px

เรื่อง : War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 449 : มาพร้อมแรงกดดัน...


WSSTH บทที่ 449 : มาพร้อมแรงกดดัน...

 

 

ในตอนนี้เองแววตาของต้วนหลิงเทียนก็เย็นลง จิตสังหารก็เริ่มคุกรุ่นขึ้นมาเร่าๆ..

เขาย่อมสัมผัสได้ถึงความเคียดแค้นชิงชังของนายน้อยกู่ฉินที่มีต่อเขาได้เป็นอย่างดี  นั่นเป็นความเกลียดชังและความแค้นที่คนสองคนไม่อาจอยู่ร่วมโลกเดียวกันได้ ราวกับรอที่จะสังหารเขาไม่ไหวแล้ว

ภายในความเคียดแค้นชิงชังนั้นยังแฝงไปด้วยจิตสังหาร ปานจะเข่นฆ่ากลืนกินเลือดเนื้อให้สาแก่ใจ

กล่าวง่ายๆตอนนี้ในสายตาของนายน้อยกู่ฉิน ...มันไม่ยอมเลิกราแน่! จนกว่าเขากับมันจะตายกันไปข้าง!!

ในอนาคตมีเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่จะคงอยู่...!

“ฆ่าข้าหรือ?” ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองนายน้อยกู่ฉิน ก่อนที่จะกล่าววาจาอย่างไม่แยแส “นายน้อยกู่ฉินถ้าหากอยากข้าฆ่านัก ก็เชิญขึ้นเวทีประลองเป็นตายมาตัดสินกับข้าได้ทุกเมื่อ!” ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกครานี้แฝงจิตสังหารออกไปด้วย

เขาได้ตัดสินใจแล้วว่า ถ้าหากนายน้อยกู่ฉินมันกล้าขึ้นมาบนเวทีประลองเป็นตายนี่อีกครั้งเขาจะฆ่ามันเสีย! ไม่ลังเลอะไรอีกต่อไป เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต...

และเมื่อกระทำเช่นนั้นแล้ว เขาคงต้องประกาศถอนตัวจากนิกายกระบี่ 7 ดาว ตัดขาดกับนิกายอย่างสิ้นเชิงเพื่อลดโอกาสที่นิกายจะรับเคราะห์

หากทำเช่นนี้แล้วถึงแม้อาจารย์ของนายน้อยกู่ฉินจะเกรี้ยวกราดและมีโทสะมากแค่ไหน  แต่มันก็ยังคงเลือกที่จะจำกัดขอบเขตเอาไว้ และไม่คิดแตะต้องนิกายกระบี่ 7 ดาว

เพราะสุดท้ายก็เป็นเขาที่สังหารนายน้อยกู่ฉิน ศิษย์มัน  ...ทว่าตอนนี้นายน้อยกู่ฉินเมื่อได้สัมผัสถึงจิตสังหารอันน่าพรั่นพรึงของต้วนหลิงเทียน และเมื่อนึกถึงเรื่องราวพิสดารที่เกิดขึ้น 2 ครั้ง ใจมันก็แป้วลงทันที และเริ่มระงับเพลิงโทสะในใจลงอย่างรวดเร็ว

“ต้วนหลิงเทียน...สักวันข้าจักหาวิธีเอาชนะวิชาปีศาจนั่นของเจ้าให้จงได้!”นายน้อยกู่ฉินถลึงตามองต้วนหลิงเทียนอย่างแค้นเคือง ก่อนที่จะแผดเสียงกล่าวคำแล้วมันก็ เป่าปากส่งเสียงดังหวีดหวิวภายใต้ทุกสายตาของผู้คน

วูบบบ!!

ทันใดนั้นเองเงาสีดำก่อเกิดทาบทับไปทั่วบริเวณลานประลอง มีบางสิ่งพุ่งลงมาจากหมู่เมฆ ราวกับลำแสงสีดำสาดส่อง ลงมายังนายน้อยกู่ฉินอย่ารวดเร็ว

เป็นสัตว์อสูรปีศาจพาหนะของนายน้อยกู่ฉิน หวู่เผิง!

“ประมุขหลิ่งหู ขอลา!” นายน้อยกู่ฉินไม่รอช้ากระโดขึ้นไปบนหลังของหวู่เผิง แล้วเหลือบตามองหลิ่งหูจิ่นหงด้วยสายตาเอาเรื่อง ก่อนที่จะหันไปจับจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าฟัน ยะเยือกไปถึงไขสันหลัง

“ไป!”นายน้อยกู่ฉินตะโกนออกมา เพราะเกรงว่าหากมันยังอยู่ที่นี่อีกต่อไป มันจะระงับอารมณ์ตัวเองไม่อยู่และขึ้นไปฆ่าฟันกับต้วนหลิงเทียน

ถึงแม้ตอนนี้มันจะไม่ได้ต้องการอะไรไปมากกว่าสับร่างต้วนหลิงเทียนให้เป็นชิ้นๆ แต่มันก็ไม่ใช่คนโง่งมเสียสติ  มันไม่กล้าวู่วามผลีผลามอะไร หากมันยังไร้วิธีรับมือวิชาปีศาจนั่นของต้วนหลิงเทียน

หาไม่แล้วก็เป็นการรนหาที่ตายถ่ายเดียวเท่านั้น

กี๊ซซซ!!

หวู่เผิงกู่คำราม ก่อนที่จะกระพือปีกส่งร่างเหินทะยานขึ้นสู่ฟ้า นำพานายน้อยกู่ฉินบินลัดฟ้าหายไปในพริบตา

ตอนนี้เองเสียงกู่ร้องระงมราวกับคลื่นถาโถมก็กึกก้องไปทั่วลานประลองเป็นตายเมื่อพวกมันทั้งหมดเห็นนายน้อยกู่ฉินเลือกที่จะหนีจากไป

“นายน้อยกู่ฉินนั่นช่างน่าขบขันยิ่งนัก มันมีอาการป่วยป่วยหนักหนาถึงขั้นเสียสติไปเอง แต่มันยังกล้าใส่ร้ายศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนว่าใช้ วิชาปีศาจ  นี่มันคิดว่าพวกเราเป็นเด็กน้อยอายุ 3 ขวบหรือไร?”

“ฮาย...บางทีมันกระทำเช่นนี้เพียงเพราะคิดว่าจักรักษาหน้าตามันเอาไว้ได้...หึหึ นายน้อยผู้ยิ่งใหญ่อันดับที่ 3 ของนายน้อยผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 5 ของอาณาจักรพนาคราม ก็มิได้มีอันใด..เพียงเท่านี้เท่านั้น”

“ช่างน่าสมเพช และน่าผิดหวังอันใดเช่นนี้! ผู้เชี่ยวชาญครึ่งก้าวธรรมชาติ มีความแข็งแกร่งก็สูงถึงปานนั้น แต่กลับไร้สามารถมากพอที่จักเอาชัย ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนที่ยังมิได้ตัดผ่านไปยังระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 7 เสียด้วยซ้ำ...เท่าที่ข้าเห็น นายน้อยกู่ฉินนี้มิได้ต่างอันใดไปจากตัวตลก!”

...

เหล่าศิษย์นิกายกระบี่ 7 ดาวต่างสนทนากันอย่างออกรส

วาจาของพวกมันตอนนี้เผยความดูแคลนนายน้อยกู่ฉินยกย่องต้วนหลิงเทียนออกมาไม่ขาดปาก

นอกจากจ้าวหลินที่ทำหน้าราวกับกินแมลงวันเข้าไปแล้ว ตัวตนระดับสูงของนิกายกระบี่ 7 ดาวล้วนคลี่ยิ้มรื่นเริงออกมาเต็มใบหน้า

สำหรับพวกมันแล้ว...ต้วนหลิงเทียนไม่ต่างอะไรไปจากความหวังของนิกายกระบี่ 7 ดาว...และตอนนี้เขายังอยู่ดีไม่บุบสลายอะไร เรื่องนี้นับว่าดีสำหรับพวกมันนัก

"ต้วนหลิงเทียนข้ามิคิดเลยว่าโชคของเจ้าจักดีถึงเพียงนี้ ... เจ้ากลับรอดหายนะครานี้ไปได้จริงๆ!"ท่าทางของจ้าวหลินนั้นมืดมนลงไปไม่น้อย ลึกลงไปในแววตาของมันยังเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าฟันขณะที่จับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียน

ส่วนอีกด้าน ตอนนี้ความกังวลของผู้ที่หวังดีต่อต้วนหลิงเทียนก็จางหายไป ต่างแย้มยิ้มออกมาอย่างยินดี  ใบหน้าของทุกคนล้วนเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความโล่งใจ

“ฮึ่ม!”สายตาของหูเฉวี่ยฟงนั้นเย็นลง ใบหน้าของมันเองก็เริ่มคล้ำขึ้น “นายน้อยกู่ฉินบัดซบอะไร ช่างไร้ประโยชน์นัก ดันมามีอาการกำเริบในเวลาสำคัญเช่นนี้เสียได้!  หาไม่แล้วต้วนหลิงเทียนน่าตายนั่น คงได้ไปเฝ้ายมบาลแล้ว”

ต้วนหลิงเทียนไม่สนใจเสียงอื้ออึงอะไร เพียงคิดเดินลงจากเวทีประลองเป็นตายและกลับไปเท่านั้น

แต่ทันใดนั้นเอง สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นจริงจัง ทั้งยังแหงนมองฟ้าในฉับพลัน!

ในเวลาเดียวกันนั้น เหล่าศิษย์นิกายกระบี่ 7 ดาวเองก็หันหน้าแหงนมองฟ้าขึ้นไปด้วยเช่นกัน        

ยามนี้เมฆหมอกเหนือฟ้าสูงเริ่มปั่นป่วน

ครืนนน!

ประกายแสงสีครามที่พุ่งมาด้วยความเร็วอันล้นเหลือปานดาวหาง พุ่งมาอย่างน่ากลัว ตรงดิ่งมาทางเวทีประลองเป็นตาย!

สีหน้าของต้วนหลิงเทียนขึงขังขึ้นในทันใด สองเท้ารีบถีบร่างพุ่งตัวออกจากเวทีประลองเป็นตายทันที!

ซู่มมมม!!

ต้วนหลิงเทียนได้ยินเสียงดังสนั่น ราวกับอากาศแตกระเบิด และเมื่อเขาหันกลับไปมองก็เห็นสัตว์อสูรปีศาจตัวเขื่อง  ลอยตระหง่านในอากาศอยู่เหนือเวทีประลองเป็นตาย

มันเป็นสัตว์อสูรปีศาจที่มีขนสีคราม รูปร่างของมันน่าเกลียดไม่น้อย กำลังกระพือปีกประคองตัวให้ลอยค้างกลางอากาศ

“สัตว์อสูรปีศาจหยั่งรู้ธรรมชาติขั้นที่ 5!” ตอนนี้พลังวิญญาณของต้วนหลิงเทียนได้เข้าสู่ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติแล้ว เขาย่อมสามารถระบุระดับบ่มเพาะของสัตว์อสูรปีศาจตัวนี้ได้โดยพลัน โดยแผ่จิตสัมผัสออกไปเล็กน้อยเท่านั้น

"หืม? สัตว์อสูรปีศาจตัวนี้ ... ดูคุ้นๆไม่เบา..." ต้วนหลิงเทียนมองสัตว์อสูรปีศาจเบื้องหน้า ที่แลคล้ายอีแร้ง ก่อนที่จะโค้งคิ้วขึ้นเล็กน้อย เขารู้สึกเหมือนคุ้นๆว่าจะเคยเห็นมันมาก่อน

“หลู่หยวน ใยเจ้าถึงได้นำคนทรยศนั่น! มาเหยียบนิกายกระบี่ 7 ดาวของข้า...” ตอนนี้เองเสียงของหลิ่งหูจิ่นหงก็ดังขึ้น ให้ต้วนหลิงเทียนได้ยิน

ต้วนหลิงเทียนเงยหน้าขึ้นไปดูให้ชัดก็เห็นว่าบนหลังของอีแร้งน่าเกลียดตัวนี้ มีร่างผู้คนอยู่ 2 คนยืนอยู่บนหลังของมัน

เขาเองก็รู้จักทั้ง 2 คนนี้

คนหนึ่งคือประมุขของนิกายกุ้ยหยวน ซึ่งเขาได้พบเจอในนิกายบัวปีศาจคมมีด เมื่อปีที่แล้ว หลู่หยวน

ส่วนอีกคนนั้นต้วนหลิงเทียนย่อมคุ้นเคยเป็นอย่างดี คนทรยศ ตัวบดซบหวงจี้!

อดีตศิษย์สายในของนิกายกระบี่  7 ดาว ทั้งยังเคยเป็นถึงศิษย์ส่วนตัวของหลิ่งหูจิ่นหง

“อีแร้งขนหยก!” ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็นึกออกได้ ว่าที่แท้สัตว์อสูรปีศาจตัวนี้เป็นสัตว์ขี่ของนิกายกุ้ยหยวน

“แล้วหลู่หยวนนั่นจะพาหวงจี้มาทำอะไร? หรือนำมันมาแสดงความแข็งแกร่ง?” ต้วนหลิงเทียนคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าหลู่หยวนจะพาคนทรยศอย่างหวงจี้กลับมาเหยียบที่นี่อีกทำไม

"มันคือหวงจี้!"

"คนทรยศ หวงจี้!"

...

ในตอนนี้หลายคนที่จดจำหวงจี้ได้เริ่มกล่าวคำออกมาเสียงดัง ด้วยน้ำเสียงชิงชัง คำด่าทอโคตรเหง้าบรรพบุรุษประดังมาดั่งห่าฝน

“ข้าก็สงสัยนักว่าใครที่ไหน...ที่แท้ก็ตัวบัดซบสารเลว เลี้ยงเสียข้าวสุก สันดารสวะยิ่งกว่าสุนัข คนชาติชั่วเนรคุณผู้นี้นี่เอง... นี่มันยังมีหน้ากลับมาเหยียบนิกายกระบี่ 7 ดาวอีกหรือ?!”

“ท่านประมุขสนับสนุนดูแลมันทุกสิ่งให้มันเป็นอัจฉริยะ  แต่มันกลับกล้าทรยศท่านประมุข ทรยศนิกายกระบี่ 7 ดาว...ตัวชาติชั่วเนรคุณเช่นมันสมควรตายพันครั้ง!”

...

ตอนนี้เหล่าศิษย์ที่อยู่บนยอดเขาเทียนชู ล้วนแสดงความเกรี้ยวกราดชิงชังออกมา วาจาหยาบคายเต็มไปด้วยคำด่าทอ ก่นด่าหวงจี้ออกมาด้วยความโกรธอันชอบธรรม

ตอนนี้สีหน้าท่าทางของหวงจี้ที่อยู่บนหลังอีแร้งขนหยกก็มืดลงอย่างน่ากลัว

"เชิญต่อว่าด่าทอไปเถิด ... พวกเจ้าด่าทอสาปแช่งข้ากันเสียให้พอ ... ก่อนที่พวกเจ้าจักมิเหลือโอกาสด่าแช่งสาปทออันใดข้าอีก!" หวงจี้กวาดตามองศิษย์ที่ก่นด่ามันทั้งหมด ด้วยสายตาเย็นชา ในแววตายังเต็มไปด้วยโทสะอันเกรี้ยวกราด จากคำดูแคลนหยามหยัน

“ประมุขหลิ่งหู หวังว่าท่านยังสบาย” ประมุขนิกายกุ้ยหยวน หลู่หยวนพยักหน้าพร้อมยิ้มให้หลิ่งหูจิ่นหง และก็เลิกสนใจหลิ่งหูจิ่นหงก่อนที่จะเบนสายตามายังต้วนหลิงเทียนที่อยู่ริมเวทีประลองเป็นตาย

ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าหลู่หยวนมองมา

‘หลู่หยวนมันคิดจะทำอะไรกันแน่?’ ใจของต้วนหลิงเทียนสั่นไปเล็กน้อย สังหรณ์อันตรายบางอย่างก่อเกิดขึ้นมา

“ต้วนหลิงเทียน ตอนที่เราพบเจอกันครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว เจ้าสามารถใช้ระดับบ่มเพาะวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 4 ในการเอาชนะนายน้อยคมมีดของนิกายบัวปีศาจคมมีดได้ ...และข้ายังตกใจยิ่งนัก ไม่คิดเลยว่า วันนี้แม้แต่นายน้อยกู่ฉิน สื่อชาง ก็มิอาจกระทำอันใดเจ้า... ” หลู่หยวนมองไปยังต้วนหลิงเทียนก่อนที่จะค่อยๆกล่าวออกมา

“ข้าก็แค่โชคดี” ต้วนหลิงเทียนตอบคำไปอย่างไม่แยแสอะไร

ในเวลาเดียวกันต้วนหลิงเทียนก็ลอบตกใจเล็กน้อย

เพราะเมื่อครู่นี้เขาได้แอบตรวจสอบระดับพลังของหลู่หยวน และพบว่ามันก็อยู่ในระดับหยั่งรู้ธรรมชาติขั้นที่ 6 ไม่ได้ด้อยไปกว่าหลิ่งหูจิ่นหง!

วูบ! วูบ!

ทันใดนั้นเองร่างมหึมาปานขุนเขาหย่อมๆอีก 2 ร่าง ที่ลอยตัวอยู่เหนือเมฆก็พุ่งลงมาจากฟากฟ้า พร้อมลอยตัวอยู่เหนือยอดเขาเทียนชูเอาไว้  ตำแหน่งของพวกมันหากมองรวมกับ อีแร้งขนหยกแล้วราวกับกำลังปิดล้อมเอาไว้ทั้ง 3 มุม

“ประมุขนิกายหิมะจันทรา” ต้วนหลิงเทียนจับจ้องมองไปยังสัตว์อสูรปีศาจตัวเขื่องที่บินได้ตัวหนึ่ง

มันเป็นกระเรียนสีขาว อันเป็นสัตว์อสูรปีศาจของนิกายหิมะจันทรา กระเรียนเหินเมฆา! ตวนหลิงเทียนเองก็พบเจอมันเมื่อปีก่อน

ตัวประมุขนิกายหิมะจันทราเอง ก็ยืนตระหง่าน เผยความองอาจอยู่บนหลังของมัน

“กระเรียนเหินเมฆา ระดับหยั่งรู้ธรรมชาติขั้นที่ 4...ส่วนประมุขนิกายหิมะจันทรานั่น อยู่ในระดับหยั่งรู้ธรรมชาติขั้นที่ 5” ตอนนี้พลังวิญญาณของต้วนหลิงเทียนแผ่ซ่านออกไปตรวจสอบระดับบ่มเพาะผู้มาเยือนเบื้องหน้า

ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็หันไปยังสัตว์อสูรปีศาจอีกตัว

มันเป็นนกขนาดใหญ่ทั้งตัวสีแดงฉาน แลดูไปแปลกตาไม่น้อย ทั้งในยามที่มันกระพือปีกยังก่อให้เกิดวังวนลมรุนแรง แลไปคล้ายใต้ฝุ่นเปลวเพลิงหนุนเนืองปีกมัน

“ประมุขนิกายบัวปีศาจคมมีด!” สายตาแหลมคมของต้วนหลงเทียนจับจ้องออกไปยังหลังของนกประหลาดนั่น และพบว่าเป็นชายวัยกลางคนท่าทางแข็งแกร่ง  ไม่ใช่มันเป็นประมุขนิกายบัวปีศาจคมมีดหรือไร?

“สัตว์อสูรปีศาจสีแดงฉานนี่ มีความแข็งแกร่งใกล้เคียงกับ อีแร้งขนหยกของนิกายกุ้ยหยวน พวกมันอยู่ในระดับหยั่งรู้ธรรมชาติขั้นที่ 5... นอกจากนี้ประมุขนิกายบัวปีศาจคมมีดนั่นก็อยู่ในระดับหยั่งรู้ธรรมชาติขั้นที่ 6 เช่นกัน!”พลังวิญญาณที่แผ่ซ่านออกไปตรวจสอบ ทำให้ในใจของต้วนหลิงเทียนเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะเล็กน้อย

“ที่มาไม่ดี ที่ดีย่อมไม่มา...ประมุขทั้ง 3 นิกายมันจะมาทีนี่ทำไมกัน” ต้วนหลิงเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ตอนนี้สังหรณ์อันตรายในใจมันร้องดังเตือนเขาไม่หยุด

ไม่ใช่แค่ต้วนหลิงเทียนเท่านั้นที่สัมผัสได้ถึงบรรยากาศอึมครึมอันตราย เหล่าตัวตนระดับสูงของนิกายกระบี่ 7ดาวเองก็เช่นกัน

“บอกกล่าวให้ข้าล่วงรู้ได้หรือไม่  ว่าลมอันใดหอบพวกเจ้าทั้ง 3 ให้มายังนิกายของข้า?” หลิ่งหูจิ่นหองมองไปยังประมุขทั้ง 3 พร้อมด้วยสัตว์อสูรปีศาจ ด้วยสายตาแหลมคม ท่าทางเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว กล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงเข้มขรึม

ประมุขทั้ง 3 มาพร้อมกันย่อมไม่ใช่เรื่องราวปกติแน่

“ประมุขหลิ่งหู!” ประมุขนิกายบัวปีศาจคมมีดมองไปยังหลิ่งหูจิ่นหง และหัวเราะออกมา “ข้ามาเยือนนิกายกระบี่ 7 ดาวของท่านพร้อมกันกับประมุขหลู่และประมุขเชวียได้ในวันนี้นั้น  มีเพียงเรื่องเดียว...นั่นคือการรวมนิกายของพวกเราเข้าด้วยกัน”

รวมนิกาย?

ทันทีที่ประมุขนิกายบัวปีศาจคมมีดกล่าวจบ เหล่าคนของนิกายกระบี่ 7 ดาวที่อยู่บนยอดเขาเทียนชู ล้วนแสดงท่าทางสับสน ไม่เข้าใจออกมา

"รวมนิกาย?" ใจของต้วนหลิงเทียนเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ "สังหรณ์ข้าถูกต้อง...ประมุขทั้ง 3 นั่น ไม่ได้มาดี! มันต้องคดชั่วอะไรกันอยู่แน่นอน!!"

“ประมุขหลง เรื่องนี้ช่วยกล่าวให้กระจ่างได้หรือไม่...”หลิ่งหูจิ่นหงขมวดคิ้วออกมา พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

“นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นิกายบัวปีศาจคมมีดของข้ากับนิกายกุ้ยหยวนและนิกายหิมะจันทราจักหลอมรวมเป็นหนึ่ง!...และพวกเราจักเรียกว่า นิกาย ไตรพนาคราม!  วันนี้หากว่านิกายกระบี่ 7 ดาวยินดีเข้าร่วมกับ 3 นิกายของพวกเรา ...เช่นนั้นพวกเราทั้ง 4 ก็จะเรียกนิกายใหม่ของพวกเราว่า นิกาย จตุรพนาคราม!” ประมุขนิกายบัวปีศาจคมมีดค่อยๆกล่าวออกมา...

 

รีวิวผู้อ่าน