WSSTH บทที่ 436 : ต้นตอขุมพลังวิญญาณ
“หืม! 9 อาคมจารึกเช่นนั้นหรือ?!” ต้วนหลิงเทียนประหลาดใจเล็กน้อย
ด้วยการอาศัยพลังวิญญาณของเขา เขาพบว่าภายในหุบเขาที่ปกคลุมไปด้วยมานหมอกนั้น มันเกิดจากการจัดเรียงอาคมจารึกทั้ง 9 อาคม สอดประสานกันอย่างลงตัว ก่อเกิดเป็นค่ายกลที่มีประสิทธิภาพค่ายกลหนึ่ง
‘ความแข็งแกร่งของอาคมจารึกทั้ง 9 นี้ในแง่ของการป้องกันแล้ว นับว่าสามารถป้องกันการโจมตีของผู้เชี่ยวชาญตั้งแต่ระดับผันแปรธรรมชาติลงมาได้อย่างหมดจด... อาคมทั้ง 9 นี้นับว่าทำได้ดีนัก มีวงจรดูดซับไอพลังฟ้าดิน เพื่อนำมาเป็นขุมพลังของมันเอง หากการโจมตีไม่สามารถทำลายอาคมทั้งหมดได้ในครั้งเดียว ตัวค่ายกลนี่สามารถดึงไอพลังฟ้าดินมารักษาวงจรจารึกของมันได้ในเวลาสั้นๆ’
จากความทรงจำของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด ต้วนหลิงเทียนสามารถหยั่งตื้นลึกหนาบางของค่ายกล ที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการจารึก สร้างทิ้งไว้นี้ได้เป็นอย่างดี
‘ค่ายกลที่ก่อเกิดจาก จารึกอาคมทั้ง 9 เช่นนั้นหรือ... ผู้เชี่ยวชาญที่จัดตั้งค่ายกลนี้ เกรงว่าคงมีระดับพลังวิญญาณเหนือกว่าระดับผันแปรธรรมชาติขึ้นไป!’ ต้วนหลิงเทียนครุ่นคิดในใจ
"พี่ใหญ่ต้วน ท่านเห็นอันใดหรือ?" เฟิ่งเทียนหวู่ที่คอยลอบมองต้วนหลิงเทียนอยู่เป็นระยะ สังเกตเห็นแววตาที่เลื่อนลอย คล้ายเขาพินิจคิดถึงบางสิ่งอยู่ อดไม่ได้ที่จะกล่าวถามออกมา
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนที่จะกล่าวบอกเรื่องที่เขาเห็น
"ผู้เชี่ยวชาญการจารึกอาคม ที่จัดตั้งค่ายกลนี้ มีระดับพลังวิญญาณต่ำๆอยู่ในระดับผันแปรธรรมชาติ? นั่นมิใช่หมายความว่า...เขาได้บรรลุถึงระดับผันแปรธรรมชาติเป็นอย่างต่ำแล้วเช่นนั้นหรือ!?" ใบหน้างดงามของเฟิ่งเทียนหวู่ที่อยู่ใต้ผ้าคลุมเผยความตกใจเล็กน้อย
“มีโอกาสที่จะเป็นเช่นนั้นเกิน 90%” ต้วนหลิงเทียนตอบกลับด้วยการส่งเสียงผ่านพลังงานต้นกำเนิด
เพราะจะอย่างไรคนอื่นๆนั้นก็ไม่ได้เป็นเหมือนเขา ที่มีระดับพลังวิญญาณสูงล้ำกว่าระดับบ่มเพาะของตัวเองไปช่วงชั้นหนึ่ง
เหตุผลที่พลังวิญญาณของเขายังสูงล้ำกว่าผู้คนทั่วไปนั้น เป็นเพราะวิญญาณของเขานั้นมาจากอีกโลกหนึ่ง และกระทั่งสามารถทำลายพลังวิญญาณของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิดได้ ในขณะที่มีระดับเท่าเทียมกัน! กระทั่งยังดูดกลืนพลังวิญญาณของมันมาบางส่วน
ส่วนผู้จารึกอาคมปกตินั้น โดยทั่วไปแล้วระดับพลังวิญญาณจะเท่าเทียมกับระดับบ่มเพาะ
แน่นอนว่ายังมีผู้เชี่ยวชาญด้านการจารึกอาคม ที่มีระดับพลังวิญญาณเหนือกว่าระดับบ่มเพาะอยู่บ้าง...
แต่พลังวิญญาณของพวกมันยังไม่มากกว่าระดับบ่มเพาะเป็นช่วงชั้น อย่างต้วนหลิงเทียนในตอนนี้...
ต้วนหลิงเทียนกับเฟิ่งเทียนหวู่อยู่ใกล้ๆ กันต่างหันมองหน้ากันพร้อมส่งเสียงผ่านพลังงานต้นกำเนิด ตอบโต้กันไปมา
ภาพนี้แลดูเหมือนจะสงบไม่ได้มีอะไรในสายตาต้วนหลิงเทียน แต่หากให้ผู้อื่นมาชมดูแล้วแน่นอนว่าเรื่องราวต้องกลับกลายแล้ว...
"คุณหนูเทียนหวู่ กับสหายน้อยผู้นั้น นับว่าเหมาะสมกันราวสวรรค์สร้างจริงๆ!"จ้าวเมืองหลายคนอดไม่ได้ที่จะกล่าวชมเชยออกมา
ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนตะลึงไปครู่หนึ่งเมื่อได้ยิน
ส่วนทางด้านเฟิ่งเทียนหวู่นั้น ใบหน้าของนางยิ่งมายิ่งแดงเถือกแล้ว
และในขณะเดียวกันนั้น ต้วนหลิงเทียนเองก็สัมผัสได้ถึงสายตาที่จับจ้องมองมาอย่างอิจฉา จากทั่วทุกสารทิศ
แน่นอนเขาไม่แยแสเรื่องนี้และไม่คิดที่จะอธิบายอะไรให้ใครรู้
ถึงแม้ว่าระหว่างเขากับเทียนหวู่จะไม่ได้มีอะไรกัน แต่ยิ่งเขาไปอธิบายแก้ต่าง ก็ยิ่งทำให้ผู้คนหลงคิดว่าแก้ตัว เทียนหวู่ก็จะยิ่งเสียหายหนักกว่าเดิม ทั้งยังทำให้เฟิ่งเทียนหวู่ กับเฟิ่งหวูเต้าต้องเสียหน้าอีกด้วย
อย่างไรเขาก็นับเฟิ่งเทียนหวู่เป็นสหายอันดี เช่นนั้นเฟิ่งหวู่เต้าก็นับเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่เขาสมควรเคารพคนหนึ่ง
เขาย่อมไม่คิดทำให้เฟิ่งเทียนหวู่ กับเฟิ่งหวู่เต้าต้องประสบปัญหาใดๆเช่นนั้น
“หากลูกหวู่สามารถอยู่กับเขาได้จริงๆ ก็นับว่าลูกหวู่เองมีวาสนาไม่น้อย” เฟิ่งหวู่เต้ามองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาซับซ้อน
ตอนนี้เขายิ่งรู้จักต้วนหลิงเทียนมากขึ้นเท่าไร เขายิ่งอยากจะจับต้วนหลิงเทียนเป็นลูกเขยมากขึ้นเท่านั้น
แล้วครึ่งชั่วโมงก็ผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว
"สระชำระจิตกำลังจะเปิดแล้ว!" ใครสักคนกล่าวตะโกนบอกออกมา
ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็เห็นว่าม่านหมอกในหุบเขาเริ่มแยกออกจากกัน ราวกับมีพลังอำนาจบางสิ่ง เสมือนดั่งขวานทรงอิทธิฤทธิ์สับผ่ากลางพวกมันจนต้องแยกออก
หลังจากที่เมฆหมอกแยกออกจากกัน ภาพต่อมาที่ทุกคนเห็นก็คือไอพลังหลากสีสัน ที่ยังคงบดบังทำให้ไม่อาจมองเห็นอันใดได้อยู่ดี
แต่พลังวิญญาณของต้วนหลิงเทียนนั้นสามารถแทรกซึมผ่านไอพลังหลากสีนี้ได้เป็นอย่างดี และสัมผัสได้ถึงสระชำระจิตด้านใน และทันทีที่เขาลองตรวจสอบสระชำระจิต เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณอันมหาศาลที่อัดแน่นกันในสระ นี่ทำให้พลังวิญญาณของเขารู้สึกสบายราวกับล่องลอย คล้ายปลาได้น้ำอย่างไรอย่างนั้น
ตอนนี้ถึงแม้ว่า ค่ายกลที่ทำหน้าที่กั้นขวางสระชำระจิตจะเปิดออกแล้ว แต่ทว่าก็ยังไม่มีผู้ใดกล้าเดินเข้าไป
และทันใดนั้นสายตาของเจ้าเมืองอีก 29 เมือง ต่างหันมามองทางเฟิ่งหวู่เต้าเป็นสายตาเดียวกัน
“เข้าไปเสียสิ...”ตอนนี้เมื่อเฟิ่งหวู่เต้ามองมายังต้วนหลิงเทียน เขาก็รู้สึกตัวและพึ่งนึกขึ้นได้ ว่าที่แท้เจ้าเมืองคนอื่นๆต่างรอให้เขาเข้าไปคนแรกนั่นเอง
แน่นอนเขาย่อมรู้ดีแก่ใจว่าเหตุผลที่เขาได้รับเกียรติเช่นนี้เป็นเพราะเฟิ่งหวู่เต้า
หาไม่แล้วเจ้าเมืองคนอื่นๆ คงไม่คิดจะแยแสอะไรเขา
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าเบาๆ ก่อนที่จะมองไปยังเจ้าหนูขนทองตัวน้อยบนบ่า “เสี่ยวจิน เจ้าไปเล่นกับเทียนหวู่ก่อน นะ ข้าเข้าไปไม่นานหรอก”
"จี๊ดๆ ~" ถึงแม้ว่ามันจะดูไม่ค่อยเต็มไปใจเล็กน้อย แต่เจ้าเสี่ยวจินก็กระโดดไปหาเฟิ่งเทียนหวู่แต่โดยดี
"อย่าได้กังวลพี่ใหญ่ต้วน ข้าจะดูแลเสี่ยวจินให้ท่านอย่างดี" เทียนหวู่มองไปยังต้วนหลิงเทียนพร้อมให้คำมั่นออกมา
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มบางๆให้นางคราหนึ่ง ก่อนที่ร่างของเขาจะกระพริบวูบแปรเปลี่ยนไปคล้ายสายลมพุ่งผ่านทางเข้าค่ายกลที่เปิดออก เขาไปยังด้านใน
หลังจากที่ผ่านไอพลังหลากสีสันที่หนาทึบราวม่านหมอก ภาพตรงหน้าของต้วนหลิงเทียนก็ค่อยๆสว่างและกระจ่างขึ้น
ตอนนี้เบื้องหน้าของเขาแลคล้ายทะเลสาบขนาดเล็ก และดูเหมือนจะมีกระแสพลังสีเขียวแผ่ซ่านปกคลุมลอยวนเวียนไปทั่วผิวน้ำ
"นี่หรือสระชำระจิต!" ต้วนหลิงเทียนพึมพำออกมา
และเมื่อสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวจากด้านหลัง ต้วนหลิงเทียนก็รู้ว่ายามนี้ เหล่าผู้เยาว์อีก 29 คนอันเป็นอัจฉริยะจากเมืองอื่นๆเองก็ได้เข้ามาแล้ว เขาจึงไม่ลังเลอะไรกระโดดพุ่งหลาวลงสระชำระจิต ดังต๋อม ดำดิ่งลงไปทันที
ตอนนี้เอง ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ว่าพลังวิญญาณของเขาที่สงบมาเนิ่นนานไร้ซึ่งความเคลื่อนไหวใดๆ เริ่มตอบสนองตื่นตัวขึ้นมาเล็กน้อย
"ดูเหมือนว่าพลังวิญญาณในสระชำระจิตนี่ จะมีโอกาสที่ทำให้พลังวิญญาณของข้า ทะลวงระดับไปได้!" ต้วนหลิงเทียนบังเกิดความตื่นเต้นเล็กน้อยในใจ
เมื่อพลังวิญญาณของเขาทะลวงผ่านไปยังระดับแรกสัมผัสธรรมชาติได้ล่ะก็ นั่นหมายความว่าเขาจะสามารถจารึกอาคมที่มีระดับสูงที่เขาไม่อาจจารึกได้ในตอนนี้ อย่างง่ายดาย!
และเมื่อเขานึกถึงฉากที่เปิดใช้อาคมจารึก ใส่ศัตรูระดับแรกสัมผัสธรรมชาติทั้งหลาย จนร่างมันมอดไหม้เป็นขี้เถ้าสลายเป็นผุยผงดับสิ้นลงตรงหน้า ต้วนหลิงเทียนพลันรู้สึกคึกคักอักโขขึ้นมาในใจ
“หืม? ดูเหมือนว่าข้าไม่จำเป็นต้องตั้งสมาธิเพื่อดูดซับพลังวิญญาณในสระนี่เลยนี่นา เพราะพลังวิญญาณในสระชำระจิตนี่มันแทรกซึมเข้ามาขัดเกลาและเสริมสร้างพลังพลังวิญญาณของข้าโดยอัตโนมัติ” ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนได้ค้นพบเรื่องนี้ ทำให้เขาประหลาดใจขึ้นมาไม่น้อย
“ในเมื่อมันเป็นเช่นนี้ ข้าก็สมควรใช้เวลาว่าง ค้นหาความจริงว่าที่แท้สระชำระจิตนี่มันคืออะไร?”ประกายตาของต้วนหลิงเทียนเรืองขึ้นมาวูบหนึ่ง ก่อนที่เขาจะเริ่มดำดิ่งลึกลงไปใต้สระชำระจิตอย่างต่อเนื่อง
เขาไม่เคยลืมความตั้งใจเดิมแต่แรกที่มา
จากประสบการณ์ที่จักรพรรดิกลับชาติมาเกิดพบพาน เขารู้ว่าภายในสระชำระจิตแห่งนี้ต้องมีความลับอะไรบางอย่าง มันถึงได้ให้กำเนิดพลังวิญญาณออกมามากมายเช่นนี้
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนตั้งใจจะค้นหาความลับในเรื่องนี้
หลังจากที่จักรพรรดิกลับชาติมาเกิดค้นพบสถานที่ๆคล้ายคลึงกับสระชำระจิตแห่งนี้ และสุดท้ายเมื่อตัวจักรพรรดิกลับชาติมาเกิดลองดำดิ่งลงไปยังก้นสระ จักรพรรดิกลับชาติมาเกิดก็ได้ค้นพบผลไม้วิญญาณอันเลิศล้ำที่มีประสิทธิภาพสูงส่งกว่าผลวิญญาณผันแปร!
ผลไม้วิญญาณนั่นยังช่วยให้ระดับพลังวิญญาณของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิดนั้น ทะลวงผ่านไปถึง 3 ขั้นในพริบตาเดียว!
ถึงแม้ว่านั่นจะยังไม่ผิดปกติเท่าระดับพลังวิญญาณของต้วนหลิงเทียนตอนนี้ แต่มันก็น่าประทับใจไม่น้อย
ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของต้วนหลิงเทียน การกลั้นหายใจในน้ำนานๆนั้นไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ดำดิ่งลงมาถึงก้นสระชำระจิตได้อย่างราบรื่น
ในตอนนี้เองเสียงผู้คนกระโดดลงสระน้ำก็ดึงขึ้นบริเวณผิวน้ำเหนือสระ
เป็นเหล่าอัจฉริยะจากเมืองอื่นๆ ทั้ง 29 คนกระโดดลงมาแล้ว
ส่วนใหญ่ของเหล่าอัจฉริยะพวกนี้เมื่อมาถึงก็จะหาที่อันเป็นส่วนตัวซึมซับพลังวิญญาณเพื่อยกระดับและขัดเกลาพลังวิญญาณของพวกมันอย่างสงบ...นอกจากนี้ยังมีกลุ่มคนจำนวนเล็กน้อย ที่บังเกิดความอยากรู้อยากเห็น เริ่มดำน้ำลงลึกมา ตรวจสอบดูเรื่องราวรอบๆ แต่สิ่งที่พวกมันเห็นในสายตาก็ล้วนมีเพียงความมืดมิดเอ็นเย็นเยียบไร้ซึ่งสิ้นใด ราวกับจะเป็นก้นบึ้งอันไร้ที่สิ้นสุดอยู่เบื้องหน้าเท่านั้น นั่นก็ทำให้พวกมันรีบว่ายขึ้นสู่ผิวน้ำโดยพลัน
ความมืดและความไม่รู้นับเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับมนุษย์
พวกมันไม่แน่ใจว่าสระชำระจิตนั้นลึกแค่ไหน และลึกลงไปในความมืดมิดนั้น มันมีอันใดซ่อนเร้นแฝงตัวอยู่หรือไม่...ทำให้พวกมันไม่กล้าดำลงไป
พวกมันทั้งหมดล้วนแตกต่างกับต้วนหลิงเทียน
‘โชคดีที่ข้าสามารถใช้พลังวิญญาณสัมผัสคลื่นพลังและสำรวจรอบๆได้ ไม่อย่างนั้นข้าเองก็คงไม่สามารถค้นหาหนทางหรือตำแหน่งใดๆในสระชำระจิตนี่ได้’ ต้วนหลิงเทียนที่กำลังแหวกว่ายดำดิ่งลงสู่ความมืดมิดคิดออกมาอย่างยินดี
ตอนนี้พลังวิญญาณของเขายังแผ่ซ่านออกไปสำรวจรอบๆตัวอยู่ตลอดเวลา
"หืม" ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ว่า ยามนี้เขาดำลงมาถึงก้นสระชำระจิตแล้ว "มันไม่มีอะไรเลย จริงๆหรือ?"
ตอนนี้พื้นที่ก้นสระชำระจิตอันกว้างใหญ่ถูกพลังวิญญาณของเขาแผ่ว่านตรวจสอบไปรอบๆ แต่สิ่งที่พบก็มีเพียงตะไคร่น้ำเท่านั้น
‘จะยังไงก็ตาม พลังวิญญาณบริเวณนี้ยังนับว่าหนาแน่นกว่าข้างบนล่ะนะ’ ต้วนหลิงเทียนคิดในใจ ‘โดยปกติแล้วถ้าพลังวิญญาณของสระชำระจิตเกิดจากการรั่วไหลของผลไม้วิญญาณบางชนิดล่ะก็...ถ้างั้นพลังวิญญาณบริเวณที่มีผลไม้วิญญาณนั่นอยู่ต้องหนาแน่นที่สุดสินะ’
ตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนกำลังแผ่ซ่านพลังวิญญาณออกไปใช้จิตสัมผัสเต็มกำลัง เพื่อค้นหาสถานที่ๆมีพลังวิญญาณหนาแน่นที่สุด
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆจากวินาทีกลายเป็นนาที
แล้วครึ่งชั่วโมงก็ผ่านพ้นไป
จนกระทั่งล่วงเลยไปกว่าหนึ่งชั่วโมง
...
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนพยายามแหวกว่ายไปทั่วๆก้นสระชำระจิตอย่างช้าๆ และเขาก็พยายามสัมผัสจุดที่มีพลังวิญญาณหนาแน่นมากที่สุดทีละน้อยๆ
ต้องบอกเลยว่าสระชำระจิตนี้กว้างใหญ่ไม่น้อย
ต้วนหลิงเทียนแหวกว่ายอยู่ใต้ก้นสระไปกว่าสองชั่วโมง เขาพึ่งจะสำรวจสระชำระจิตนี้ได้ครึ่งหนึ่ง
‘หืม? ความหนาแน่นของพลังวิญญาณตรงนี้ดูเหมือนจะน้อยกว่าในตอนแรกเสียอีก’ ต้วนหลิงเทียนตกใจอยู่ครู่หนึ่ง ต่อมมาเขาก็เริ่มเข้าใจได้ทันที ‘จริงสิ ข้างบนสระยังมีอีก 29 คนที่กำลังดูดซับพลังวิญญาณในสระชำระจิตนี้นี่นา ... แล้วไอแหล่งที่มา ต้นตอของพลังวิญญาณขุมนี้มันอยู่ตรงไหนกันแน่ล่ะเนี่ย?’
ต้วนหลิงเทียนคิดเล็กน้อยก่อนที่จะเริ่มสำรวจก้นสระชำระจิตอีกครึ่งที่เหลือ เขาค่อยๆว่ายไปอย่างช้าๆแผ่ซ่านพลังวิญญาณออกไปสัมผัสรอบๆอย่างละเอียด
เวลาเองก็ค่อยๆไหลผ่านไปอย่างเงียบงัน
อีกครึ่งชั่วโมงได้ผ่านพ้นไป
“เยี่ยม! ข้าเจอมันแล้ว!!” ทันใดนั้นร่างกายของต้วนหลิงเทียนสั่นสะท้านในทันใด ความตื่นเต้นปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเขา ตอนนี้พลังวิญญาณที่เขาแผ่ว่านออกไป จับสัมผัสได้ถึงกระแสพลังวิญญาณขุมหนึ่งภายในก้นสระแห่งนี้
มันอยู่แทบจะสุดขอบด้านหนึ่งของสระชำระจิต อีกทั้งยังมีพืชใต้น้ำขึ้นอยู่อย่างแน่นหนาปกคลุมบดบังมันเอาไว้
"โชคดีจริงๆ ... " ต้วนหลิงเทียนรู้สึกว่าตัวเองมีโชคไม่น้อย
หลังจากที่เขาพยายามค้นหาไปทั่วก้นสระชำระจิตเช่นนี้ เขาก็ไม่ได้ลงทุนอะไรมากไปกว่าลงแรงเล็กน้อยละใช้พลังวิญญาณออกมามากหน่อย จะมีก็เพียงความเหนื่อยล้าเล็กๆน้อยๆเท่านั้น
ตอนนี้เองเมื่อเขาสัมผัสได้ถึงพืชใต้น้ำ เขาไม่ได้พุ่งเข้าไปทันที เลือกที่แผ่พลังวิญญาณออกไปสัมผัสอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่งตามสัญชาตญาณ
ในที่สุดเขาก็ใช้พลังวิญญาณตรวจสอบความปลอดภัยและทุกสิ่งเบื้องหน้าอย่างละเอียด จนกระจ่างแจ้ง
‘ดูเหมือนจะมีช่องทาง เป็นอุโมงค์หรืออะไรสักอย่างซ่อนอยู่หลังพืชใต้น้ำพวกนี้’ ต้วนหลิงเทียนที่ตรวจสอบพืชใต้น้ำบริเวณนี้อย่างละเอียด เอาพบว่ามีช่องทางหนึ่งคล้ายอุโมงค์ให้ผู้คนสามารถลอดผ่านเข้าไปได้ และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนแหวกว่ายอยู่ใกล้ๆช่องทางดังกล่าวนั้น เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าพลังวิญญาณของเขากำลังถูกขัดเกลาด้วยความเร็วสูงขึ้นอย่างมาก
“ต้นตอและขุมพลังวิญญาณของสระชำระจิต อยู่ในนี้ไม่ผิดแน่!” โดยไม่ลังเลใดๆต้วนหลิงเทียนมุดเข้าไปในอุโมงค์นั่นทันที
อุโมงค์ใต้น้ำเป็นถ้ำลึกลงไปในผนัง หลังจากว่ายไปได้ระยะหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสว่าด้านบนเป็นที่โล่ง ให้ว่ายขึ้นไปได้
ต้วนหลิงเทียนก็ว่ายขึ้นไปทันที
และในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็โผล่ออกมาจากทางน้ำนี่ได้ “ข้ามาถึงแล้ว”
"นี่มัน ... " เมื่อต้วนหลิงเทียนโผล่พ้นออกมาจากทางน้ำ เขาก็พบว่า ตอนนี้เขาปรากฏตัวอยู่บริเวณบ่อน้ำเล็กๆ สถานที่คล้ายโถงถ้ำมีอากาศหายใจ ...แถมยังมีที่พำนักอันกว้างขวางแห่งหนึ่งเบื้องหน้า...
รีวิวของคุณ
คุณจะให้ดาวนิยายเรื่องนี้หรือไม่