px

เรื่อง : กลืนดารา (Renew)
ตอนที่ 3 เมืองเจียงหนาน


ตอนที่ 3 เมืองเจียงหนาน

“ เมื่อตอนที่ไวรัส RR ปรากฏขึ้นมานั้น มันได้แพร่กระจายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว สิ่งมีชีวิตที่ต้องหายใจไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ต่างก็ได้รับผลกระทบด้วยกันทั้งสิ้น ”

 

“ ช่วงเวลาที่มนุษย์ ค้นพบการมีอยู่ของไวรัส RR ทุกอย่างก็สายเกินไป ”

“ หลังการแพร่ระบาด อัตราการตายได้พุ่งสูงกว่า 30 % ภายในช่วงเวลาเพียงแค่สามเดือน ถ้าไม่นับรวมการตายของสัตว์จำนวนมาก เพียงแค่ประชากรโลกก็ลดลงไปเกือบ 2 พันล้านคน ”

 

“ มีผู้รอดชีวิตที่มีภูมิคุ้มกันอยู่ประมาณ 5 พันล้านคน ”

“ ในช่วงเวลาที่เลวร้าย ยาวนานกว่าสามเดือน ทั่วทั้งโลกต่างเผชิญกับความเจ็บปวด ”

 

“ ในช่วงเวลานั้นเอง มนุษย์บนโลกกว่า 5 พันล้านคนที่หลงเหลือ ก็ได้ตระหนักว่าร่างกายของพวกเขามีความแข็งแกร่งขึ้น โดยทั่วไปทุกคนจะมีพละกำลัง, ความเร็ว, อัตราในการฟื้นตัวของเซลล์ รวมไปถึงความทนทานทางกายภาพได้เพิ่มสูงขึ้นมากกว่าสองเท่า ! แม้แต่คนทั่วๆไปก็สามารถเอาชนะนักกีฬายกน้ำหนักหรือนักวิ่งได้อย่างง่ายดาย ”

 

“ และหลังจากนั้น... มหันตภัยร้ายแรงก็ได้เริ่มต้นขึ้น ! ”

“ แม้ว่าผู้คนที่ปกตินั้นจะมีพละกำลังแข็งแรงขึ้น แต่ในช่วงเวลาที่โหดร้าย ก็มีเหล่าสัตว์ร้ายที่เหลือรอดจากไวรัส RR ต่างก็มีวิวัฒนาการขึ้นมาเช่นกัน พวกมันแข็งแกร่งมากขึ้นกว่ามนุษย์หลายเท่า สัตว์ร้ายบางตัวก็ได้รับการพัฒนาจนมีสติปัญญาทำให้ฉลาดขึ้น ! ”

 

“ เดือนกันยายน 2015 สิ่งมีชีวิตจากท้องทะเล และเหล่าสัตว์ร้ายจำนวนมากมายได้เริ่มต้นบุกที่อยู่อาศัยของมนุษย์ ”

 

“ จนเกิดการนองเลือด และความบ้าคลั่งแพร่กระจายไปทั่ว ! ”

“ ในสงครามระหว่างมนุษย์กับสัตว์ร้ายนั้น มนุษย์เริ่มตระหนักว่าอาวุธที่พวกเค้าภาคภูมิใจนั้นใช้ได้ผลกับสัตว์ร้ายระดับต่ำเท่านั้น สัตว์ปีกหรือสัตว์เลื้อยคลานที่แข็งแกร่งนั้นกลับไม่เกรงกลัวปืนใหญ่ ลูกปืนแทบไม่สามารถเจาะผ่านเกราะที่หนาของมันเข้าไปได้ ขีปนาวุธนำวิถีต่างก็พลาดเป้า หรือถูกหลบจากบรรดาสัตว์ร้ายที่มีความเร็วสูง ”

 

“ ถึงแม้มนุษย์จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ในการต่อสู้ แต่พวกเขาก็ต้องตกใจมากขึ้นเมื่อพบว่า... ”

“ ความสามารถในการป้องกันตัว ของสัตว์ประหลาดเหล่านี้ถือว่ายอดเยี่ยม มีเพียงแค่ตัวที่อยู่ในรัศมีของการระเบิดเท่านั้นที่ตาย ส่วนตัวที่อยู่รอบๆ ไม่ได้รับอันตรายร้ายแรงถึงชีวิต และอานุภาพของระเบิดก็ไม่ได้รุนแรงอย่างที่มนุษย์คาดการณ์ไว้ แม้ว่ามันจะสามารถฆ่าฝูงสัตว์ร้ายไปได้ส่วนหนึ่ง แต่รังสีที่หลงเหลือกลับสร้างสัตว์อสูรที่น่ากลัวขึ้นมาแทน สัตว์อสูรที่น่ากลัวและเป็นที่กล่าวขวัญนั้นคือ ‘ หมาป่าเพลิงนภา ’ 

มันสามารถบินได้ และสังหารผู้คนนับร้อยนับพันคนในชั่วพริบตา จากนั้นมาผู้คนถึงได้ตระหนักว่า...

รังสีที่หลงเหลือนั้นสามารถทำให้สัตว์ร้ายกลายพันธุ์ และทำให้พวกมันดุร้ายยิ่งขึ้นไปอีก ”

 

“ ถึงแม้ว่าสัตว์อสูรจะปรากฏตัวจำนวนมาก แต่มนุษย์ก็มีเหล่านักรบที่ทรงพลังเช่นกัน หมาป่าเพลิงนภาถูกกำจัดโดยนักรบที่สามารถเหาะได้ ( อันดับที่สองของโลก: ลอร์ดสายฟ้า ) ”

 

“ นักรบที่หาญกล้าเหล่านี้ ได้ช่วยเหลือมวลมนุษย์ในช่วงเวลาที่สำคัญยิ่ง พวกเขาเข้าช่วยเหลือกองทัพในการต่อสู้กับฝูงสัตว์อสูรจำนวนมาก ในช่วงนี้เอง เริ่มมีตำนานการต่อสู้ของเหล่านักรบที่กำจัดสัตว์อสูร แพร่หลายอย่างต่อเนื่อง ”

 

“ ต่อมานักวิทยาศาสตร์ ‘ เค่อเว่ย เดอเซน่า ’ ได้นำวัตถุดิบจากซากศพของเหล่าสัตว์อสูรมาผสมกับโลหะจนเกิดเป็นแร่ ‘ ทองคำฟ้า ’ ซึ่งเป็นแร่ที่พบได้บนดวงจันทร์ และนำ มาสร้างเป็นโลหะอัลลอยด์ 

ที่มีความแข็งแรงยิ่งกว่าเพชร  มันถูกเรียกว่า ‘ เคเว่ย ! ’ เหล่านักรบจึงไม่จำเป็นต้องพึ่งพาแค่ทักษะมือเปล่าอีกต่อไป พวกเขาสามารถใช้อาวุธที่สร้างจากโลหะชนิดนี้ ซึ่งมันมีพลังทำลายสูงและสามารถตัดผ่านร่างของเหล่าสัตว์อสูรได้อย่างง่ายดาย ”

 

หน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์นี้ ถูกจดจำอย่างแจ่มชัด ในจิตใจของลู่ฟง

“ ในสงครามครั้งนั้น พื้นที่หลายส่วนของเมืองถูกทำลายลงอย่างย่อยยับ ”

 

“ ในทวีปเอเชีย มีหลายประเทศได้เตรียมสร้างศูนย์ประจำการในการอพยพประชากรจำนวนมากไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ประเทศอินเดียและประเทศของจีน มีเหล่านักรบที่หาญกล้าจำนวนมาก ! สำหรับเทคโนโลยีชั้นสูงนั้น อเมริกา สหภาพยุโรปและรัสเซียต่างก็ยังเป็นผู้นำในด้านนี้ ”

 

“ ตั้งแต่ที่สัตว์อสูรในท้องทะเลเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกประเทศที่มีที่ตั้งเป็นเกาะต่างก็ถูกทำลายล้างจนหมดสิ้น ! ”

“ แม้กระทั่งทุกวันนี้ ท้องทะเลก็ยังถือเป็นดินแดนของเหล่าอสูรร้าย ”

 

“ ในสงครามระหว่างสัตว์อสูรกับมนุษย์ ประเทศที่สามารถป้องกันตนเองไว้ได้ คือ อินเดีย อเมริกา 

สหภาพยุโรป รัสเซีย และประเทศของเรา ( จีน ) ประเทศอื่นๆนอกเหนือจากนี้ ถูกทำลายล้างแล้วทั้งสิ้น ในช่วงเหตุการณ์ที่รุนแรงนี้เอง ได้มีการก่อตั้ง สหพันธ์โลกขึ้นมา ประกอบด้วยห้าประเทศหลักๆ 

กองกำลังของสหพันธ์โลกจะคอยให้ความช่วยเหลือมนุษย์ในการสร้างฐานที่ตั้งหรือศูนย์ประจำการไปทั่วโลก ”

 

ลู่ฟง กำลังครุ่นคิด และเกิดความประหลาดใจ

สงครามที่มีมาอย่างยาวนานกว่า 5 ปี ช่างเป็นสงครามที่น่าสยดสยองยิ่งนัก มนุษย์ต้องเสียชีวิตไปกว่า 

10 ล้านคน มีเพียงแค่ห้าประเทศในโลกเท่านั้นที่ยังคงเหลือรอด ในขณะที่ประเทศที่เหลือ ผู้คนที่รอดชีวิตต่างก็ต้องกระจัดกระจายไปอยู่ในฐานที่ตั้งต่างๆทั่วโลก

 

แม้กระทั่งตอนนี้ ----

บนพื้นโลก มนุษย์ยังครองความได้เปรียบอยู่ แต่สัตว์อสูรจำนวนนับไม่ถ้วนต่างก็ยึดครองพื้นทะเลไว้ได้เช่นกัน

 

“ ตั้งแต่ปี 2013 ถึง 2021, กว่า 8 ปีมาแล้ว ที่ถือเป็นช่วงยุคหายนะ ของเหล่ามวลมนุษย์ ! ” ลู่ฟง นั่งพักบนโซฟา

[ แก๊ง ]~~[ แก๊ง ]~~[ แก๊ง ]~~[ แก๊ง ]~~[ แก๊ง ]

เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นภายในบ้าน

 

นาฬิกาบนฝาผนังบ้านดังห้าครั้ง นั่นเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าขณะนี้เป็นเวลาห้าโมงเย็นแล้ว

“ ยุคแห่งความหายนะ ” ลู่ฮัวทำหน้าทึ่งเช่นกัน

 

“ พี่ฟง พูดตรงๆนะ ผมไม่สามารถหยุดความคิดในหัวได้เลย ก่อนที่โลกเราจะเข้าสู่ยุคหายนะ 

ช่วงนั้นประเทศกว่า 200 ประเทศทั่วโลก และประชากรทั้งหมดจะมีมากมายขนาดไหน ? กว่า 7 พันล้านคนเหรอ ? แล้วหลายๆประเทศก็ประสบภัยร้ายจากสัตว์อสูรที่ทรงพลังด้วยพลังมหาศาลที่สามารถทำลายทั้งประเทศได้ ”

 

ลู่ฟง พยักหน้า “ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่า โลกเราตอนนี้ประกอบด้วย 5 ประเทศมหาอำนาจและอีก 23 เมือง ”

ทั่วโลกเรา มีแค่ห้าประเทศเท่านั้น: ประกอบด้วยจีน อินเดีย อเมริกา สหภาพยุโรปและรัสเซีย 

สำหรับดินแดนในส่วนอเมริกาใต้และแอฟริกา จะรวมกันเป็น 23 เมือง และศูนย์ประจำการอื่นๆเท่านั้น

จีนมีศูนย์ประจำการ 6 แห่ง ตั้งอยู่ในเมืองหลักๆ 6 เมือง

 

บ้านของลู่ฟงอยู่ในแขวง จื่ออัน ของเขตเมืองหยางโจว ซึ่งถือเป็นหนึ่งในแปดดินแดนของมหานครเจียงหนาน

จำนวนประชากรทั้งหมดในเมืองเจียงหนานใกล้จะถึง 200 ล้านคน แค่ในเขตเมือง หยางโจว ก็มีประชากรกว่า 1 ล้านคน ฐานทัพในเมืองเจียงหนานประกอบไปด้วย หยวนเจียนซู่ และ หยวนอันเว่ย

 

“ วันเวลาก็ผ่านมาเนิ่นนานแล้วนะ ” ลู่ฮัวมองไปยังนาฬิกาที่แขวนอยู่บนกำแพง “ ตอนนี้เป็นปี 2056 ช่วงยุคหายนะ ได้ผ่านมาแล้วกว่า 30 ปี ในยุคสมัยพวกเราทุกคนต่างต้องได้รับการฝึกฝนโดโจทั้งสิ้น 

ดังนั้นตอนนี้ผู้คนต่างก็แข็งแกร่งกว่าช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ”

ลู่ฟงพยักหน้าตอบ

 

ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา มีนักรบผู้ที่เก่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ การพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีก็ดีขึ้นตามลำดับ 

แต่สัตว์อสูรที่แข็งแกร่งจำนวนมากก็เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

[ แกร่กๆ ]

 

ประตูห้องเปิดออกมาพร้อมๆกับคู่สามีภรรยาวัยกลางคนเดินเข้ามา เสื้อของผู้ชายนั้นเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ และมีคราบสีเปื้อนอยู่ เขาค่อนข้างเหน็ดเหนื่อยอย่างเห็นได้ชัด ส่วนภรรยาของเขาซึ่งดูจะไม่สูงมากนัก 

ถือตะกร้าที่มีเนื้อและผักอยู่ข้างใน

 

“ พ่อ แม่ ” ลู่ฟง ทักทาย เขาทั้งสองคือพ่อและแม่ของเขานั่นเอง

พ่อ ลู่หงโกว ส่วนแม่ ชื่อกงซินหลาน

 

“ ฮ่าฮ่า ฟง อ่านหนังสือต่อไปเถอะลูก ไม่ต้องสนใจพ่อ ” ลู่หงโกวหัวเราะขึ้น เพราะลูกชายเขาใกล้จะสอบ การเรียนจึงถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในสายตาของลู่หงโกว

 

ลู่หงโกวก้มหน้าลงมองขวดพลาสติกขนาดใหญ่ที่บรรจุน้ำเอาไว้จนเต็ม ทุกครั้งที่เขากลับมาถึงบ้าน 

เขาก็จะได้รับการต้อนรับ ด้วยน้ำดื่มสดชื่น หลังจากทำงานหนักมาตลอดทั้งวัน การได้ดื่มน้ำย่อมทำให้เขารู้สึกสดชื่นอย่างยิ่ง

 

“ รีบไปอาบน้ำ ตัวคุณมีแต่เหงื่อ ” กงซินหลานหัวเราะ

“ ฮ่าฮ่า ” ลู่หงโกวหัวเราะเช่นกัน จากนั้นเขาจึงรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วเดินตรงไปยังห้องน้ำทันที

กงซินหลานหัวเราะอีกครั้งแล้วจึงมองไปที่ลูกชายทั้งสอง

 

“ ฟง ฮัว เดี๋ยววันนี้แม่จะทำเนื้ออบให้กินนะ ”

“ เนื้ออบ ของโปรดผมเลย ” ลู่ฮัวร้องขึ้นมาทันที

 

ลู่ฟงก็หัวเราะเช่นกัน เขามองไปยังแม่ที่กำลังเตรียมทำกับข้าวอยู่ แม่ของเขาต้องไปจ่ายตลาดในช่วงเย็นหลังจากที่เธอเลิกงาน เพราะเธอต้องการซื้อของในราคาที่ถูกกว่าไปซื้อในช่วงเช้า ถึงแม้ว่าของมันจะไม่ได้สดใหม่เหมือนช่วงเช้าก็ตาม ลู่ฟงมองไปที่ห้องน้ำ แล้วคิดว่า ‘ เราต้องรีบมุ่งไปสู่ตำแหน่ง ‘ นักสู้ ’ โดยเร็ว แม่จะได้ไม่ต้องไปจ่ายตลาดในช่วงเย็นแบบนี้ และพ่อก็จะได้ไม่ต้องทำงานหนักมากแบบนี้ ’

 

ภายในใจของเขานั้น...

ลู่ฟงปรารถนาที่จะให้พ่อแม่หยุดพักและใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบท่ามกลางธรรมชาติ “ ฟง ” พ่อ เดินไปหาลู่ฟง หลังจากเขาอาบน้ำเสร็จ “ พ่อมีอะไรจะถามลูก ”

“ อะไร ครับ ? ” ลู่ฟงมองไปยังพ่อ

 

พ่อเขา หัวเราะเบาๆ “ คือ ฟง พ่อไม่เคยถามลูกเลยเกี่ยวกับการวางแผนในชีวิตหลังลูกเรียนจบเลย 

บอกพ่อได้ไหมว่าลูกคิดจะทำอะไรต่อ ? ” ลู่หงโกว แทบจะไม่เคยถามเรื่องนี้กับลูกชายของเขา 

เพราะเขาไม่อยากสร้างความกดดันให้กับลูก เขารู้ว่าลูกชายของเขาพยายามเรียนอย่างหนัก 

และต้องทำได้ดีอย่างแน่นอน

 

ขณะที่ ลู่หงโกว ถามนั้น กงซินหลานที่ทำกับข้าวใกล้จะเสร็จ ก็ทำช้าลงเล็กน้อย พ่อแม่ของลู่ฟงดูจะสนใจในอนาคตของลูกชายมาก

“ พ่อ ที่ผมคิดไว้คืออย่างนี้ครับ ”

 

ลู่ฟง พูดต่อ “ จากเกรดของผมตอนนี้ ผมมั่นใจว่าผมจะเข้าไปศึกษาต่อในสถาบันทางทหารอันดับหนึ่งของเจียงหนานได้ไม่ยากนัก ซึ่งตอนนี้ผมก็ได้อยู่ใน “ ระดับชั้นผู้นำ ” แล้ว ผมน่าจะได้เข้าเป็นเจ้าหน้าที่ 

ในสถาบันทางทหาร และพ่อกับแม่ก็จะได้ย้ายเข้าไปอยู่ในส่วนของบ้านพักสำหรับครอบครัวทหารครับ ”

ในหน่วยทหารนั้นมีหลายระดับชั้นยศ

 

ในประเทศจีน มีการเกณฑ์กำลังทหาร สำหรับทหารทั่วๆไปจะไม่ได้รับเบี้ยหวัดจำนวนมาก แต่เด็กหนุ่มที่ได้อยู่ใน “ ระดับผู้นำ ” และถ้าเข้าไปใน ‘ สถาบันทางทหารอันดับหนึ่งของเจียงหนาน ’ แน่นอนว่าเขาจะต้องเป็นผู้ที่มีสติปัญญาที่สูงและมีพละกำลัง, มีความแข็งแกร่ง ประเทศย่อมที่จะให้การสนับสนุนกลุ่มคนเหล่านี้ และให้ที่พักสำหรับครอบครัวนายทหารให้อยู่อาศัยอีกด้วย

 

สำหรับการเป็นครอบครัวของนายทหารนั้น สภาพแวดล้อมย่อมดีกว่าการได้อยู่ในบ้านเช่าหลายร้อยเท่าอย่างแน่นอน

“ แล้วถ้าลูกไม่สามารถเข้าไปในสถาบันอันดับหนึ่งได้ล่ะ ? ” ลู่หงโกวถามต่อ 

“ ฟง ลูกอย่ากดดันตัวเองมากเกินไปนะ ”

 

“ เมืองเจียงหนานมีสถาบันทางทหาร 2 แห่งครับ ถ้าผมทำข้อสอบไม่ได้ และไม่สามารถเข้าไปในสถาบันที่ดีที่สุดได้ ก็ไม่น่ามีปัญหาที่จะเข้าในสถาบันอันดับสองครับ ” ลู่ฟง เข้าใจระดับการเรียนของเขาเป็นอย่างดี เพราะเขาสามารถทำคะแนนได้มากกว่า 50 คะแนน จากระดับปริญญาตรี ซึ่งการจะเข้าสถาบันอันดับที่สองนั้น เพียงแค่ผ่านค่าเฉลี่ยก็สามารถเข้าไปได้แล้ว

 

ในปัจจุบันการทดสอบมีด้วยกันสองประเภทคือ ระดับพื้นฐาน และระดับผู้เชี่ยวชาญ โดยเฉพาะ 

จะมีเพียงเส้นแบ่งบางๆ ที่กั้นระหว่าง ระดับพื้นฐานและระดับผู้เชี่ยวชาญ ส่วนคนที่ทำได้ต่ำกว่านั้นจะอยู่ระดับวิชาพื้นฐาน

 

“ ในสถาบันทหารลำดับที่สอง การอยู่ในระดับ ‘ ผู้นำ ’ ก็ย่อมที่จะได้รับการสนับสนุน ขึ้นเป็นเจ้าหน้าที่ได้ไม่ยากนัก ” ลู่ฟงหัวเราะขึ้น

ในการที่จะสอบผ่านระดับพื้นฐานนั้น...

มีแค่สองในสิบคนเท่านั้นที่สามารถทำได้

 

อย่างไรก็ดี สำหรับนักเรียน ม.ปลายแล้ว หนึ่งในพันเท่านั้นที่จะสามารถไปสู่ระดับ ‘ ชั้นนำ ’ ได้

“ ตกลง ถ้าลูกมีความมั่นใจ ขนาดนี้ก็ดีแล้ว แต่อย่ากดดันตัวเองมากเกินไป พ่อและแม่แค่อยากให้เรามีชีวิตที่มั่นคง แค่นั้นก็เพียงพอ ” ลู่หงโกวพยักหน้าเล็กน้อย

 

“ ลูก กดดันตัวเองมากเกินไปอีกแล้ว ”

“ ไม่ครับ ” ลู่ฟงหัวเราะ “ ผมไม่มีแรงกดดันอะไรเลย เพราะผมยังเล็กอยู่ ผมจึงมีแรงจูงใจมากเท่านั้นเองครับ ”

 

ลู่ฟง พูดคำนี้ขึ้นมาอย่างดัง แต่ในใจของเขา ‘ แม่ พ่อ และน้องรัก หลังจากการสอบครั้งนี้ไป 

พวกเขาจะต้องมีชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ต้องมีชีวิตที่ขมขื่นอีกต่อไป หลังจากที่ผมไปถึงระดับ ‘ นักสู้ ’ แล้ว ’

“ เอ้า รีบไปหยิบชามและตะเกียบมาเร็ว อาหารค่ำพร้อมทานแล้ว ! ” กงซินหลานหัวเราะ

 

“ ครับ ” ลู่หงโกวหัวเราะแล้วยืนขึ้นรับชามและตะเกียบ

“ ผักนั่นกลิ่นหอมน่าทานมาก ” ลู่ฟง ดมกลิ่นหอมจากในหม้อและช่วยถือจานผักเหล่านั้น

“ เฮ้ เนื้ออบ หอมน่าทานจริงๆ ~ ~ ” ลู่ฮัว ตะโกนอย่างตื่นเต้นดีใจ พร้อมขยับวีลแชร์มานั่งใกล้โต๊ะทานข้าว

ครอบครัวทั้งสี่คนดื่มด่ำและมีความสุขกับอาหารค่ำในคืนนี้

รีวิวผู้อ่าน