px

เรื่อง : Seoul Station’s Necromancer จบแล้วอ่านฟรี!!!
บทที่ 118 - Mock Battle


ซู่......

เมื่อเมโลดี้ออกมาจากประตูมิติ วูชินก็คว้าไปที่คอของเธอ

“อึก อึก”

เธอรู้สึกอัดอัดหายใจไม่ออกเมื่อถูกบีบคอ อยู่ๆก็เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ทำให้เธอหันไปมองวูชิน เมื่อพบสายตาเย็นชาที่เขามองมา ทำให้เธอหวาดกลัวอย่างมาก

" เธอทำงานให้ใคร "

"ดะ. ... ได้โปรด ผู้อมตะ ... "

เมโลดี้ใช้สายตาหวาดกลัวจ้องมองไปที่วูชิน สายตาเย็นชาและไม่แยแสผู้ใดของผู้อมตะที่เธอคุ้นเคยได้กลับมาอีกครั้ง ตอนนี้เธอไม่สามารถอ่านความรู้สึกของเขาผ่านทางดวงตาได้ เพราะเธอหวาดกลัวเกินกว่าจะสบตากับเขา

"พูด."

คอของเมโลดี้ถูกบีบจนแทบจะหายใจไม่ออก

"มะ ... มันไม่ได้เป็นแบบนั้น ฉันเป็นผู้ปกครองมิติด้วย "

วูชินปล่อยมือที่บีบคอเธอ

“อ่อ...อืมม.”

เมโลดี้สูดหายใจอย่างหนัก เมื่อได้รับจิตสังหารจากผู้อมตะ แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่มันบั่นท่อนเรี่ยวแรงและกำลังใจของเธอจนหมดสิ้น

"งั้นเธอ ก็ไม่ได้เป็นลูกน้องของผู้ปกครองมิติคนอื่นๆ ?"

"ค่ะ."

"แล้วคุณมาโผล่ที่ดันเจี้ยนได้อย่างไร?"

เมโลดี้มาจากดาวอัลเฟน เธอใช้ดันเจี้ยนทำหน้าที่เชื่อมโยงมิติระหว่างโลกกับมิติส่วนตัว

เพราะเธออยู่ในดันเจี้ยน และเธอก็ปลอดภัยจากการโจมตีของมอนสเตอร์

นี่เป็นเหตุผลให้วูชินคิดว่าเธอเป็นลูกน้องของผู้ปกครองมิติคนอื่น

"ฉันเคยมีมิติส่วนตัว"

"เคย? ตอนนี้ล่ะ? "

"มันถูกพรากไปจากฉัน"

คิ้วของวูชินขมวด ดูเหมือนเรื่องนี้จะซับซ้อนมากกว่าที่คิด วูชินนั่งลงบนบัลลังก์

"เล่าเรื่องทั้งหมดมา"

"ก่อนที่จะมายังโลก ... "

กองกำลังพันธมิตรของดาวอัลเฟ่น ได้รับชิ้นส่วนมิติมา3ชิ้นจากการเสียสละของนักรบหลายคน หลังจากที่หลอมรวมชิ้นส่วนมิติ จนสามารถสร้างพื้นที่มิติได้แล้ว เมโลดี้ได้รับบัญชาจากพระเจ้าของเธอให้มายังดันเจี้ยน

มันเป็นดันเจี้ยนที่ไร้เจ้าของ ด้วยความเข้ากันได้ของดันเจี้ยนกับเธอมีสูงเธอจึงกลายเป็นผู้ปกครองมิติ

ในตอนนั้น เธอต้องการชิ้นส่วนมิติอีก1ชิ้นเพื่อเชื่อมต่อกับดันเจี้ยนกับโลก โชคร้ายที่ระยะเวลาคุ้มครองมีเพียงแค่30วัน เธอไม่สามารถเตรียมความพร้อมเพื่อป้องกันพื้นที่ของเธอได้ทัน เมื่อการต่อสู้เกิดขึ้นเธอถูกช่วงชิงพื้นที่หลังจากพ่ายแพ้ในการต่อสู้ระหว่างมิติ

ราคาที่ต้องจ่ายเมื่อพ่ายแพ้มันใหญ่หลวงมาก

ทางเข้าดันเจี้ยนบนดาวอัลเฟนถูกพรากไปจากเทอ

เมโลดี้ติดอยู่ในพื้นที่มิติของเธอ เธอเหลือตัวเลือกเพียงแค่สองทาง คือทำการต่อสู้ระหว่างมิติเพื่อนำทางเข้าดันเจี้ยนกลับมา กับหาชิ้นส่วนมิติอีกหนึ่งชิ้น

อย่างไรก็ตามเธอไม่มีความสามารถพอจะป้องกันพื้นที่ เมื่อพื้นที่ของเธอเริ่มร่อยหรอ ระดับของเธอก็ลดต่ำลง

หากการต่อสู้ยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เธออาจจะไม่ได้กลับบ้านบนดาวอัลเฟน เมื่อเธอกลายเป็นผู้ลี้ภัยมิติอันตรายของเธอก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก เธอทำอะไรไม่ได้นอกจากขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าของเธอ

'บนโลกมีคนช่วยชีวิตเธอได้'

เมโลดี้เชื่อใจในพระเจ้าของเธอเป็นอย่างมาก เธอตัดสินใจทำลายหลักฐานการถือครองมิติ เธอยอมแพ้ในฐานะของผู้ปกครองมิติ มันใช้ถึง3ชิ้นส่วนเพื่อสร้างหลักฐานการถือครอง แต่กลับเหลือเพียงสองชิ้นเมื่อเธอรื้อถอนมัน

เมโลดี้ใช้ชิ้นส่วนมิติ1ชิ้น ในการซื้อดันเจี้ยนจากคลังมิติ

เธอไม่ใช่ผู้ปกครองมิติอีกแล้ว แต่เธอได้ขอเข้าร่วมกับผู้ปกครองดันเจี้ยน เธอได้ละทิ้งพื้นที่มิติของเธอ เพื่อให้เธอสามารถมายังโลก ซึ่งอยู่ในมิติที่แตกต่างกัน

เมื่อเธอซื้อดันเจี้ยน ทางเข้าได้ถูกจัดตั้งที่สถานีรถไฟใต้ดินในอเมริกา หลังจากนั้นคนแรกที่พบตัวเธอก็คือคนของกิลด์ไตตัน

“อืม.”

หลังจากได้ฟังคำพูดของเธอ วูชินก็ลองสะกิดไปที่หลักฐานการถือครองมิติ

<เมื่อคุณทำลาย คุณจะได้รับ (2) ชิ้นส่วนมิติ>

<ระดับของคุณจะถูกลดจาก "ผู้ปกครอง" เป็น "ประชากร">

เธอยังคงก้มหัวต่อไปถึงแม้ว่าเธอจะพูดจบแล้ว

เขาจ้องมองไปยังเธอ อย่างน้อยๆจากเรื่องทั้งหมดก็แสดงให้เห็นว่าเธอไม่ได้อยู่ภายใต้การปกครองของเจ้าของมิติคนอื่น

"เอาล่ะ ฉันจะเลิกสงสัยเธอ "

"ขอบคุณมากสำหรับโอกาสให้ฉันได้พูดความจริง"

วูชินค้นพบบางอย่าง เกี่ยวกับการที่เค้ามักจะพบบอสเสมอ เมื่อมีดันเจี้ยนใหม่ปรากฏขึ้นมา

'สรุปว่า ไอพวกนั้นก็คือเจ้าของดันเจี้ยน'

ถ้าพวกมันสามารถปกป้องดันเจี้ยนได้ครบ30วัน พวกมันถึงจะมีคุณสมบัติที่เหมาะสม และได้รับอนุญาตให้ออกมาจากมิติได้ ไอปรากฏการณ์นี้นี่เองที่คนบนโลกเรียกว่า การแตกออกของดันเจี้ยน

สิ่งที่น่าหวาดหวั่นสำหรับผู้ปกครองมิติก็คือ พวกมันสามารถเพิกเฉยระยะเวลา30วัน มันสามารถส่งมอนสเตอร์ออกมาได้ตลอดเวลา

เพื่อให้มีความแน่นอน ผู้ปกครองมิติอาจช่วยให้ลูกน้องทำการล่าอยู่ในพื้นที่ ไม่จำเป็นต้องส่งมอนสเตอร์ออกมาเสมอไป

"ด้วยความเคารพอย่างยิ่ง... ราชาควรป้องกันพื้นที่ให้ดี"

"คิบะอยู่ที่นี่ และฉันมีกองทัพอันเด้ด มันน่าจะเพียงพอ "

วูชินมีความมั่นใจว่าเขาสามารถขับไล่ผู้บุกรุกทั้งหมดได้ อย่างไรก็ตามเมโลดี้ยังส่ายหัวพร้อมกับแสดงสีหน้าที่เป็นกังวลออกมา

"หลังจากผ่านช่วงเวลาคุ้มครอง ท่านจะถูกกระหน่ำด้วยคำร้องขอ เปิดศึกชิงมิติ ... เมื่อเหตุการณ์นี่เกิดขึ้น ท่านจะไม่สามารถใช้กองทัพอันเด้ดได้ “...... ?”

วูชินจ้องมองไปยังเธอด้วยท่าทีสงสัย เมโลดี้เลยพูดต่อ

"การป้องกันที่มีอยู่นี้ ใช้ได้สำหรับผู้มาเยือนเท่านั้น"

เมื่อเกิดการต่อสู้ระหว่างผู้ปกครองมิติ การต่อสู้จะเกิดขึ้นในมิติอื่น ทำให้การป้องกันพื้นที่ธรรมดาไม่สามารถใช้ได้

เมื่อต่อสู้กับศัตรูที่เข้ามาในดันเจี้ยน ผู้ปกครองสามารถใช้กำลังทั้งหมดที่มีเพื่อต่อสู้ได้ แต่กฎมันจะต่างกันออกไปสำหรับการต่อสู้ช่วงชิงมิติ

"มันคล้ายๆกับเกมส์วางแผน"

ในช่วงแรก เมโลดี้ก็ยังไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ด้วยความที่ไม่รู้อะไร เธอจึงเสียพื้นที่และ พลังงานในพื้นที่ออกไปที่ละนิดๆ เมโลดี้กังวลว่าวูชินจะประสบชะตากรรมเดียวกับเธอ

ผู้ปกครองคนใหม่ จะมีเวลาเพียง30วัน ที่จะทำอะไรบางอย่างเพื่อให้การป้องกันมีความแข็งแกร่งมากที่สุด

"คุณจะต้องสร้างและสะสมกองทัพของคุณ "

“อืม บอกทุกอย่างที่คุณรู้ "

"สำหรับผู้ปกครอง ศึกชิงมิติคือเกมส์ สงครามแห่งการล่า... "

เฉพาะผู้ปกครองถึงจะมีสิทธิ์เข้าร่วมทำสงครามชิงมิติ มันเหมือนกับการแข่งขันเกมส์วางแผน ที่ใช้ทรัพยากรในพื้นที่เพื่อทำสงคราม

"ท่านจะลอง เข้าร่วมสงครามจำลองไหม ?"

"สงครามจำลอง? "

เมื่อวูชินคิดเกี่ยวกับสงครามจำลอง หน้าต่างเมนูก็โผล่ออกมา

<คุณสามารถเข้าร่วมสงครามจำลองได้>

"เอาล่ะ ลองดูสักตั้ง "

<โปรดเลือกปริมาณพลังงานที่คุณจะเดิมพัน 10,000, 20,000, 30,000... >

พลังงานดันเจียนของเขาพึ่งเพิ่มมาถึง10,000 ดังนั้นเขาจึงเลือกมัน เมื่อเลือกเสร็จก็มีหน้าต่างแสดงขึ้นมา

<เรากำลังค้นหาศัตรูที่มีศักยภาพเท่าเทียม คุณถูกจับคู่กับ เคาท์ลีตอน ของเผ่าพันธุ์มนุษย์>

หน้าต่างด้านหน้าของเขาปรากฏรูปขุนนางที่มีเคราสีขาวขึ้นมา มีสรุปข้อมูลของชาวคนนั้นอย่างคร่าวๆ และทัศนวิสัยวูชินก็เริ่มขยายออกไป

มันคล้ายกับเวลาที่เขากำลังสร้างอาคาร วิสัยทัศน์ของเขาครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด ราวกับว่าเขามองลงมาจากฟากฟ้า

<กำลังค้นหาสนามรบ ทุ่งลีเทรีย ได้ถูกเลือก>

พื้นที่ที่วูชินได้รับมีลักษณะเป็นพื้นที่รกร้าง มีขนาดกว้างขวาง พื้นดินเป็นหลุมเป็นบ่อกระจายไปทั่ว

<ค่าพลังงานกำลังถูกกำหนดให้กับทุ่งลีเทรีย.>

10,000แต้มจากวูชิน และเคาท์ลีตอน พลังงานรวมทั้งหมด เป็น 20,000 ได้ถูกแปรสภาเป็นหญ้าเลือด และหินเลือด ได้กระจายตัวไปยังพื้นที่ต่างๆ

<การต่อสู้ของคุณกับ เคาท์ลีตอน ได้เริ่มขึ้นแล้ว>

<คุณจะไม่สูญเสียพลังที่ใช้ ในสงครามจำลอง.>

<ผู้ชนะในสงครามจำลองจะไม่ได้รับอะไรจากผู้แพ้>

วูชินล้างข้อความที่แสดงออกมา และเริ่มทำการสำรวจสนามรบ

เขาใช้เวลาสั้นๆในการมองไปทั่วสนามรบ อยู่ๆทัศนวิสัยก็เริ่มลดลงจนกลายเป็นมุมมองบุคคลที่หนึ่งทำให้วูชินตกใจเล็กน้อย (มุมมองเหมือนพวกเกมส์เคาท์เตอร์ เรียกว่า First person อะ)

"โปรดออกคำสั่งด้วย เจ้านาย"

ตรงหน้าของวูชิน มี ซูซูนัค และ เผ่าบีสต์ อีก4 ยืนเรียงแถวกัน วูชินยกมือทั้งสองข้างของเขาขึ้นมาเต็มไปด้วยขนสีเหลือง เหมือนกับ มนุษย์สัตว์ด้านหน้า

'การควบคุม'

วูชินเอียงหัวเล็กน้อย ก่อนจะมองไปที่ เผ่าบีสต์4ตัว ข้างหน้าเขา เมื่อเขาคิดถึงการควบคุมเผ่าบีสต์คนอื่น ๆ มุมมองของเขาก็เปลี่ยนไป

“อ่า.”

วูชินสำรวจความรู้สึกที่เขาพึ่งได้รับตะกี้นี้

"โปรดออกคำสั่งด้วยเจ้านาย"

วูชินคิ้วขมวดเมื่อได้ฟังคำพูดของมัน

'อ่า มันเป็นแบบนี้นี่เอง'

มีเผ่าบีสต์5ตัวถ้านับรวมกับตัวที่วูชินควบคุมอยู่ เขาสามารถเข้าไปควบคุม บีสต์ตัวใดก็ได้ที่เขาต้องการ โชคดี ที่เขาเคยย้ายวิญญาณไปสิง กาบี้ จึงทำให้เขาสามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว

วูชินมองไปรอบๆเขาเห็นอาคารเก่าๆหลังหนึ่งอยู่ใกล้ๆ ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าปราสาทได้ไหม แต่มันก็มี3ชั้น และมันใหญ่เกินกว่าจะเรียกว่าบ้าน

เมื่อวูชินจ้องมองไปที่อาคาร เขารู้สึกเวียนหัวเล็กน้อยจากการย้ายวิญญาณ ก่อนที่ตัวเขาจะเข้าไปนั่งอยู่บนบัลลังก์ภายในอาคาร แม้จะพึ่งเข้ามาอยู่ในอาคารแต่เขาก็สามารถมองไปสำรวจรอบๆและทำความเข้าใจพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว

เขามองไปยัง เผ่าบีสต์5ตัวที่ยืนเรียงแถวอยู่ด้านหน้าปราสาท รูปภาพที่คุ้นๆเหมือนในเกมส์ก็ปรากฎอยู่ที่มุมสายตาของเขา

[หินเลือด 100 ประชากร 5/10]

ตอนนี้วูชินเริ่มจะเข้าใจสถานการณ์แล้ว

'วุ่นวายจัง'

นี่ไม่ใช่มันคล้ายๆกับเกมส์ที่เขาเล่นตอนสมัยมัธยมหรอกหรอ ? ไม่สิ มันต่างกันตรงนี้

'นี่มันยังกับเกมส์จำลองสงครามเสมือนจริง'

จะต้องสร้างอาคารหลังหนึ่งที่ดูท่าทางแล้วน่าจะเป็นฐานใหญ่ เมื่อจะสร้างมันต้องใช้คนงานจำนวนหนึ่งแล้วก็หินเลือด เรื่องที่เขาต้องทำก็มีใช้คนงานในการสร้างฐาน แล้วก็ส่งคนงานไปเก็บหินเลือด รวมถึงต้องสู้ให้ชนะอีกฝั่งด้วย ...

(อันนี้ถ้าใครเคยเล่นเกมส์แนว สร้างฐานจะเข้าใจครับ ตั้งฐานแม่ก่อน แล้วก็ โรงทหาร โรงแร่ไรเงี้ย แต่ในเรื่องนี่เหมือนตอนนี้ วูชินเลือกเผ่าออค ในวอคราฟมาก)

"พวกแกไปรวบรวมพืชเลือด "

"ตามที่สั่งเลย เจ้านาย"

สายตาวูชินยังคงสำรวจตัวปราสาท เขายังได้ยินเสียงพวกคนงานเผ่ามนุษย์สัตว์คุยกันข้างนอกเหมือน พูดกันข้างหูเขา ทันทีที่เขานั่งลงบนบัลลังก์ รายการอาคารที่สามารถสร้างได้ ก็ปรากฏขึ้น

[กระท่อม, ฟาร์ม, ต้นไม้ล่อ , ค่ายทหารออค, รังไวเวิร์น ... .]

วูชินพยักหน้าด้วยความเข้าใจ ตอนนี้เขารู้แล้วทำไมเมโลดี้ถึงเรียกว่าเกมส์วางแผน

กำลังรบ และอาคารที่เขาสร้างได้ ในการต่อสู้ จะมาจากสิ่งที่เขามีในพื้นที่มิติของเขา

ไม่สามารถใช้ คลังมิติในการต่อสู้ได้ เขาจำเป็นต้องสร้างอาคารพวกนี้ก่อน

ทรัพยากรกระจายไปทั่วแผนที่ แต่วูชินไม่สามารถสร้างเหมืองหินเลือดได้ นอกจากนี้สิ่งก่อสร้างที่เขาสร้างได้ก็มีเพียง ค่ายฝึกทหารออค กับรังมังกรไวเวิร์นเท่านั้น ค่ายฝึกออคไม่ต้องใช้หินเลือดมากเท่าไหร่ ผิดกับ รังมังกรไวเวิร์นทีใช้เป็นจำนวนมาก

"ไม่ดีแน่ ถ้าสร้างรังไวเวิร์น"

ถ้าเขามัวแต่ใช้คนไปเก็บหินเลือดเพื่อมาสร้างรังไวเวิร์น เกิดมันยังสร้างไม่ทันเสร็จแล้วถูกบุก รับรองได้เลยว่าแพ้ในสงครามชิงมิติครั้งนี้แน่ๆ

วูชินตัดสินใจผลิตคนงาน (50) ที่สามารถสร้างฐานได้ ใช้เวลาแป๊บเดียว ก็มีคนงานสองคนโผล่ออกมาจากปราสาท

วูชินเพิ่ม2คนนี้ไปรวมกับกลุ่มข้างนอก กลายเป็นกลุ่ม7คน แล้วเขาก็ส่งพวกมันไปรวบรวมพืชเลือด พวกมันก็เริ่มรวบรวมพืชเลือดอย่างรวดเร็ว ไม่นานนัก วูชินก็มีหินเลือดรวมๆ 500 แต้ม เขาก็สั่งให้สร้างค่ายฝึกออคทันที

ใช้คนงานสองคน เพื่อมาสร้างค่ายฝึกทหารออค ใกล้ๆกับปราสาท

ช่วงนี้5คนที่เหลือก็ยังคงรวบรวมพืชเลือดต่อไป ในขณะที่กำลังสร้างค่าย เขาเลือกสร้างคนงานออกมาอีก3คน

<คุณมีจำนวนประชากรเกินขีด จำกัด แล้ว โปรดสร้างกระท่อม>

"ชิ ... เจอแบบนี้อีกแล้ว น่าหงุดหงิดจริง"

วูชินรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เขามีกองทัพโรงกระดูกนับหมื่น ไหนจะอัศวินแห่งความตายอีก แต่มันเอามาใช้ไม่ได้

"เรื่องแบบนี้มันทำไปทำไมกัน"

ทำไมพวกผู้ปกครองมิติถึงต้องเล่นเกมส์นี้ ? ทำไมพวกมันถึงต้องเดิมพันพลังงานเพื่อเพิ่มอันดับ?

ในขณะที่วูชินบ่นออกมาด้วยความหงุดหงิดกระท่อม ก็สร้างเสร็จพอดี

ขีด จำกัด ของประชากรเพิ่มขึ้น 20 และค่ายฝึกทหารออคได้สร้างเสร็จสิ้น

<ทหารออค: 50, ออคนักรบ 150>

กองกำลังที่วูชินฝึกได้ ก็เหมือนกองกำลังในพื้นที่มิติของเขา เขาเลือกผลิตทหารออคสองคน เมื่อเขาเลือกก็มีคนงานออคสองคนเดินออกมาจากกระท่อมมุ่งหน้าไปยังค่ายฝึกทหารออค

มันใช้เวลานานกว่าการสร้างคนงานธรรมดาถึง5เท่า 10กว่านาทีผ่านไป

วูชิ้นคิ้วขมวด ในขณะที่ทหารออคที่ฝึกเสร็จแล้วเดินออกมา

'การเตรียมทุกอย่างให้พร้อม ในช่วงเวลาคุ้มครองคงเป็นเรื่องยาก'

สำหรับการต่อสู้ที่พื้นที่มิติจริงๆของเขา เขาไม่จำเป็นต้องมัวมาสร้างค่ายฝึกออคหรือรังไวเวิร์น แต่เรื่องเหมืองหินเลือดนี่นับว่ามีความจำเป็นจริงๆ

มีอาคารจำนวนมากที่จำเป็นสำหรับพื้นที่

ผู้ปกครองมิติ ต้องมี อาคารมากมายหลายแบบในพื้นที่ เพื่อเอามาใช้ในการทำสงครามชิงมิติ

สกิลต่างๆที่เป็นสกิลหากินของเขา เช่นการรวมพลังของมอนสเตอร์ และต้นไม้แห่งความตาย ที่เอาไว้ป้องกัน ไม่สามารถเอามาใช้ในสงครามชิงมิติได้ เขาคิดว่าเมื่อจบจากการจำลองสงครามครั้งนี้แล้วต้องรีบไปหาวิธีนำอาคารต่างๆ รวมถึงเครื่องป้องกันดีๆ มาไว้ในพื้นที่มิติของเขา

เขามีเวลาเหลือแค่6วันเท่านั้น .... (ลาก่อยยย พี่วู 555+)

เขาไม่แน่ใจว่าจะหาทุกอย่างที่เป็นพื้นฐานครบสำหรับการต่อสู้ได้ทันเวลาหรือไม่ ...

หลังจาก10นาทีผ่านไป คนงานธรรมดา ก็กลายเป็นทหารออคที่ดูแข็งแกร่งถือหอกเดินออกมา

เมื่อเขาพึ่งมีทหารออคสามคน เขาเหลือบไปเห็นทหารของเคาท์ลีตอนจำนวนเจ็ดคนที่ดูท่าจะแข็งแกร่งและอุปกรณ์การรบเต็มตัว อยู่ไกลๆ

"นี่เป็นเรื่องน่าหงุดหงิดจริงๆ"

เขารู้สึกอึดอัดราวกับว่าถูกมัดมือมัดเท้า

...เขามีเพียง ทหารออค3คนเท่านั้น ที่ใช้งานได้ ....

รีวิวผู้อ่าน

otrwavekung
1383 วันที่แล้ว

battle realm ชัดใช้ชาวนา ไปวิวัฒนาการเป็นนักรบ


  แสดงความคิดเห็น