px

เรื่อง : ข้ามีดาวเที่ยมในยุคสามก๊ก (นิยายแปล) ปลดล๊อคตอนฟรี 3 วัน 1 ตอน
ตอนที่ 17 ชัยชนะครั้งใหญ่


ตอนที่ 17 ชัยชนะครั้งใหญ่

 

ฟิ้ว...

 

ลูกธนูอีกดอกพุ่งแหวกอากาศ ยิงทะลุม่านดาบของจิวฉอง ตรงเข้าไปที่หน้าของเขา

 

จิวฉองมิทันได้คิดสิ่งใด แต่ด้วยสัญชาตญาณนักรบ เขาจึงเบี่ยงศีรษะหลบพ้นวิกฤตนี้ไปได้ทันกาล

 

สวบ!

 

ลูกธนูแหลมคมถากหน้าเขาไปเกิดเป็นรอยแผลขึ้นบนใบหน้าเขา เลือดค่อยๆ ไหลซิบออกมาเป็นริ้ว

 

ความเจ็บปวดบนใบหน้าปลุกจิวฉองให้ตื่นจากภวังค์ในทันที จิตใจของเขาจึงได้สงบลง และตระหนักได้ว่าสถานการณ์ไม่อำนวยต่อกองทัพของเขา หากฝืนต่อไป ผลที่ตามมาอาจจะเป็นหายนะครั้งใหญ่

 

“ทหารทั้งหมด ถอยทัพ ถอยทัพทันที!” จิวฉองที่เงียบขรึมมาโดยตลอดตะโกนด้วยเสียงที่ร้อนรนเร่งรีบ

 

โจรกบฏโพกผ้าเหลืองนับพันต่างหันหลังวิ่งถอยออกไปอย่างรวดเร็ว คล้ายกับเชลยผู้ได้รับการอภัยโทษ

 

ด้านนอกของหมอกควัน ภานในกองทัพของซูเจ๋อ

 

แม้ว่าซูเจ๋อจะมองไม่เห็นการเคลื่อนไหวของศัตรูในหมอกควัน แต่เขากำลังครุ่นคิดว่าจิวฉองไม่น่ารับมือมันไหว เขาจึงยัดถั่วปากอ้าอีกเมล็ดเข้าปาก ขณะเดี้ยวก็พูดเยาะเย้ยขึ้นว่า  ”ท่านลุงรอง ศัตรูกำลังจะหนีแล้ว รีบนำกองทหารม้าไปโจมตีที่ด้านข้าง ให้พวกเขาได้ลิ้มรสความหายนะของการถูทำลายล้าง”

 

ซูเฟยมีความกระตือรือร้นอยู่แล้ว สิ่งที่เขากำลังรอก็คือคำพูดนี้ของหลานชาย ดังนั้นเขาจึงตะโกนด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดว่า  ”พี่น้องทหารม้า จงตามข้าไปสังหารโจรกบฏให้สิ้นซาก!”

 

ซูเฟยคำราม เขายกดาบขึ้นเพื่อสังหารและควบม้าตะบึงออกไปก่อน

 

ทหารม้าของกองทัพซูเกือบห้าสิบนายจัดขบวน ทะยานไล่ตามซูเฟยออกไปตามแนวทแยง ผ่านหมอกควันหนา ทะลุเข้าไปโจมตีศัตรูจากด้านข้าง

 

ในเวลานี้ โจรกบฏโพกผ้าเหลืองเพิ่งหนีรอดจากหมอกหนามาได้ ทำให้การมองเห็นของพวกเขาชัดเจนขึ้นทีละเล็กทีละน้อย

 

ทว่าในยามที่พวกเขากำลังจะหายใจได้อย่างโล่งอก ก็ได้ยินเสียงกีบเท้าม้ากระทบเข้าหู จึงหันควับไปมองตามเสียง และภาพที่ปรากฏต่อสายตาของพวกเขาก็คือกองทัพทหารม้าของตระกูลซูที่ถาโถมเข้ามา ปานจะถล่มฟ้าทลายดิน ช่างน่าสยดสยองนัก

 

สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับทหารราบและทหารม้าคือผังการรบ ตอนนี้กองทัพโจรกบฏโพกผ้าเหลืองตกอยู่ในความโกลาหล กำลังเสียขวัญกำลังใจ เมื่อบุกเข้าไปต่อสู้กับทหารม้าของกองทัพซู เพียงชั่วพริบตาเดียว พวกเขาก็ถูกคร่าชีวิตจนพ่ายแพ้ยับเยิน

 

พวกที่โชคดีพอหลบเลี่ยงการปะทะได้ก็หนีเตลิดไป

 

ทว่ามันสายไปแล้ว!

 

ทหารม้าที่แข็งแกร่งกระโจนพุ่งเข้าใส่พวกโจรกบฏโพกผ้าเหลืองที่กำลังตื่นตระหนกเหมือนฟางที่เปราะบาง พวกโจรถูกกลุ่มทหารสังหาร ฉีกทึ้งเป็นชิ้นๆ ล้มตายดั่งใบไม้ร่วงหล่นพื้น

 

เสียงโหยหวนน่าสังเวชดังก้องราวกับระลอกคลื่นน้ำ ทั้งภาพแขนขาถูกฟันขาด เลือดสาดกระเซ็นปลิวว่อนอยู่ในอากาศจนเกิดเป็นหมอกสีเลือด เพียงพริบตาเดียว พวกโจรกบฏโพกผ้าเหลืองก็ถูกฆ่าตายร้องโหยหวนอยู่เนินนาน

 

“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ได้ มารดามันเถอะ ท้ายที่สุดข้าหุยง่วนเสี่ยวจะพ่ายแพ้ให้กับไอ้สารเลวแซ่ซูถึงสองคราเชียวหรือ ข้าจะฆ่าเจ้าให้ได้ ไม่ช้าก็เร็ว..."

 

หุยง่วนเสี่ยวพูดไปด่าไป ด้านหนึ่งก็สาปแช่งไม่หยุด ด้านหนึ่งก็กุมศีรษะหลบหนีไป

 

"ไอ้สุนัขแซ่หุย จะหนีไปไหน! "

เสียงคำรามกึกก้องดังสนั่น ซูเฟยถือดาบอาบเลือดฝ่าความโกลาหล พุ่งเข้าฟันหุยง่วนเสี่ยวในแนวทแยงอย่างรวดเร็วและรุนแรงราวกับพายุ

 

ซูเฟยหันม้ากลับมาอย่างรวดเร็ว แล้วพุ่งเข้าหาหุยง่วนสี่ยวอีกครั้ง เขาใช้ดาบด้ามใหญ่ในมือ ตวัดตัดผ่าหน้าอกของหุยง่วนเสี่ยวในแนวนอนเหมือนหินโม่ ด้วยท่า “ตัดภูผาทลายขุนเขา” ซึ่งเป็นเพลงดาบประจำตระกูลซู

 

หุยง่วนเสี่ยวสะดุ้งตกใจ คราวนี้เขาไม่มีสมาธิมาคิดอะไรไปมากกว่านี้แล้ว และเนื่องจากคราก่อนเขาได้รับบาดเจ็บที่แขน ในช่วงน่าสิ่วน่าขวานเช่นนี้ แขนที่ยังบาดเจ็บอ่อนแรงจนไม่อาจยกดาบขึ้นต้านดาบด้ามใหญ่นั้นได้ทัน

 

"ไม่--"

 

ท่ามกลางเสียงกรีดร้องโหยหวนอย่างน่าสยดสยอง หุยง่วนเสี่ยวทำได้เพียงตาเบิกโพลง มองดูดาบมรณะ ฟันตัดมาในอากาศ

 

ฉับ!….พรวด! 

 

เสียงฟันดังขึ้นพร้อมกับเสียงเลือดพุ่งที่ดังรับต่อเนื่อง  ร่างของหุยง่วนเสี่ยวถูกฟันขาดเป็นสองท่อนแยกออกจากกัน ท่อนบนของร่างลอยขึ้นไปในอากาศ ปลิวห่างออกไปเจ็ดก้าว ท่อนล่างของร่างที่อยู่บนหลังม้ากระตุกและร่วงหล่นลงสู่พื้นดินในที่สุด

 

ซูเฟยฟันร่างของหุยง่วนเสี่ยวด้วยดาบเดียว เหมือนลมเพชฌฆาต แต่เขาไม่หยุดเพียงเท่านี้ เขายังคิดจะไปสังหารจิวฉองอีกคน

 

ตาของเขาแดงก่ำเพราะความบ้าเลือด แววตาของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวเอง เขาต้องการปลิดชีพจิวฉองในลมหายใจเดียวและกำจัดโจรกบฏโพกผ้าเหลืองในปี่หยางให้สิ้นซากโดยเร็ว เพื่อสร้างความผาสุกให้ประชาชนในเมืองปี่หยาง และเพื่อให้ซูเจ๋อปลอดภัย

 

ขณะที่จิวฉองกำลังควบม้าหนี ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของหุยง่วนเสี่ยว เขาจึงหันกลับไปในทันที และตกใจที่เห็นหุยง่วนเสี่ยวถูกฟันร่างออกเป็นสองท่อนอย่างน่าสยดสยอง

เขาโกรธมากจนเสือกหัวม้าหันกลับมา เพื่อจะฆ่าซูเฟยให้ตายคามือ

 

ทหารและทหารม้าหลายพันคนพ่ายแพ้ให้กับการทำศึกกับซูเจ๋อในวันนี้ แม้แต่รองหัวหน้าก็ยังถูกฟันร่างสะบั้น ถือเป็นความสูญเสียอย่างหนักของพวกเขา แม้ว่าจะหนีกลับออกไปยังเขาโงจิวสันได้สำเร็จ แต่ก็ต้องบาดเจ็บและเสื่อมเสียชื่อเสียง

 

ใจจิวฉองนั้นไม่กลัว แม้ต้องพ่ายแพ้ แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องฆ่าซูเจ๋อเพื่อรักษาหน้าไว้ให้ได้

 

เมื่อจิวฉองคิดได้เช่นนี้ เขาจึงย้อนกลับมาต่อสู้ เขาร้องคำรามดังสัตว์ร้าย ตวัดดาบใส่ซูเฟยหวังจะสังหารอีกฝ่ายให้จงได้

 

ดาบไวดั่งสายลมที่พัดไปมาในอากาศ เสียงหัวเราะดังกังวาล พละกำลังแข็งแกร่งปานนี้ วิทยายุทธ์ต้องไม่ด้อยเป็นแน่

 

หัวใจของซูเฟยหวั่นวิตกเล็กน้อย ฉับพลันเขาก็นึกได้ว่าโจรที่อยู่ตรงหน้าเขาผู้นี้คงจะมีวิทยายุทธ์เหนือกว่าตนเองมาก ดวงตาเขาแดงก่ำ ออกจะหยิ่งทะนง ทว่าภายในใจกลับกลัวโดนสังหาร

 

เมื่อความมั่นใจของซูเฟยลดลงเล็กน้อย ทันใดนั้นก็มีลมพัดหอบมาจากด้านหลังของเขา จากนั้นก็มีเลือดสดๆ สาดกระเซ็นข้าไปหาจิวฉอง

 

จิวฉองไม่ทันได้ป้องกันตัว เมื่อถูกเลือดสาดกระเด็นใส่ใบหน้า มันกระเด็นเข้าตาจนเขาระคายตา ไม่สามารถลืมตาขึ้นได้ในทันที

 

การมองเห็นของจิวฉองถูกบดบัง เขาแกว่งดาบสะเปะสะปะ ทำให้เผยจุดอ่อนออกมา

 

โอกาสนี้แหละ!

 

ซูเฟยรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง เขามือยื่นดาบออกไป หมายจะตัดศีรษะจิวฉอง

 

จิวฉองรู้สึกสับสนที่ได้ยินเสียงลม ไม่รู้ว่าดาบมาจากไหน ได้แต่ยกดาบขึ้นป้องกันอย่างสะเปะสะปะเท่านั้น ซูเฟยเบี่ยงดาบ หยุดค้างไว้กลางอากาศกะทันหัน ขณะที่ขี่ม้าเฉียดตัวไป มือของเขาก็อ้อมไปด้านหลังของจิวฉอง

 

พลั่ก!

 

ฝักดาบกระแทกเข้าหลังเขาอย่างแรง ร่างของเขาเซไม่มั่นคง ร่างใหญ่ถูกกระแทกตกจากหลังม้าร่วงหล่นลงพื้น

 

จิวฉองที่ตกลงบนพื้นไม่ได้สนใจความเจ็บปวดบนร่างแต่อย่างใด เขารีบขยี้ตาไปพลาง ดิ้นรนลุกขึ้นไปพลาง

 

เขาค่อยๆ ประคองร่างไว้ครึ่งหนึ่ง แต่ทันใดนั้นเอง เขาก็รู้สึกเย็นวาบที่หลังคอ ขณะเดียวกันได้มีเสียงเย็นชาดังขึ้นจากด้านหลังเขา  ”เจ้าสุนัขโจรกบฏ ถ้ายังกล้าขยับ ข้าจะส่งเจ้าไปพบกับปรมาจารย์เตียวก๊ก บรรพบุรุษของพวกเจ้า”

 

หัวใจของจิวฉองเต็มไปด้วยความโศกเศร้า เขารู้แล้วว่าตนเองต้องพ่ายแพ้อย่างสิ้นหวัง ต่อให้ดิ้นรนอีกครั้งก็ไร้ผล เพราะศัตรูสามารถฆ่าเขาได้ในคราเดียว

 

หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความโกรธเคือง พร้อมกับความอัปยศอดสูที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างของเขา แต่เนื่องจากชีวิตของเขาตกอยู่ในเงื้อมมือของซูเฟย เขาจึงทำได้เพียงเศร้าโศกอยู่ภายในใจ แต่สุดท้ายมิได้ขยับตัวอีก

 

ซูเฟยสูดหายใจอย่างเยือกเย็น แล้วตะโกนขึ้นว่า  ”มัดเจ้าโจรกบฏผู้นี้ไว้ แล้วส่งมอบให้เจ้าเมืองซู”

 

มีทหารม้าหลายนายเข้ามาล้อมรอบ จิวฉองถูกเชือกคล้องเป็นบ่วงบาสอยู่ด้านในสามวงและด้านนอกสามวง ก่อนจะผูกเป็นปมอย่างแน่นหนา ทหารช่วยกันลากเขากลับไปที่เมืองปี่หยาง

 

ในเวลานี้ ทหารราบสามร้อยนายที่อยู่ด้านหลังได้ติดตามพวกเขาไปด้วย จากการโจมตีของกองกำลังทหารม้าและทหารราบ ทำให้โจรกบฏโพกผ้าเหลืองสามพันนายถูกฆ่าตายและบาดเจ็บนับไม่ถ้วน จนเลือดไหลนองสนามรบราวกับแม่น้ำเลือด

……

ดวงอาทิตย์เคลื่อนไปยังทิศตะวันตก ลมอ่อนกำลังแรงลง

 

หมอกควันหนาค่อยๆ จางหายไป เสียงร้องโหยหวนที่น่าเวทนา เพลงสงครามเงียบสงัดลงอย่างน่าวังเวง สนามรบกลับสู่ความสงบอีกครั้ง

 

อักษร “ซู” บนธงผืนใหญ่ปลิวไสวอย่างภาคภูมิ ธงรบของพวกโจรกบฏโพกผ้าเหลืองจำนวนนับไม่ถ้วน เปื้อนเลือดที่นองกระจัดกระจายอยู่ภายในสมรภูมิรบ พวกเขาถูกกองทัพตระกูลซูที่ได้รับชัยชนะเหยียบย่ำอย่างองอาจ

 

ซูเจ๋อกวาดตามองทั่วสมรภูมิรบที่นองไปด้วยเลือดนี้ แล้วถอนหายใจยาวๆ ด้วยความโล่งอก

 

เขาประเมินความเสียหายจากการสู้รบในครั้งนี้ มีทหารม้าประมาณสิบนายถูกสังหารและได้รับบาดเจ็บ กองทัพของเขาสูญเสียทหารราบมากกว่าสามสิบนาย แต่พวกโจรกบฏโพกผ้าเหลืองสามพันนายถูกฆ่าตายไปพันกว่านาย และมีอีกเกือบหกร้อยนายถูกจับเป็นเชลย พวกโจรกบฏโพกผ้าเหลืองที่รอดจากทุ่งสังหารนี้ไปได้มีเพียงพันกว่านายเท่านั้น

 

ยิ่งกว่านั้น หัวหน้าโจรโพกผ้าเหลืองทั้งสองคน คนหนึ่งถูกสังหาร คนหนึ่งถูกจับไปเป็นเชลย!

 

อาวุธเหล็กกล้าและอาวุธอื่นๆ ที่เหลือของกลุ่มโจรถูกยึดไปเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน

 

หากการต่อสู้ครั้งก่อนเป็นชัยชนะเพียงเล็กๆ ศึกวันนี้คือชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ เป็นชัยชนะที่แท้จริงของพวกเขา

 

ซูเจ๋อเคี้ยวถั่วปากอ้าอย่างเพลิดเพลิน เขายิ้มและมองดูนักโทษผู้เลื่องชื่อถูกนำตัวเข้าเมืองไปตัดสินโทษ จากนั้นก็มองดูอาวุธเป็นมัดๆ ที่ทหารขนกลับไป ในใจรู้สึกเบิกบานเหมือนได้รางวัลใหญ่ เขาคิดว่าตัวเองช่างโชคดีนัก

 

“เชลยโพกผ้าเหลืองหลายร้อยคนเหล่านี้เป็นบุรุษหนุ่มที่แข็งแรง ทั้งยังกร่ำศึกมาอย่างช้านาน หากสามารถนำพวกเขามาปรับเปลี่ยนไว้ใช้งาน กองทัพทหารม้าของข้าก็จะเพิ่มกำลังขึ้นถึงหนึ่งพันนาย กำลังจะแข็งแกร่งขึ้นเป็นสองเท่า โอ้ว เช่นนี้ไม่เลว ไม่เลว...”

 

ขณะที่เขากำลังคำนวณ ซูเฟยได้ขี่ม้ามาข้างหน้าเขา แล้วสั่งทหารที่อยู่ด้านหลังให้จับจิวฉองที่ถูกมัดไขว้แขนไปข้างหลังมาโยนลงตรงหน้าซูเจ๋อ

 

“จื่อหมิง เจ้าผู้นี้คือจิวฉองหัวหน้าโจรกบฏ ลุงจับเป็นมาให้เจ้าแล้ว แล้วแต่เจ้าจะจัดการ ” ซูเฟยยิ้มและกล่าวอย่างตื่นเต้น

 

ดวงตาของซูเจ๋อเป็นประกายขึ้นในทันใด

 

การปราบโจรกบฏโพกผ้าเหลืองเป็นความปรารถนาของเขา แต่การจับเป็นจิวฉองนั้นกลับทำให้เขารู้สึกปลื้มอกปลื้มใจอย่างประหลาด”

 

“ท่านลุงทำได้ดีมาก!”

 

ซูเจ๋อตะโกนด้วยความยินดี เขาหันไปมองจิวฉองที่ถูกกดหน้าลงบนพื้น ดวงตาของเขาก็พลันเต็มไปด้วยจิตสังหารแล้วพูดอย่างเหยียดหยามว่า  ”จิวฉอง เจ้ามิใช่คนหยิ่งจองหองหรือ หากวันนี้ข้าไม่ส่งมอบอาหารและเมล็ดพันธุ์แก่เจ้า เจ้าจะฆ่าข้ามิใช่หรือ, ทว่าตอนนี้เจ้ามาคุกเข่าต่อหน้าข้า เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง?”

 

รีวิวผู้อ่าน