ตอนที่ 20 ขุนศึกกลับใจสวามิภักดิ์
จิวฉองสวามิภักดิ์!
เขาคุกเข่าเช่นนี้แล้ว โจรโพกผ้าเหลืองมากกว่าสามร้อยนายที่อยู่ด้านหลังของเขาทั้งหมดต่างวางอาวุธลงทีละคนแล้วคุกเข่าลงบนพื้นเช่นกัน
ซูเจ๋อถอนหายใจด้วยความโล่งอก รอยย่นที่ปรากฏอยู่ที่หว่างคิ้วของเขาคลายออกจากกันได้เสียที
จิวฉองนั้นกล้าหาญและภักดี สำหรับซูเจ๋อแล้ว เขาถือว่าเป็นผู้นำระดับรากหญ้า พูดได้ว่า วันนี้สมาชิกของขุนพลพยัคฆ์ที่เคยบาดหมางกันมายาวนานกลับใจสวามิภักดิ์ด้วยความเต็มใจ เขาจะไม่สุขใจได้อย่างไรเล่า?
ซูเจ๋อหมุนตัวลงจากหลังม้าทันที เขาต้องการเข้าไปช่วยพยุงจิวฉองให้ลุกขึ้นด้วยตนเอง
ซูเฟยเห็นแล้วรู้สึกเป็นกังวล จึงยื่นมือออกมาแล้วดึงเบาๆ พลางกระซิบเตือนขึ้นว่า ”จื่อหมิง เขาสวามิภักดิ์จริงแท้หรือไม่ ยังไม่แน่ชัด ถ้าเขามีเจตนาร้ายจะทำอย่างไร?”
แม้ว่าเสียงของซูเฟยจะเบามาก แต่ในที่สุด จิวฉองที่อยู่ใกล้ๆ ตรงหน้าเขาก็ยังคงได้ยินไม่มากก็น้อย สีหน้าของจิวฉองสลดลงทันที เห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจที่ถูกสงสัยในความภักดีของตน
ซูเจ๋อยิ้มและกล่าวว่า “ข้าซูเจ๋อ ที่ผ่านมาหากคิดใช้ใคร ไม่เคยต้องสงสัย ข้าเชื่อว่าแม่ทัพจิวเป็นผู้ซื่อตรง หาใช่คนถ่อยที่น่ารังเกียจอย่างแน่นอน ท่านลุงไม่ต้องกังวลมากเกินไปหรอก”
พูดจบ ซูเจ๋อก็ค่อยๆ ผลักมือของซูเฟยออกไป เขาหมุนตัวลงจากหลังม้า แล้วเดินไปข้างหน้าอย่างไม่ลังเล
ซูเฟยแอบปาดเหงื่อและจับด้ามดาบมั่น พร้อมช่วยเหลือซูเจ๋อทุกเมื่อ หากเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น
“จื่อเฟิ่งพูดได้ทำได้ เป็นผู้ที่มีคุณธรรมอย่างแท้จริง ข้าได้รับการช่วยเหลือจากจื่อเฟิ่ง เรียกได้ว่าดั่งเสือติดปีกก็ไม่ปาน” ซูเจ๋อหัวเราะฮ่าฮ่า แล้วโน้มตัวลงไปพยุงจิวฉองขึ้นมาด้วยตัวเอง
ความไว้วางใจของซูเจ๋อช่วยขจัดความสงสัยของจิวฉอง เมื่อเขามองเข้าไปในดวงตาของซูเจ๋อ เขาก็รู้สึกซาบซึ้งและเคารพนับถือจากใจจริง
ยามนี้ เขายื่นมือข้างหนึ่งให้แล้วพูดว่า ”ข้าจิวฉอง ตอนนั้นไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องตกกระไดพลอยโจรกลายเป็นโจร ชายเลือกนายให้ดูน้ำใจ บัดนี้ข้าขอสาบานที่นี่ว่า ข้าจะหักกระดูกเพื่อคุณชาย แม้ว่าข้าจะร่างกายแหลกเหลว ตายอย่างน่าเศร้าสลด แม้ตาย ข้าก็ไม่เสียดาย!”
“เหตุใดต้องพูดเรื่องเศร้าด้วยเล่า ข้ายังคงรอเจ้าทำงานใหญ่ของข้าให้บรรลุเป้าหมาย ร่วมแบ่งปันความมั่งคั่งด้วยกัน”
ซูเจ๋อตบไหล่เขาแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า ”คืนนี้ เพื่อรอจับเหยื่ออย่างจื่อเฟิ่งเช่นเจ้า ข้าไม่ได้ดื่มฉลองด้วยซ้ำ คราวนี้ข้าสามารถดื่มได้อย่างสบายใจ ไม่เมาไม่เลิก ไป พวกเรากลับไปดื่มที่ว่าการอำเภอกัน”
จิวฉองเกาหลังศีรษะแล้วยิ้มเก้อๆ จากนั้นจึงตามกลับไปที่ว่าการกับซูเจ๋อ
ซูเฟยถอนหายใจเฮือกหนึ่งอย่างโล่งอก แล้วอยู่จัดการทหารทั้งสามร้อยใหม่ พร้อมทั้งเก็บกวาดสถานที่ให้เรียบร้อย
ในโถงกลางของที่ว่าการอำเภอ กลิ่นสุราและเนื้อย่างอบอวลไปทั่ว
ซูเซี๋ยวเสี่ยวได้รับคำสั่งจากคุณชายให้เตรียมสุราและเนื้อไว้ นางเดินไปมาภายในห้องโถงด้วยท่าทางกระสับกระส่าย เพื่อรอให้คุณชายกลับมาด้วยความเป็นห่วง
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า ซูเซี๋ยวเสี่ยวหันศรีษะกลับไป เห็นซูเจ๋อก้าวเข้ามาในห้องโถงอย่างกระฉับกระเฉง บุคคลทั้งหมดเหล่านี้ไม่มีใครบุบสลายหายไป พวกเขาล้วนกลับมาพร้อมกับชัยชนะ
“คุณชาย ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว เซี๋ยวเสี่ยวห่วงจะแย่อยู่แล้ว”
ซูเซี๋ยวเสี่ยวก้าวเข้าหาไม่กี่ก้าวด้วยความประหลาดใจ ใช้มือเปล่าของนางสัมผัสใบหน้าของซูเจ๋ออยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงเลื่อนไปแตะเอวของเขาอีกครั้ง ตรวจคลำร่างกายของเขาจนดูเกินจริง เพราะกลัวว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บ
ซูเจ๋อหัวเราะแล้วกล่าวว่า “ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องดูแล้ว บนโลกใบนี้ คนที่ทำร้ายข้า คุณชายของเจ้าและเจ้าได้ยังไม่เกิด”
จิวฉองที่ตามเข้ามาด้วย เห็น “สาวใช้” รูปร่างเล็กที่กำลัง “จับมือถือแขน” คุณชายอยู่ ถึงกับชะงักต่อหน้าทุกคน ทำให้เขาอดเคอะเขินเล็กน้อยไม่ได้ และไม่รู้ว่าจะหลบตรงไหนดี
ซูเจ๋อไม่ได้ถือสาจริงจัง จึงพูดว่า ”จื่อเฟิ่ง ข้าเพิ่งเตรียมสุราเหล่านี้เสร็จ มันยังร้อนอยู่เลย พวกเรามาดื่มกันสักสองสามจอกเถอะ”
ซูเจ๋อพูดแล้วก็ก้าวขึ้นไปนั่งเป็นคนแรก จิวฉองก็เดินตามเขาไปนั่งลงตรงที่นั่งสำหรับรับแขก
เขาเอื้อมมือไปหยิบแก้วสุรา มันยังอุ่นอยู่จริง ทำเอาเขาถึงกับตกตะลึงแล้วพูดว่า “สุรานี้ไม่เย็นไม่ร้อนจนเกินไป แสดงว่า ได้ตระเตรียมไว้ตั้งแต่ช่วงเวลาที่เขาเข้ามาเพื่อลอบโจมตี นับว่าเฉลียวฉลาดและเก่งกาจยิ่งนัก เหลือเชื่อ เหลือเชื่อจริงๆ...”
หลังจากดื่มสุราลงไปแล้วหนึ่งจอก ซูเจ๋อก็ถามด้วยรอยยิ้มว่า ”จื่อเฟิ่ง ตอนนี้เจ้าควรจะบอกข้าได้แล้วว่า ทำไมถึงมีเลือดแกะในถุงหนังนั้น?”
จิวฉองมีสีหน้าละอายอยู่เล็กน้อย เขาเกาศีรษะและพูดว่า ”ข้าไม่ขอปิดบังคุณชาย ข้าเพียงแค่แสร้งทำเป็นดื่มเลือดมนุษย์ แต่แท้จริงแล้ว ข้าดื่มเลือดแกะตลอดเวลา”
“เจ้าทำแบบนั้นทำไม?” ซูเจ๋อถามด้วยความสงสัย
จิวฉองถอนหายใจก่อนจะพูดว่า ”พูดไปแล้วน่าละอายนัก แต่ที่ข้าต้องแสร้งดื่มเลือดมนุษย์นั้น แค่ต้องการให้พี่น้องทั้งหลายนั้นเห็นว่าข้าโหดร้ายและเลือดเย็น เพื่อไว้ข่มขวัญพวกเขา จะได้ปกครองได้ง่ายขึ้น”
ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้เอง
ซูเฟยอดพยักหน้าเล็กน้อยไม่ได้ พลางคิดว่าจิวฉองนี้ หาใช่คนถ่อยราวกับเดรัจฉานอย่างคำล่ำลือไม่ อีกทั้งยังมีไหวพริบอยู่ด้วยเล็กน้อย รู้จักใช้วิธีดื่มเลือดมนุษย์เพื่อมาข่มขวัญผู้ใต้บังคับบัญชา
ในเวลานี้ เขารู้สึกว่าการที่ขุนพลจิวฉองผู้นี้ยอมสวามิภักดิ์ช่างเป็นเรื่องที่คุ้มค่านัก
หลังจากดื่มสุราอีกสองสามจอก ซูเฟยก็ทำความสะอาดสมรภูมิรบเสร็จแล้ว เขาก็รีบกลับมา พูดด้วยความตื่นเต้นว่า ”จื่อหมิง ที่เจ้าเคยเล่าว่าจะปราบโจรกบฏโพกผ้าเหลืองในปี่หยางให้ได้ภายในสามเดือน ตอนนี้ ไม่ถึงครึ่งเดือนก็ทำสำเร็จแล้ว ข้าคิดว่าหลังศึกครั้งนี้ ทุกคนต้องยอมรับเจ้าในฐานะบัณฑิตอัจฉริยะของจิงเซียงเป็นแน่”
“ท่านลุง ถ้าท่านไม่พูดขึ้นมา ข้าก็เกือบลืมไปแล้ว” ซูเจ๋อยิ้มและโบกมือ พลางพูดว่า ”เซี๋ยวเสี่ยว เร็ว เขียนจดหมายแจ้งข่าวดีให้ข้าสองฉบับ ฉบับหนึ่ง ส่งไปให้เจ้าเมืองไช่ของพวกเรา ที่หว่านเฉิง ส่วนอีกฉบับหนึ่งส่งไปให้ใต้เท้าโจวมู่ของพวกเราที่เมืองเซียงหยาง ควรเตือนความจำใต้เท้าโจวมู่ของพวกเราสักหน่อย ว่าอย่าลืมสัญญาตอนที่มีการคัดเลือกนายอำเภอด้วย”
ซูเจ๋อจะลืมไปได้อย่างไรกัน ในการคัดเลือกนายอำเภอ เขากับเล่าเปียวมีสัญญาต่อกันว่าหากสามารถปราบปรามโจรกบฏโพกผ้าเหลืองในปี่หยางได้ภายในสามเดือน เล่าเปียวจะแต่งตั้งเขาเป็นเจ้าเมืองประจำมณฑลหนานหยาง
ถึงตอนนี้ ซูเซี๋ยวเสี่ยวไปหยิบพู่กันกับหมึกมาอย่างกระตือรือร้น นางเขียนแจ้งข่าวดีสองฉบับ แล้วให้ผู้ส่งสารแยกกันไปส่งสารยังเมืองหว่านเฉิงและเมืองเซียงหยางในคืนนี้เลย
……
ห่างปี่หยางออกไปทางทิศตะวันตกของเมือง คือค่ายทหาร ซึ่งเป็นฐานที่ตั้งกองทัพใหญ่ของหวงเซ่อ
เสียงดนตรีไพเราะดังมาจากกระโจมใหญ่ที่อยู่ตรงกลางกองทัพ ผู้ฟังกำลังมีความสุขและผ่อนคลายจากการแสดงอันรื่นรมณ์นี้
หวงเซ่อหรี่ตาเล็กน้อย มือข้างหนึ่งถือแก้วสุราชั้นเลิศ มืออีกข้างเคาะโต๊ะเป็นจังหวะพร้อมกับเสียงดนตรีที่ดังคลอตลอดเวลา
ที่ด้านหน้ากระโจม นักดนตรีห้าหกคน บ้างดีดฉิน บ้างอุ้มผีผา กำลังบรรเลงเพลงกันอย่างคึกครื้น
“ดี เล่นได้ดี ตบรางวัล!” เมื่อดนตรีบรรเลงจบ หวงเซ่อดื่มสุราจนหมดแก้วแล้วจึงปรบมือ
ทหารที่ยืนยามอยู่ข้างๆ รีบแจกรางวัลที่เตรียมไว้ให้กับสาวงามอย่างมีความสุข เหล่านักดนตรีสาวงามทั้งหลายล้วนยิ้มแย้มและขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนจะจากไปอย่างมีความสุข
เฉินจิ้วที่ร่วมดื่มสุราด้วยกันยิ้มตาหยีและกล่าวว่า ”คุณชายเชี่ยวชาญทั้งศิลปะ วรรณกรรมและทักษะทางการทหาร ดูสูงส่งและสง่างาม ห่างกับข้าอยู่มากโข ซึ่งข้าไม่อาจเทียบท่านได้จริงๆ”
หวงเซ่อมีสีหน้าภูมิใจ เขายิ้มแล้วพูดว่า “ศาสตร์ความรู้ทั้งหกสำหรับมหาบุรุษ ทั้งมารยาทพิธี คีตดนตรี ยิงธนูขับรถม้า อักขระวิธี การคำนวณและดนตรีเป็นศิลปะบังคับ คุณชายอย่างข้าก็แค่เชี่ยวชาญอย่างผิวเผินอย่าพูดถึงมันเลย”
พูดจบ หวงเซ่อก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ จากนั้นก็กระแอมไออยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า ”ใช่แล้ว อีกอย่างเรื่องที่ข้านำสาวงามนักดนตรีเหล่านี้เข้ามาในค่ายทหาร ห้ามเจ้าบอกพ่อข้าเด็ดขาด เข้าใจไหม?”
หวงจู่ควบคุมกองทัพอย่างเคร่งครัด กฏของกองทัพคือห้ามจัดงานรื่นเริง เช่น ดื่มสุรา มีดนตรีในกองทัพโดยเด็ดขาด หวงเซ่อกลัวถูกเขาตำหนิจึงไม่กล้าบอกกล่าวให้บิดาของตนรู้
เฉินจิ้วยิ้มในใจ รีบพูดว่า ”คุณชายโปรดวางใจ ข้าน้อยทราบดี”
หวงเซ่อพยักหน้าอย่างพึงพอใจ เขาดื่มสุราอีกจอกแล้วถามว่า ”จริงซิ ตอนนี้ทางปี่หยางเป็นอย่างไรบ้าง พวกโจรกบฏโพกผ้าเหลืองโจมตีปี่หยางได้หรือไม่?”
เฉินจิ้วยิ้มตาหยีตอบว่า ”เมื่อวานเพิ่งได้รับรายงานว่า จิวฉองหัวหน้าโจรกบฏโพกผ้าเหลืองได้นำกองทัพจำนวนสามพันคนบุกเข้าโจมตีเมืองปี่หยาง คาดว่าวันนี้คงจะเริ่มการโจมตีแล้ว ยามนี้ ซูเจ๋อผู้นั้น อาจจะได้รับบาดเจ็บหรือไม่ก็ถูกตัดหัวไปแล้วก็ได้”
มุมปากของหวงเซ่อยกเยาะขึ้น เขาซดสุรารวดเดียวหมด ”ทันทีที่เมืองปี่หยางแตก พวกเราก็จะเคลื่อนทัพทันที รอให้พวกโจรกบฏโพกผ้าเหลืองถล่มเมืองปี่หยางและทิ้งเมืองจากไปแล้ว เราค่อยฉวยโอกาสนี้เอาปี่หยางคืนมา โดยที่พวกเราไม่ต้องเสียกำลังทหารเลยสักคน
ดวงตาของเฉินจิ้วสั่นระริก รีบยกนิ้วโป้งขึ้นเพื่อยกย่องชมเชย ”คุณชายหวงเซ่อช่างปราดเปรื่องจริงๆ แผนดึงเวลาของคุณชายไม่เพียงช่วยกำจัดเสี้ยนหนามให้สิ้นซากเท่านั้น สุดท้ายยังสามารถรักษาชื่อเสียงของท่านไว้ได้อีกด้วย!”
“แมลงตัวเล็กๆ เช่นเจ้าซูเจ๋อ มันไม่คุ้มค่าที่จะพูดถึง พวกเรามาดื่มสุรากันต่อดีกว่า ฮ่าๆ...” หวงเซ่อพูดอ๋อมแอ้มถ่อมตัว และยิ้มอย่างพอใจ
ขณะที่เขายกแก้วขึ้น ทหารที่กำลังฏิบัติหน้าที่ด้านนอกก็รีบร้อนเข้ามาทำมือคารวะแล้วพูดว่า ”รายงานคุณชาย เราเพิ่งได้รับสารจากเมืองปี่หยางขอรับ นายอำเภอเมืองปี่หยางแซ่ซูผู้นั้นได้รับชัยชนะครั้งใหญ่ เขาสามารถปราบปรามโจรกบฏโพกผ้าเหลือง ด้วยการตัดหัว หัวหน้าโจรหุยง่วนเสี่ยว จับเป็นหัวหน้าโจรจิวฉอง สังหารโจรไปกว่าสองพันคน ส่วนโจรกบฏโพกผ้าเหลืองที่เหลือทั้งหมด ยอมมอบตัวสวามิภักดิ์ต่อนายอำเภอซูแล้วขอรับ”
เคร้ง !
มือของหวงเซ่อถึงกับสั่นจนเผลอทำจอกสุราที่กำลังจะดื่มเข้าปากหลุดมือ ใบหน้าแข็งเกร็งขึ้นทันทีเพราะความประหลาดใจ