ตอนที่ 48 หินถล่ม
ลิโป้ที่กำลังไล่ตามมาติด ๆ หลังจากเห็นซูเจ๋อหยุดหนี เขาจึงเกิดความสงสัยขึ้นมาจนต้องหยุดม้า
กลุ่มทหารด้านหลังเห็นเช่นนั้นจึงดึงบังเหียนตาม
“ท่านแม่ทัพ ไอ้เด็กแซ่ซูอยู่ตรงหน้าแล้ว เหตุใดท่านจึงหยุดเสียก่อน?” งุยซกเอ่ยถามอย่างสงสัย
ลิโป้กล่าว “คนแซ่ซูนั้นมากกลอุบาย มันคงหยุดหนีเพราะมีคนซุ่มโจมตีอยู่ คิดว่าข้าผู้นี้จะถูกหลอกโดยง่ายอย่างนั้นสินะ!”
“ท่านแม่ทัพช่างปราดเปรื่อง” งุยซกกล่าวชมพร้อมยกนิ้วโป้งให้
เมื่อเห็นลิโป้หยุดไล่ตามและสะบัดง้าวซูเจ๋อจึงผ่อนคลายลง
คิ้วของลิโป้ขมวดแน่นก่อนจะตะโกนขึ้น “คนแซ่ซู! เจ้ามิมีที่หลบหนีแล้ว เร่งส่งแม่นางเตียวเสี้ยนคืนมาเสียดีกว่า จากนั้นจงคุกเข่าขอขมาข้าซะ บางทีข้าอาจจะเห็นใจ เมตตาไว้ชีวิตเจ้า!”
เสียงคำรามของลิโป้ซึ่งดังราวกับเสียงฟ้าร้องกังวานก้องอยู่ในหูของทุกคน
“เสียงดังอะไรเช่นนี้...”
ซูเจ๋อลูบใบหูของตน แต่ใบหน้ายังคงยิ้ม “ลิโป้ ท่านก็เห็นชัดเจนว่านี้คือเขตแดนหนานหยางของข้า นี่มิใช่ที่ที่ท่านจะมาทำตัวโอหังได้ หากเห็นแก่หน้ากันก็แค่ปล่อยข้าไปเสีย มิเช่นนั้นอย่าโทษว่าข้าปฏิบัติต่อท่านมิดีก็แล้วกัน!”
บ้าไปแล้ว!
ช่างโอหังนัก!
ลิโป้โกรธขึ้นมาทันที ดวงตาของเขาแทบจะลุกเป็นไฟ “สุนัขแซ่ซูบังอาจมาดูหมิ่นลิโป้ผู้นี้ หากมิฉีกร่างเจ้าเป็นชิ้น ๆ ข้าก็มิคู่ควรที่จะเป็นแม่ทัพอันดับหนึ่งในใต้หล้า!”
เขาคำรามอย่างเกรี้ยวกราด และตั้งท่าควบตะบึงม้าออกไป
ทันใดนั้นงุยซกกลับเอ่ยเตือนขั้นเสียก่อน “ท่านแม่ทัพอย่าได้ตกหลุมพรางของมันเชียว! ด้านข้างนี้อาจจะมีคนซุ่มโจมตีอยู่ก็เป็นได้”
ลิโป้กวาดง้าวของตนออกเป็นวงกว้าง “ข้ามองดูรอบด้านแล้ว เจ้าเห็นหรือไม่ หุบเขาทั้งสองข้างทางมีเพียงหินและต้นไม้เล็กน้อยเท่านั้น ผู้ใดจะมาซุ่มโจมตีได้ ข้าว่ามันก็แค่ขู่พวกเราเท่านั้น!”
งุยซกได้ยินเช่นนั้นจึงกล่าวออกมาอย่างกระตือรือร้น “เช่นนั้นท่านแม่ทัพมิต้องลงมือเองหรอก ข้าผู้นี้จะไปจับไอ้เด็กแซ่ซูมาประเคนให้เอง!”
หลังจากนั้นงุยซกจึงเตะท้องม้าวิ่งออกไปเป็นคนแรก
ทหารม้าด้านข้างเห็นเช่นนั้นจึงรีบตามออกไปทันที
“จริงอย่างเจ้าว่า... ไอ้เด็กนั่นเป็นเพียงบัณฑิตยาจกคนหนึ่งเท่านั้น เหตุใดเราต้องเปลืองแรงเองด้วย” หลังจากอุทานเบา ๆ ลิโป้จึงควบม้าเซ็กเทาว์เดินตามไป
ตรงหน้าของเขามีทหารม้าเกือบสี่ร้อยนายที่กำลังวิ่งออกไปอย่างบ้าคลั่ง
งุยซกพุ่งไปข้างหน้าด้วยดวงตาที่แน่วแน่ เขาจ้องเขม็งไปยังซูเจ๋อราวกับจ้องทองคำที่จะต้องไขว่คว้ามาให้ได้
ฝั่งของซูเจ๋อ คนติดตามของเขาต่างพากันหน้าซีดเผือด หนังศีรษะของพวกเขาชาวาบด้วยความตึงเครียด
แม้แต่จิวฉองและทหารผ่านศึกอีกหลายคนยังรู้สึกเหมือนหัวใจหล่นลงเมื่อเผชิญหน้ากับกองทหารม้าเหล่านี้
ซูเซี๋ยวเสี่ยวรีบขึ้นรถม้าด้วยความตกใจ นางปิดหูปิดตานั่งตัวสั่นมิกล้าเผชิญหน้ากับความสยดสยองที่กำลังจะเกิดขึ้น
บนรถม้าอีกคัน ครอบครัวของเตียวเสี้ยนต่างกอดกันอย่างสิ้นหวัง พวกเขาทำได้เพียงรอคอยชะตากรรมของตนเท่านั้น
มีเพียงซูเจ๋อผู้สวมชุดสีน้ำเงินที่นั่งทำหน้าใจเย็นอยู่คนเดียว
ถึงแม้จะประจันหน้ากับศัตรู เขาก็ยังนั่งเคี้ยวถั่วอย่างสบายใจราวมิมีเรื่องใดเกิดขึ้น ทั้งยังรู้สึกเหมือนทหารม้าตรงหน้าเป็นเพียงฟางกองใหญ่เท่านั้น
หนึ่งร้อยก้าว!
ทหารม้าย่นระยะทางเข้ามาเหลือเพียงหนึ่งร้อยก้าว
ทันใดนั้นดวงตาของซูเจ๋อเปล่งประกายแสงอันเย็นเยียบ จากนั้นเขาจึงยกแขนขึ้นและชกไปข้างหน้า
ทางด้านขวาของถนนที่มีภูเขาอยู่ บนหน้าผานั้นมีโขดหินและเฮาเฉียที่เตรียมตัวรอสัญญาณ
หลังจากเห็นสัญญาณจากซูเจ๋ออย่างชัดเจน เขาจึงถุยน้ำลายใส่ฝ่ามือขนาดยักษ์ของตนก่อนผลักหินขนาดใหญ่ตรงขอบหน้าผาให้กลิ้งตกลงไป
บนขอบหน้าผา มีหินยักษ์ก้อนหนึ่งที่ยื่นออกมา หลังจากตากแดดตากลมอยู่นาน ส่วนที่ยึดอยู่ด้านล่างของหน้าผาได้แตกร้าวอย่างชัดเจนจนกลายเป็นหินอันตรายที่พร้อมจะกลิ้งลงมาได้ทุกเมื่อ
ก่อนหน้านี้ซูเจ๋อได้ใช้ดาวเทียมสแกนภูมิประเทศรอบด้านนี้ และพบว่ามีหินอันตรายดังกล่าวอยู่ คำสั่งที่เขามอบให้เฮาเฉียคือใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักหินก้อนนี้ลงมาจัดการกับกองทหารม้า
“ย๊าก...”
เฮาเฉียใช้กำลังสุดแรงเกิดพร้อมคำรามลั่นราวสัตว์ป่า เส้นเลือดที่แขนของเขาปูดโปนจนแทบปริแตก ใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นแดงก่ำคล้ายจะระเบิด
แกร๊ก!
ด้วยแรงผลักอันเหนือธรรมชาตินี้ ส่วนยึดด้านล่างได้เริ่มแตกออกเป็นผลให้หินก้อนมหึมาเริ่มขยับตาม
หลังจากนั้นมิกี่อึดใจ หินก้อนยักษ์ได้หลุดจากจุดยึดและกลิ้งลงมาอย่างรุนแรงและพุ่งเข้าหากองทหารม้าทันที
ขณะที่กลิ้งลงมาจากเขา หินก้อนยักษ์ได้กระแทกหินน้อยใหญ่ด้านข้างให้กลิ้งลงมาด้วย
พื้นดินสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นราวกับท้องท้องฟ้ากำลังจะแตกออก
ทหารม้าที่กำลังมุ่งจู่โจมถึงกับสะดุ้งจากการสั่นสะเทือนดังกล่าว ครั้นหันศีรษะไปมองอาการตกตะลึงอย่างบอกมิถูกก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเขา
“เกิดอะไรขึ้น เหตุใดจู่ ๆ จึงมีหินถล่มลงมาได้? มันบังเอิญเกินไป!” งุยซกตกใจราวกับเห็นผี เขารีบดึงบังเหียนม้าอย่างมิรู้ตัว
เมื่อทหารม้าหลายร้อยคนเห็นฉากดังกล่าว พวกเขาได้ลืมจิตวิญญาณอันแรงกล้าก่อนหน้านี้จนหมดสิ้น และคิดเพียงจะหนีเท่านั้น ทว่าสายเกินไปแล้ว
หินยักษ์อันน่าสะพรึงได้กลิ้งลงมาเพียงชั่วพริบตา จากนั้นทหารม้าหลายสิบคนก็ถูกบดขยี้ทันที ทั้งเนื้อ กระดูก และเลือดสาดกระเด็นขึ้นฟ้าจนกลายเป็นสีแดงฉานอย่างน่าขนลุก
ฝันร้ายเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น
หลังจากหินก้อนยักษ์นั้นกลิ้งผ่านไป ที่ตามมาคือหินอีกสองสามก้อน มันพุ่งเข้าปะทะกับกองทหารม้าเหล่านั้นอีกครั้ง
แม้ขนาดของมันจะมิใหญ่เท่าก้อนแรก แต่ด้วยแรงส่งจากความชันของภูเขา ทันทีที่มันกระทบกับร่างมนุษย์ แน่นอนว่าร่างมนุษย์ย่อมแหลกเป็นเสี่ยง ๆ
เวลานี้ มันเต็มไปด้วยเสียงร้องโหยหวน แขนขามนุษย์ที่ขาดกระเด็นลอยขึ้นกลางอากาศอีกครั้ง
ท่ามกลางฝนเลือดที่น่าขนลุก ทหารม้าหลายร้อยคนถูกก้อนหินทับจนตายตกไปเกินครึ่งกองทัพ
ลิโป้ที่ตามมาด้านหลัง เมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป เขารีบดึงม้าเซ็กเทาว์ให้หยุดพร้อมจ้องมองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างตกตะลึง
“เป็นไปได้อย่างไรกัน? เหตุใดจึงเกิดหินถล่มอย่างกะทันหันเช่นนี้?! ข้ามิเชื่อว่าโชคชะตาจะเข้าข้างไอ้เด็กบัดซบนั่น!”
ลิโป้กัดฟันแน่นขณะสบถด่า เขามองอย่างวิตกไปทางที่ก้อนหินถล่มลงมา และเห็นว่ามีชายคนหนึ่งยืนอยู่บนยอดหน้าผา ชายผู้นั้นกำลังปรบมือแสดงความยินดี
ลิโป้ตกใจและเปลี่ยนเป็นความโกรธในเวลาต่อมา “เฮาเฉีย! เป็นมันนี่เองที่สังหารคนของข้า! บัดซบ! ข้าหลงกลไอ้เด็กนั่นอีกแล้ว!”
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ ลิโป้ตระหนักได้ว่าที่ซูเจ๋อหยุดหนีและหันมาเผชิญหน้า มันเป็นเพราะซูเจ๋อต้องการกระตุ้นเขาเพื่อให้จู่โจมเข้ามาโดยมิลืมหูลืมตานั่นเอง
เขาถูกซูเจ๋อหลอกที่หุบเขาสายหมอกเมื่อครั้งก่อน วันนี้ยังต้องโดนลอบโจมตีโดยก้อนหินอีก ความอัปยศอดสูปรากฏขึ้นในใจของลิโป้ทันทีเมื่อนึกถึงมัน
ลิโป้ตะโกนออกมาด้วยโทสะอีกครั้ง “ซูเจ๋อ ข้า... ลิโป้ผู้นี้ขอสาบานว่าจะเด็ดหัวสุนัขของเจ้ามิช้าก็เร็ว ฝากไว้ก่อนเถิด!”
หลังจากสิ้นคำกล่าวเศษหินอีกระลอกหนึ่งได้กลิ้งลงไปทางลิโป้อย่างต่อเนื่อง
........................................................