px

เรื่อง : Super God Gene
ตอนที่ 43 อายุห่างกัน



ขณะที่ทุกคนต่างหาข้อมูลว่าดอลคือใคร หานเซิ่นกำลังฝึกธนูอยู่คนเดียวที่โรงงานร้างใกล้ๆบ้าน เขาหลีกเลี่ยงที่จะเข้าไปในก็อตแซงชัวรี่สักพัก เพราะกลัวว่าซินเสวียนจะเรียกเขาไปเข้าบูลอาย

 

'ถ้าไม่ใช้วิญญาณอสูร ความแข็งแกร่งของผมจะอยู่ที่แค่ 9.1 เนื่องจากยังขาดจีโนพ้อยกลายพันธ์ ถ้าสามารถเก็บจีโนพ้อยกลายพันธ์ได้เต็ม ระดับความแข็งแกร่งน่าจะได้ถึง 12' หานเซิ่นกำลังนั่งคำนวณอยู่ในหัว

 

หานเซิ่นไปเช็คข้อมูลมาแล้ว ผู้ที่เก็บจีโนพ้อยทั้ง 4 ชนิดได้ครบ ระดับความแข็งแกร่งจะอยู่ที่ประมาน 15 แต่ถ้าหากพวกเขาฝึกไฮเปอร์จีโนด้วยตัวเลขก็น่าจะเพิ่มขึ้นไปได้ถึง 17-18 ซึ่งเป็นขีดจำกัดของผู้ที่ยังไม่วิวัฒนาการ

 

แต่การเก็บจีโนพ้อยทั้ง 4 ชนิดให้เต็มเป็นเรื่องที่ยากมาก ในรอบหลายปีที่ผ่านมาแทบไม่เคยมีใครเก็บได้เต็มทั้ง 4 ชนิดเลย ในเมืองสตีลอาเมอร์มีเพียงซินเสวียนกับเซินเทียนจื่อที่มีโอกาสทำสำเร็จ

 

ขณะที่หานเซิ่นกำลังคิดอยู่ในหัว ทันใดนั้นก็มีเสียงคอมขนาดพกพาของเขาดังขึ้น เขาเอามันขึ้นมาดู มันเป็นเบอร์แปลกๆโทรเข้ามา หานเซิ่นลังเลก่อนที่จะรับสาย ภาพโฮโลแกรมของซินเสวียนโผล่ออกมา เธอมองมาที่หานเซิ่นด้วยสายตาเย็นชาและพูด

 

"ถ้านายไม่มาหาฉันภายใน 1 ชั่วโมงนี้ ก็อย่าโผล่หน้ามาให้ฉันเห็นอีกเลย"

 

ซินเสวียนวางสายไปในทันที และภาพโฮโลแกรมของเธอก็หายไป

 

"เธอรู้เบอร์ผมได้ยังไง? ผมไม่เคยบอกเธอ.."

 

หานเซิ่นไม่มีทางเลือกเลยต้องขึ้นรถไฟฟ้าไปที่สถานีเทเลพอร์ต

 

"ผมเป็นลูกผู้ชายอกสามศอก ไม่มีไรต้องกลัว"

 

หานเซิ่นให้กำลังใจตัวเอง และเดินเข้าสถานีเทเลพอร์ตไป

 

"มานี่" ซินเสวียนเรียกเขาทันทีที่เห็น

 

"หัวหน้าสถานี ผมงานยุ่งมากเลย ผมต้องช่วยธุรกิจที่บ้าน และ..."

 

หานเซิ่นเห็นหน้าตาที่เคร่งขรึมของซินเสวียน เขาเลยรีบอธิบาย

 

"งานยุ่งอยู่กับการเล่นยิงธนูทุกวันที่โรงงานร้างน่ะหรอ?"

 

ซินเสวียนพูดขึ้นมาก่อนที่หานเซิ่นจะพูดจบ

 

"หัวหน้าสถานีการเป็นสตอล์กเกอร์มันไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยนะครับ ผมเข้าใจว่าคุณต้องการอะไร แต่อายุพวกเราห่างกันตั้ง 3 ปี แม่ผมคงไม่ยอมรับ..." หานเซิ่นพยายามจะเล่นมุกตลก

 

ซินเสวียนเดินนำไปที่ห้องต่อสู้ด้วยความโกรธ เธอขว้างชุดสำหรับต่อสู้กับเครื่องป้องกันไปตรงหน้าหานเซิ่น แล้วพูดอย่างเย็นชา

 

"ใส่มันซะ"

 

หานเซิ่นรู้สึกเสียวสันหลัง เพราะซินเสวียนไม่เคยบอกให้เขาใส่เครื่องป้องกันมาก่อน ครั้งนี้เขาคงโดนจัดหนักแน่นอน

 

หานเซิ่นเตรียมจะวิ่งหนี แต่เหมือนซินเสวียนจะรู้ความคิดของเขา เธอเดินไปล็อคประตูก่อนที่เขาจะได้ขยับตัว

 

"หัวหน้าสถานีอย่าทำแบบนี้เลย ผมเข้าใจดีว่าความห่างของอายุไม่ใช่เรื่องสำคัญ ผมจะพาคุณไปที่บ้านเอง..."

 

หานเซิ่นพยายามล้อเล่น แต่ซินเสวียนกัดฟัน และเธอเดินตรงเข้ามาทันที

 

เธอยกแขนขึ้น และชกไปที่หานเซิ่น เหมือนครั้งนี้เธอจะโกรธจริงๆ เธอพยายามเกลี้ยกล่อมม่านลี่ เพื่อให้หานเซิ่นได้เข้าบูลอาย แต่เขากับหายหน้าไปหลายวัน

 

หานเซิ่นรู้สึกได้ถึงแรงกดดันมากกว่าปรกติ แขนของเขาชาไปหมด หลังจากป้องกันเธอได้แค่ 2 หมัด

 

เมื่อซินเสวียนเตรียมที่จะอัดเขาต่อ ภาพโฮโลแกรมของม่านลี่ก็โผล่ออกมาจากคอมในห้องต่อสู้

 

"หัวหน้า กลุ่มสตาร์รี่ส่งคนมาปรึกษาเกี่ยวกับการฆ่ามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ" ม่านลี่พูด

 

"โอเค พาพวกเขาไปที่ห้องประชุมก่อน เดียวฉันตามไป"

 

ซินเสวียนหยุดมองไปที่หานเซิ่นด้วยสายตาอาฆาต

 

"หัวหน้าสถานี พวกเรากำลังร่วมมือกับกลุ่มสตาร์รี่?" หานเซิ่นถาม

 

"นายไม่รู้หรอ? เซินเทียนจื่อคือลูกชายของซีอีโอกลุ่มสตาร์รี่"

 

ซินเสวียนตอบ

 

"ลองคิดเกี่ยวกับมันดู แล้วจะรู้ว่าทำไมฉันถึงให้นายมาเข้าบูลอาย"

 

"โอเค ผมเข้าใจแล้ว ยังไงผมก็ปฏิเสธความต้องการของคุณไม่ได้ ผมจะเข้าบูลอาย คุณจะได้ไม่ต้องมาคอยสะกดรอยตามผมอีก"

 

หานเซิ่นพูดอย่างขมขื่น

 

"ดีที่นายเข้าใจเหตุผล ครอบครัวของนายไม่ได้ล่ำรวย นายจะทำอะไรถ้าไม่เข้าโรงเรียนทหาร?"

 

ซินเสวียนพูดก่อนจะเดินออกจากห้องต่อสู้ไป เธอไม่ลืมที่จะเตรียมบอดี้การ์ดให้กับหานเซิ่น ก่อนที่จะให้เขาไปรายงานตัวกับม่านลี่

 

เหตุผลที่หานเซิ่นยอมเปลี่ยนความคิด และเข้าร่วมกับบูลอาย เพราะเขาได้รู้ว่าเซินเทียนจื่อเป็นลูกของซีอีโอกลุ่มสตาร์รี่ ซึ่งเป็นบริษัทที่เข้ามาซื้อกิจการของพ่อเขา หลังจากที่พ่อของเขาเสียชีวิต เขาก็สงสัยมาตลอดว่าการที่พ่อของเขาเสียชีวิตไปอาจจะเกี่ยวข้องกับกลุ่มสตาร์รี่ ถ้าเขาเข้าร่วมกับบูลอาย แล้วได้ใกล้ชิดกับกลุ่มสตาร์รี่ บางทีเขาอาจได้จะรู้ความจริงเบื้องหลังการตายของพ่อก็เป็นได้

 

บอดี้การ์ดพาหานเซิ่นมาที่ห้องทำงาน หานเซิ่นเคาะประตู และเดินเข้าไปในห้อง หานเซิ่นเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน และมองมาที่เขาด้วยสายตาไม่เป็นมิตร

 

"หัวหน้าสถานีบอกให้ผมมารายงานตัวครับ" หานเซิ่นพูดอย่างสุภาพ

 

"กรอกแบบฟอร์มนี่สิ" หยางม่านลี่พูดอย่างไร้ความรู้สึก และส่งกระดาษให้กับหานเซิ่น

 

หานเซิ่นกรอกข้อมูลลงไป แล้วส่งคืนให้เธอ

 

"นายกลับไปได้แล้ว และพรุ่งนี้ตอน 6 นาฬิกามาแสดงตัวที่แค้มป์ฝึกซ้อมของบูลอาย ฉันไม่ชอบคนไม่ตรงต่อเวลานี่เป็นโอกาสสุดท้ายของนาย"

 

หยางม่านลี่ไม่ค่อยพอใจกับการที่หานเซิ่นได้เข้าร่วมกลุ่ม

รีวิวผู้อ่าน