px

เรื่อง : ข้ามีดาวเที่ยมในยุคสามก๊ก (นิยายแปล) ปลดล๊อคตอนฟรี 3 วัน 1 ตอน
ตอนที่ 11 รับมือไม่ทัน!


ตอนที่ 11 รับมือไม่ทัน!

 

“เมื่อหุยง่วนเสียวมารับเสบียงอาหาร ทันทีที่ข้าออกคำสั่ง ท่านก็สั่งให้คนของเรายิงธนูปิดล้อมทางนั้น อย่าออมมือเด็ดขาด” ซูเจ๋อยกมือขึ้นและชี้ไปที่ด้านนอกเมือง ดวงตาของเขาปรากฏเจตนาฆ่าอย่างชัดเจน

 

ซูเฟยเองก็ตื่นตกใจ จู่ๆ เขาก็นึกขึ้นได้ว่า ในยามนี้เขาเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าหลานชายของเขาผู้นี้ “เจ้าเล่ห์” นัก เสบียงห้าร้อยกระสอบนั่นเป็นเพียงเหยื่อล่อเสือออกจากถ้ำ เพื่อล่อให้โจรกบฏโพกผ้าเหลืองไปที่หน้าเมือง แล้วฆ่าพวกมันให้หมด โดยไม่ให้พวกมันได้ทันตั้งตัว

 

ซูเฟยสะดุ้งตื่นจากภวังค์ เหงื่อเย็นๆ เปียกโชกเต็มหน้าผาก แล้วพูดขึ้นด้วยความกังวลว่า  ”จื่อหมิง เจ้าช่างกล้าหาญเกินไปแล้ว แม้ว่าเราจะสังหารพวกโจรกบฏโพกผ้าเหลืองได้หลายร้อยคน แต่ก็ยังมีพวกโจรกบฏโพกผ้าเหลืองเหลืออีกสามพันกว่าคน ถึงตอนนั้นพวกมันมาโจมตีครั้งใหญ่ พวกเราจะอะไรไปต้านทานได้เล่า!?”

 

“ในความคิดของท่านลุงรองนั้น คิดว่าข้าส่งเสบียงอาหารห้าร้อยกระสอบให้พวกโจรกบฏโพกผ้าเหลืองอย่างเปล่าประโยชน์ใช่หรือไม่?” ซูเจ๋อถามกลับ

 

ซูเฟยถอนหายใจแล้วกล่าวว่า  ”แม้ต้องขายหน้า แต่ก็ดีกว่าเสียชีวิต หลานเอ๋ย ฟังคำแนะนำของลุงเถิด ปัญหายิ่งน้อยยิ่งดี เจ้าอย่าเสี่ยงลงมือเลย”

 

“ท่านลุงรอง ท่านช่างไร้เดียงสานัก” ซูเจ๋อยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “คนอื่นมาเป็นเจ้าเมือง ส่งส่วยให้โจรกบฏโพกผ้าเหลืองก็พ้นภัยแล้ว แต่ตอนนี้ ข้าเป็นหนามในตาของตระกูลใหญ่อย่างตระกูลหวง เมื่อข้าทำสิ่งนี้แล้ว พวกเขาจะรวมหัวกันเป็นพยานในความผิดของข้า ฐานข้อหากบฏที่ให้เสบียงแก่พวกโจรเหล่านั้น ถึงเวลานั้น ท่านลุงรองคิดว่าเล่าเปียวจะเข้าใจความลำบากใจของข้าหรือไม่?”

 

ซูเฟยถึงกับพูดไม่ออก เมื่อถูกถามกลับเช่นนี้  หลังจากนั้นเขาก็เข้าใจความลำบากใจของซูเจ๋อขึ้นมาได้ในทันที

 

ซูเจ๋อทำสิ่งนี้ เพราะเขาไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากใช้โอกาสนี้เล่นงานพวกโจรกบฏโพกผ้าเหลือง แม้จะกวาดล้างคนไปเพียงไม่กี่ร้อยคนก็ตาม

 

หลังจากสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้ว ใบหน้าของซูเฟยแดงก่ำ เขากัดฟันแล้วจึงพูดขึ้นว่า  ”หากเป็นเช่นนี้ ข้าก็ไม่มีอะไรจะกล่าว  ข้าจะทำตามที่เข้าสั่ง”

 

เมื่อซูเจ๋อเกลี้ยกล่อมลุงของเขาได้สำเร็จ จึงผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก แล้วจ้องมองไปที่ถนนสายหลัก

 

ห่างออกไปสองร้อยก้าว หุยง่วนเสียวที่มีลักษณะน่าเกลียด มีเคราสีดำเหมือนลวดเหล็ก แบกขวานขนาดใหญ่ ขี่ม้าสีดำตัวใหญ่เดินนำอยู่ด้านหน้า

 

เมื่อเข้าใกล้ประตูเมือง เขาปรายตากวาดมองไปข้างหน้า เห็นรถบรรทุกเสบียงอาหารที่จอดอยู่นอกเมือง ใบหน้าอันน่าสะพรึงของเขานั้นอดยิ้มเยาะไม่ได้กับชัยชนะนี้

 

“หยางลั่วพูดไว้ไม่ผิด ผู้มาใหม่ซูเจ๋ออะไรนี่ ขี้ขลาดดุจดังหนู ช่างเป็นพวกไร้น้ำยาจริงๆ ข้าแค่ส่งจดหมายให้เขาฉบับเดียว เขาก็กลัวลนลานยอมมอบเสบียงอาหารมาให้อย่างว่าง่าย ไหนใครบอกว่าเขาเป็นบัณฑิตอัจฉริยะของจิงเซียง แล้วไหนจะฉายามังกรหลับอะไรนั่นอีก ถุย!”

 

หุยง่วนเสียวถ่มเสมหะข้นเหนียวลงบนพื้น แล้วยื่นมือใหญ่ออกมาตะโกนขึ้นว่า  ”วันนี้ข้ามีความสุขจริงๆ ข้าจะกินหัวใจคนฉลองสักหน่อยแล้วกัน”

 

บรรดาลิ่วล้อด้านข้างต่างพากันรีบดึงถุงหนังออกมา พร้อมกับควักหัวใจที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือดออกมาวางไว้ในมือของเขาอย่างสั่นเทา

 

หุยง่วนเสียวคว้าหัวใจมนุษย์ขึ้นมากิน เลือดจำนวนมากไหลออกทางมุมปาก และไหลลงคอไป แต่เขามิได้สนใจ ในทางตรงกันข้ามเขากลับเคี้ยวมันอย่างเอร็ดอร่อย

 

หัวใจมนุษย์ครึ่งดวงลงท้องไปแล้ว โจรกบฏโพกผ้าเหลืองสี่ร้อยคนเดินดุ่มๆ มุ่งหน้าเข้าเมืองโดยไม่หวั่นเกรงอะไร

 

หยางลั่วรีบก้าวออกไปด้านหน้า เขาโค้งคำนับ และยิ้มให้อีกฝ่ายพร้อมกล่าวอย่างเอาใจ  ”ข้าน้อยคารวะหัวหน้าหุย พวกเราได้เตรียมเสบียงอาหารห้าร้อยกระสอบตามที่ท่านหัวหน้าต้องการเรียบร้อยแล้ว ท่านหัวหน้าหุย เชิญรับไว้ด้วยขอรับ”

หุยง่วนเสียวพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ในมือถือขวานขนาดใหญ่โบกไปมาแล้วตะโกนว่า  ”พวกเจ้าไปตรวจนับเสบียงอาหาร หากขาดไปแม้แต่น้อย ข้าจะไม่ละเว้นพวกเขาแน่นอน”

 

พวกโจรกบฏโพกผ้าเหลืองต่างมะรุมมะตุ้ม ช่วยกันตรวจนับเสบียงอาหารอย่างมีความสุข

 

“ท่านหัวหน้าหุยโปรดวางใจ ใต้เท้าซู เจ้าเมืองคนใหม่ของพวกเรา ตระหนักดีถึงสถานการณ์ปัจจุบัน แม้ข้าวเพียงเมล็ดเดียวก็ไม่กล้าคดโกง ท่านหัวหน้าวางใจได้” หยางลั่วพูดแล้วหัวเราะแหะๆ 

 

หุยง่วนเสียวแหงนมองขึ้นไปที่ด้านบนสุดของกำแพงเมือง สายตาเพ่งตรงไปที่ซูเจ๋ออย่างดุร้าย เขาเงยหน้าขึ้นยิ้มอย่างเย้ยหยันแล้วพูดว่า  ”สุนัขรับใช้แซ่ซู แม้ข้าจะไม่คุ้นเคยกับเจ้าก็ตาม ครั้งนี้ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า อีกสองเดือนนับจากนี้ข้าจะกลับมาเอาเสบียงอาหารอีกครั้ง ถึงเวลานั้น เจ้าจงเตรียมเสบียงอาหารไว้อีกห้าร้อยกระสอบ มิฉะนั้น ข้าจะฆ่าเจ้าให้ตายพร้อมกับถล่มเมืองปี่หยางให้ย่อยยับ!”

 

ที่บนกำแพงเมือง

 

ซูเฟยได้ยินอีกฝ่ายดูถูกเหยียดหยามซูเจ๋ออย่างอวดดี แม้เขาจะมีความอดทนสูง แต่ถึงกระนั้นถ้อยคำดูถูกเหล่านั้นยังทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดจนกำหมัดและสาปแช่งว่า  ”สุนัขขี้ขโมยแซ่หุยตัวนี้ คิดไม่ถึงว่าจะบ้าได้ขนาดนี้ ข้าต้องฆ่าเขาให้ได้!”

 

ทว่าซูเจ๋อกลับไม่โกรธเลย เขามองดูการแสดงของหุยง่วนเสียวด้วยสายตาที่เย็นชาประดุจมองมดปลวกเบื้องล่าง พลางยกมือและโบกมือเบาๆ  “ท่านลุงรอง ออกคำสั่งบอกพี่น้องทหารของเราทุกคนให้ยิงธนูฆ่าพวกเขาให้ตาย”

 

ซูเฟยตกใจ จึงกระซิบว่า  ”จื่อหมิง รองนายอำเภอหยางผู้นั้นยังไม่เข้าเมืองมา ถ้าพวกเรายิงธนูออกไปแบบนี้ เขาจะไม่ถูกยิงตายไปด้วยหรือ?”

 

“คนแซ่หยางผู้นี้ สมรู้ร่วมคิดกับพวกโจรกบฏโพกผ้าเหลือง ยักยอกเสบียงอาหาร ตายไปก็ไม่ต้องเสียดาย ถือเสียว่ายิงคนทรยศให้ตายไปพร้อมกันศัตรูเลยแล้วกัน” น้ำเสียงของซูเจ๋อเย็นชาและเต็มไปด้วยความต้องการฆ่าอย่างชัดเจน

 

ซูเฟยเข้าใจ จึงไม่ลังเลอีกต่อไป เขาชักดาบออกจากฝักด้วยความโกรธ แล้วตะโกนว่า”พลธนูเตรียมพร้อม ระดมยิง เหล่าโจรกบฏอย่าให้เหลือ!”

 

คำสั่งถูกถ่ายทอดลงมา เสียงกลองบนป้อมปราการก็ดังขึ้นทันที

 

พลธนูกว่าสามสิบคนที่หมอบหลบอยู่รอบกำแพงเมืองทั้งหมดปรากฏกายขึ้น พวกเขาโก่งคันธนู แล้วเล็งไปที่พวกโจรกบฏโพกผ้าเหลืองหน้าเมือง

 

วินาทีต่อมา ลูกศรที่ถูกยิงออกมาดั่งห่าฝนโปรยปราย

 

ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!

 

ลูกธนูไร้ความปราณี แทงทะลุผ่านร่างโจรจนเลือดกระฉูด สาดกระเซ็นไปทั่ว ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดก็ดังตามกันมาเป็นระลอกๆ

 

โจรกบฏโพกผ้าเหลืองที่แสนป่าเถื่อนนับร้อยกำลังง่วนกับการนับเสบียงอาหาร จึงคาดไม่ถึงว่าจะถูกลอบยิงจากด้านหลัง โดยทหารของทางการที่พวกเขาดูหมิ่นเหยียดหยาม

 

เพียงพริบตา โจรกบฏโพกผ้าเหลืองที่ไม่ทันระวังตัวก็ถูกสังหารไปนับสิบ หลังจากตื่นตระหนกกันอยู่ครู่หนึ่ง ความโกลาหลก็เข้ามาแทนที่

 

สีหน้าของหุยง่วนเสียวเปลี่ยนไปในทันที จากเย่อหยิ่งอวดดีในตอนแรก ถูกแทนที่ด้วยความโกรธอย่างไม่รู้จบ ปากก็ด่าทอเป็นการใหญ่  ”คนแซ่ซู เจ้าสุนัข กล้ามาก ช่างกล้ามาก..”

 

ก่อนที่เขาจะพูดจบ จู่ๆ ก็มีลูกศรพุ่งแหวกอากาศ พุ่งตรงไปที่ใบหน้าของเขา

 

หุยง่วนเสียวไม่ทันได้คิดอะไรมากนัก ก็บิดตัวหลบโดยสัญชาตญาณ แต่เขาอยู่ใกล้เมืองเกินไป ลูกศรก็พุ่งมาเร็วเกินไป ก่อนที่ศรีษะจะหลบพ้น ก็โดนลูกศรยิงใส่เสียแล้ว

 

“อ๊าก....”

 

หุยง่วนเสียวกรีดร้อง เอามือกุมหูซ้าย นอนลงบนหลังม้า เลือดไหลออกมาตามง่ามนิ้วของเขา

 

ลูกศรแหลมคมนั้นยิงถูกหูซ้ายของเขาอย่างแม่นยำ

 

หุยง่วนเสียวได้รับบาดเจ็บ เขาใช้ขวานกวัดแกว่งปัดลูกธนูที่พุ่งยิงเข้าใส่ตัวให้ออกไปพ้นตัวโดยไม่สนใจความเจ็บปวด หลังจากบังคับม้ากลับไปที่รถขนเสบียงได้ เขาก็หาที่กำบัง

 

หลังจากที่เขาออกไปที่รถขนเสบียงอาหาร เขาหอบหายใจแล้วก้มหัวลง ซึ่งบังเอิญไปชนเข้ากับหยางลั่วที่ซ่อนตัวอยู่หลังรถเช่นเดียวกัน ขณะนี้หยางลั่วทั้งหน้าซีด ทั้งตัวสั่นเทา

 

“สุนัขแซ่หยาง เจ้ากล้ามาก เจ้ากล้าโจมตีพวกเรา!” หุยง่วนเสียวโกรธจัด ปากก็ด่าแช่งไม่หยุด

 

หยางลั่วนั้นทำหน้างุนงง เขาร่ำไห้และพูดว่า  ”ต่อให้ผู้น้อยมีความกล้าเต็มร้อย แต่ก็ไม่มีวันโกหกท่านหัวหน้าหุยแน่ คาดไม่ถึงว่าซูเจ๋อจะใช้เสบียงอาหารเป็นเหยื่อล่อเพื่อซุ่มโจมตีท่าน ข้าน้อยถูกใส่ความ”

 

“ มารดามันเถอะ  ไอ้สารเลว ข้าจะฆ่าเจ้า!” หุยง่วนเสียวไม่สนใจฟังคำแก้ตัวของเขา จึงยกขวานฟันใส่

 

หยางลั่วตกใจรีบพุ่งหนีเข้าไปหลบใต้รถขนเสบียงอาหาร แต่ก็ยังไม่ทัน เพราะเขาถูกขวานตัดขาขวาขาดไปแล้ว

 

หยางลั่วร้องโหยหวนคล้ายเสียงหมูโดนเชือด ขาที่ขาดเจ็บปวดจนแทบเป็นลม แต่เขาไม่สนใจความเจ็บปวด เขายังคงใช้มือตะเกียกตะกายไปบนพื้น หลบเข้าไปใต้รถบรรทุกเสบียงอาหารอย่างสิ้นหวัง

 

หุยง่วนเสียวยังไม่ฆ่าเขาชั่วคราว เขาหันกลับไปมองที่บนกำแพงเมือง ก็เห็นร่างชายหนุ่มยืนอยู่บนกำแพงเมือง ด้วยท่าทางสบายๆ เคี้ยวอะไรสักอย่างในปาก เขาคาดว่าคงเป็นเจ้าเมืองคนใหม่ซูเจ๋อผู้นั้น

 

เขายิ่งคิดก็ยิ่งโกรธมาก จึงยกขวานใหญ่ขึ้น ตะโกนเรียก”พี่น้องของข้า อย่าได้ตกใจ ขอให้อยู่ในความสงบ แล้วตามข้าบุกเข้าไปถล่มเมืองปี่หยางกัน ฆ่าเจ้าเมืองสุนัขแซ่ซูนั้นซะ”

 

โจรกบฏโพกผ้าเหลืองกลุ่มนี้ หาใช่พวกโจรกระจอกไม่  พอได้หุยง่วนเสียวปลุกใจ สถานการณ์ค่อยๆ สงบลง ทุกคนโกรธจัด เตรียมพร้อมบุกถล่มเมืองได้ทุกเมื่อ

ด้านล่างของกำแพงเมือง มีทหารของซูเจ๋ออยู่สามร้อยนาย ส่วนใหญ่ล้วนเป็นทหารเกณฑ์เข้ามาใหม่ ทักษะการต่อสู้ยังไม่ดีพอ ฝีมือการต่อสู้ยังไม่อาจเทียบกับเหล่าโจรกบฏโพกผ้าเหลืองได้  หากถูกฝ่ายตรงข้ามกดดันจนต้องเข้าปะทะกัน โอกาสชนะย่อมมีไม่มากนัก

 

ที่หัวเมืองด้านนอก

 

ซูเจ๋อมองลงไปที่พวกโจรกบฏโพกผ้าเหลือง ที่รวมตัวกันใหม่อีกครั้งโดยไม่มีความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย เขายังคงเอาถั่วปากอ้าเข้าปาก แล้วกล่าวเบาๆ ว่า ”ท่านลุงรอง ไปได้ ถึงเวลาที่พวกเราจะได้เริ่มสังหารคนบ้างแล้ว”

 

รีวิวผู้อ่าน