px

เรื่อง : ข้ามีดาวเที่ยมในยุคสามก๊ก (นิยายแปล) ปลดล๊อคตอนฟรี 3 วัน 1 ตอน
ตอนที่ 30 คิดจะจัดฉากให้ข้าตายคาที่รึ!


ตอนที่ 30 คิดจะจัดฉากให้ข้าตายคาที่รึ!

 

สุดแผนที่ ปรากฏมีดสั้น1!

 

คิดไม่ถึงว่าเงาฮู ต้องการลอบสังหารตั๋งโต๊ะ!

 

หากผู้จงรักภักดีของราชวงศ์ฮั่นเหล่านั้น คิดจะลอบสังหารตั๋งโต๊ะ ซูเจ๋อควบคุมไม่อยู่แน่นอน แต่ตอนนี้พวกเขาใช้ประโยชน์จากของกำนัลที่ตนนำมา แอบซ่อนมีดสั้นเพื่อใช้ลอบสังหาร ส่วนตนต้องกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดของพวกเขาอย่างนั้นหรือ ฉะไหนเลยซูเจ๋อจะไม่อยากเตือนให้ตั๋งโต๊ะรู้ตัว

 

ในชั่วพริบตาที่เขาร้องเตือนนั้นเอง เงาฮูก็คว้ามีดสั้นขึ้นมา แล้วแทงไปที่หัวใจของตั๋งโต๊ะ

 

ระยะที่ใกล้ ทั้งยังเป็นเหตุการณ์ที่กะทันหันขนาดนี้ ถ้าหากตั๋งโต๊ะไม่ได้มีการเตรียมป้องกันไว้เลย คงต้องตายคาที่เป็นแน่

 

ทว่าเสียงเตือนของซูเจ๋อ กลับช่วยชีวิตของเขาเอาไว้

 

ภายใต้สัญชาตญาณเดิมของความเป็นทหาร ในขณะที่ตั๋งโต๊ะตกใจนั้นเอง เขาได้เอนร่างกายที่อ้วนท้วมของเขาไปข้างหลังอย่างคล่องแคล่ว

 

ด้วยระยะห่างนี้ บวกกับโต๊ะที่กั้นอยู่ จึงทำให้มีดสั้นในมือของเงาฮูหยุดห่างออกไปเพียงหนึ่งนิ้ว และไม่สามารถเข้าใกล้ไปกว่านั้นได้

 

“จับมันไว้! จับมันให้ข้า!” ตั๋งโต๊ะที่กลิ้งอยู่บนพื้น ร้องตะโกนขึ้น

 

ด้วยเหตุการณ์ที่กะทันหัน เหล่าทหารคุ้มกันซ้ายขวาจึงไม่ทันได้ตอบสนอง จนกระทั่งตอนที่ตั๋งโต๊ะตะโกนขึ้น พวกเขาถึงรู้สึกตัวขึ้นมา แล้วพุ่งเข้ามาล้อมเงาฮูเอาไว้

 

เงาฮูผู้นั้นตะโกนเสียงดัง ต้องการจะใช้โอกาสนี้ฆ่าตั๋งโต๊ะให้ได้  แต่ไม่เป็นผล อาลักษณ์2 เช่นเขาย่อมมีศิลปะการต่อสู้ต่ำต้อย เขาจึงถูกจับกดลงบนพื้นและถูกมัดอย่างแน่นหนา

 

การลอบสังหารล้มเหลว!

 

ซูเจ๋อถอนหายใจ พลางแอบด่าในใจว่า  “กลุ่มต่อต้านตั๋งโต๊ะพวกนี้ คิดจะข้าฆ่าให้ตายจริงๆ แล้ว โชคดีที่ข้าความจำดี ไหวตัวเร็ว ไม่อย่างนั้นคงต้องถูกพวกป่าเถื่อนซีเหลียงพวกนี้ฆ่าตายตรงนี้ไปแล้ว”

 

เขาแอบดีใจอยู่ในใจ ขณะเดียวกันสายตาของเขามองกวาดดูเหล่าขุนนางระดับสูงรอบๆ แล้วเห็นว่าขุนนางจำนวนไม่น้อยแสดงสีหน้าเสียดายออกมา และหายไปอย่างรวดเร็ว

 

มีเพียงอ้องอุ้นผู้เดียวเท่านั้นที่ไม่แสดงสีหน้าใดๆ ไม่ส่งเสียง จนดูไม่ออกว่าดีใจหรือโกรธ

 

ต้องรู้ว่าในประวัติศาสตร์ อ้องอุ้นผู้นี้เป็นผู้ที่ลอบสังหารและกำจัดตั๋งโต๊ะด้วยมือของตัวเอง เรียกได้ว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังของกลุ่มต่อต้านตั๋งโต๊ะก็ว่าได้

 

แต่ตอนนี้เขาเห็นการลอบสังหารตั๋งโต๊ะล้มเหลว ทว่ากลับไม่ได้แสดงอาการเสียใจออกมาสักนิด แสดงว่าเป็นคนที่สุขุมยิ่งนัก

 

‘อ้องอุ้นผู้นี้ ถือว่าเป็นจิ้งจอกเฒ่าจริงๆ ซ่อนตัวได้ลึกพอเลยทีเดียว......’ ซูเจ๋อแอบไตร่ตรอง

 

ตอนนี้ ภายในห้องโถงกลับคืนสภาพเดิม จากความโกลาหลสั้นๆ เมื่อสักครู่ ทหารและผู้คุมหลายร้อยคนกรูเข้ามาจัดวางกำลังตามด้านหลังของขุนนางแต่ละคน เพิ่มการควบคุมให้เข้มงวดขึ้น ป้องกันมิให้มีผู้ใดฉวยโอกาสลอบสังหารซ้ำอีก

 

“ตั๋งโต๊ะ เจ้ากบฏบ้านเมือง เจ้าไม่ควรได้ตายดี”

 

เงาฮูที่ถูกกดอยู่บนพื้น ไม่สามารถขยับตัวได้ ทว่าปากกลับกร่นด่าไม่หยุด เสียงตะโกนด่าของเขาดังก้องอยู่ในห้องโถง

 

ตอนนี้ตั๋งโต๊ะถูกทหารมือซ้ายและขวาประคองให้ลุกขึ้นมาจากพื้น และกำลังยุ่งอยู่กับการจัดเสื้อผ้าของเขา สีหน้าตกใจของเขาเมื่อครู่นี้ทำให้เขาดูตื่นตระหนกในสายตาของทุกคนตรงหน้า เขาต้องการเวลาเพื่อกู้คืนภาพลักษณ์ที่โหดเหี้ยมของเขาให้กลับมาอีกครั้ง

 

ตั๋งโต๊ะที่ได้สติกลับมาแล้ว ในใจของเขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอย่างมาก เขาก้าวมาด้านหน้าแล้วเหยียบลงบนหน้าของเงาฮูอย่างรุนแรง แล้วด่าด้วยความโกรธว่า  “เอาล่ะเจ้าสุนัขกบฏ ข้าเลี้ยงดูเจ้ามาอย่างดี คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะกล้าลอบสังหารข้า! บอกมา มีใครสมคบคิดกับเจ้าบ้าง?”

 

“กบฏตั๋งโต๊ะ การสังหารกบฏของบ้านเมืองเช่นเจ้า ถือเป็นหน้าที่ของผู้คนบนโลกนี้ หาต้องมีผู้สมคบคิดไม่ ข้าแค่เกลียดที่ไม่สามารถแทงเจ้าให้ตายได้ด้วยมีดของข้า  ข้าเกลียดเจ้ายิ่งนัก”

 

เงาฮูที่ถูกเตะจนฟันหลุดยังคงไม่ยอมแพ้ กระทั่งอาเจียนเป็นเลือดก็ยังคงตะโกนด่าไม่หยุด

 

ทำให้ตั๋งโต๊ะยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่ เขาตัดสินใจแย่งค้อนเหล็กมาจากทหารยาม ยกมันขึ้นแล้วทุบไปยังมือซ้ายของเงาฮูอย่างไร้ปราณี

 

ปึง!

 

เสียงอู้อี้ที่ชัดเจนดังขึ้น ทันใดนั้นมือซ้ายของเงาฮูก็ถูกทุบจนเละเลือดกระจายไปทั่วพื้น เงาฮูร้องโหยหวนขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดแทบขาดใจ ร่างกายของเขาชักกระตุกอย่างรุนแรงไม่หยุด

 

“บอกมา! ใครเป็นผู้ร่วมสมคบคิดกับเจ้ากันแน่?” ตั๋งโต๊ะยกค้อนเหล็กที่เปื้อนเลือดขึ้นมา ถามด้วยน้ำเสียงหอบด้วยความโกรธ

 

เงาฮูทนความเจ็บปวดสาหัส ในปากตะโกนด่าเสียงสั่นอย่างโกรธแค้นว่า  “กบฏตั๋งโต๊ะ มีเพียงข้าคนเดียวที่ต้องการฆ่าเจ้า เจ้าคิดเพ้อเจ้อให้ข้าเชื่อมโยงไปยังคนอื่น หากเจ้ามีความสามารถพอก็ฆ่าข้าเลยสิ ฆ่าข้าเลย”

 

เสียงร้องอันน่าเวทนาดังขึ้นอีกครั้ง

 

ตั๋งโต๊ะทุบค้อนลงไปอีกครั้ง มือขวาอีกข้างของเงาฮูก็ถูกทุบจนเละไปด้วย

 

สองมือถูกทุบจนแหลกละเอียด ทว่าเงาฮูยังคงตะโกนด่าเสียงดัง ไม่ยอมสารภาพเรื่องผู้ร่วมสมคบคิดของตน ปากแข็งเสียยิ่งกว่าก้อนหิน

 

“ข้าสั่งให้เจ้าสารภาพ! สารภาพมา!”

 

ตั๋งโต๊ะที่โกรธจัดทั้งด่าและยกค้อนเปื้อนเลือดขึ้น แล้วทุบไปที่เท้า ขา และไหล่ของเงาฮูไม่หยุด ทั้งยังไม่ออมมือเลยแม้แต่น้อย

 

พวกโหดเหี้ยมและป่าเถื่อนอย่างชาวซีเหลียงชินกับภาพที่ป่าเถื่อนดุร้ายเช่นนี้มานานแล้ว แต่ละคนดูสงบนิ่งและไม่ทุกร้อนใจใดๆ

 

แต่เหล่าขุนนางชั้นสูงเหล่านั้น กลับถูกภาพอันโหดร้ายทารุณที่อยู่ตรงหน้านี้ทำให้หวาดกลัวเป็นอย่างมาก แต่ละคนสีหน้าซีดขาว ก้มหน้าไม่กล้ามอง และยังยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดเหงื่อที่หน้าผากไม่หยุดอีกด้วย 

 

สายตาของซูเจ๋อมองไปที่อ้องอุ้นอีกครั้ง

 

 

ในตอนนี้ อุปราชผู้ยิ่งใหญ่ยังคงสบนิ่งดั่งหินผา ไม่เห็นสีหน้าหวาดกลัว เพียงยืนดูเงาฮูที่ถูกทุบร่างจนแหลกเท่านั้น

 

“เขากลั้นใจได้หรืออย่างไรกัน” ซูเจ๋อแอบพยักหน้าชื่นชมอยู่ในใจ

 

ด้านบนนั้น ด้วยการทุบหลายสิบครั้ง เงาฮูถูกทุบจนเลือดเนื้อปนกันไปหมด ทั้งร่างกายบนล่าง เห็นจะมีแค่หัวที่ยังคงเหลือสภาพดีอยู่

 

“ข้าจะถามเจ้าครั้งสุดท้าย ใครสมคบคิดกับเจ้า!?” ตั๋งโต๊ะหายใจหอบ พร้อมกับยกค้อนขึ้นสูง บนค้อนยังคงมีเลือดหยดลงมาไม่หยุด

 

เงาฮูเหลือเพียงลมหายใจ ทว่ากลับยังคงกัดฟันด่าว่า  “กบฏตั๋งโต๊ะ เจ้าไม่ควรได้ตายดี แม้ว่าข้าตายเป็นผี ก็จะไม่มีวันปล่อยเจ้าไปแน่”

 

“เช่นนั้นเจ้าก็ไปเป็นผีเสียเถอะ!” ตั๋งโต๊ะแผดเสียงคำรามราวกับสัตว์ป่า ยกค้อนขึ้นสูงแล้วทุบลงไปอย่าแรง

 

ฉั๊วะ!

 

หัวของเงาฮูถูกทุบจนแตกละเอียดราวกับเปลือกแตงโม  เลือดสาดกระเซ็นไปทั่ว ถึงขั้นกระเซ็นไปโดนหน้าของเหล่าขุนนางชั้นสูงหลายคน รวมถึงอ้องอุ้นด้วย

 

ขุนนางเหล่านั้นตกใจจนตัวสั่น รีบเช็ดอย่างลนลาน หลายคนถึงกับคลื่นไส้สะอิดสะเอียน

 

แต่อ้องอุ้นยังคงสงบนิ่งเหมือนเดิม ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา เช็ดหยดเลือดบนหน้าออกอย่างสุภาพและไม่เร่งรีบ เขาไม่ได้แสดงอาการใดๆ ออกมาแม้แต่น้อย

 

หลังจากที่ทุบเงาฮูตายแล้ว ตั๋งโต๊ะก็ทิ้งตัวลงนั่ง พร้อมกับชี้นิ้วลงมายังเหล่าขุนนางด้านล่าง พลางตวาดขึ้นว่า  “ข้ารู้ ในหมู่พวกเจ้าจะต้องมีกบฏผู้สมคบคิดอยู่ รอให้ข้าให้ลิโป้ไปตรวจสอบอย่างละเอียด รับรองว่าพวกเจ้าจะต้องตายอย่างทรมานกว่าเจ้าโจรกบฏผู้นี้สิบเท่า และข้ายังจะฆ่าครอบครัวของเจ้าทั้งหมด ประหารพวกเจ้าไปเจ็ดชั่วโคตร!”

 

เสียงตวาดนี้ ก่อสงครามเย็นกับขุนนางด้านล่างอย่างไม่มีข้อยกเว้น พวกเขารีบหดหัวลงไป กลัวว่าจะถูกตั๋งโต๊ะสงสัยเข้า

 

แต่ในตอนนี้เอง อ้องอุ้นที่สงบนิ่งมาโดยตลอด กลับกระแอมขึ้น พร้อมกับยกมือขึ้นคารวะแล้วพูดว่า  “ใต้เท้า ข้าน้อยคิดว่า การลอบสังหารวันนี้มิได้เกี่ยวข้องกับทางราชสำนัก เห็นได้ชัดว่าน่าจะเป็นการสมคบคิดระหว่างเงาฮูและแม่ทัพต่างเมืองที่ต้องการวางแผนลอบฆ่าใต้เท้าอย่างเรียบง่าย”

 

“ แม่ทัพต่างเมือง? เงาฮูสมคบคิดกับใครกัน?” ตั๋งโต๊ะกระโดดทิ้งตัวลงนั่งอีกครั้ง พร้อมกับเบิกตากว้าง

 

“ผู้ที่สมคบคิดกับเงาฮู ก็คือเจ้าเมืองปกครองจิงโจว เล่าเปียวนั่นเอง!” น้ำเสียงของอ้องอุ้นเน้นหนักขึ้น จ้องมาที่ซูเจ๋อด้วยสายตาเย็นชา

 

สายตาของทุกคน หันมาจับจ้องยังซูเจ๋อที่ยืนอยู่ด้านหน้ามานานแล้วอย่างไม่ได้นัดหมาย

 

“ให้ตายสิ ข้ารู้อยู่แล้วว่ามีคนจะพุ่งเป้ามายังข้า เป็นอ้องอุ้นจริงๆด้วย.......” ซูเจ๋อแอบด่าในใจ ตระหนักได้ถึงความร้ายแรงของสถานการณ์

 

ประกายดุร้ายปรากฏขึ้นในดวงตาของตั๋งโต๊ะอีกครั้ง แล้วค่อยๆ มองมาที่ซูเจ๋อ

 

อ้องอุ้นชี้มือมาที่ซูเจ๋อ แล้วค่อยๆ พูดว่า  “เงาฮูรู้อยู่แล้วว่าไม่อาจนำอาวุธเข้าใกล้ใต้เท้าได้ ดังนั้นเล่าเปียวจึงได้ให้ซูเจ๋อผู้นี้แสร้งทำว่านำของกำนัลมาให้แก่ใต้เท้า ซ่อนมีดสั้นไว้ในม้วนภาพ เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ และในขณะที่ต้องมอบภาพวาดให้ใต้เท้าชื่นชมนั้นเอง ความจริงก็ปรากฏเมื่อสิ้นสุดรูปภาพ พวกเขาทำการจู่โจมลอบสังหารใต้เท้าโดยไม่ทันให้ตั้งตัว!”

 

ซูเจ๋อขมวดคิ้วด้วยความสงสัย การที่อ้องอุ้นใส่ร้ายป้ายสีเขาในตอนนี้ คิดจะฆ่าเขาให้ตายตรงนี้เลยสินะ!

 

ทำไมกัน?

 

ทำไมอ้องอุ้นจึงทำเช่นนี้?

 

ซูเจ๋อใช้ความคิด ค้นหาความรู้ในประวัติศาสตร์ของตนเอง วิเคราะห์สถานการณ์ของฝ่ายราชสำนักและราษฎร ขบคิดถึงเจตนาของอ้องอุ้นที่ทำเช่นนี้

 

ทันใดนั้นเอง ก็เกิดแสงสว่างวาบขึ้นมาในหัวของเขา เขาคิดออกแล้ว

 

ในช่วงแรกที่กองทัพสิบแปดแม่ทัพต่อต้านตั๋งโต๊ะ เล่าเปียวถืออำนาจการควบคุมทางทหารไว้ในมือ แต่ไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ เท่ากับว่าเป็นตบตาว่าสนับสนุนตั๋งโต๊ะ

 

แต่ในตอนนี้ เล่าเปียวก็ยังเป็นหนึ่งใน แม่ทัพต่างเมืองอีกด้วย เป็นเพียงไม่กี่คนที่มีความเคารพในฮ่องเต้ เป็นเจ้าเมืองปกครองที่มีการถวายเครื่องบรรณการแก่ฮ่องเต้เป็นครั้งคราว

 

ทุกคนรู้ดีว่าตั๋งโต๊ะควบคุมราชสำนักและขู่บังคับฮ่องเต้ การถวายเครื่องบรรณาการแก่ฮ่องเต้ก็เท่ากับว่าเป็นการแสดงความเคารพต่อตั๋งโต๊ะรูปแบบหนึ่ง

 

ทว่าในประวัติศาสตร์ อ้องอุ้นกลับเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการวางแผนลอบสังหารตั๋งโต๊ะ หากคำนวณความสัมพันธ์นี้ การที่เล่าเปียวสนับสนุนตั๋งโต๊ะก็จะกลายเป็นศัตรูของเขา

 

“เป็นอย่างนี้นี่เอง ไม่แปลกที่เขาจะฉวยโอกาสนี้ ยุแยงความสัมพันธ์ของเล่าเปียว และยังจะกำจัดเขาคาที่อีกด้วย สันนิษฐานว่าการลอบสังหารในวันนั้น ก็เป็นแผนที่อ้องอุ้นอยู่เบื้องหลัง ดังนั้นวันก่อนเขาจึงได้มีท่าทีเช่นนั้นต่อข้า......”

 

ตอนที่ซูเจ๋อรู้สึกตัว ตั๋งโต๊ะก็เดือดดาลเต็มที่แล้ว เขาตบโต๊ะแล้วตะโกนด่าว่า  “เล่าเปียวเจ้าคนจอมปลอม ไม่คิดเลยว่าจะคิดวางแผนลอบสังหารข้า ทหาร จับตัวซูเจ๋อผู้นี้เอาไว้ มัดกับม้าแล้วแยกร่างของมันเอาไปให้หมากิน!”

 

สิ้นคำสั่ง ทหารดุร้ายของซีเหลียงซ้ายขวาก็พุ่งตัวเข้ามาที่ซูเจ๋อ

 

ซูเจ๋อเห็นสถานการณ์ไม่ดี จึงเกิดความคิดประกายขึ้นมาในหัว ทันใดนั้นก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมา

 

เสียงหัวเราะของเขานี้ ทำให้ตั๋งโต๊ะชะงักไป เขาโบกมือร้องสั่งหยุดทหารเหล่านั้นเอาไว้

 

“เจ้าหนุ่ม เจ้าจะตายอยู่รอมร่อ มีอะไรน่าขำกัน?” ตั๋งโต๊ะจ้องมองเขาแล้วตะโกนถาม

 

ซูเจ๋อลดเสียงหัวเราะลง มองไปยังตั๋งโต๊ะด้วยแววตาเสียใจ ถอนหายใจพูดว่า  “ข้าเพียงแต่ขำที่ตั๋งโต๊ะผู้ปรีชาสามารถ แต่กลับโง่เขลาในเวลาเดียวกัน จนถูกคนอื่นยุแยงได้ง่ายถึงเพียงนี้ วันนี้ใต้เท้าฆ่าข้า ในอนาคตคงเป็นตัวตลกของผู้คนทั่วโลกแล้วกระมัง”

 

ตั๋งโต๊ะส่งเสียงฮึดฮัดว่า  “เจ้าได้รับคำสั่งจากเล่าเปียวให้วางแผนลอบสังหารข้า แล้วการที่ข้าฆ่าเจ้า จะเป็นเรื่องมิสมควรได้อย่างไร!”

 

“ถ้าหากข้าน้อยต้องการจะลอบสังหารใต้เท้าจริง ตอนที่มีดสั้นโผล่ที่ปลายภาพเมื่อสักครู่นี้ เหตุใดข้าน้อยจึงต้องเตือนใต้เท้าด้วยเล่า นั่นไม่เรียกว่าโง่เขลาหรอกหรือ?”

 

ตั๋งโต๊ะตกตะลึง ทันใดนั้นก็คิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ขึ้นมาได้ ในช่วงวิกฤตนั้น หากไม่มีเสียงเตือนของซูเจ๋อ เกรงว่าตนต้องถูกเงาฮูฆ่าตายไปแล้วแน่ๆ

 

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ความโกรธบนหน้าของตั๋งโต๊ะได้ลดลงไปกว่าครึ่ง

 

ในตอนนี้เอง อ้องอุ้นก็พูดขึ้นมาทันทีว่า  “ที่ซูเจ๋อผู้นี้ร้องเตือน บางทีเป็นเพราะเขาไม่รู้ว่าระหว่างเล่าเปียวและเงาฮูมีแผนการลับ เพียงแค่ตกเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดอย่างไม่ได้ตั้งใจแค่นั้นเอง แม้ว่าเขาจะไม่รู้สถานการณ์ แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นคนที่เล่าเปียวส่งมา ถ้าใต้เท้าไม่ลงโทษเขา แล้วจะทำให้พวกกลุ่มเล็กๆ นั้นหวาดกลัวได้อย่างไร!”

 

อ้องอุ้นพูดใส่ไฟ แล้วนัยน์ตาของตั๋งโต๊ะก็ค่อยๆ มีประกายความดุร้ายขึ้นมาอีกครั้ง

 

“คำพูดนี้ของท่านอุปราชดูแย่ยิ่งนัก!”

 

ซูเจ๋อกลับปฏิเสธอย่างเด็ดขาด แล้วพูดด้วยเสียงสูงว่า  “หากใต้เท้าหลิวจิงโจวของข้าคิดจะลอบสังหารใต้เท้า ในตอนที่ แม่ทัพกวนตงก่อกบฏ คงยกทัพไปสนับสนุนแล้ว เหตุใดต้องรอจนกบฏกวนตงฆ่าฟันกันเอง แล้วจึงใช้วิธีนี้มาลอบสังหารใต้เท้าอีก ลองถามอุปราชอ้องอุ้นดูสิว่า หากใต้เท้าโจวมู่ทำเช่นนี้ จะได้ประโยชน์อันใด?”

 

การที่ซูเจ๋อแก้ต่างแทนเล่าเปียวในตอนนี้ ก็เพื่อแก้ต่างให้ตัวเองนั่นเอง

 

การถามกลับของเขานี้ ทำให้อ้องอุ้นหยุดชะงักจนไม่รู้จะตอบอย่างไรไปครู่หนึ่ง ทำได้เพียงตอบว่า  “การที่เล่าเปียวทำเช่นนี้ ย่อมมีเป้าหมายเป็นของตัวเองอยู่แล้ว ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร”

 

การตอบของอ้องอุ้น เท่ากับว่าเยอมรับว่าตนไม่สามารถโต้แย้งคำถามของซูเจ๋อได้ ทำให้ตอนนี้เรื่องที่แสนอนั้นไม่เป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้

 

“ในเมื่อเล่าเปียวไม่ได้คิดวางแผนลอบสังหารข้า แล้วมีดสั้นเล่มนั้นคืออะไร?” ตั๋งโต๊ะตวาดเสียงถามอีกครั้ง แต่ความโกรธบนใบหน้าลดลงไปกว่าครึ่งแล้ว

 

ซูเจ๋อตอบอย่างไม่รีบร้อนว่า  “ตอนที่ข้าน้อยเข้ามาในจวน ของกำนัลเหล่านี้ล้วนส่งไปให้คนของส่วนกลางตรวจสอบ ข้าน้อยจำได้ว่าตอนที่นำมาไม่ได้นำภาพวาดนี้มาด้วย ตอนนี้กลับปรากฏขึ้นมาในหีบ ข้าน้อยจึงคิดว่าจะต้องมีไส้ศึกของเงาฮูซ่อนตัวอยู่ในนี้แน่นอน แล้วนำม้วนภาพที่ซ่อนมีดสั้นเอาไว้ม้วนนี้ แอบใส่เข้ามาในหีบ เพื่อให้เงาฮูฉวยโอกาสเสนอภาพแล้วใช้มีดสั้นฆ่าใต้เท้า”

 

คำพูดของซูเจ๋อดูสมเหตุสมผล สามารถไขข้อสงสัยทั้งหมดอย่างละเอียด พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองต่อหน้าทุกคนในที่แห่งนี้

 

ความสงสัยบนใบหน้าของตั๋งโต๊ะมลายหายไปจนหมด เขาหันกลับไปถามลิยู (เสนาธิการของตั๋งโต๊ะ)ว่า  “เหวินโยว เจ้าคิดว่าอย่างไร?”

 

ลิยูที่ยืนเงียบไม่พูดไม่จามาโดยตลอด พูดด้วยเสียงเรียบเฉยว่า  “ตามความเห็นของข้า ที่ซูเจ๋อกล่าวมาก็มิใช่ว่าจะมิมีเหตุผล เป็นไปได้มากว่าหลิวจิงโจวจะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบสังหารครั้งนี้ เพียงแค่ถูกคนอื่นยืมมือก็เท่านั้น หลิวจิงโจวเป็นโจวมู่ไม่กี่คนที่ส่งเครื่องบรรณาการให้แก่ราชสำนัก ข้าคิดว่าเขาไม่มีทางหาเรื่องใส่ตัวอย่างสะเพร่าแบบนี้แน่นอน”

 

คำพูดของลิยู เท่ากับว่าเป็นการพูดให้ซูเจ๋อและเล่าเปียวพ้นผิด

 

“สิ่งที่เหวินโยวพูดมีเหตุผล” ตั๋งโต๊ะพยักหน้าเห็นด้วยเล็กน้อย ความโกรธในตัวเริ่มสงบลง

 

อ้องอุ้นเห็นสถานการณ์ จึงรีบพูดว่า  “ใต้เท้า แม้ว่าซูเจ๋อและเล่าเปียวจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จริงๆ แต่มีดสั้นเล่มนั้นก็ถูกซ่อนอยู่ในของกำนัลของเล่าเปียวนะขอรับ ส่วนเรื่องที่ว่าถูกคนทรยศลักลอบปนเข้ามาด้วยหรือไม่นั้น หลังจากตรวจสอบดูอย่างละเอียดแล้วค่อยตัดสินชี้ขาด ข้าคิดว่า ก่อนที่ความจริงจะถูกเปิดเผย ควรจะจับซูเจ๋อผู้นี้ขังคุกแล้วไต่สวนอย่างเต็มที่จึงจะถูกต้องนะขอรับ”

 

ตั๋งโต๊ะพอคิดดูแล้วก็รู้สึกว่าถูกต้อง จึงรีบโบกมือ ตั้งใจจะสั่งให้นำซูเจ๋อเข้าคุก

 

ในตอนนี้เอง ภายนอกห้องโถงก็มีเสียงดังขึ้นมาว่า 

 

“ดูสิว่าใครกล้าแตะต้องเขา!”

 

 

 

รีวิวผู้อ่าน