px

เรื่อง : นายน้อยเจ้าสำราญ : คนบ้าแห่งต้าเฉิน (นิยายแปล) ปลดล๊อคตอนฟรี 3 วัน 1 ตอน
ตอนที่ 4 สูญสิ้น


ตอนที่ 4 สูญสิ้น

 

ณ ทะเลสาบฉายหยุนได้เกิดคดีฆาตกรรมขึ้น นายอำเภอจี้จึงรีบเดินทางไปที่นั่นทันที

 

ทว่านี่มิได้ข้องเกี่ยวอันใดกับสวีเสี่ยวเสียน ดังนั้นเขาจึงมิได้นำมาใส่ใจ เมื่อมิมีอันใดทำแล้ว เขาจึงก้าวขาออกไปจากประตูพระจันทร์ จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังเรือนหลัก

 

ที่เรือนหลักมีลานกว้างขวางมากยิ่งนัก มีศาลาเฉลียงตั้งอยู่ตรงกลางลาน มีภูเขาจำลอง มีสระบัวและสะพานข้าม

 

ถนนปูด้วยหินกรวดคดเคี้ยวไปรอบทิศ ก้อนหินรูปทรงประหลาดถูกวางไว้ด้านข้าง ต้นหลิวที่พริ้วไหวและหมู่มวลดอกไม้ที่เบ่งบาน ให้บรรยากาศสง่างามมากยิ่งนัก

 

สวีเสี่ยวเสียนเดินไปยังศาลากลางน้ำ บนศาลามีป้ายเขียนเอาไว้ว่า ‘เซียนหยุน’ ลายมือดูสง่างามเป็นอิสระ ซึ่งเข้ากับศาลากลางน้ำได้เป็นอย่างดี

 

เขายืนอยู่ที่ศาลาเซียนหยุนพลางจ้องมองไปรอบทิศ ฝั่งซ้ายขวาเป็นเรือนทรงโบราณ รอบด้านคือระเบียงทางเดิน เรือนหลังใหญ่มีคานแกะสลักและทาสีอย่างประณีตงดงาม ประตูสีแดงสดถูกเปิดออก เสียงเอี๊ยดอ๊าดดังขึ้นมา

 

ความทรงจำในร่างเดิมมิคุ้นเคยกับที่นี่ เห็นได้ชัดว่าเจ้าของร่างเดิมแทบจะมิมาที่นี่เลย

 

 

บัดนี้เมื่อได้มาเห็น สวีเสี่ยวเสียนถึงกับสูดลมหายใจเข้าลึก เรือนที่งดงามเช่นนี้ หากนำไปประมูลในชาติก่อน จะได้ราคาสูงถึงเพียงใด ?

 

มันคือคฤหาสน์ชัด ๆ !

 

ทว่าน่าเสียดายที่ภรรยาของเขามิได้มาด้วย เมื่อนึกถึงภรรยา จิตใจของสวีเสี่ยวเสียนก็ห่อเหี่ยวลงเล็กน้อย

 

หญิงสาวอรชรอ้อนแอ้นกับเรือนเจียงหนานที่งดงามเยี่ยงนี้ หากได้นั่งดื่มชาในศาลากลางน้ำ อ่านหนังสือหรือเล่นหมากรุกบ้างบางครา บางเวลาก็ออกมารดน้ำต้นไม้ ตกแต่งสวนที่เงียบสงบและไร้ซึ่งเสียงใดมารบกวน ไร้ซึ่งผู้ใดมากวนใจ สามารถนอนหลับได้อย่างเต็มอิ่มและนั่งนับเงินจนมือชา...นี่คงจะเป็นความฝันที่สมบูรณ์แบบของมนุษย์สินะ

 

“คุณชาย คุณชายเจ้าคะ ! ”

 

จือรุ่ยเอ่ยขัดจินตนาการของสวีเสี่ยวเสียน เขายกยิ้มขึ้นมาบาง ๆ พลางส่ายหน้าเล็กน้อย สายตาจ้องมองไปยังสุริยาบนท้องนภา “รั่วซี ผมคิดถึงคุณมากจริง ๆ...ลาก่อน ! ”

 

เขาสูดหายใจเข้าลึก จากนั้นก็เก็บอารมณ์ความรู้สึกเมื่อครู่กลับไปในก้นบึ้งของจิตใจ ก่อนจะก้าวเข้าไปในเรือนหลัก ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

 

ในห้องโถงมีหีบใบใหญ่วางอยู่ !

 

ดูจากขนาดของหีบนี้ ด้านในน่าจะมีเงินอย่างน้อย 1,000 ตำลึง !

 

เป็นเงินก้อนโตเลยทีเดียว !

 

เมื่อมีเงินมากมายถึงเพียงนี้ ข้าก็สามารถใช้ชีวิตอย่างหรูหราได้ทั้งชีวิตแล้ว !

 

เมื่อคิดได้ดังนั้น สวีเสี่ยวเสียนก็เผยรอยยิ้มออกมาบนใบหน้า จากนั้นก็เดินตรงไปยังหีบใบใหญ่... ทว่าอยู่ ๆ รอยยิ้มชื่นบานบนใบหน้าของเขาก็ต้องชะงักลง

 

เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ !

 

ให้ตายสิ !

 

ภายในหีบใบใหญ่มีเพียงเศษเงินมิกี่ก้อนติดอยู่ก้นหีบ !

 

หากมิตั้งใจมองก็คงมิรู้ว่ามีเงินอยู่ !

 

เขารอมาทั้งวัน แต่ท้ายที่สุดแล้วกลับได้เท่านี้น่ะหรือ ?

 

ในหีบจะมีเงินสักเท่าใดกันเชียว ?

 

สวีเสี่ยวเสียนก้มตัวลงไปมอง จากนั้นก็หยิบเศษเงินเหล่านั้นขึ้นมาโยนเล่น... 2 ตำลึงมิเกินนี้ หากมากกว่านี้ถือว่าข้าแพ้

 

หลายฝูกุมตัวจางซิ่วเข้ามาด้านใน สวีเสี่ยวเสียนเอียงศีรษะมองดูเศษเงินในมือ จากนั้นก็หันไปมองจางซิ่ว จางซิ่วคุกเข่าลงกับพื้นดัง “ตุ้บ ! ” สวีเสี่ยวเสียนมิรอให้จางซิ่วเอ่ยอันใดออกมา เขาปรี่เข้าไปถีบยอดอกของจางซิ่วทันที

 

“คุณชาย...” จางซิ่วรีบคลานขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็คุกเข่าลงต่อหน้าสวีเสี่ยวเสียนด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน

 

“จือรุ่ย เจ้าไปนำเก้าอี้มาให้ข้าสักตัวสิ หลายฝู เจ้าจงไปนำมีดทำครัวมาให้ข้า ! ”

 

จือรุ่ยรีบวิ่งไปยกเก้าอี้ตามคำสั่งของคุณชาย ส่วนหลายฝูเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนว่า “คุณชายขอรับ บ่าว... บ่าวมิใช่คนดูแลของคุณชายนะขอรับ ! ”

 

ในใจของหลายฝูกลัวมากยิ่งนัก เจ้าจางซิ่วนำเงินของคุณชายไปใช้จนสิ้น แน่นอนว่าคุณชายต้องโมโหมากยิ่งนัก หากคุณชายโมโหแล้วโรคประสาทกำเริบขึ้นมา เขาอาจจะตัดศีรษะจางซิ่วก็เป็นได้ สำหรับคุณชายอาจมิเป็นไร ทว่ากับเขานี่สิ...เขาต้องรับโทษแทนคุณชาย นี่ถือเป็นเรื่องใหญ่ !

 

“หลายฝู”

 

“ขอรับ” หลายฝูก้มหน้าขานรับด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา

 

สวีเสี่ยวเสียนเตะหลายฝูหนึ่งครา “เจ้า ! เจ้ากล้าต่อปากต่อคำกับข้าเยี่ยงนั้นหรือ ? ข้าเอ่ยว่าเจ้าคือผู้ดูแลของข้าก็ต้องเป็นไปตามนั้น จะเอ่ยอันใดให้มากความ จงไปนำมีดทำครัวมา ! ”

 

“อ่า...ขอรับคุณชาย ! ” เขาอาศัยอยู่ใต้ชายคานี้ ดังนั้นจะกล้าขัดคำสั่งได้เยี่ยงไรกัน !

 

หลายฝูก้มหน้าก้มตาเดินห่อเหี่ยวจากไป

 

สวีเสี่ยวเสียนมองตามหลังของหลายฝู

 

เจ้าหาเรื่องถูกเตะเอง !

 

คิดว่าข้าทำอันใดเจ้ามิได้เยี่ยงนั้นหรือ ?

 

ข้าจำต้องสั่งสอนเจ้าหมอนี่สักหน่อยแล้ว จะได้รู้ว่าใครเป็นใคร

 

จือรุ่ยลากเก้าอี้เข้ามา สวีเสี่ยวเสียนจึงนั่งลงตรงข้ามกับจางซิ่วแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “เงยหน้าขึ้นมา ให้ข้ามองหน้าเจ้าให้ชัด ๆ สักหน่อย”

 

จางซิ่วรีบโขกศีรษะกับพื้นสามคราเสียงดัง “ตุ้บ ๆ ๆ” จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมา หน้าผากของเขาเลอะเทอะเปอะเปื้อนไปด้วยโลหิต ในใจของเขารู้สึกสิ้นหวังเสียเหลือเกิน คุณชายโหดเหี้ยมมากยิ่งนัก คาดว่าคงมิปล่อยเขาไปง่าย ๆ เป็นแน่

 

14 ปีมานี้ เขามักจะทำท่าทีโง่เง่า หรือจะเป็นดังที่ว่าแสร้งทำเป็นหมูเพื่อรอกินเสือ ?

 

“คุณชาย คุณชายขอรับ...”

 

“เอ่ยมา...ผู้ใดกันที่สั่งให้เจ้ากล้ามาลองดีกับข้าเยี่ยงนี้ ? ”

 

หน้าผากของจางซิ่วมีเหงื่อเย็นผุดขึ้นมา

 

“ข้าจะนับเพียงสาม หากเจ้ายังมิเอ่ยออกมา ข้าจะเฉือนเนื้อเจ้าให้หมากิน ! ”

 

“หนึ่ง ! ”

 

จางซิ่วร้องโหยหวนออกมา เขาพลาดไปแล้วจริง ๆ เขาจะไปรู้ได้เยี่ยงไรว่าก่อนหน้านี้คุณชายเสแสร้งแกล้งทำ หากเขารู้ว่าคุณชายโหดร้ายเยี่ยงนี้ ต่อให้ตายเขาก็มิกล้ารับปากทำเรื่องนี้หรอก !

 

“สอง ! ”

 

จางซิ่วเงยหน้าขึ้น บัดนี้เขาเชื่อจากใจจริงว่าคุณชายผู้นี้สามารถตัดคอเขาได้จริง ๆ

 

เขาจึงรีบเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เอ่ยอย่างหวาดผวาออกมาว่า “คุณชาย...คุณชายขอรับ บ่าว...บ่าวจะบอกประเดี๋ยวนี้แหละขอรับ ! ”

 

“ผู้ใดกันที่บงการเจ้า ? ”

 

“คุณชายขอรับ เป็น เป็น...สวีรุ่ย นายท่านสวีแห่งจงซูเส่อเหริน”

 

สวีเสี่ยวเสียนขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น

 

เรื่องนี้แลดูซับซ้อนเล็กน้อย

 

ตำแหน่งจงซูเส่อเหรินเป็นถึงขุนนางในเมืองหลวงฉางอัน !

 

บิดาของเขาจากไปตอนที่เขาอายุได้ 3 ปี ความทรงจำก่อนหน้านั้นเขาลืมมันไปเกือบหมดแล้ว รู้เพียงแค่ว่าบิดาชื่อสวีหยุนโหลว

 

ส่วนมารดานั้น ในความทรงจำแทบจะมิหลงเหลืออยู่เลย

 

เมื่อลองตริตรองดูแล้ว ศัตรูคงมีอำนาจมากทีเดียว ในตอนนั้นคาดว่าท่านพ่อคงทำให้นายท่านสวี่ขุ่นเคืองใจ จึงต้องมาตกระกำลำบากเช่นนี้

 

เมื่อนึกถึงผู้บงการเรื่องนี้แล้ว...ตามระบบราชวงศ์ในปัจจุบัน จงซูเส่อเหรินเป็นเพียงขุนนางขั้นห้า เกรงว่าตำแหน่งของสวีรุ่ยจะมิสามารถทำให้ผลการสอบจอหงวนคลาดเคลื่อนได้

 

“นอกจากเขาแล้ว ยังมีผู้ใดอีก ? ”

 

“คุณชายขอรับ บ่าว... เดิมทีบ่าวเป็นพ่อบ้านในจวนของนายท่านสวี บ่าวได้รับคำสั่งมาจากนายท่านสวีว่าให้มาเป็นพ่อบ้านที่จวนสวีในเขตเหลียงอี้ ทั้งหมดนี้นายท่านสวีเป็นผู้วางแผน เขา...เขาเอ่ยว่าให้บ่าวคอยจับตามองดูคุณชาย เพียงแค่...เพียงแค่มิทำให้คุณชายตายในน้ำมือของบ่าว บ่าวจะทำสิ่งใดก็ย่อมได้ขอรับ”

 

“บ่าวเอ่ยด้วยความสัตย์จริง หาได้มีความเท็จแม้แต่น้อย ! ”

 

“เรื่องของท่านพ่อในครานั้นเป็นมาเยี่ยงไร ? ”

 

“เรื่องนี้บ่าวก็มิแน่ใจขอรับ เมื่อยามที่บ่าวเดินทางมารับใช้ จวนสวีก็มีเพียงคุณชายและจือรุ่ยแค่ 2 คนเท่านั้น ในตอนนั้นคุณชายอายุ 3 ปี ส่วนจือรุ่ยก็เพิ่งจะอายุ 1 ปีเท่านั้น ตอนนั้นทั้งสองคนเรียกได้ว่าแทบจะหิวตายแล้วด้วยซ้ำ... บ่าวได้เลี้ยงดูคุณชายและจือรุ่ยมาจนเติบใหญ่ โปรดเห็นแก่ความดีที่บ่าวเคยทำมาด้วยขอรับ โปรดไว้ชีวิตของบ่าวด้วยเถิดขอรับ ! ”

 

สวีเสี่ยวเสียนครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ จากคำบอกเล่า จางซิ่วมิน่าจะโกหกตน เช่นนั้นคงต้องจำชื่อสวีรุ่ยเอาไว้ก่อน หลังจากนี้ค่อยหาโอกาสทำความเข้าใจอีกที...หรือจะแสร้งทำเป็นมิรู้เรื่องรู้ราวดี ?

 

ดูเหมือนเรื่องนี้ จะมีเบื้องหลังที่มิธรรมดาเสียแล้ว

 

มีบิดาที่มิรู้ที่มาที่ไป มีมารดาที่มิมีข้อมูลใดมากนัก มีขุนนางขั้นสูงในเมืองหลวงมาเกี่ยวข้อง และยังมี...

 

เจ้าจางซิ่วที่เรียกเขาว่าลูกนอกคอก...หรือในตอนนั้นท่านพ่อไปก่อเรื่องมิดีขึ้น ? หรือว่าเขาไปฉุดเอาบุตรสาวของนายท่านสวีมา จึงทำให้เกิดความแค้นต่อกันเช่นนี้ ?

 

สวีเสี่ยวเสียนยิ่งคิดยิ่งมิเข้าใจ ความคิดของเขาจึงวกกลับไปที่เดิม

 

“แล้วเงินของข้าเล่า ? ”

 

“...คุณชายขอรับ ! บ่าวสมควรตาย สมควรตายอย่างยิ่งขอรับ ! ”

 

“ข้าก็มิได้เอ่ยว่าจะไว้ชีวิตเจ้านี่ ข้าถามเจ้าว่าเงินของข้าอยู่ที่ใด ? 5,000 ตำลึงเชียว ! เจ้ารู้หรือไม่ว่าเงิน 5,000 ตำลึงนั้นมากมายเพียงใด ? เจ้ากลับเหลือทิ้งไว้ให้ข้าเพียง 2 ตำลึงเท่านั้น ! ”

 

สวีเสี่ยวเสียนโมโหมากยิ่งนัก สีหน้าของเขาดูดุดันราวกับราชสีห์ “เงินของข้าอยู่ที่ใด ! รีบเอ่ยมาเร็วเข้า มิเช่นนั้นข้าจะถลกหนังเจ้าประเดี๋ยวนี้ ! ”

 

“ตึง ๆ ๆ ๆ ๆ...” จางรุ่ยโขกศีรษะลงกับพื้นอีกห้าครา

 

บัดนี้โลหิตสีแดงสดไหลรินลงมาบดบังการมองเห็นของเขา “คุณชายขอรับ เงินเหล่านั้นบ่าวมิได้นำไปซ่อนไว้แต่อย่างใด บ่าว... บ่าวนำไป... นำไปให้แม่นางซือซือแห่งตรอกหลานกุยจนหมดสิ้นแล้วขอรับ บ่าวนำเงินของคุณชายไปถลุงจนสิ้น คุณชายโปรดอภัยให้กันด้วย...”

 

สวีเสี่ยวเสียนสะบัดขาเตะจางซิ่วเสียจนกระเด็นออกไป

 

จังหวะเดียวกันนั้นเอง ก็มีเจ้าหน้าที่ทางการ 2 คนซึ่งนำโดยตู้เจิ้งฉุนเดินตรงเข้ามา ร่างของจางซิ่วล้มลงต่อหน้าตู้เจิ้งฉุน “พลั่ก ! ”

 

ตู้เจิ้งฉุนชะงักงัน จากนั้นก็กระโดดหนี เขามองไปยังใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดสีแดงสด เขามองอยู่เนิ่นนานกว่าจะมองออกว่านั่นคือพ่อบ้านของจวนสวี

 

บัดนี้จางซิ่วมิได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดแต่อย่างใด เขารู้สึกราวกับได้เห็นแสงสว่างอีกครา จากนั้นก็รีบไปเกาะขาผู้ช่วยเอาไว้

 

“ท่านผู้ช่วยตู้ ช่วยข้าด้วยขอรับ... ! ”

 

นี่มันเกิดอันใดขึ้นกัน !

 

ผู้ช่วยตู้ตื่นตกใจจนสะดุ้งโหยง ในเมืองเหลียงอี้แห่งนี้ จางซิ่วนับว่ามีชื่อเสียงอยู่บ้าง เหตุใดวันนี้ถึงมีสภาพน่าอดสูเยี่ยงนี้เล่า ?

 

ว่ากันว่าที่จวนสวีบ่าวรังแกนายมิใช่หรือ ? เจ้าสวีฝานจือนั่นเป็นพวกไร้ความสามารถมิใช่หรือเยี่ยงไร ? ผู้ใดกันที่หนุนหลังให้กับสวีฝานจือ ?

 

เมื่อสวีเสี่ยวเสียนได้ยินจางซิ่วเอ่ยออกไปเช่นนั้น จึงรู้ได้ทันทีว่าเป็นคนของนายอำเภอจี้ เขาจึงลุกขึ้นแล้วเดินออกไป หลายฝูที่เดินไปหยิบมีดทำครัวก็เดินออกมาได้จังหวะพอดี

 

คุณชายจะฆ่าคนแล้ว !

 

ตายแน่ครานี้ ข้าจะต้องรับผิดแทนคุณชายเยี่ยงนั้นหรือ !

 

คุณชายได้ปูทางเดินเข้าสู่คุกไว้ให้เขาเรียบร้อยแล้ว นายอำเภอจี้ต้องตัดศีรษะเขาเป็นแน่

 

เข้าใจผิดแล้ว ข้ามิได้ทำนะ... !

 

ทว่าต่อมาดวงตาของหลายฝูก็เป็นประกายแวววับ เจ้าหน้าที่เยี่ยงนั้นหรือ ? !

 

ไอหยา...รอดตายแล้วเรา !

 

เขาวิ่งตรงเข้าไปอย่างรวดเร็ว สวีเสี่ยวเสียนแย่งมีดทำครัวเล่มนั้นไป ผู้ช่วยตู้สูดหายใจเข้าลึกแล้วเบิกตากว้าง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดระแวง คุณชายจวนสวีอาการกำเริบเยี่ยงนั้นหรือ ?

 

“ผู้ช่วยตู้ โปรดช่วยข้าด้วย ! ”

 

“คุณชายขอรับ อย่านะขอรับ ! ”

 

“ฝานจือ ใจเย็น ๆ ก่อน ! ”

 

“ผู้ใดขวางข้า ข้าจะสับมันผู้นั้น... ! ”

 

......

 

......

 

น่ากลัวมากยิ่งนัก !

 

ผู้ช่วยตู้ยกมือขึ้นปาดเหงื่อ จากนั้นก็รีบพาพวกเขาทั้งสาม วิ่งออกไปจากจวนสวีอย่างรวดเร็ว

 

คนเสียสติน่ากลัวมากยิ่งนัก !

 

เฮ้อ เจ้าหลายฝู...ช่างน่าสงสารเสียจริง !

 

สวีเสี่ยวเสียนเขวี้ยงมีดทำครัวเล่มนั้นลง จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาว่า “จือรุ่ย จงเก็บกวาดเรือนนี้ให้ดี นับจากนี้ต่อไปข้าจะอาศัยอยู่ที่นี่ ! ”

 

จือรุ่ยมองไปทางคุณชายด้วยสายตาหวาดกลัว ผ่านไปเนิ่นนานกว่านางจะได้สติกลับคืนมา นางกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่แล้วเอ่ยว่า “เจ้าค่ะ ! ”

 

“หลายฝู...”

 

“ขะ ขะ ขอ ขอรับ ! ”

 

หลายฝูเพิ่งจะข้ามผ่านประตูแห่งความตายมาเมื่อครู่ บัดนี้เขามิกล้าเงยหน้าขึ้นมองคุณชายเลยแม้แต่น้อย หยาดเหงื่อที่หลังยังคงไหลย้อยลงมา

 

“จงไปเตรียมรถม้า ประเดี๋ยวพวกเราจะออกไปเดินเล่นกัน”

 

สวีเสี่ยวเสียนยืนอยู่ท่ามกลางแสงสุริยา ในมือยังคงกำเงิน 2 ตำลึงเอาไว้แน่น

 

แม่นางซือซือ ดอกไม้แห่งตรอกหลานกุยใช้ความสามารถของนางชิงเงินของข้าไปจนสิ้น เช่นนั้นสิ่งแรกที่เขาต้องทำในโลกใบนี้ก็คือ...หาเงิน !

รีวิวผู้อ่าน


240 วันที่แล้ว

comprare cialis online Anavar tiene una alta actividad anabГіlica igual a 400, con la presencia de baja androgГ©nica igual a 25 informe se produce a partir de la testosterona natural


  แสดงความคิดเห็น

481 วันที่แล้ว

50mg vs 100mg viagra Although the relationship between genetic polymorphisms and tamoxifen pharmacokinetics or pharmacodynamics is well understood, the variability in plasma concentration implies genotyping for tamoxifen s clinical applicability


  แสดงความคิดเห็น