ตอนที่ 27 แม่ทัพหญิง
ในชั่วพริบตา ทหารม้าซีเหลียงยี่สิบนายถูกยิงจนร่วงไปกว่าครึ่งหนึ่งอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
แม่ทัพหญิงผู้นั้นตกตะลึง แต่นางกลับตอบสนองได้รวดเร็วเช่นกัน นางชักดาบออกมาปัดป้องลูกธนูที่จู่โจมเข้ามา
เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้คนของซีเหลียงเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
ทว่าแม่ทัพหญิงมิได้คำนึงถึงเรื่องความเสียเปรียบ นางตะโกนด้วยความโกรธว่า “บุกเข้าไปในป่า ฆ่าพวกโจรเหล่านี้ให้หมด!”
นางออกคำสั่ง ทหารม้าซีเหลียงที่ดุดันสิบกว่านายที่ยังเหลืออยู่ ขึ้นคันธนูโต้กลับ แล้วจู่โจมเข้าไปในป่า
ซูเจ๋อผู้ที่ยืนชมความบันเทิงอยู่ด้านข้าง หัวเราะอย่างเย็นชาแล้วกล่าวว่า “หญิงสาวผู้นี้ไม่มีความรู้ด้านพิชัยสงคราม ทหารม้าเข้าป่าไปแล้วต้องเสียเปรียบแน่!”
เป็นดังที่คาดไว้ เพียงทหารม้าซีเหลียงพุ่งเข้าป่า นักฆ่าชุดดำกว่าสามสิบนายที่ดักซุ่มอยู่ แม้ว่าจะไม่อาจใช้อำนาจจากธนูได้ แต่กลับล้อมเข้ามา พุ่งเข้าใส่ทหารม้าซีเหลียงเหล่านั้นจากทุกทิศทุกทาง
ทหารม้าสูญเสียอำนาจในการจู่โจมในป่า มิหนำซ้ำจำนวนที่น้อยลง ไม่นานก็ตกอยู่ในสถานการณ์ถูกล้อมฆ่า ในชั่วพริบตาม้าหลายตัวก็ถูกโค่นลงกับพื้น
คนของซีเหลียงถูกฆ่าจนเกลี้ยง เหลือเพียงแค่ปัญหาทางเวลา
“คุณชาย เราควรช่วยสักหน่อยไหม?” จิวฉองกุมมีดพร้อมเอ่ยปากถาม
พอซูเซี๋ยวเสี่ยวได้ยิน ก็รีบพูดว่า “นี่เกี่ยวอะไรกันกับพวกเรา ให้พวกเขาสู้กันให้จบ แล้วเราก็แสร้งทำเป็นว่าไม่เห็น ค่อยเดินทางต่อก็พอ”
สิ้นเสียงลง ซูเจ๋อก็เคาะลงบนหัวของนาง แล้วด่าไปหนึ่งคำว่า “เด็กโง่”
ซูเซี๋ยวเสี่ยวเบะปาก มองซูเจ๋ออย่างไม่พอใจ
จากนั้นซูเจ๋อก็พูดช้าๆ ว่า “นักฆ่าพวกนี้ตะโกนคำขวัญจะสังหารคนตระกูลตั๋ง แสดงให้เห็นถึงพลังต่อต้านตั๋งโต๊ะในฉางอัน พวกเรามาในนามทูตของราชสำนักแทนหลิวจิ่งเซิ่ง เท่ากับว่ายอมรับการควบคุมของตั๋งโต๊ะที่มีต่อราชสำนัก หากเรานิ่งเฉย แล้วเรื่องแพร่ออกไป ต้องถูกตั๋งโต๊ะลงโทษอย่างแน่นอน”
เมื่อหัวข้อสนทนาเปลี่ยนไป ซูเจ๋อก็ได้พูดต่อไปว่า “ยิ่งไปกว่านั้น เราเห็นการฆ่าของนักฆ่าพวกนี้กับตา แม้ว่าเราจะแสร้งว่าไม่เห็น แล้วคิดว่าพวกมันจะปล่อยพวกเราไปหรือ?”
“อ๋อ อย่างนี้เอง” ซูเซี๋ยวเสี่ยวขมวดคิ้ว “เช่นนั้นความหมายของคุณชายคือ ไม่ว่าอย่างไรพวกเราก็ต้องออกตัวช่วยสินะ”
ซูเจ๋อมองไปทางจิวฉอง โบกมือว่า “จื่อเฟิง มัวรออะไรอยู่ หากช้ากว่านี้ คนของซีเหลียงจะถูกฆ่าตายหมดสิ้น”
จิวฉองเข้าใจ เขาชักมีดออกมาแล้วตะโกนว่า “เจ้าพวกนักฆ่าลูกหมาเอ้ย ชีวิตพวกเจ้าจบแล้ว พวกเราพี่น้อง ตามข้ามาฆ่าพวกมันให้เต็มที่!”
จิวฉองขึ้นม้า ทหารยามกว่าห้าสิบนาย แห่กันเข้าไปในป่า ฟันดาบเข้าใส่นักฆ่า
เมื่อกองทัพตระกูลซูร่วมรบ สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปทันที
เดิมทีนักฆ่าเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่กลับถูกกองทัพตระกูลซูที่บุกฆ่าอย่างกะทันหัน เกิดเป็นความโกลาหลในชั่วพริบตา บาดเจ็บสาหัสล้มตาย
แม่ทัพหญิงฟันนักฆ่าไปคนหนึ่ง มองดูกำลังสนับสนุนที่เพิ่มเข้ามาอย่างกะทันหัน อดไม่ได้ที่จะมีสีหน้าประหลาดใจ แล้วมองไปยังซูเจ๋อที่อยู่ไกลออกไปด้านนอกป่า
ซูเจ๋อพยักหน้าเบาๆ กล่าวทักทายนางอยู่ไกลๆ
แม่ทัพหญิงมีสายตาระแวงสงสัย เห็นได้ชัดว่าคิดไม่ออกว่า ทหารม้าเหล่านี้ทำไมถึงต้องเข้ามายุ่งเรื่องของผู้อื่นหาเรื่องใส่ตัว
ในขณะที่นางใจลอยอยู่นั้นเอง ก็มีนักฆ่าคหนึ่งกระโดดลงมาจากต้นไม้ ฟาดดาบเล่มใหญ่ใส่หัวนางจากด้านหลัง
ซูเจ๋อสีหน้าเปลี่ยนไป ตะโกนออกไปอย่างไม่ต้องคิดว่า “ระวัง!”
แม่ทัพหญิงเองก็ตอบสนองเร็วเช่นกัน เมื่อได้ยินการเตือนของซูเจ๋อ ทันใดนั้นก็รู้สึกได้ว่ามีคนเข้าจู่โจมจากทางด้านหลัง หลบตัวออกไปด้านข้างด้วยสัญชาตญาณ
ฉั้วะ!
คมดาบเฉือนเข้าที่ไหล่ของนาง เกือบจะแทงเป็นรู แม่ทัพหญิงร้องเสียงต่ำอย่างเจ็บปวด ทนเจ็บและรีบฟันดาบสวนกลับไป
เลือดสดกระเซ็น นักฆ่าคนนั้นที่ยังลงไม่ถึงพื้น ถูกดาบตัดแขนออก ล้มลงบนพื้นแล้วร้องด้วยความเจ็บปวด
“ดีที่นางตอบสนองได้เร็ว” ซูเจ๋อแอบถอนหายใจ
ถึงแม้ว่าแม่ทัพหญิงจะบาดเจ็บเล็กน้อย แต่ก็ยังหลบอันตรายไปได้และไม่ได้รับบาดเจ็บมากมาย อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองซูเจ๋อด้วยสายตาซาบซึ้งใจ
ภายในเวลาไม่นาน ทหารม้าซีเหลียงก็ร่วมมือกันกับกองทัพของตระกูลซู กวาดล้างนักฆ่าจนหมด นอกจากผู้บาดเจ็บที่ต่อสู้ดิ้นรนแล้ว ที่เหลือถูกฆ่าทั้งหมด
การต่อสู้จบลง ซูเจ๋อจึงควบม้าเข้ามาในป่า ย่ำผ่านพื้นที่คลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือด มาถึงด้านหน้าของแม่ทัพหญิง
ตอนนี้นางได้ผูกปากแผลเรียบร้อยแล้ว เมื่อเห็นซูเจ๋อเข้ามา จึงยกมือขึ้นคำนับเบาๆ พร้อมพูดว่า “ขอบคุณคุณชายที่ยื่นมือเข้าช่วย ไม่ทราบว่าคุณชายมีชื่อเสียงเรียงนามว่าอะไร”
น้ำเสียงที่นางพูด ใสและชัดเจนราวกับเสียงของสายธนู แม้ว่าตอนนี้จะพูดขอบคุณอยู่ แต่มันกลับทำให้รู้สึกได้ถึงความแหลมคมบางอย่างที่ไม่อาจจับต้องได้
ซูเจ๋อเองก็ยกมือคารวะว่า “ข้าซูเจ๋อ ได้รับคำสั่งจากใต้เท้าโจวมู่เล่าจิ่งเซิงเดินทางมาถวายเครื่องบรรณาการ และเข้าพบใต้เท้าตั๋ง เจอเข้ากับกลุ่มโจรนี้พอดี การออกตัวเข้าช่วยเหลือถือเป็นส่วนหนึ่งของงานข้า”
ซูเจ๋อรู้ว่านางเป็นคนของกองทัพตระกูลตั๋ง ดังนั้นจึงจงใจเพิ่มคำว่า “เข้าพบใต้เท้าตั๋ง” เข้าไป
“ที่แท้เป็นทูตของใต้เท้าโจวมู่นี่เอง” แม่ทัพหญิงพยักหน้า “วันนี้ท่านช่วยข้า ข้าเป็นหนี้บุญคุณท่านแล้ว วันข้างหน้าจะต้องตอบแทนท่านเป็นสิบเท่าอย่างแน่นอน”
ซูเจ๋อหัวเราะเรียบ “เรื่องนั้นไม่จำเป็นหรอก อย่างที่พูดไป นี่เป็นส่วนหนึ่งของงาน ไม่จำเป็นต้องตอบแทน”
แม่ทัพหญิงขมวดคิ้ว แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “ข้าบอกว่าจะตอบแทนก็ต้องตอบแทนสิ ข้าไม่เคยติดหนี้บุญคุณใคร”
“เช่นนั้น......คุณหนูยินดีก็ตามนั้น” ซูเจ๋อทำได้เพียงเล่นตามน้ำไป ใจคิดว่านิสัยของผู้หญิงคนนี้ยังคงหยิ่งยโส ไม่รู้ว่าเป็นลูกสาวจากตระกูลไหน
จากนั้นเขาก็ถามขึ้นอีกครั้งว่า “ข้าแซ่ซู ยังไม่ทราบชื่อแซ่ของคุณหนูเลย?”
“ข้าชื่อ......”
ในขณะที่แม่ทัพหญิงกำลังจะตอบนั้นเอง ลูกน้องของนางกลุ่มหนึ่งก็ได้จับนักฆ่าที่รอดชีวิตสี่คนเข้ามา แล้วโยนพวกมันลงมาที่หน้าม้าของนาง ขัดจังหวะคำพูดของนาง
แม่ทัพหญิงมองนักฆ่าหัวจรดเท้านัยน์ตาเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกอย่างถึงที่สุด แล้วตะโกนด้วยน้ำเสียงแสบแก้วหูว่า “บอกข้ามา กลุ่มโจรของพวกเจ้ารับคำสั่งจากผู้ใด ถึงกล้ามาลอบฆ่าคุณหนูอย่างข้า!”
นักฆ่าแขนขาดคนนั้น กัดฟันพุ่งตัวเข้าใส่นางแล้วร้องด้วยความโกรธว่า “นังสารเลว วันนี้พวกข้าฆ่าเจ้าไม่ได้ กองทัพเฟิ่งเซียน (ลิโป้) ของตระกูลข้า ไม่ช้าเร็วจะต้องทำลายคนชั่วอย่างพวกเจ้าแน่นอน!”
เฟิ่งเซียน! (ลิโป้)
สีหน้าของแม่ทัพหญิงเปลี่ยนไป เห็นได้ชัดว่านางรู้จักผู้สั่งการเบื้องหลัง นางตกใจอย่างมากเมื่อรู้ว่าเป็นลิโป้
ซูเจ๋อเองก็แปลกใจมากเช่นกัน ไม่คิดว่าการที่ตัวเองเดินทางเป็นทูตมายังฉางอันครั้งนี้ จะได้เจอฉากที่น่ากลัวแบบนี้ทั้งที่ยังไม่ทันได้เข้าสู่ฉางอันด้วยซ้ำ
“เจ้าจะบอกว่า พวกเจ้ารับคำสั่งจากลิโป้มาฆ่าข้าอย่างนั้นหรือ!” แม่ทัพหญิงตะโกนถามอีกครั้ง
นักฆ่าแขนขาดเงยหน้าขึ้น แล้วพูดด้วยความเคียดแค้นว่า “พวกข้าฆ่าสารเลวอย่างเจ้าไม่ได้หรอก มีคำสั่งจากท่านแม่ทัพเฟิ่งเซียน ต้องฆ่าก็ฆ่า พวกข้าไม่อาจขัดคำสั่งได้”
นักฆ่าที่เหลือต่างพากันเงยหน้าด้วยความฮึกเหิม แสดงความเต็มใจที่จะตายเพื่อลิโป้
แม่ทัพหญิงโกรธ ตะโกนด่าว่า “ให้ตายสิ ลิโป้ เจ้าคนจิตใจเหี้ยมโหดเยี่ยงหมาป่า กล้าจู่โจมคิดฆ่าข้า ข้าจะพาพวกนักฆ่าเหล่านี้กลับไปที่ฉางอันด้วย เปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของพวกเจ้า!”
พูดจบ แม่ทัพหญิงก็ตะโกนสั่งลูกน้องที่เหลือ ให้มาลากนักฆ่าเหล่านี้ลุกขึ้นกลับฉางอัน
“ช้าก่อนคุณหนู” ซูเจ๋อเข้ามาขวางนาง
แม่ทัพหญิงหันกลับมา พูดด้วยน้ำเสียงเรียบว่า “หนี้บุญคุณของท่าน ข้าจะชดใช้คืนแน่นอน ตอนนี้ข้าไม่มีเวลามาเสียไปกับท่านอีก ข้าจะต้องรีบกลับฉางอัน”
แต่ซูเจ๋อกลับไม่รีบร้อน เพียงแค่ยัดถั่วปากอ้าเข้าปากแล้วหัวเราะ “ข้าน้อยเพียงแต่คิดว่า การที่คุณหนูพานักฆ่ากลับฉางอันด้วยท่าทีที่เกรี้ยวกราดเช่นนี้ เพื่อเปิดเผยโฉมหน้าของแม่ทัพลิโป้ เกรงว่าจะเป็นการติดกับดักของโจรชั่วเสียมากกว่า”
แม่ทัพหญิงขมวดคิ้ว หันม้ากลับมาแล้วพูดอย่างไม่เข้าใจว่า “ท่านพูดแบบนี้หมายความว่าอะไร?”
ซูเจ๋อพูดอย่างไม่รีบร้อนว่า “แม่ทัพลิโป้เป็นบุตรบุญธรรมของใต้เท้าตั๋ง ในมือกุมอำนาจของทหาร ด้วยอำนาจของแม่ทัพลิโป้ หากคิดหักหลังใต้เท้าตั๋งจริงๆ แน่นอนว่าจะต้องวางแผนโดยรวมและลงมือกับใต้เท้าตั๋งโดยตรง จะมาเสียเวลากับการวางแผนฆ่าคุณหนูอีกทำไม แม้ว่าจะสำเร็จแล้ว เขาจะไม่กลัวว่าจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นหรอกหรือ?”
แม่ทัพหญิงคิดไตร่ตรอง เหมือนว่าจะเข้าใจอะไรบางอย่าง
ซูเจ๋อพูดต่อไปอีกว่า “อีกประการหนึ่ง ปากของนักฆ่าพวกนี้บอกว่าภักดีต่อแม่ทัพลิโป้ ถึงกับยอมตายเพื่อเขาได้ แต่ทำไมพวกเขาถึงเอ่ยปากบอกกับท่านว่าแม่ทัพลิโป้เป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลัง นี่จะไม่เป็นการชี้เป้าให้แม่ทัพลิโป้ตกอยู่ในอันตรายหรอกหรือ? แท้จริงแล้วพวกเขาภักดีต่อแม่ทัพลิโป้จริงหรือ? หรือต้องการคำอ้างนี้มาฆ่าแม่ทัพลิโป้กันแน่?”
แม่ทัพหญิงตระหนักขึ้นได้ นางแลดูตกใจแล้วพูดว่า “ความหมายของท่านคือ ผู้อยู่เบื้องหลังคือคนอื่น พวกเขาเพียงแค่จงใจเรียกตัวเองว่าเป็นลูกน้องของแม่ทัพลิโป้ เพื่อคิดที่จะยุยงให้แตกแยกกันใช่หรือไม่?”
“คุณหนูช่างปราดเปรื่อง” ซูเจ๋อยกกำปั้นขึ้นมา เขาหัวเราะพร้อมกับพยักหน้า
ตอนนี้ นักฆ่าไม่กี่คนนั้นก็เริ่มร้อนรน ปากก็ตะโกนด่าซูเจ๋อเสียงดัง หาว่าซูเจ๋อพูดจาเหลวไหล บอกว่าภายในใจของตนนั้นภักดีต่อลิโป้ที่สุด......
แต่ทว่า ทักษะการแสดงของพวกเขากลับค่อนข้างห่วย การแหกปากตะโกนด่าในตอนนี้ กลับทำให้เรื่องที่ปกปิดไว้มีพิรุธยิ่งขึ้นมากว่าเดิม
แต่แม่ทัพหญิงกลับไม่เชื่อพวกเขาอีกต่อไป นางตะโกนว่า “ลากพวกโจรไร้สัจจะพวกนี้กลับไปฉางอัน แล้วลงโทษอย่างหนัก ต้องทำให้พวกมันบอกข้าให้ได้ว่าใครบงการอยู่เบื้องหลัง”
สิ้นคำสั่งของนาง ซูเจ๋อก็กระแอมออกมาเล็กน้อย
แม่ทัพหญิงที่อยู่บนม้ามองมาทางเขาอีกครั้ง แล้วถามว่า “ทำไม เจ้ายังรู้สึกว่ามีอะไรไม่เหมาะสมอย่างนั้นหรือ?”
ซูเจ๋อจึงพูดว่า “นักฆ่าพวกนี้จะยอมรับผิดเพราะทนทรมานไม่ไหวหรือไม่ ก็ไม่อาจรู้ได้ แต่เรื่องนี้เกรงว่าจะไม่อาจปิดบังความจริงได้ ไม่นานแม่ทัพลิโป้ต้องรู้เรื่องที่มีมือสังหารอ้างตนว่าอยู่ใต้บังคับบัญชาของเขา กำลังถูกทรมานไต่สวนอยู่ ถึงตอนนั้น เกรงว่าแม่ทัพลิโป้จะรู้สึกอันตราย และอาจทำให้ในใจของเขาเกิดความรู้สึกระแวงต่อใต้เท้าตั๋งอย่างเลี่ยงไม่ได้ ในทางกลับกัน เขาอาจใช้ความต้องการในใจที่แอบแฝงอยู่ผ่านโจรพวกนี้ก็เป็นได้”
แม่ทัพหญิงไตร่ตรองอีกครั้ง สายตาอันเฉียบแหลมของนางเผยให้เห็นว่านางกำลังคิดไปคิดมาหลายตลบ เห็นได้ชัดว่าในใจกำลังคิดตามสิ่งที่ซูเจ๋อพูด
หลังจากนั้น แม่ทัพหญิงก็พยักหน้าแล้วพูดขึ้นว่า ”ท่านวิเคราะห์ได้อย่างมีเหตุผล เช่นนั้นจากมุมมองของท่าน ข้าควรจะจัดการเรื่องนี้เช่นไร?”
“เรื่องนี้หรือ......”
ซูเจ๋อใช้ปลายนิ้วจิ้มหน้าผาก “คนที่อยากมาฉางอันและคนที่อยากจะยุแยงให้แม่ทัพลิโป้กับใต้เท้าตั๋งแตกคอกันมีไม่น้อย แม้ว่าจะไต่สวนจนรู้ถึงตัวผู้อยู่เบื้องหลัง ก็เป็นเพียงแค่การกำจัดคนทิ้งไปคนหนึ่งเท่านั้นเอง กรณีนี้ การไม่เกิดเรื่องขึ้นจะเป็นการดีกว่า”
ซูเจ๋อไม่ได้ตอบชัดเจน ถึงอย่างไรแล้วกองกำลังต่อต้านตระกูลตั๋งเหล่านั้น ก็ไม่ได้ขัดต่อผลประโยชน์ของเขา วันนี้เขาเพียงแค่บังเอิญมาประสบ ด้วยสถานการณ์ที่บังคับ จึงยืนฝั่งตรงข้ามกับพวกต่อต้านตระกูลตั๋งอย่างช่วยไม่ได้ การให้คำแนะนำแม่ทัพหญิงผู้นี้ ก็แค่ทำพอเป็นพิธีเท่านั้น
“พวกเจ้า จัดการเอาพวกมือสังหารเหล่านี้ไปฆ่าทิ้งซะ”
แม่ทัพหญิงฉลาดมาก เข้าใจความหมายของซูเจ๋อในทันที นางออกคำสั่งฆ่าอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย
ยังไม่ทันสิ้นเสียงคำสั่ง ทหารซีเหลียงก็ยกดาบขึ้น ตัดหัวเชลยศึกมือสังหารที่เหลืออยู่ไม่กี่คนอย่างไม่ใยดี
เห็นศีรษะคนหล่นลงบนพื้นทีละหัว ซูเซี๋ยวเสี่ยวรีบหลับตาด้วยความหวาดกลัว แล้วหลบไปอยู่หลังซูเจ๋อ
แต่ซูเจ๋อไม่ได้แสดงอาการใดๆ เพียงแค่แอบอุทานในใจว่า “พวกเจ้าสามารถยอมตายเพื่อต่อต้านตระกูลต๋งได้ นับว่าเป็นลูกผู้ชายตัวจริง กลับถึงฉางอันยังต้องรับการทรมานไต่สวนไม่มีที่สิ้นสุด สุดท้ายอาจไม่พ้นต้องตาย ข้าจึงคิดอยากให้พวกเจ้าหลุดพ้นจากความทรมาน ได้ตายอย่างมีความสุขเสียตอนนี้ดีกว่า......”
เมื่อฆ่าคนเสร็จ ป่าก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง
แม่ทัพหญิงโบกมือให้ซูเจ๋อ “ท่านช่วยข้าวิเคราะห์แผนชั่วของพวกโจรโฉด เท่ากับว่าข้าเป็นหนี้บุญคุณท่านอีกครั้ง หนี้บุญคุณสองครั้งนี้ ข้าจะต้องตอบแทนท่านอย่างแน่นอน”
พูดจบ แม่ทัพหญิงก็ไม่ได้พูดจามากความ นางลงแส้ตีม้าแล้วควบออกไปอย่างรวดเร็วปานสายลม
“คุณหนู ข้ายังไม่รู้จักชื่อแซ่ของคุณหนูเลย?” ซูเจ๋อนึกขึ้นได้ จึงร้องถามออกไป
“ในเมื่อท่านเป็นทูตของจิงโจว ไม่ช้าพวกเราคงได้พบกันอีก ถึงตอนนั้นเดี๋ยวท่านก็รู้”
แม่ทัพหญิงยิ้มตอบ แขนฟาดม้าศึกอย่างแรงพร้อมควบม้าออกไปท่ามกลางฝุ่นตลบ
ชั่วพริบตาเหลือไว้เพียงฉากแผ่นหลังสีแดง….