px

เรื่อง : War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 437 : การโจมตีด้วยพลังวิญญาณ


WSSTH บทที่ 437 : การโจมตีด้วยพลังวิญญาณ

 

 

ตำหนักอันเรียบง่ายแห่งนี้เป็นพื้นที่ปิด... มันมีเพียงทางน้ำใต้ดิน ที่เชื่อมกับสระเล็กๆนี่เท่านั้น ที่สามารถนำมาสู่ที่นี่ได้

การตกแต่งภายในตำหนักแลดูเรียบง่ายธรรมดา ไม่ได้หรูหราอะไรมากมาย ในตัวตำหนักทรงแปดเหลี่ยมนี้ มีเพียง โต๊ะ  เก้าอี้ และก็เตียงที่ทำมาจากศิลาเท่านั้น

"ฟู่~"ต้วนหลิงเทียนเดินมาถึงโต๊ะศิลาก่อนที่จะเป่าใส่มันดู ทันใดนั้นฝุ่นละอองก็ฟุ้งกระจายไปในอากาศ "อืม...ดูเหมือนว่า คงจะไม่มีใครมาที่นี่เนิ่นนานแล้ว..." ต้วนหลิงเทียนมองรอบๆอยู่ครู่หนึ่ง ก็นึกถึงจุดประสงค์ในการมาออก เขาเริ่มแผ่พลังวิญญาณออกไปตรวจสอบรอบๆอีกครั้ง

สุดท้ายเขาก็พบว่ามีพลังวิญญาณอันหนาแน่นขุมหนึ่งอยู่ข้างหลังเตียงศิลา

"มันเป็นอะไรกันแน่นะ?" ด้วยพลังที่แผ่ซ่านออกมา มันย่อมกระตุ้นความสงสัยใคร่รู้ของต้วนหลิงเทียน  เขาค่อยๆก้าวไปข้างหน้าช้าๆ เพื่อตรวจดูว่าที่แท้มันคืออะไร

หลังจากเดินอ้อมไปอีกด้านของเตียง ต้วนหลิงเทียนก็เห็นว่าที่พื้นศิลามีช่องแตกออกเล็กน้อย และภายในช่องนั้นก็เป็นต้นไม้เล็กๆสีเขียวเข้มสูงแค่หัวเข่า  ที่สามารถงอกเงยแหวกฝ่าพื้นศิลาแกร่งออกมาได้!  และตรงบริเวณกิ่งใกล้ๆยอดของต้นไม้เล็กๆนั่น มีผลสีเขียวเข้ม ทว่าโปร่งแสงส่องประกายแวววาวอยู่ผลหนึ่งห้อยแขวนอยู่...

"นี่มัน ... " ม่านตาของต้วนหลิงเทียนหดแคบลงโดยพลัน

ดูเหมือนว่าการคาดเดาของเขาจะถูกต้อง!!

สาเหตุที่ทำให้เกิดพลังวิญญาณภายในสระชำระจิตแห่งนี้  นับว่าเป็นเรื่องราวและสถานการณ์ดุจเดียวกันกับที่จักรพรรดิกลับชาติมาเกิดพบเจอไม่มีผิด  ตลอดระยะเวลาหลายปี พลังวิญญาณที่รั่วไหลออกมาจากผลไม้วิญญาณนี้มันแทรกซึมออกไปหลอมรวมเข้ากับน้ำด้านนอกสระ! จนในน้ำอัดแน่นไปด้วยพลังวิญญาณ!!

ตอนนี้เองในขณะที่ต้วนหลิงเทียนเดินเข้าไปใกล้ๆ ผลไม้วิญญาณนั้น พลังวิญญาณในร่างของเขาก็พลันกระเพื่อมขึ้นมาอย่างรุนแรง

และครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ถึง ความปลอดโปร่งโล่งสบายภายในใจของเขา  ราวกับมีบางสิ่งในใจที่อัดอั้นเอาไว้แตกระเบิดออกมา !

"อ๊ะ! ระดับพลังวิญญาณของข้าเปลี่ยนไปแล้ว!" เมื่อต้วนหลิงเทียนตรวจสอบดู สีหน้าพลันฉายชัดออกมาถึงความยินดีและมีความสุขโดยพลัน เพราะยามนี้พลังวิญญาณของเขาได้ทำลายจุดรอคอย ตัดผ่านไปยังระดับแรกสัมผัสธรรมชาติเรียบร้อยแล้ว!

ในที่สุดเขาก็ทะลวงผ่านมันได้!

"ทั้งหมดนี้ คงต้องขอบคุณเจ้าผลไม้วิญญาณนี่" สายตาที่ร้อนแรงของต้วนหลิงเทียนจับจ้องไปยังผลไม้วิญญาณเบื้องหน้า  ในหัวเริ่มย้อนดูข้อมูลจากความทรงจำของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิดด้วยความเร็วสูง ...

เข้าบังเกิดความอยากรู้จนแทบรอไม่ไหวแล้ว! ว่าที่แท้ผลไม้วิญญาณผลนี้คือผลอะไรกันแน่!!

สุดท้ายหลังจากค้นหาในความทรงจำของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิดที่ใช้ชีวิตมาถึง 2 ชาติภพ ต้วนหลิงเทียนก็พบคำตอบที่เขาต้องการ

"ผลวิญญาณสันโดษ!" หัวใจต้วนหลิงเทียนสั่นสะท้านในทันใด

ผลวิญญาณสันโดษนั้น...มีผลลัพธ์ในลักษณ์เดียวกันกับผลวิญญาณผันแปร ซึ่งเป็นผลไม้วิญญาณประเภทส่งเสริมเพิ่มพูนพลังวิญญาณ ไม่ใช่เพิ่มพูนพลังงานต้นกำเนิด เป็น 1% อันหายากของผลไม้วิญญาณทั้งหมด!

แม้จะเป็นผลวิญญาณประเภทเดียวกัน...ทว่าในแง่ของประสิทธิภาพแล้วนั้น ผลวิญญาณสันโดษนับว่าเหนือชั้นกว่าผลวิญญาณผันแปรมากนัก!!

“ข้าไม่คิดเลยว่าข้าจะพบพานวาสนาปาฏิหาริย์เช่นนี้ ...ถึงแม้ข้าจะไม่ได้ผลวิญญาณผันแปร แต่ข้ากลับได้พบผลวิญญาณสันโดษที่ยอดเยี่ยมกว่าหลายเท่า!!”ลมหายใจของต้วนหลิงเทียนเริ่มถี่ระรัวขึ้นด้วยความตื่นเต้น

ต่อมาต้วนหลิงเทียนเริ่มพินิจพิเคราะห์ผลวิญญาณสันโดษตรงหน้าอย่างจริงจัง...

ในไม่ใช้เขาก็พบว่ามันมีปัญหาอยู่บ้างเล็กน้อย

"ดูเหมือนผลวิญญาณสันโดษนี่จะยังไม่สุกเต็มที่" ต้วนหลิงเทียนอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนที่จะมองไปยังส่วนที่มีสีเขียวหม่นๆบนผลวิญญาณสันโดษเล็กน้อย  รอยยิ้มขื่นขมปรากฏที่มุมปากของเขาอย่างช่วยไม่ได้

"แต่จะยังไงมันก็อีกไม่นานแล้ว สมควรเป็นเร็วๆนี้ ...รอยสีเขียวหม่น เล็กน้อยแค่นี้ คงใช้เวลาอีกราวๆ 3 มันมันถึงจะโปร่งแสงเหมือนส่วนอื่น ถึงตอนนั้นมันก็สุกเต็มที่แล้ว" ประกายตาของต้วนหลิงเทียนเรืองวูบขึ้น เมื่อพบว่ามันไม่ได้นานอะไรเลย ที่ผลวิญญาณสันโดษเบื้องหน้าจะพร้อมให้เขาเอาเข้าปาก

"อีก 3 วันงั้นหรือ ...งั้นข้ายังไม่ออกไปจะดีกว่า" ต้วนหลิงเทียนพึมพำออกมากับตัวเอง

สำหรับเขาเวลา 3 วันมันก็เพียงแค่พริบตาเท่านั้น

ทางด้านเฟิ่งหวู่เต้าทั้ง 3 รวมถึงเจ้าเสี่ยวจิน  ต่างรับรู้ถึงขีดขั้นความสามารถของต้วนหลิงเทียนดี ทั้งหมดย่อมรู้ว่าไม่มีอันตรายใดๆ ที่จะเกิดขึ้นกับเขาภายในสระชำระจิตแห่งนี้

ส่วนค่ายกลนั้น ก็ไม่ได้นับว่าเป็นปัญหาอะไรสักนิด ด้วยความสามารถในศาสตร์ผู้จารึกของเขา เขาสามารถเปิดมันเมื่อไหร่ตอนไหนก็ได้

ต้วนหลิงเทียนยกมือขึ้น สะบัดไปยังเบื้องหน้าเพื่อไล่ฝุ่นออกจากเตียงศิลา ก่อนที่จะขึ้นไปนั่งขัดสมาธิ และเริ่มต้นบ่มเพาะพลัง

วิชา 9 มังกรจักรพรรดิสงคราม รูปแบบมังกรปีกวายุ!

ต้วนหลิงเทียน ทุ่มเทจิตใจและจิตวิญญาณให้กับการบ่มเพาะพลังอย่างเต็มที่ และเข้าสู่กระบวนการโคจรพลังงานต้นกำเนิดเพื่อสั่งสมพลังงานต้นกำเนิดอย่างรวดเร็ว

ต้วนหลิงเทียนสังเกตเห็นความแตกต่างบางประการ... ดูเหมือนว่าหลังจากที่พลังวิญญาณของเขาตัดผ่านระดับไปแล้วระดับความเร็วในการสั่งสมพลังของเขาดูเหมือนจะเพิ่มมากขึ้นเล็กน้อย...หากเทียบกับก่อนหน้านี้...!

‘ดูเหมือนว่าแม้จะมีพรสวรรค์ตามธรรมชาติในเชิงยุทธ์สูงสุดแล้ว แต่หากมีพลังวิญญาณที่น่าเกรงขาม มันก็ยังช่วยเพิ่มความเร็วในการบ่มเพาะพลังได้มากขึ้นในระดับหนึ่งสินะ’ ต้วนหลิงเทียนยินดีเล็กน้อยก่อนที่จะค่อยๆสงบจิตใจและเริ่มบ่มเพาะพลังต่อ

เวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ภายในหุบเขาอันกว้างใหญ่ ภายในม่านหมอกหนาทึบอันเต็มไปด้วยพลังหลากสี ปรากฏร่างอัจฉริยะรุ่นเยาว์ในแต่ละเมืองที่เข้าไปในสระชำระจิตค่อยๆเดินผ่านออกมาทีละคนๆ

ครู่ต่อมาก็นับได้จำนวน 29 คน

"แล้วพี่ใหญ่ต้วนเล่า...อยู่ที่ใดกัน?" ใบหน้าที่สวยงามใต้ผ้าคลุมของเฟิ่งเทียนหวู่จางลงเล็กน้อย ดวงตาคู่สวยประดุจดั่งสายน้ำในสารทฤดูยังเผยประกายกังวลออกมาไม่น้อย

“นายหญิงน้อยอย่าได้กังวล ด้วยความสามารถของสายน้อยต้วนหลิงเทียน เขาย่อมจัดการเรื่องราวได้อย่างดี” ชายชราในชุดคลุมสีเทาที่อยู่ด้านข้างส่ายหัวพร้อมยิ้มแย้มออกมา วาจาของมันนั้นยังเต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวต้วนหลิงเทียนอย่างเต็มเปี่ยม

“ท่านเจ้าเมืองเฟิ่ง เช่นนั้นพวกเราขออำลาท่านตรงนี้แล้ว” เหล่าเจ้าเมืองทั้ง 29 คนนำพาเหล่าอัจฉริยะของพวกมันมาเอ่ยคำลาต่อเฟิ่งหวู่เต้า

เฟิ่งหวู่เต้านั้นเพียงพยักหน้าอย่างเฉยเมย ไม่ได้ละสายตาออกจากม่านหมอก ในหุบเขาเบื้องหน้าอันเป็นทางเข้าของสระชำระจิตสักนิด ราวกับกำลังเฝ้ารอคอยบางสิ่งอยู่อย่างใจจดจอ ไม่คิดเหลือบแลเหล่าเจ้าเมืองทั้ง 29 คนให้เสียเวลาสักเพียงนิด

ส่วนเหล่าเจ้าเมืองทั้ง 29 คนก็ไม่กล้าไม่พอใจอะไร พวกมันเพียงเรียกสัตว์อสูรบินได้ลงมา แล้วจากไปในลักษณะนั้น...

ตอนนี้ด้านหน้าหุบเขา ทางเข้าสระชำระจิตคนกลุ่มเดียวที่ยังเหลือก็คือกลุ่มของเฟิ่งหวู่เต้า

"เหตุใดสหายน้อยต้วนยังมิออกมาอีก? ยามนี้ค่ายกลของสระชำระจิตใกล้จะปิดตัวลงแล้ว"ชายชราในชุดคลุมสีเทา เมื่อเห็นม่านหมอกบริเวณหุบเขาที่แยกออกก่อนหน้าเริ่มปิดตัวลงเข้ามาอีกครั้ง พลันขมวดคิ้วกล่าวคำออกมาด้วยกังวล

ตอนนี้เองเจ้าเสี่ยวจินที่อยู่นิ่งบนมือของเฟิ่งเทียนหวู่มาตลอด ก็ร้องออกมา ก่อนที่มันจะพุ่งร่างเป็นเส้นแสงสีทองพุ่งแหวกม่านหมอกที่กำลังจะปิดตัวลง เข้าไปยังสระชำระจิต

"เสี่ยวจิน!" สีหน้าของเฟิ่งเทียนหวู่ซีดลงเล็กน้อย และก่อนที่เฟิ่งหวู่เต้าและชายชราจะทันได้ตอบสนองอะไร ร่างของนางก็พุ่งไปคล้ายเปลวเพลิงร้อนแรง แทรกตัวเข้าม่านหมอกไปด้วยอีกคน

"หวู่!"

"นายหญิงน้อย!"

เฟิ่งหวู่เต้ากับชายชราหน้าเปลี่ยนสีในทันใด ทั้งคู่ไม่กล้าลังเลรีบพุ่งร่างติดตามนางไปโดยพลัน

หากม่านหมอกอันเป็นทางเข้าของสระชำระจิตปิดตัวลงแล้วล่ะก็ ...กว่าที่มันจะเปิดออกอีกครั้งก็เป็นอีก 3 ปีหลังจากวันนี้

“เสี่ยวจิน เจ้าไปที่ใดแล้ว? เสี่ยวจิน เสี่ยวจิน...”เฟิ่งเทียนหวู่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่คุ้นเคยกับสระชำระจิต เพราะเมื่อ 3 ปีที่แล้วนางก็เข้ามาที่นี่แล้วครั้งหนึ่ง  อย่างไรก็ตามยามนี้เมื่อนางเดินมาถึงริมสระชำระจิต ใบหน้าสวยงามที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าคลุม เต็มไปด้วยความกังวลใจ

"เสี่ยวจิน... เสี่ยวจิน" เฟิ่งเทียนหวู่พบว่า เมื่อเสี่ยวจินพุ่งเข้ามา มันก็หายตัวไปเลย

ความคิดของเฟิ่งเทียนหวู่แล่นอย่างว่องไว และเหลือเพียงที่เดียวเท่านั้นที่เป็นไปได้ก็คือในสระ “หรือเจ้าเสี่ยวจินจะโดดลงสระชำระจิตไปแล้ว?”

“ข้าสัญญากับพี่ใหญ่ต้วนไว้แล้ว...ว่าจะคอยดูแลเสี่ยวจินให้เขา...” ทันใดนั้นดูเหมือนนางจะนึกอะไรขึ้นได้ ดวงตาคู่งามของนางจับจ้องไปยังสระชำระจิตเบื้องหน้า ก่อนที่จะพุ่งร่างกระโดดลงสระชำระจิตติดตามไปอีกคน

ตอนนี้เองชายชรากับเฟิ่งหวู่เต้าก็เข้ามาแล้วเช่นกัน  และเมื่อเห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นตรงหน้า ต่างก็หันมามองกันอย่างขื่นขม

อย่างไรก็ตามทั้งคู่ไม่ได้กังวล และหวาดกลัวว่าภายในสระชำระจิตจะมีภยันตรายใดๆ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อลังวิญญาณของชายชราแผ่ซ่านออกไป มันก็สามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวของเฟิ่งเทียนหวู่ได้อย่างง่ายดาย และก็ยืนยันได้ว่าเฟิ่งเทียนหวู่ไม่ได้รับอันตรายใดๆ ทั้งสิ้น

เฟิ่งหวู่เต้ามองไปยังม่านหมอกบริเวณรอบๆสระชำระจิต ก่อนที่จะขมวดคิ้วพร้อมกล่าวถามออกมา “ อาวุโสคง ท่านมีหนทางพาพวกเราออกไปหรือไม่?”

“ไม่ได้...ข้ามิมีความสามารถมากพอที่จะเจาะผ่านค่ายกลนี้ไปได้” อาวุโสคงเผยสีหน้าจริงจังออกมา ท่าทางของมันเคร่งเครียดไม่น้อย เพราะค่ายกลนี้อยู่เหนือความรู้ในศาสตร์การจารึกของมันไกลโข “ค่ายกลนี้ ข้าดูอย่างละเอียดแล้ว ก็ยังมิอาจหยั่งตื้นลึกหนาบางของมันได้...มันเป็นผลงานของผู้เชี่ยวชาญด้านการจารึกระดับผันแปรธรรมชาติ ซึ่งนับว่ายังห่างไกลจากความสามารถของข้าในยามนี้จะทำความเข้าใจได้...แต่บางทีสหายน้อยต้วนหลิงเทียนอาจมีวิธี”

“ด้วยพลังวิญญาณของท่าน สามารถค้นหาตำแหน่งของต้วนหลิงเทียนได้หรือไม่?” เฟิ่งหวู่เต้ากล่าวถามออกมา

“มิอาจกระทำได้ พลังวิญญาณของข้าสามารถหยั่งรู้ทั่วพื้นผิวของสระชำระจิต รวมถึงลึกลงไปราวๆครึ่งสระได้...แต่นั้นก็ไร้ซึ่งร่องรอยใดๆของสหายน้อยต้วนหลิงเทียน หรือเจ้าหนูสีทองนั่นแม้แต่น้อย และนายหญิงน้อยเองก็กำลังจะออกนอกขอบเขตจิตสัมผัสของข้าแล้ว พวกเราเองก็ลงไปดูกันเถิด” ทันทีที่กล่าวจบชายชราก็กระโดดลงสระชำระจิตทันที

ภายในตำหนัก

ต้วนหลิงเทียนนั้นนั่งบ่มเพาะพลังไปอย่างเงียบๆ  และเมื่อสัมผัสได้ว่าสมควรแก่เวลาแล้วเขาก็ลืมตาตื่นขึ้นมา

ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสุข ลุกขึ้นไปหมายจะดึงผลวิญญาณสันโดษออกมาลิ้มชิมรสเสพย์รับผลอันเลิศล้ำปานจะพลิกฟ้าคว่ำดินอย่างมีความสุข

อย่างไรก็ตามเมื่อสายตาของต้วนหลิงเทียนมองไปเบื้องหน้า สีหน้าของต้วนหลิงเทียนก็บิดเบี้ยวโดยพลัน

เขาสังเกตเห็นว่าต้นไม้ยังคงอยู่ที่เดิม  ...แต่ทว่าผลวิญญาณสันโดษที่ห้อยอยู่บนกิ่งด้านบน  กลับอันตรธานหายไป! “บัดซบ! ผลวิญญาณสันโดษหายไหนแล้ว! ใครมาเด็ดผลวิญญาณสันโดษไปกัน!!?”

ตอนนี้สีหน้าของต้วนหลิงเทียนบิดเบี้ยวอย่างมาก สายตาของเขากวาดมองรอบๆอย่างรวดเร็วทั้งยังเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด พยายามมองหาร่องรอยไปทั่วทั้งตำหนัก

เขามั่นใจว่าต้องมีใครสักคนเข้ามาเอาผลวิญญาณสันโดษไปต่อหน้าต่อตาเขาแน่ๆ

"หืม?" ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็ค้นพบ โจรร้ายตัวการลักขโมยครานี้แล้ว

อีกด้านหนึ่งของเตียงศิลา... มีร่างเจ้าหนูขนทองตัวน้อยนอนแผ่หลาอยู่ แถมดูท่ามันยังหลับไปแล้วซะด้วย...

และสายตาอันคมกล้าของต้วนหลิงเทียนย่อมสังเกตเห็นคราบสีเขียวจางๆที่ติดอยู่บริเวณมุมปากของเจ้าหนูตัวน้อยได้เป็นอย่างดี...และคราบนั่น ยังเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังวิญญาณอันมหาศาล...เป็นน้ำจากผลวิญญาณสันโดษอย่างีท่ไม่ต้องสงสัยเลย...

"เจ้าเสี่ยวจิน!...เจ้านี่มัน ..เฮ่อ...จริงๆเลย ...กล้ามาขโมยกินผลวิญญาณสันโดษของข้าซะได้!" ในตอนนี้อารมณ์ของต้วนหลิงเทียนนั้นรู้สึกซับซ้อนอย่างมาก ไม่รู้จะกล่าวออกมาเป็นคำพูดอย่างไรดี

หากเขาได้กินผลวิญญาณสันโดษนี่เข้าไปแล้วล่ะก็ มันจะช่วยยกระดับพลังวิญญาณของเขาไปมากโข เรียกได้ว่ามีโอกาสสูงมากที่พลังวิญญาณของเขาจะตัดผ่านจากแรกสัมผัสธรรมชาติไปยังระดับ ของผู้เชี่ยวชาญหยั่งรู้ธรรมชาติได้ด้วยซ้ำ!!

แต่ตอนนี้ทั้งหมดกลับกลายเป็นความฝันลมๆแล้งๆเสียแล้ว

ส่วนเจ้าโจรร้ายตัวแสบ ที่ลักขโมยกินไปต่อหน้าต่อตา กลับเป็นเจ้าหนูสวรรค์นัยน์ตาหยกตัวน้อยนี่!

“เจ้าตัวน้อย...นี่เจ้าคงไม่ได้แกล้งหลับใช่มั้ย?  ข้าก็บอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือไง ...ให้อยู่กับเทียนหวู่ แล้วเจ้าจะตามเข้ามาทำไมล่ะ หืม?” ต้วนหลิงเทียนหยิบเจ้าหนูตัวน้อยขึ้นมาดูตรงหน้า ก่อนที่จะสังเกตเห็นว่ามันหลับลึกอยู่จริงๆ

‘ดูท่าแล้วมันคงกำลังดูดซับผลของผลวิญญาณสันโดษอยู่’ ต้วนหลิงเทียนคิดขึ้นมา

หากเป็นสัตว์อสูรตัวอื่นมาลักขโมยกินผลวิญญาณสันโดษล่ะก็ เขาคงจะฆ่ามันทิ้งอย่างไม่ลังเล!

แต่ตัวการที่ขโมยกินผลวิญญาณสันโดษนี่....กลับเป็นเจ้าเสี่ยวจินนี่เสียอย่างนั้น  เรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนทำได้เพียงทำใจยอมรับมัน

“ไม่เป็นไร ถือซะว่าข้าช่วยเหลือเจ้าแล้วกัน เจ้าสหายตัวน้อย ต่อไปก็ทำงานให้หนักเข้าล่ะ...” หลังจากนั้นไม่นานต้วนหลิงเทียนก็ทำใจยอมรับได้และ ไม่คิดอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกต่อไป

เขาย่อมคาดเดาได้ว่า เจ้าเสี่ยวจินสมควรได้รับประโยชน์มหาศาลหลังจากกินผลวิญญาณสันโดษนี่

และเมื่อเจ้าเสี่ยวจินตัวน้อยนี่แข็งแกร่งขึ้น  ก็เหมือนกับว่าเขามีผู้ช่วยเหลืออันเข้มแข็งขึ้นมาเช่นกัน

ไม่ว่าจะอย่างไรก็ล้วนเป็นผลดีต่อตัวเขาทั้งสิ้น

“เอาล่ะ นี่มันก็ผ่านไปตั้งสามวันแล้ว ...ข้าควรจะออกไปข้างนอกสักที” ต้วนหลิงเทียนหยิบเจ้าหนูตัวน้อยมาด้วย ก่อนที่จะเดินไปยังสระน้ำเล็กๆ พร้อมกระโดดดำลงไปในทางน้ำใต้ดิน ออกจากตำหนักลับแห่งนี้ไป

‘ว่าแต่เจ้าเสี่ยวจินนี่...ก็นับว่ามีความสามารถไม่น้อย  มันถึงกับสามารถหาทางน้ำใต้ดิน ได้เช่นนี้...ยอดเยี่ยมอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด ลูกหลานของหนูสวรรค์นัยน์ตาหยกนี่...นับว่าไม่ธรรมดาจริงๆ!’ ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจด้วยอารมณ์สะท้อนเล็กน้อย ในขณะที่แหวกว่ายในทางน้ำใต้ดิน

‘จากความทรงจำของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด นอกเหนือจากพลังความแข็งแกร่งอันดิบเถื่อนแล้ว หนูสวรรค์นัยน์ตาหยก ยังมีวิชาโจมตีศัตรูด้วยการใช้พลังวิญญาณโดยตรง...  กระทั่งรู้วิธีใช้พลังวิญญาณลี้ลับบางอย่างด้วยนี่นา... ส่วนผู้ฝึกยุทธ์อย่างมนุษย์เรา...กว่าจะสัมผัสได้ถึงแก่นแท้พลังวิญญาณ ก็ต้องตัดผ่านไปยังระดับจักรพรรดิก่อนเท่านั้น ถึงจะเข้าใจความลึกล้ำและใช้พลังวิญญาณในการจู่โจมแบบมันได้...’

‘ในทวีปเมฆาล่องแห่งนี้ ดูเหมือนการทำร้ายคู่ต่อสู้ด้วยพลังวิญญาณ จะถูกเรียกกันว่า การโจมตีด้วยอำนาจจิต สินะ...ปีศาจส่วนมากเองก็มีความสามารถและพรสวรรค์ในการใช้อำนาจจิตโจมตีศัตรู ก่อนที่จะบรรลุระดับจักรพรรดิปีศาจเสียด้วยซ้ำ... เจ้าหนูสวรรค์นัยน์ตาหยกนี่ ก็สมควรมีความสามารถนี้เช่นกัน!!’ ต้วนหลิงเทียนครุ่นคิดในใจ

ด้วยการมองผ่านความทรงจำของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด ต้วนหลิงเทียนย่อมรู้ดี ว่าการใช้อำนาจจิตจู่โจมนั้น มันมีความน่าสะพรึงกลัวอย่างไร

แค่เพียงหนึ่งห้วงคิดก็สามารถทำร้าย กระทั่งสลายวิญญาณของผู้อื่นได้แล้ว...

นี่คือพลังอำนาจอันเหนือชั้นอย่างแท้จริง!

 

รีวิวผู้อ่าน