px

เรื่อง : ข้ามีดาวเที่ยมในยุคสามก๊ก (นิยายแปล) ปลดล๊อคตอนฟรี 3 วัน 1 ตอน
ตอนที่ 7 ข้าจะแก้แค้นแทนท่านลุงเอง!


ตอนที่ 7 ข้าจะแก้แค้นแทนท่านลุงเอง!

 

 

หลังกลับมาถึงจวนตระกูลซูเป็นวันที่สอง ซูเจ๋อสั่งให้ซูเซี๋ยวเสี่ยวนับสมบัติของบรรพบุรุษ เพื่อหาคนมาซื้อ

 

แม้ว่าจวนตระกูลซูจะเล็ก แต่ทำเลที่ตั้งยังไม่เลวนัก  นาข้าวกว่าร้อยหมู่ยังยิ่งถือว่าอุดมสมบูรณ์ บวกกับการคำนวณอย่างรอบคอบของซูเซี๋ยวเสี่ว นางไม่เพียงแต่ต่อรองราคาเก่งเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เขาขายได้ราคาดีอีกด้วย

 

ซูเจ๋อใช้เงินซื้อม้า และในที่สุดก็คัดเลือกชายหนุ่มกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบคน เพื่อติดตามไปคุ้มกันเขาเป็นการส่วนตัว

 

ไม่รู้ว่าลุงซูเฟยใช้วิธีอะไรปลอบโยนทำให้ป้าเฉินสงบลงได้ นางไม่เพียงแต่ไม่ต่อต้านเท่านั้น ทั้งยังไม่กลับบ้านพ่อแม่ แต่ยังเต็มใจที่จะติดตามซูเฟยไปยังปี่หยางอีกด้วย

 

 

ดังนั้นไม่กี่วันต่อมา ซูเจ๋อพร้อมกับทหารอีกยี่สิบกว่าคนที่ซูเฟยเกณฑ์เพิ่มมาได้ ลุงกับหลานสองคนร่วมกันบัญชาการทหารส่วนตัวจำนวนหนึ่งร้อยเจ็ดสิบคนออกเดินทางจากเซียงหยาง ข้ามแม่น้ำฮั่นสุ่ยไปทางเหนือ มุ่งหน้าไปยังปี่หยางเพื่อรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ

 

 

ในตอนบ่าย ซูเจ๋อและคณะผู้ติดตามข้ามแม่น้ำโดยเรือ พวกเขาไปขึ้นเรือที่ท่าเรือฟานเฉิง ทางฝั่งเหนือของแม่น้ำฮั่นสุ่ย

 

 

ทันทีที่ก้าวลงจากสะพาน ซูเจ๋อก็เห็นเงาร่างที่งดงาม เพรียวบางยืนอยู่บนชายฝั่งและทอดมองเขามาจากระยะไกล

 

 

นางคือหวงเยว่อิง

 

เมื่อเห็นสีหน้าของนางยามที่เห็นเขา ดูเหมือนนางจะรอคอยเขาอยู่ที่นี่นานแล้ว

 

 

“คุณชาย ชะตาดอกท้อของท่านมาแล้ว คุณหนูหวงดูเหมือนจะคิดถึงท่านมากนะ” ซูเซี๋ยวเสี่ยวตีศอกเขาเบาๆ พร้อมขยิบตาให้

 

 

“ปากเจ้านี่นะ!”

 

 

ซูเจ๋อเคาะหน้าผากของนางเบาๆ แต่ยังคงเดินไปหาหวงเยว่อิง เขายิ้มทักทายและถามนางว่า  ”คุณหนูหวงเหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่ได้ มิใช่มารอพบข้าผู้แซ่ซูเป็นพิเศษดอกนะ?”

 

 

หวงเยว่อิงถอนหายใจตอบว่า  ”มิได้คาดคิดว่าท้ายที่สุด คุณชายซูก็มาจนได้ ดูเหมือนว่าคุณชายซูจะมิได้ฟังคำทัดทานที่ข้าสู้อุตส่าห์โน้มน้าวท่านในวันนั้น”

 

 

“ความหวังดีของคุณหนูหวง ข้าผู้แซ่ซูทราบดี” ซูเจ๋อยิ้มน้อยๆ “แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากข้าได้เดิมพันกับคุณหนูหวงไว้ อย่างไรก็ต้องไปปี่หยาง แม้จะเป็นภูเขาดาบและทะเลเพลิง แม้จะเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายก็ตาม ผู้ไม่รักษาสัจจะ หาใช่ข้าซูเจ๋อ”

 

 

หวงเยว่อิงยิ้มอย่างข่มขื่น  “ข้าหวังว่าท่านจะเป็นผู้ไม่รักษาสัจจะสักครา อย่างน้อยก็เพื่อรักษาชีวิตของท่านเอง”

 

 

“ดูเหมือนว่าคุณหนูหวงจะไม่มั่นใจในตัวข้าเลย” ซูเจ๋อทำสีหน้าอับจนหนทาง “ดูเหมือนว่า คงต้องรอสามเดือนหลังจากนี้ คุณหนูหวงถึงจะมองข้าด้วยความชื่นชม”

 

 

ร่างบอบบางของหวงเยว่อิงสั่นเล็กน้อย ในดวงตาเต็มไปด้วยความสับสน

 

 

ในเวลานี้ มีเสียงดังที่ปลายสะพาน ขณะที่เรือเข้าเทียบท่าแล้วหลายสิบลำ ทหารติดอาวุธครบครันหลายร้อยนายทยอยลงจากเรือทีละคน เสียงดังครืนครานโครมคราม ของการยกพลขึ้นบก ดูเอิกเกริกทรงพลังยิ่งนัก

 

 

บนเรือลำที่ใหญ่ที่สุด มีธงตัวอักษร “หวง” ขนาดใหญ่ โบกสะบัดตามสายลมช่างดูน่าเกรงขาม

 

 

มองเห็นผู้บัญชาการทหารหนุ่มคนหนึ่ง ลงจากเรือไปขึ้นม้า เขาควบม้าเข้ามาอย่างกระฉับกระเฉง ชุดเกราะเงินขัดเงา ซูเจ๋อเวียนศีรษะอยู่ครู่หนึ่ง จนกระทั่งผู้บัญชาการทหารผู้นั้นเข้ามาใกล้ จึงเห็นว่าที่แท้เป็นหวงเซ่อนั่นเอง 

 

 “ตระกูลหวงช่างเป็นตระกูลที่มีกิจการใหญ่โตเสียจริงๆ ดูอย่างตอนนี้สิ หวงเซ่อมารับตำแหน่ง พาคนมาอย่างน้อยพันกว่าคนได้” ซูเฟยถอนหายใจด้วยความอิจฉา

 

เมื่อเขาเห็นกองกำลังทหารของตระกูลหวง ที่มีทหารม้าร้อยกว่าคน ดวงตาของเขายิ่งเต็มไปด้วยความอิจฉา

 

 

เขตจิงโจวตั้งอยู่ทางใต้ ไม่มีทหารม้า แต่เจ้าเมืองเล็กๆ อย่างหวงเซ่อ กลับเอาทหารม้าร้อยนายเข้าประจำการได้ ช่างฟุ่มเฟือยจริงๆ

 

เมื่อหวงเยว่อิงเห็นว่าหวงเซ่อมาถึงแล้ว นางคิ้วขมวดขึ้นเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า  ”เมื่อคุณชายซูได้ตัดสินใจแล้ว เยว่อิงได้แต่อวยพรให้ท่านโชคดี คุณชายโปรดถนอมสุขภาพ เยว่อิงขออำลา”

 

หวงเยว่อิงเป็นเครือญาติสายรองของตระกูลหวง ตามหลักแล้วต้องแสดงความเคารพต่อหวงเซ่ออย่างนอบน้อม ทว่าหวงเยว่อิงไม่คิดอยากจะคำนับ ก้มหัวลงให้กับหวงเซ่อ ดังนั้นนางจึงจงใจหลีกเลี่ยง

 

 

ซูเจ๋อก็ไม่อยากอยู่ เพื่อดูนางจากไป

 

 

หวงเซ่อที่กำลังควบม้าอยู่นั้น เห็นซูเจ๋อเพียงแวบเดียว จึงหยุดม้าแล้วเหลือบมองไปที่กองกำลังทหารส่วนตัวที่สภาพดู “ทรุดโทรม” ด้านหลังซูเจ๋อ ก็แสดงสีหน้าเย้ยหยันขึ้นมาทันที

   

เขาเยาะเย้ยเหยียดหยามซูเจ๋อ กล่าวว่า ”ได้ยินว่าน้องซู รับสมัครคนและม้า จึงได้ขายทรัพย์สมบัติของบรรพบุรุษไป เหตุใดถึงได้คนกับม้ามาเพียงแค่นี้เองเล่า ด้วยความเคารพ คนและม้าน้อยนิดของเจ้าช่างเทียบมิได้กับพวกโจรกบฏโพกผ้าเหลืองในปี่หยางเลย เกรงว่ากัดฟันอย่างเดียวไม่พอ เจ้าอาจสู้พวกเขาไม่ได้ น้องซู เจ้าจะไปเป็นนายอำเภอหรือจะไปหาที่ตาย?”

 

 

นี่มันเยาะเย้ยถากถางกันต่อหน้าต่อตา

 

ซูเจ๋อยังไม่ทันตอบโต้กลับ ซูเซี๋ยวเสี่ยวโกรธมากกำลังจะโต้ตอบแทน แต่ซูเฟยรั้งนางไว้

 

 “ช่างมันเถอะ ปัญหายิ่งน้อยยิ่งดี อดทนไว้” ซูเฟยกระซิบเสียงเบา นางเอาแต่ส่ายหัวซ้ำๆ 

 

ซูเซี๋ยวเสี่ยวอับจนปัญญา นางได้แต่บุ้ยปากมองหยามหวงเซ่อด้วยความรังเกียจ

 

ซูเจ๋อไม่ได้กังวล เขาตอบกลับเสียงเรียบว่า ”มิต้องมีทหารมากนัก สำคัญที่ตัวแม่ทัพต่างหาก หลักการพื้นฐานง่ายๆ เช่นนี้ หรือพี่หวง ท่านลืมไปแล้วหรืออย่างไร?” 

 

หวงเซ่อถูกตอกกลับด้วยคำพูดประชดประชันแบบไม่สะทกสะท้านของอีกฝ่าย เขาโกรธมาก แต่ตอนนี้ไม่รู้จะตอบกลับอย่างไรดี จึงทำได้แค่เพียงพูดอย่างเย็นชาว่า  ”ดูเหมือนน้องซูมั่นใจในตัวเองไม่น้อย ดี งั้นข้าจะนั่งดูว่าน้องซูจะใช้ทหารร้อยกว่าคนนี้ไปสังหารโจรกบฏโพกผ้าเหลืองนับพันในปี่หยางได้อย่างไร หวังว่าน้องซูจะพึ่งกำลังของตนเอง ไม่พึ่งโชคช่วย เหมือนเมื่อครั้งที่เดาเรื่องลมฝนระหว่างการสมัครคัดเลือกนั่น”

 

 

พูดจบ หวงเซ่อก็ลงแส้ควบม้าออกไป จากทางด้านข้างของซูเจ๋อ

 

หวงเซ่อเดินนำออกไปก่อน ตามด้วยเฉินจิ่ว ขุนพลประจำตระกูล ขุนพลผู้นั้นยิ้มตาหยีให้ซูเฟย แล้วถามว่า  “ข้าขอถามน้องซู ก้นที่ได้รับบาดเจ็บเมื่อเร็วๆ นี้ดีขึ้นแล้วหรือ? ทั้งยังโดนแม่ทัพหวงขับออกจากกองทัพอีก ไม่มีที่ให้ไป เจ้าเลยจะติดตามหลานชายไปตายที่ปี่หยาง นี่มิใช่วิสัยของคนขี้ขลาดเช่นเจ้าเลย”

 

เมื่อซูเฟยเห็นเฉินจิ่ว ฉับพลันดวงตาของเขาได้เต็มไปด้วยความโกรธเคือง เมื่อถูกอีกฝ่ายเยาะเย้ย เขาก็ยิ่งโกรธจึงได้แต่กำหมัดแน่น แทบอดใจที่จะกระโจนเข้าไปทุบตีอีกฝ่ายให้สาสมใจไม่ได้

 

ในที่สุด ซูเฟยได้แต่กัดฟันกล้ำกลืนความโกรธของเขาลงไป เขาก้มศีรษะต่ำโดยไม่ได้พูดอะไร ปล่อยให้เฉินจิ่วเหน็บแนมอยู่เช่นนั้น

 

 

หลังจากเฉินจิ่วเสียดสีจบ ก็หัวเราะเสียงดังฮ่าฮ่าและเดินจากไป

 

 

ซูเจ๋อสังเกตเห็นความระแคะระคาย จึงหันมาถามว่า “ท่านลุงรอง ดูเหมือนว่าท่านกับเฉินจิ่วจะมีเรื่องบาดหมางใจต่อกัน ที่แท้เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ?”

 

ซูเฟยตอบเบาๆ ว่า  ”ลุงกับเจ้า ไม่มีอะไรต้องปิดบัง เรื่องที่เกิดในวันนั้นก็เป็นเพราะเฉินจิ่วผู้นี้ฟ้องความเท็จต่อหวงจู่ว่าข้าละเลยหน้าที่ และก็เป็นเจ้าแซ่เฉินผู้นี้นี่แหละที่ใช้กระบองไม้ลงมือโบยข้าที่ค่ายทหาร”

 

 

ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง !

 

 

“ข้าจะแก้แค้นแทนท่านลุงเอง!” ซูเจ๋อโมโหและหันหลังกลับมาอย่างโกรธเคือง

 

 

ซูเฟยผงะ รีบดึงเขากลับมาแล้วเกลี้ยกล่อมด้วยใบหน้าที่ขมขื่น ”ช่างเถอะ ปัญหาน้อยยิ่งดี”

 

 

“ถ้าข้าไม่รู้ก็ไม่เป็นไร วันนี้ข้ารู้เรื่องแล้ว ข้าย่อมมิอดทนแล้ว!”

 

 

ซูเจ๋อสะบัดมือเขาออก เขาตะโกนเรียกหวงเซ่อที่อยู่ไกลออกไป  ”พี่หวงโปรดรอสักครู่!”

 

 

หวงเซ่อที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว ดึงบังเหียนม้าในมือขึ้นทันที เขาเอี้ยวตัวหันศีรษะกลับมามองซูเจ๋ออย่างสงสัย

 

 

“พี่หวงที่ท่านคิดว่าซูเจ๋อจะมีความสามารถในการทำนายลมและฝน เป็นเพียงแมวตาบอดที่ฆ่าหนู ใยไม่คิดว่านั้นคือลิขิตจากฟ้าบ้างเล่า อย่างนั้น พี่หวงกล้าเดิมพันกับข้าหรือไม่”

 

 

พูดเช่นนั้นแล้ว ซูเจ๋อคว้าธงที่มีตัวอักษร “ซู” จากมือของทหาร แล้วกระแทกกับพื้น

 

 

หวงเซ่อตาเป็นประกาย ชักม้าขี่กลับมาแล้วถามขึ้นอย่างเย็นชาว่า  ”เจ้าต้องการเดิมพันอะไร?”

 

 

ซูเจ๋อชี้ไปที่ธงรบที่ตกลงมาและพูดว่า  “ตอนนี้ไม่มีลม พวกเรามาเดิมพันกันว่า ข้าสามารถทำนายว่าจะมีลมหรือไม่ และเป็นลมแบบใด”

 

 “ฮ่า ฮ่า ฮ่า....”

 

 

หวงเซ่อหัวเราะลั่นอย่างเย้ยหยัน “เจ้านี่มันบ้าจริงๆ ยังคิดว่าตัวเองโชคดีจริงๆ สินะ วันนั้นเจ้าหลอกลวงผู้คนได้ครั้งหนึ่งแล้ว วันนี้ยังคิดจะหลอกลวงผู้คนอีกครั้งหรือ น่าขันสิ้นดี”

 

 

ซูเจ๋อไม่เห็นด้วย  ”น่าขันหรือไม่ ท่านต้องชนะเดิมพันเสียก่อนจึงจะมีสิทธิ์ เกรงว่าท่านจะไม่กล้าเดิมพันกับข้าเสียมากกว่า”

 

 

เสียงหัวเราะหยุดลงกระทันหัน

 

 

หวงเซ่อพูดอย่างเย็นชาว่า  ”เดิมพันกันก็ได้ ข้าหวงเซ่อไม่เคยเกรงกลัวเจ้า เจ้าคิดจะเอาอะไรมาวางเดิมพัน?”

 

 

“คนและม้าของข้าเหล่านี้” ซูเจ๋อชี้ไปที่กองกำลังทหารที่อยู่ด้านหลังของเขา ถ้าข้าคาดการณ์ผิด ข้าขอมอบทั้งคนและม้าให้ท่านทั้งหมด”

 

 

ทันทีที่กล่าวออกไป ซูเฟยและซูเซี๋ยวเสี่ยวถึงกับผงะเล็กน้อย จากความตกใจเปลี่ยนเป็นความกลัวเข้ามาแทนที่

 

 

กองกำลังทหารส่วนตัวกว่าร้อยนายเหล่านี้ ได้จากการขายสมบัติของบรรพบุรุษ ทั้งที่เพิ่งจะรับสมัครเข้ามา มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย ถ้าแพ้หวงเซ่อขึ้นมา แล้วเขาจะเอาอะไรไปปี่หยางเพื่อทำงานที่ได้รับมอบหมายมา การไปเป็นนายอำเภอปี่หยาง อีกทั้งยังต้องทำงานโดดเดี่ยวเพียงลำพัง ไม่มีผู้ช่วย มันไม่ต่างอะไรจากการพาตัวเองกระโดดเข้ากองไฟ

 

 

“จื่อหมิง  จื่อหมิง เจ้าใจเย็นๆ หน่อย เจ้าวางเดิมพันมากเกินไปแล้ว เราจะเดิมพันแบบนั้นไม่ได้...” ซูเฟยกระซิบเบาๆ อยู่ด้านหลังด้วยใบหน้าทุกข์ระทม

 

 

ในมุมมืดที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก หวงเยว่อิงกังวลว่าซูเจ๋อจะทะเลาะวิวาทกับหวงเซ่อ เลยยังมิได้ไปไหนกัน

 

เมื่อนางได้ยินเรื่องการเดิมพันของซูเจ๋อ จึงอดผงะและอดขมวดคิ้วไม่ได้ นางบ่นพึมพำว่า  ”ซูจื่อหมิงผู้นี้ เดิมเคยเป็นคนสันโดษ เหตุใดหลังจากฟื้นตื่นขึ้นมาจึงได้กลายเป็นคนกล้าได้กล้าเสียสุดโต่งแบบนี้ ถึงได้กล้าเดิมพันมากขนาดนี้!”

 

 

แม้ในใจนางจะมีความกังวล แต่ก็ไม่สามารถออกไปเกลี้ยกล่อมได้ ทำได้แค่เพียงแอบปาดเหงื่อแทนซูเจ๋อ

 

 

ซูเจ๋อยังคงสงบนิ่ง สบายๆ ไม่หวั่นไหว

 

 

ดวงตาของหวงเซ่อเป็นประกาย เขายิ้มเยาะและพูดขึ้นว่า  ”เยี่ยม แม้ว่าคนและม้าของเจ้าจะมีเพียงร้อยกว่าก็มิได้เป็นกระไร แม้ข้ามิได้ต้องการ แต่ก็จะรับไว้แล้วกัน นี่ก็เพราะความดึงดันของตัวเจ้าเอง ถ้าไปถึงปี่หยางแล้วถูกโจรกบฏโพกผ้าเหลืองฆ่าตาย อย่ามาโทษว่าทั้งหมดเป็นผีมือข้าหวงเซ่อเสียเล่า”

 

 

“เยี่ยม ในเมื่อท่านยอมรับการเดิมพันกับข้าแล้ว ได้เวลาพูดถึงการเดิมพันของท่านเสียที”

 

 

ในดวงตาของซูเจ๋อ เกิดประกายตาเย็นวาบ ดั่งนัยน์ตาเหยี่ยวมองพุ่งไปที่เฉินจิ่วที่อยู่ด้านหลัง “ถ้าข้าชนะเดิมพัน ข้าต้องการโบยคนแซ่เฉินผู้นี้สามสิบไม้ต่อหน้าทุกคน นอกจากนี้ข้าอยากให้ท่านมอบทหารและม้าจำนวนห้าสิบนายของท่านให้แก่ข้าด้วย”

 

 

หวงเซ่อชะงักไปเล็กน้อย เขาหันกลับไปมองเฉินจิ่ว ในสายตาเต็มไปด้วยความสงสัย ถ้าจะบอกว่าซูเจ๋อเห็นทหารม้าทั้งห้าสิบนายของเขาแล้วรู้สึกถูกใจ นั่นมิใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด แต่เหตุใดจึงต้องการทุบตีเฉินจิ่วต่อหน้าทุกคนด้วยเล่า เขาคิดอย่างไรก็ยังไม่อาจเข้าใจได้

 

 

สีหน้าของเฉินจิ่วเปลี่ยนไป เขารีบกระซิบเพื่อเกลี้ยกล่อมคุณชายของตนทันที  “คุณชาย กองกำลังเหล่านี้ของเขาช่างอ่อนแอนัก เขาต้องการหลอกลวงเพื่อจะเอาทหารม้าของพวกเรา คุณชายอย่าได้ตกหลุมพรางเขาเด็ดขาด”

 

 

ไม่ทันสิ้นเสียง ซูเจ๋อก็ตะโกนขึ้นว่า  ”ถ้าพี่หวงไม่กล้าเดิมพัน อย่างนั้นขอพี่หวงได้โปรดเอาคำสบประมาทใส่ร้ายข้าคืนกลับไป ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ไม่ว่าคนรุ่นก่อนรุ่นหลังจะเป็นอย่างไร ได้โปรดอย่างใส่ร้ายข้าอีก เรื่องที่ข้าซูเจ๋อพูดทำนายลมและฝนในการสมัครคัดเลือกถูกต้องเพราะโชคเข้าข้าง”

 

 

เขายังไม่ทันพูดออกมาก็ต้องหยุดความตั้งใจอันสุดโต่งนี้ เรื่องนี้มันกระตุ้นหวงเซ่อได้ในทันที เขาพูดโดยไม่ลังเลว่า  ”สิ่งที่ข้าหวงเซ่อพูดออกไป จะเอาคืนได้อย่างไร ดี ข้าจะเดิมพันกับเจ้า”

 

 

เมื่อหวงเซ่อตอบรับการเดิมพันแล้ว เฉินจิ่วต้องหุบปากลงทันที

 

 

มุมปากของซูเจ๋อยกยิ้มเจ้าเล่ห์ ซึ่งผู้อื่นไม่สามารถสังเกตเห็นได้ง่ายๆ

 

 

ตอนนี้ เขาหลับตาและนั่งลงทำสมาธิ คิดคำนวณด้วยมือทั้งสองข้าง แสร้งทำเป็นว่ากำลังคาดเดาลมและฝน โดยแอบกระตุ้นคลื่นสมองเพื่อเชื่อมต่อดาวเทียมอุตุนิยมวิทยาซูเปอร์ควอนตัมที่อยู่ห่างไกลจากวงโคจรโลก

 

 

“ติ๊ดติ๊ด...การเชื่อมต่อฐานข้อมูลสำเร็จ”

 

 

 “ติ๊ดติ๊ด...ระบบตรวจสอบสภาพอากาศ เริ่มสแกนพื้นที่เป้าหมาย”

 

 “ติ๊ง ฟึบ...การสแกนเสร็จสิ้น เริ่มคำนวณผลการจำลอง”

 

 

“ติ๊ดติ๊ด...เริ่มส่งสัญญาณการจำลองด้วยระบบซูเปอร์ควอนตัม”

 

ซูเจ๋อมีอาการปวดตุ่บๆ ที่สมองเป็นพักๆ เขาแอบกัดฟันอดทนโดยไม่มีใครสังเกตเห็น หลังจากผ่านไปได้สักพัก ในที่สุดเขาก็ทนกับผลข้างเคียงจากการส่งข้อมูลผ่านคลื่นสมองไปได้

 

ครู่ต่อมา เขาลืมตาขึ้นแล้วชี้ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ที่อยู่ไกลออกไป แล้วพูดขึ้นช้าๆ ว่า  “หลังจากนี้อีกหนึ่งเค่อ จะมีลมพัดมาจากทางทิศตะวันออกเฉียงใต้”

 

 

สิ้นเสียง หวงเซ่อซึ่งผงะไปก่อนในตอนแรก แต่หลังจากนั้นเขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น

 

 

รีวิวผู้อ่าน