px

เรื่อง : War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 444 : นัดหมาย 2 ปี!


WSSTH บทที่ 444 : นัดหมาย 2 ปี!

 

 

"อะไร? หากมิใช่เรื่องนั้น แล้วมันเป็นเรื่องอันใด" จ้าวหลินรู้สึกตื่นตระหนก ในใจบังเกิดลางร้ายอัปมงคลประการหนึ่ง

“ท่านอา! ท่านต้องฆ่าต้วนหลิงเทียนล้างแค้นให้ข้าและน้องเคอ!! ... ต้วนหลิงเทียนมันเหี้ยมโหด ไร้ปราณียิ่งนัก!!” เมื่อจ้าวเหล่ยฟื้นคืนจากอาการสติหลุดลอย ใบหน้าของมันก็ซีดราวไร้สีเลือด น้ำเสียงของมันสั่นเครืออย่างน่าเวทนา

"เกิดอันใดขึ้นกันแน่!?" ท่าทางแปลกๆ ของจ้าวเคอและจ้าวเหล่ย ทำให้ลางร้ายในใจของจ้าวหลินมากขึ้นเรื่อยๆ

"ท่านอา!" จ้าวเหล่ยไร้วาจาจะกล่าว เพียงเอื้อมไปคว้ามือจ้าวหลิน แล้วนำมาสัมผัสกับบริเวณเป้ากางเกงของมัน

"เจ้า ... " จ้าวหลินเองก็ประหลาดใจไม่น้อย เนื่องจากยามนี้มือของมันสัมผัสได้ถึงความว่างเปล่า สิ่งสำคัญของบุรุษเพศกลับมิมีอยู่

ทันใดนั้นใบหน้าของจ้าวหลินเองก็ซีดลงเล็กน้อย “เจ้า...สิ่งนั้นของเจ้า เป็นไรแล้ว?!”

"ท่านอา!" จ้าวเหล่ยร่ำไห้ออกมาอย่างน่าเวทนา ก่อนที่จะกล่าวคำออกมาทั้งน้ำตาด้วยความเคียดแค้นชิงชัง  "คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นชำระไขกระดูก มีหน้ากลางบอกเรื่องสำคัญเอาไว้ประการหนึ่ง ...มันบอกว่าพวกเราจักสามารถฝึกวิชาบทหลัง และสำเร็จจนกำเนิดร่างใหม่ได้... จำเป็นต้องตอนตัวเองเสียก่อน! ... ข้ากับน้องเคอ ... "

"ว่าอะไร?!" จ้าวเหล่ยกล่าวไม่ทันจบคำดี สีหน้าจ้าวหลินก็ไร้สีสันไปแล้ว มันเอื้อมมือออกไปยังด้านล่างของบุตรชายของมัน

และเมื่อมันพบว่าด้านล่างของบุตรชาย ก็ไร้ซึ่งอวัยวะสำคัญของบุรุษเหมือนกันกับจ้าวเหล่ย ดวงตาของมันก็เริ่มแดง ซ้ำยังแดงมากขึ้นเรื่อยๆ

"พรวด!" ร่างจ้าวหลินโงนเงนสั่นไหวโอนเอน สะท้านขึ้นมาด้วยความโกรธ  โกรธเสียจนกระอักโลหิตออกมา!

"ต้วนหลิงเทียน! ข้า จ้าวหลินจะฆ่าเจ้า! ข้าจักทำให้เจ้าต้องตกตายอย่างทรมาน !!" น้ำเสียงจ้าวหลินเต็มไปด้วยเคียดแค้นอำมหิตอันเย็นชากระหายเลือด

"ไม่ ... ไม่ ... นี่มิใช่ความจริง ... " จ้าวเคอยังคงส่ายหน้าไปมา ราวกับมันเสียสติไปแล้ว “มิใช่ ..มันมิใช่เรื่องจริง... มันมิใช่เรื่องจริง...”

จ้าวหลินดึงสติกลับมาจากความเคียดแค้น ก่อนที่จะมองไปยังจ้าวเคอแล้วจ้าวเหล่ย ก่อนที่จะกล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “ใยพวกเจ้ามิมาปรึกษาหารือกับข้า เมื่อเห็นข้อความบัดซบ ที่หน้ากลางคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นชำระไขกระดูกนั่น!”

ร่างของจ้าวเหล่นสั่นสะท้านไปในทันใด มุมปากยังยกขึ้นแหยๆ เผยความขื่นขม "ข้าและน้องเคอเกรงว่าหาก นำเรื่องราวนี้มาบอกกล่าวต่อท่านอา แล้วท่านอาจักมิยินยอมให้พวกเราฝึกฝนต่อไป...แต่ผู้ใดจักไปล่วงรู้ว่าคัมภีร์นี่เป็นของปลอม ของตัวบัดซบน่าตายต้วนหลิงเทียน ที่มันสร้างขึ้นมา!!" ในขณะที่กล่าวดวงตาของจ้าวเหล่ยเผยความเคียดแค้นเต็มไปด้วยจิตสังหารออกมา

ต้วนหลิงเทียน!

เป็นต้วนหลิงเทียนที่ทำลายชีวิตของพวกมันจนย่อยยับ!

"พวกเจ้า! ... พวกเจ้ามัน ...โง่งมยิ่ง!" สีหน้าของจ้าวหลินเปลี่ยนเป็นน่ากลัว และมันก็รู้สึกคลื่นเหียน วิงเวียนเมื่อมองไปยังจ้าวเคอ ที่แลคล้ายจะเสียสติไป

"ท่านพ่อ!" สุดท้ายจ้าวเคอก็ฟื้นสติ หันกลับมามองจ้าวหลินทั้งน้ำตา "ท่านพ่อข้าอยากให้ต้วนหลิงเทียนตาย  ข้าอยากให้มันตาย!!" น้ำเสียงของจ้าวเคอที่กล่าวออกครานี้เย็นลงอย่างน่ากลัว และมันไม่ต้องการอะไรไปมากกว่า เผาร่างต้วนหลิงเทียนให้กลายเป็นธุลี

“เคอ ...ลูกอย่าได้กังวล...ตราบใดที่บิดายังมีชีวิตอยู่ บิดาจักมิให้ต้วนหลิงเทียนได้อยู่ดี หากข้าสบโอกาสเมื่อใด บิดาจักเฉือนเนื้อหักกระดูกมัน เผามันให้ตาย กระจายขี้เถ้ามัน เพื่อระบายแค้นในใจเจ้า!” จ้าวหลินกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเล็ดรอดไรฟัน ...มันเกลียดชังต้วนหลิงเทียนถึงที่สุดแล้ว

ต้วนหลิงเทียนทำให้ตระกูลของมันถึงกาลอวสาน สูญสิ้นทายาทสืบสานวงศ์ตระกูลอีกต่อไป...

ความบาดหมางและความแค้นคราวนี้ หนักหนายิ่งกว่าเข่นฆ่าสังหารบุพการีเสียอีก!!

“สบโอกาส?” จ้าวเคอส่ายหัวไปมาไม่หยุด "ไม่! ท่านพ่อ ข้ามิอยากรอแล้ว! ... ข้ามิอยากรออีกต่อไปแล้ว! พวกเราไปบอกท่านปู่เถิด! ท่านปู่เป็นถึงผู้พิทักษ์อาวุโสของนิกายกระบี่ 7 ดาว การจักสังหารศิษย์สายในสักคน สำหรับท่านปู่แล้ว ไม่นับเป็นเรื่องอะไร ล้วนง่ายดายดั่งพลิกฝ่ามือ! " ในตอนนี้จ้าวเคอแทบไม่มีสตินึกคิดแล้ว

"ทำไม่ได้!"จ้าวหลินส่ายหัวและห้ามจ้าวเคอเอาไว้

"เพราะเหตุใด?!" จ้าวเคอ เผยท่าทีไม่ยินยอม "ท่านพ่อ หรือท่านมิต้องการล้างแค้น!?"

"เคอ อย่าได้หน้ามืดตามัวแล้ว... เรื่องนี้เจ้าต้องไตร่ตรองให้มาก" จ้าวหลินกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เต็มไปด้วยความรัก... “เรื่องนี้จักอย่างไร พวกเราก็เป็นฝ่ายผิดพลาด ...หากเราบอกท่านปู่ แน่นอนว่าด้วยความแค้น ท่านปู่ต้องไปสังหารต้วนหลิงเทียนให้เจ้า...แต่ท่านก็ต้องกลับกลายเป็นศัตรูของสาธารณชน.."

"ถึงแม้ว่าท่านปู่ของเจ้าจักเป็นอาวุโสผู้พิทักษ์ แต่ท่านปู่ของเจ้าก็มิได้แข็งแกร่งที่สุด ...ในเรื่องความแข็งแกร่งแล้ว...ท่านปู่ของเจ้ายังเป็นรองผู้พิทักษ์อาวุโสอีกคนหนึ่ง อีกทั้งผู้อาวุโสผู้พิทักษ์คนนั้นยังเป็นคนเถรตรงและเที่ยงธรรมยิ่งนัก  หากท่านปู่ของเจ้าสังหารต้วนหลิงเทียนเพราะความแค้นส่วนตัวแล้วล่ะก็... อาวุโสเฉียนไม่อยู่เฉยๆแน่! "

"นอกจากนี้ยังมีประมุขนิกายอีก ... ความแข็งแกร่งของประมุขนิกายก็หาได้อ่อนด้อยกว่าปู่ของเจ้าไม่ ถึงตอนนั้นต่อให้ปู่ของเจ้าจักเป็นอาวุโสผู้พิทักษ์ก็ยากที่จะหนีพ้นความผิด ...ตอนนี้ท่านปู่ของเจ้าเป็นดั่งความหวังของตระกูลจ้าวเรา  หากท่านปู่เจ้าอาศัยตำแหน่งล้างแค้นส่วนตัว สถานะอันยิ่งใหญ่ของท่านปู่เป็นอันต้องหลุดลอย ..อีกทั้ง แม้กระทั่งชีวิตก็อาจรักษาไว้ไม่ได้  ถึงยามนั้นตระกูลจ้าวเรา...นับว่าถึงคราวจบสิ้นแล้วจริงๆ! เจ้าเข้าใจหรือไม่?!"

เมื่อกล่าวจบ จ้าวหลินยังคงกล่าวสืบต่อด้วยน้ำเสียงเย็นเยือกไร้อารมณ์ “อย่างไรเจ้าก็อย่าได้กังวลไป ไมช้าก็เร็วข้าจักต้องหาทางแก้แค้นต้วนหลิงเทียนได้แน่...เมื่อต้วนหลิงเทียนกล้าออกจากนิกายกระบี่ 7 ดาวอีกครั้ง ข้าจะบอกปู่ของเจ้าถึงเรื่องนี้ และให้ปู่ของเจ้าจัดการต้วนหลิงเทียนเสีย  ตราบใดที่พวกเราลงมือเป็นการลับโดยมิให้ผู้ใดพบเห็น ต้วนหลิงเทียนมันก็จักตายเปล่า!!”

“แต่ตอนนี้เจ้าห้ามไปบอกให้ปู่เจ้าล่วงรู้เรื่องราวเด็ดขาด หาไม่แล้วด้วยโทสะของท่าน! ต้องรีบไปฆ่าต้วนหลิงเทียนในทันใดแน่นอน!” คำกล่าวของจ้าวหลินเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

อารมณ์ของจ้าวเคอเองก็ถูกเร่งเร้าขึ้นไปไม่น้อย มันหายใจเข้าลึกๆเพื่อสงบสติอารมณ์ “ท่านพ่อ ข้าขอโทษ เป็นข้าวู่วามเกินไป  แต่พอคิดว่าในอนาคตข้ามิอาจ....ข้า...ข้าชิงชังตัวเองยิ่งนัก  ใยข้าต้องเชื่อเรื่องตอนตัวเอง ในคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นชำระไขกระดูกดูก....  ตอนตัวเองแล้วจักสำเร็จงั้นหรือ! เหตุใดข้าถึงโง่งมเชื่อมัน เพราะเหตุใด เพราะอะไร!!” เมื่อกล่าวจบจ้าวเคอก็จมอยู่กับความโทมนัสจนคล้ายเสียสติอีกครั้ง

จ้าวเหล่ยที่ยืนอยู่ข้างๆเองก็กำหมัดแน่นจนกระดูกลั่นเปรี๊ยะ ดวงตาของมันยังเต็มไปด้วยความเคียดแค้นชิงชัง ทั้งยังกระหายเลือดไม่น้อย “ต้วนหลิงเทียน...ต้วนหลิงเทียน!”

ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นจ้าวหลิน จ้าวเคอ หรือกระทั่งจ้าวเหล่ย  ล้วนลืมไปหมดสิ้นแล้ว ว่าหายนะแลเภทภัยครานี้ เป็นพวกมันรนหาที่แส่หานำมาเองทั้งสิ้น!

หากไม่ใช่เพราะพวกมันคิดแย่งชิงวิชาบ่มเพาะในครอบครองของต้วนหลิงเทียน... หากไม่ใช่เพราะมันมีเจตนาสังหารต้วนหลิงเทียนก่อน...

แล้วต้วนหลิงเทียนจะกระทำเช่นนี้หรือ?

ต้วนหลิงเทียนมิใช่คนที่จะยินยอมให้ใครมารังแกกันได้ง่ายๆ หากใครลงมือต่อเขา เขาจะตอบโต้มันกลับเป็นสิบเท่าร้อยเท่า!

ณ ถ้ำหินย้อยหมื่นปี ภายในหน้าผาของขุนเทาเทียนเฉวียน

ต้วนหลิงเทียนยังคงนั่งขัดสมาธิหลับตาอยู่บนก้อนศิลาใหญ่ บ่มเพาะพลังอย่างขยันขันแข็ง สติสำนึกจมจ่อมอยู่ในภวังค์บ่มเพาะ

ตอนนี้เขาต้องกำจัดความคิดต่างๆนาๆอันยุ่งเหยิงภายในหัวให้หมดสิ้น เมื่อรู้ว่าเค่อเอ๋อและลี่เฟยไม่ได้อยู่ในนิกายกระบี่ 7 ดาว  เลือกที่จะบ่มเพาะพลังอย่างขะมักเขม้น

วิชา 9 มังกรจักรพรรดิสงคราม รูปแบบมังกรปีกวายุ!

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนโคจรพลังงานต้นกำเนิดรอบแล้วรอบเล่าเพื่อสั่งสมพลัง จะมีกลิ่นอายพลังแปลกๆ ครอบคลุมไปทั่วร่างของเขา และหากผู้ใดตั้งใจฟัง ก็จะได้ยินเสียงกระแสลมดังขึ้นรอบๆตัวเขา

หากมีผู้ฝึกยุทธ์ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติอยู่ที่นี่สักคนล่ะก็ ย่อมรู้ได้ทันทีว่ามันเป็น พลังลมเบื้องต้น...

"จี๊ดด ~" เจ้าหนูขนทองที่เบื่อหน่ายก็กลิ้งไปมาทั่วแอ่งนมผา 10,000 ปี  บางครั้งมันก็เลียๆแทะๆบนผิวหน้าแอ่งนมผา หลังจากนั้นมันก็ทำสองตาวาวขึ้นมาเมื่อพบอะไรบางอย่างและกระโดดโลดเต้นไปทั่วบริเวณ

ติ๋ง!

เสียงน้ำหยดดังขึ้น หากกล่าวให้ชัดก็คือ...หยาดหยดนมผา 10,000 ปี ที่หยดลงมาจากหินย้อยเบื้องบน

"จี๊ด จี๊ดด ~" เจ้าหนูตัวน้อยเมื่อเห็นนมผา 10,000 ปีหยดลงมาในแอ่ง  ดวงตาของมันก็วูบวาบขึ้นมา มันหันซ้ายหันขวาแลดูรอบๆ อย่างตื่นตัว

กล่าวให้ถูกก็คือ...มันหันมองไปยังต้วนหลิงเทียน อย่างระแวดระวัง

และเมื่อมันเห็นว่าต้วนหลิงเทียนยังบ่มเพาะพลัง ไม่ได้มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมา หรือโดนปลุกจากเสียงเมื่อครู่  เจ้าเสี่ยวจินก็เคลื่อนไหวพุ่งไปเป็นเส้นแสง เลียกินนมผา 10,000 ปี ที่หยดลงมาในแอ่งเมื่อครู่จนเกลี้ยง!

หลังจากเลียจนแอ่งนมผาสะอาดกระทั่งหน้าหินยังหลุดลอก เจ้าหนูตัวน้อยพลันพริ้มหลับไปด้วยความพอใจ...

ส่วนทางด้านต้วนหลิงเทียนนั้น ตลอดเวลา 2 วันเขาได้จมจ่อมอยู่ในภวังค์บ่มเพาะอย่างสมบูรณ์ ราวกับได้ละทิ้งเรื่องลาวทางโลกไว้เบื้องหลัง

ในร่างกายของเขานั้น พลังงานต้นกำเนิดโคจรตามรูปแบบมังกรปีกวายุอย่างไม่หยุดยั้ง  คล้ายจะสามารถดำเนินการบ่มเพาะไปเช่นนี้เรื่อยๆ โดยไม่รู้สึกอ่อนเพลียอะไร

พลังงานต้นกำเนิดของเขาเมื่อสะสมจนเต็มที่แล้ว เขาก็โคจรมันไปทะลวงยังจุดรอคอยอย่างจัง !

ปงงงง!!

น่าเสียดายจุดรอคอยที่ถูกพลังงานต้นกำเนิดกระแทกยังเพียงสั่นไหวเท่านั้น ยังไม่ถูกกรุยออก

“ดูเหมือนว่าการจะตัดผ่านไปยังระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 7 ก่อนนัดหมายประลอง 2 ปีกับนายน้อยกู่ฉินจะเป็นไปไม่ได้ซะแล้ว” ต้วนหลิงเทียนลืมตาตื่นขึ้นมา ในแววตาปรากฏแสงเรืองขึ้นมาวูบหนึ่ง

"พี่ใหญ่หลิงเทียน ท่านตื่นแล้ว!" ต้วนหลิงเทียนเพิ่งลืมตาได้ไม่นาน เสียงเจื้อยแจ้วของเจ้าหนูน้อยก็ดังขึ้นเข้าหูทันที  ครู่ต่อมาเจ้าตัวน้อยก็กระโดดมานั่งตรงไหล่

"นี่กี่วันแล้ว?" ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามเจ้าหนูน้อย

"ถ้านับจากวันที่ท่านกลับมา วันนี้วันที่ 3" นัยน์ตาหยกของหนูน้อยกระพริบปริบๆวูบหนึ่ง ก่อนที่จะกล่าวตอบออกมาช้าๆ ด้วยการส่งเสียงผ่านพลังงานต้นกำเนิด

"วันที่ 3 แล้ว! ถ้างันวันนี้ก็เป็นวันนัดหมายกับนายน้อยกู่ฉินน่ะสิ!?" ม่านตาของต้วนหลิงเทียนหดแคบลง เขาลุกขึ้นและรีบนำเจ้าหนูน้อยใส่ไปในแขนเสื้ออย่างรวดเร็ว

เมฆลมประสานเคลื่อนคล้อย!

ครู่ต่อมาร่างของต้วนหลิงเทียนก็กระพริบวูบ พุ่งไปด้วยความเร็วคล้ายสายลมหอบหนึ่ง พุ่งออกจากยอดเขาเทียนเฉวียนไปตามทางด้วยความเร็วสูง

"อีกไม่นานจะเที่ยงแล้ว?" ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อมองไปยังตำแหน่งของดวงตะวันอันร้อนระอุ

ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็เดินทางมาถึงหอแลกเปลี่ยนของขุนเขาเทียนเฉวียน

ทว่ารอบๆ หอแลกเปลี่ยน กลับไร้ซึ่งเงาของผู้คน...

“ป่านนี้ทั้งหมดคงไปรวมกันที่ยอดเขาเทียนชูแน่แล้ว” ต้วนหลิงเทียนรู้ได้ทันที วันนี้เป็นวันนัดหมาย 2 ปีของเขากับนายน้อยกู่ฉิน สื่อชาง ศิษย์สายนอกของขุนเขาเทียนเฉวียนย่อมไปรอชมดูเรื่องราวแน่นอน

ต้วนหลิงเทียนหรี่ตาเพ่งพินิจเล็กน้อย ก่อนที่จะพุ่งร่างดั่งเหินบินข้ามผ่านสะพานโซ่ไปยังขุนเขาเทียนชู

ทันใดนั้นเอง เขาพบว่ามีร่างหนึ่งอันคุ้นเคยกำลังวิ่งสวนมาจากขุนเขาเทียนชู

"โม่อี้?" ต้วนหลิงเทียน รั้งฝีเท้าก่อนที่จะหยุดมองคนที่วิ่งมาหาเขาด้วยความประหลาดใจ "นี่เจ้ามาทำอะไรที่นี่กัน?"

"ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน" โม่อี้หยุดคารวะต้วนหลิงเทียน ก่อนที่จะกล่าวออกมา "ท่านอาจารย์ให้ข้ามาตามหาท่าน ... นายน้อยกู่ฉิน สื่อชาง รอท่านอยู่นานแล้ว"

“อ่า...ไปกันเถอะ!" ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า ก่อนที่จะข้ามสะพานแล้ววิ่งขึ้นเขาไป

ณ ยอดเขาเทียนชู

บริเวณลานประลองเป็นตายของยอดเขาเทียนชูนั้นกว้างใหญ่ไม่ใช่น้อย ทว่าวันนี้เมื่อผู้คนแห่กันมาแทบจะหมดนิกาย ทำให้ ลานอันกว้างใหญ่แลดูเล็กลงถนัดตา...

กล่าวได้ว่าตอนนี้ไม่ว่าจะศิษย์สายนอก ศิษย์สายใน ขอเพียงเป็นศิษย์นิกายกระบี่ 7 ดาว ล้วนแห่กันมารอดูชมเรื่องราวที่นี่หมดทั้งสิ้น!

ร่างนับ 10 ลอยอยู่ด้านบนเวทีประลองเป็นตาย  ทั้งหมดล้วนเป็นตัวตนระดับสูงของนิกายกระบี่ 7 ดาวทั้งสิ้น

ตอนนี้ ประมุขนิกายอย่างหลิ่งหูจิ่นหง กับปรมาจารย์ขุนเขาทั้ง 6 ยกเว้นปรมาจารย์ขุนเขาเหยากวงล้วนมารวมกันอยู่ทั้งสิ้น

ที่คุ้นตาก็มี ปรมาจารย์เจิ้งฝานแห่งขุนเขาไท่หยาง ปรมาจารย์เคอเจิ้นแห่งขุนเขาเทียนจี...

นอกจากปรมาจารย์ขุนเขาแล้ว ก็ยังมีผู้อาวุโสฝ่ายนอกของนิกายกระบี่ 7 ดาวบางส่วน แน่นอนว่าผู้อาวุโสของขุนเขาเทียนชูเองก็มาด้วย

ผู้อาวุโสที่คุ้นๆหน้าก็ได้แก่ อาวุโสหลู่ชิว, อาวุโสไป่ ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือตัวบัดซบจ้าวหลิน ที่หวังมาดูหายนะของต้วนหลิงเทียน...

 

รีวิวผู้อ่าน