอาล่ะตั้งแต่คุณชายใหญ่กับคุณหนู กล่าวออกมาถึงขั้นนี้ เช่นนั้นตาแก่คนนี้จะชี้แนะเรื่องการจารึกให้เจ้าสักครั้ง...เจ้าสามารถเรียนรู้ได้เท่าไร ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้า  เอาล่ะ ก่อนที่จะเริ่มเรียนรู้ เจ้าลองบอกข้ามาก่อน ว่าเจ้ารู้อันใดเกี่ยวกับการจารึกอาคมบ้าง?”

ข้ารู้อะไรเกี่ยวกับการจารึกอาคมบ้างน่ะหรือ?

ต้วนหลิงเทียนส่ายศีรษะเล็กน้อย หลังจากนั้นก็ค่อยๆเปิดปากกล่าววาจาออกมา ถึงความรู้พื้นฐานที่สุดเกี่ยวกับ ศิลปะการจารึกอาคมจากความทรงจำของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง

สีหน้าท่าทางของชายชรานั้นแรกๆก็แลดูสับสนเล็กน้อยไม่นานก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสงสัย ยิ่งมายิ่งไม่เข้าใจทำท่าราวกับพบพานเรื่องเหลือเชื่อ สุดทายก็กลับกลายเป็นตกตะลึงพรึงเพริด ประหลาดใจถึงขีดสุด

"เจ้า ...เจ้า ... " ในที่สุดชายชราก็ไม่อาจรักษาสติสัมปชัญญะไว้ได้ ท่าทางกริยาล้วนป่วนปั่น!  คำที่กล่าวออกยังตะกุกตะกักราวกับหลงลืมคำพูด

สายตาที่ชายชราจับจ้องมองมายังต้วนหลิงเทียน ไม่เหลือร่องรอยความดูแคลนว่าเป็นเด็กน้อยอย่างตอนแรกสักเพียงนิด ตอนนี้มันเต็มไปด้วยความเคารพนับถือ แทบจะกราบคารวะอีกฝ่าย

นี่เพราะองค์ความรู้ที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมานั้นดั่งจะเบิกเนตร เปิดโลกทัศน์อันคับแคบของมันให้เปิดกว้างออก  ทำให้มันรู้แจ้งในเรื่องราวหลายๆประการ และหลายอย่างที่ตัวมันได้แต่สงสัยไม่เข้าใจ ก็ได้รับการแถลงไขจากต้วนหลิงเทียน ปัญหายากเย็นชั่วชีวิตของมัน ยังถูกแก้ไขด้วยวาจาไม่กี่คำของต้วนหลิงเทียน!

“แล้วข้าต้องจัดวางวัตถุดิบอย่างไร แล้วต้องจัดเรียงลำดับแบบใดกันหรือ   หากจะเพิ่มความรุนแรงให้กับอาคม ดาบสายลมที่ผสานแนวคิดลมให้รุนแรงเกรี้ยวกราดยิ่งขึ้น”

“แล้วหากข้าจะจารึกอาคมประกายแสงสาดส่องเพื่อทำลายขอบเขตการมองเห็นของศัตรูเป็นกลุ่มเล่า ข้าจักต้องเขียนจารึกอย่างไรหรือ?”

"แล้ววิธี....."

หลังจากนั้นไม่นานชายชราที่คาดว่าจะให้ชี้แนะต้วนหลิงเทียน ก็ไม่ต่างจากเด็กน้อยวัยอยากรู้อยากเห็นกล่าวถามออกมาระรัว เฝ้ารอให้ต้วนหลิงเทียนสอนสั่ง และชี้แนะ

ชายชรารู้สึกราวกับหนุ่มขึ้นหลายปี มันกล่าวถามออกมาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย กระดาษกับพู่กันก็ปรากฏขึ้นมาตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ มันจดเสียละเอียดยิบไม่มีตกหล่น

“เอาล่ะอาวุโสคง พวกเราค่อยมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอีกที เมื่อมีเวลาว่างดีหรือไม่?” ต้วนหลิงเทียนที่กล่าวตอบคำถามของชายชราไปเสียมากมาย ถึงกับต้องเหนื่อยและคอแห้งอยู่บ้าง  ถึงขั้นแทบพูดต่อไม่ไหวแล้ว!

ความแข็งแกร่งของระดับบ่มเพาะและพลังวิญญาณของชายชราคนนี้สูงส่งมากอันนี้เป็นเรื่องที่เขายอมรับได้  แต่หากจะเรียกชายชราคนนี้ว่าผู้เชี่ยวชาญด้านการจารึกอาคม และคิดให้เขามารับการชี้แนะ  เรื่องนี้ยากนักที่เขาจะยอมรับได้

ถ้าแม้แต่ผู้คนที่กระทั่งพื้นฐานทั้งหมดยังรู้ไม่แตกฉาน สามารถเรียกตัวว่า เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการจารึกอาคม... แล้วนี่เขาเป็นอะไรเล่า?

บรรพบุรุษผู้จารึกอาคมหรือ?

เมื่อต้วนหลิงเทียนจากไป ชายชราเองก็ยังคงไม่ฟื้นตัวจากอาการตกตะลึง มือยังถือผู้กันรอจดคำกล่าวของต้วนหลิงเทียนอยู่  มันยังพึมพำกับตัวเอง คิ้วเองก็เดี๋ยวขมวดเดี๋ยวคลาย

ราวกับมันกำลังจะรู้แจ้งอะไรอีกสักอย่าง....

"อ้าว พี่ใหญ่หลิงเทียน ตาแก่นั่นกล่าวถามท่านเสร็จแล้วหรือ?" ในระหว่างทางเดินกลับห้อง เจ้าหนูตัวน้อยก็ส่งเสียงผ่านพลังงานต้นกำเนิดถามขึ้นมา

ในตอนที่ชายชราเริ่มยิงคำถามมามากมายนั้น เจ้าเสี่ยวจินก็เริ่มเบื่อ กระทั่งผล็อยหลับไป

“ข้าไม่สนใจหรอกว่ามันถามจบแล้วหรือไม่...ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อเป็นอาจารย์ของมัน”ต้วนหลิวเทียนกลอกตาอย่างเบื่อหน่าย ก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างไม่แยแส

“ฮิฮิ...เจ้าเมืองบอกให้ตาแก่นั้นชี้แนะพี่ใหญ่หลิงเทียน  แต่สุดท้ายความสามารถของตาแก่นั่นกลับด้อยกว่าพี่ใหญ่หลิงเทียนอีก” เสียงของเจ้าหนูน้อยที่ส่งมาครานี้ แลดูชอบอกชอบใจไม่น้อย

ทำราวกับคนที่สอนสั่งชี้แนะตาแก่นั่นไม่ใช่ต้วนหลิงเทียน แต่เป็นตัวมันเองอย่างไรอย่างนั้น

ไม่นานหลังจากที่ต้วนหลิงเทียนกลับมา เฟิ่งเทียนหวู่ก็นำคนรับใช้ พร้อมสำรับอาหารเข้ามาในห้อง

“เทียนหวู่ เจ้าเองก็อยู่กินด้วยกันสิ” ต้วนหลิงเทียนก็ชวนเทียนหวู่นั่งกินข้าวด้วยกัน

ทั้งสองคนก็กินไปคุยไปตามประสา

“พี่ใหญ่ต้วน ท่านได้รับประโยชน์จากท่านปู่คงมากมายใช่หรือไม่? ท่านปู่คงเป็นผู้เชี่ยวชาญการจารึกอาคมที่น่าเกรงขามอย่างยิ่ง มีผู้คนมากมายหวังที่จักได้รับการชี้แนะจากท่าน แต่ก็มิมีโอกาสเช่นพี่ใหญ่” เฟิ่งเทียนหวู่ค่อยๆกล่าวออกมา

ประโยชน์?

คำกล่าวของเฟิ่งเทียนหวู่ทำให้มุมปากของต้วนหลิงเทียนถึงกับกระตุก..

เขายังจะได้รับอะไรอีกเล่า?

"เทียนหวู่ ...เรื่องนี้เจ้าควรเป็นฝ่ายไปถามปู่คงของเจ้า" ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวออกมา ก่อนที่จะยิ้มอย่างมีเลศนัยแล้วก็เริ่มกินข้าวต่อ

"หืม?" เฟิ่งเทียนหวูเผยท่าทางสงสัยออกมา เพราะนางไม่รู้ว่าต้วนหลิงเทียนพูดถึงเรื่องอะไร

"จี๊ดๆ ~" เจ้าหนูตัวน้อยส่งเสียงออกมาอย่างถูกใจเมื่อได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่ ท่าทางสนุกสนานเผยชัดออกมาจากดวงตาคู่หยกของมัน

ในขณะเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนกับเฟิ่งเทียนหวู่กินข้าวด้วยกันอยู่นั้น

เฟิ่งหวู่เต้าก็เดินทางมาถึงทางเข้าลานว่างที่กว้างใหญ่ “อาวุโสคง”

“คุณชายใหญ่  โปรดเข้ามาเถิด” เมื่อเสียงอาวุโสคงดังขึ้นจากด้านใน เฟิ่งหวู่เต้าก็เดินเข้ามา

ครู่ต่อมาเมื่อเฟิ่งหวู่เต้าเดินมาถึง ก็เห็นผู้เฒ่าคงกำลังยืนบนพึมพำ สายตาเลื่อนลอยคิ้วยังขมวด มือที่ถือพู่กันยังขีดๆเขียนๆ ราวกับนึกถึงบางสิ่งออกจึงต้องรีบจด

“อาวุโสคง...ที่ท่านมาหาท่านวันนี้เพราะมีเรื่องราวบางประการจักเอ่ยปากขอท่าน...อีกไม่นาน หากต้วนหลิงเทียนที่เอาชนะลูกหวู่ได้ในการประลองหาคู่มาหาท่าน  ข้าอยากรบกวนท่านให้ช่วยแนะนำเรื่องการจารึกต่อมันสักหน่อยได้หรือไม่...หวังว่าท่านจะใจกว้างชี้แนะเด็กน้อยสักครา” เฟิ่งหวู่เต้ากล่าวกับอาวุโสคงด้วยท่าทางเคารพไม่น้อย

เพราะชายชราคนนี้นั้นอยู่ข้างมันมาตั้งแต่มันยังเป็นเด็กน้อย เรียกได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ไม่ต่างอะไรจากบุตรกับบิดาแม้แต่น้อย

“คุณชายใหญ่...อย่าได้ให้ตาแก่อย่างข้าสร้างความขบขันต่อผู้คนแล้ว...” ชายชราที่กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง เมื่อได้ยินคำถามของหวู่เต้า มันก็หันกลับมายิ้มขื่นขม กล่าวตอบด้วยน้ำเสียงสลด

"หือ?" เฟิ่งหวู่เต้าเองก็ตกตะลึงไม่น้อย เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่มันเห็นชายชราเผยท่าทางเช่นนี้ออกมา "อาวุโสคง ใยท่านกล่าวเช่นนี้เล่า?"

ชายชราระบายลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้า “คำกล่าวที่ว่า...คนหนุ่มรุ่นใหม่นั้นมักโดดเด่นและเหนือกว่าผู้ชรารุ่นหลัง ดั่งคลื่นลูกใหม่ย่อมทับคลื่นลูกเก่านั้น...วันนี้ตาแก่ผู้นี้รับรู้อย่างแจ่มแจ้งแล้วว่ามันหมายความว่าอันใด”

เฟิ่งหวู่เต้าเองยิ่งมาก็ยิ่งมึนงงไม่รู้เรื่องราว มันไม่เข้าใจว่าอาวุโสตรงหน้ากล่าววาจาสื่อถึงอะไร

“คุณหนูได้นำสหายน้อยผู้นั้นมาหาข้าแต่หัววันแล้ว...และนางก็ขอให้ข้าชี้แนะเขาเรื่องจารึกอาคม...และข้าก็เริ่มด้วยการให้เขาอธิบายออกมา ว่าตัวเขารู้เรื่องราวอันใดเกี่ยวกับการจารึกอาคมบ้าง  เพื่อที่ข้าจะได้ชี้แนะได้ถูกจุด” ในขณะที่กล่าวถึงตรงนี้ ชายชราหยุดพูดไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ในแววตาจะเผยความเลื่อนลอยราวกับพบเจอเรื่องเหลือเชื่อออกมา

“มิคาด...มิคาดเลยจริงๆ... ผู้ใดจักไปล่วงรู้ว่าสุดท้ายคนที่ถูกชี้แนะกลับกลายเป็นตาแก่เช่นข้า...ในสายตาของข้า ความเข้าใจที่เขามีในศาสตร์ด้านการจารึกอาคม เรียกได้ว่า บรรลุสู่ขีดขั้นสมบูรณ์แบบ เข้าถึงแก่นแท้แล้วอย่างแท้จริง!!” เมื่อกล่าวถึงตอนนี้น้ำเสียงของชายชราสั่นเครือเล็กน้อย

บรรลุขีดขั้นสมบูรณ์แบบ แก่นแท้?

เฟิ่งหวู่เต้าขมวดคิ้วพร้อมกล่าว “อาวุโสคง ท่านล้อข้าเล่นอยู่หรือ?  มิใช่เขากล่าววาจาออกมามั่วๆหรอกหรือ...”

"เรื่องนั้นเป็นไปมิได้!" ชายชราส่ายหัวก่อนที่จะเผยทีท่ารุนแรงจริงจังออกมา "คุณชายใหญ่ ข้านั้นอาจจะไม่ได้นับเป็นตัวอะไร หากเทียบกับผู้เชี่ยวชาญด้านการจารึกอาคมจากดินแดนรอบนอก ...แต่จะอย่างไรก็ตาม หากมองไปทั่วทั้งราชอาณาจักรต้าฮั่น กระทั่งราชวงศ์ใหญ่อื่นๆ ยังมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถเทียบกับข้าได้ในด้านศาสตร์การจารึกอาคม! "

“ไม่เพียงแต่สหายน้อยผู้นั้นจะกล่าววาจาชี้แนะในเรื่องราวที่ข้ามองข้ามและเปิดโลกอันคับแคบของข้า  กระทั่งคำไม่กี่คำยังสามารถใช้ตอบคำถาม แก้ไขเรื่องบางประการที่เป็นปัญหาชั่วชีวิตของตาแก่อย่างข้าได้ง่ายดาย!  อีกทั้งคำถามที่ข้ากล่าวถามนั้น... เขาไม่แม้แต่จะเสียเวลาคิดด้วยซ้ำ!  ราวกับมันเป็นเรื่องเล็กน้อยง่ายดายทั้งสิ้น....” ขณะที่กล่าววาจาจบคำพลังงานต้นกำเนิดของชายชราก็เริ่มถ่ายทอดลงสู่แหวนมิติ

ทันใดนั้นบังเกิดแสงสาดส่องออกมาทุกทิศทาง!

แสงสว่างเจิดจ้าราวกับจะปกคลุมไปทั่วสวรรค์และโลก ทำลายทัศนะวิสัยไปหมดสิ้น...

แม้กระทั่งเป็นตัวเฟิ่งหวู่เต้าเองก็อดที่จะหรี่ตาลงมาไม่ได้ ปากยังกล่าวออกด้วยความตกตะลึง “เป็นอาคมประกายแสงสาดส่องที่น่าเกรงขามนัก!!...สว่างเจิดจ้าเช่นนี้กระทั่งผู้ฝึกยุทธ์ระดับหยั่งรู้ธรรมชาติขั้นที่ 9 ยังมิอาจทานทนได้ จำต้องหลับตาลง...เปิดเผยช่องว่าง!  อาวุโสคง ท่านประสบความสำเร็จแล้วหรือ!!”

เฟิ่งหวู่เต้ารู้ดีว่าชายชราค้นคว้าอาคมจารึกประกายแสงสาดส่องนี่มาเนิ่นนานหลายปีแล้ว

“มิผิดข้าประสบความสำเร็จแล้ว” ชายชราพยักหน้าก่อนที่จะหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น “ข้าไม่คิดเลยว่าอาคมประกายแสงสาดส่องที่ข้าค้นคว้าหาวิธีจารึกมานานหลายปี จะถูกแก้ไขกลวิธีการจารึกทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย จากคำแนะนำของสหายน้อยคนนี้...ยิ่งไปกว่านั้นผลลัพธ์ของมันยังเหนือกว่าที่ข้าคาดหวังไว้เสียอีก!!”

เฟิ่งหวู่เต้าตะลึงงันแล้ว

ต้วนหลิงเทียนกลับสามารถชี้แนะผู้อาวุโส จนกระทั่งเขาสามารถจารึกอาคมประกายแสงสาดส่องนี่ได้จริงๆหรือ?

เขาไม่กล้าจะเชื่อว่าเรื่องราวนี้ทั้งหมดนี่เป็นความจริง

"อาวุโสคง ...อายุเขาอย่างมากก็เพียง 22 ปีเท่านั้น...เรื่องนี้จักเป็นไปได้อย่างไร?" เฟิ่งหวู่เต้ายังไม่อาจปักใจเชื่อได้ลงคอ

“อย่าว่าแต่ท่านเลยคุณชายใหญ่...หากตาแก่ผู้นี้ไม่ได้ยินด้วยสองหู รับรู้ด้วยสองตา  กระทั่งยังทดลองกระทำด้วยสองมือของตัวเอง...ตาแก่ผู้นี้ยังไม่อยากจะเชื่อด้วยซ้ำว่าเรื่องทั้งหมดนี่เป็นความจริง...อย่างที่ข้ากล่าว สหายน้อยผู้นั้นได้บรรลุขีดขั้นสมบูรณ์แบบ เข้าถึงแก่นแท้ไปแล้ว...  ในด้านเต๋าแห่งการจารึกอาคมนั้น  เขานับว่าเหนือชั้นกว่าข้าอย่างที่ไม่อาจนำมาเปรียบเทียบกันได้ด้วยซ้ำ... นั่นมากพอให้ข้าเคารพต่อเขาแล้ว”

ชายชราทอดถอนใจกล่าวออกมา "หากไม่สนใจเรื่องราวอื่นใด มองกันเพียงแต่ศาสตร์แห่งการจารึกอาคมแล้ว ... เขามีความสามารถมากเกินพอที่จะเป็นอาจารย์ของข้า!"

เฟิ่งหวู่เต้าสะท้านไปอีกครา

อาวุโสคงถึงกับวางตำแหน่งต้วนหลิงเทียนในใจไว้สูงส่งถึงเพียงนี้เลยหรือ?

 

รีวิวผู้อ่าน