ตอนที่ 5 มีรูปลักษณ์นเยี่ยงไร
ดูเหมือนว่าผู้ที่ทะลุมิติมาจำนวนมากต่างก็ประสบกับปัญหาที่น่าเบื่อนี้...ยกเว้นเจ้าฟู่เสี่ยวกวน !
เรื่องการถอนหมั้นที่น่าเบื่อนี่อีก...เจ้าฟู่เสี่ยวกวนก็มิได้ประสบกับปัญหานี้เช่นกัน
พระเจ้าลำเอียงมากยิ่งนัก !
สวีเสี่ยวเสียนเงยหน้าขึ้นมองท้องนภา เมฆขาวลอยเด่นเหนือท้องนภาสีคราม แสงสุริยาในฤดูใบไม้ผลิกำลังดี... ดีกับผีสิ !
จะทำอันใดต่อไปดี ?
การหมั้นหมายก็ได้สิ้นสุดลงแล้ว จวนหลังนี้กลับมาเป็นของตนแล้วเช่นกัน
พร้อมกับเงิน 2 ตำลึง !
เมื่อลองตริตรองดูอีกครา ทั้งหมดนี้คือทรัพย์สินของเขา แน่นอนว่าสวีเสี่ยวเสียนยังมิคิดที่จะนำทรัพย์สินในจวนไปขาย
สิ่งที่เร่งรีบที่สุดในตอนนี้แน่นอนว่าต้องเป็นการแก้ปัญหา สำหรับผู้ที่ทะลุมิติมานั้น การหาเงินถือเป็นเรื่องง่ายมิใช่หรือ ?
แน่นอนว่าหากต้องการหาเงิน ลำดับแรกต้องไปทำความเข้าใจตลาดเสียก่อน ในความทรงจำของเจ้าหนอนหนังสือนี่นอกจากเรื่องที่มิมีประโยชน์เหล่านั้นแล้วก็มิมีสิ่งใดอีกเลย
เอาเถิด...ต่อให้ยากจนกว่านี้ ทว่าจะสามารถยากจนกว่าชาวบ้านในหมู่บ้านไป่ฮวาเมื่อสามปีก่อนได้หรือ ?
ความพยายามตลอดสามปีของเขา หมู่บ้านไป่ฮวามีฤดูกาลที่ดอกไม้จะบานสะพรั่ง มีนักท่องเที่ยวคลาคล่ำ ทุกวันนี้พวกเขาสามารถลืมตาอ้าปากกันได้แล้ว
ลูกท้อที่ปลูกขึ้นมาอย่างยากลำบาก เกรงว่าจะถูกเจ้าชั่วแซ่หวางข้างบ้านเด็ดไปเสียแล้ว
คนสองภพเยี่ยงสวีเสี่ยวเสียนรีบเก็บอารมณ์ของตนเองอย่างรวดเร็ว เตรียมพร้อมเผชิญหน้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน หากเขาอาศัยความรู้ที่นำหน้าไปกว่าพันปีของตนเอง คงมิถึงขั้นต้องมาอดตายเอาที่นี่หรอก
ในฐานะเจ้าหน้าที่บรรเทาความยากจนคนหนึ่ง เขาย่อมมีทักษะที่หลากหลาย อย่างเช่น กลอุบายที่ผู้ทะลุมิตินิยมใช้กันนั้น คือการกลั่นสุรา ทำกระดาษ ทำสบู่และอื่น ๆ
สิ่งที่เขาชำนาญที่สุดเป็นการปลูกผลไม้และดอกไม้ ฟักลูกเจี๊ยบ ผสมพันธุ์แม่สุกรและทักษะการขยายพันธุ์ต่าง ๆ ทว่าเมื่อเขาเห็นสวนดอกไม้มีดอกไม้สวยสดละลานตาอยู่เต็มไปหมด จึงรู้สึกว่าถ้าหากปลูกดอกไม้ก็มิน่าจะมีผู้ใดซื้อ
ส่วนการผสมพันธุ์แม่สุกร...เรื่องนี้เหมือนว่าพอเป็นไปได้ ทว่าบัดนี้ยังมิมีหนทาง
เป็นไปได้หรือไม่ที่จะเดินทางไปที่บ้านของชาวนาและปักหลักทำงานที่นั่น ? ทว่าการผสมพันธุ์แม่สุกรต้องเต็มใจที่จะทำด้วย
ส่วนเรื่องอื่น ๆ นั้น มิมีเงินก็เปล่าประโยชน์
หรือว่าจะไปเป็นหมอพเนจรดี ?
ความคิดนี้ทำให้เขาครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ ในตอนที่การคมนาคมของหมู่บ้านไป่ฮวายังถูกตัดขาด พอถึงยามราตรี หากเบื่อหน่ายเขาก็จะไปเรียนวิชาแพทย์กับหมอเท้าเปล่าในหมู่บ้าน ทว่าเขามิรู้ว่ามันจะมีประโยชน์ในยุคนี้หรือไม่ ?
เจ้าจางซิ่วผู้นั้นสมควรตาย !
เงินมากมายตั้ง 5,000 ตำลึง !
เจ้าเป็นสุกรหรือเยี่ยงไรกัน ?
หากเจ้าใช้เงินซื้อร้านค้าหรือที่นาสักเล็กน้อย จากนั้นก็สร้างกิจการของครอบครัวขึ้นมา เงินก็คงจะมิหมดสิ้นไปทั้งอย่างนี้ !
หากเจ้าเหลือเงินเพียง 2 ตำลึง เจ้าวางแผนจะใช้ชีวิตต่อไปเยี่ยงไรกัน ?
ใช่ ! ใกล้จะถึงวันจ่ายเงินเดือนให้กับจือรุ่ยและหลายฝูแล้วนี่ หากอยากมีผู้ติดตามก็จำต้องจ่ายค่าแรงให้ตรงต่อเวลา มิเช่นนั้นพวกเขาจะติดตามข้าเพื่อเหตุอันใด ?
ยังดีที่ว่าจือรุ่ยนั้นหลอกล่อได้ง่าย คาดว่าต่อให้ติดเงินเดือนนางสัก 2 เดือน นางก็จะมิหนีหายไปอย่างแน่นอน ทว่าสำหรับหลายฝูนั้น เขาเคยเอ่ยเอาไว้แล้วว่าจะปฏิบัติต่อหลายฝูอย่างดี ดังนั้นเขาจึงมิสามารถคืนคำได้ มิเช่นนั้นเกรงว่าคนผู้นี้จะหนีไปจริง ๆ
เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาจึงเงยหน้ามองท้องนภาอีกครา เห็นว่าสุริยาอยู่ตรงศีรษะพอดี นี่เป็นยามอู่แล้ว เดิมทีเขาวางแผนจะพาบ่าวรับใช้ทั้งสองไปทานข้าวข้างนอก โชคดีที่ยังมิได้เอ่ยคำนี้ออกไป เช่นนั้นให้จือรุ่ยทำบะหมี่ให้ก็แล้วกัน
สวีเสี่ยวเสียนทานบะหมี่ที่จืดชืด 1 ชามอยู่ในเรือน ในยามที่เขาพาจือรุ่ยและหลายฝูออกไปนอกจวนนั้น นอกเมืองเหลียงอี้ ริมทะเลสาบฉายหยุน นายอำเภอจี้ก็ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่นำศพพระสงฆ์ที่จมน้ำตายรูปนั้นกลับไปยังศาลาว่าการ
เหล่าชายหนุ่มและหญิงสาวต่างก็หวาดผวา แต่ก็รู้สึกว่าการสนทนาเรื่องความรักนั้นสำคัญยิ่งกว่า ท้ายที่สุดฤดูใบไม้ผลิที่มีอยู่ในใจก็เอาชนะความกลัวได้ ผู้คนได้มารวมตัวกันที่ริมทะเลสาบฉายหยุนหน้าหอซิ่วอีกครา
ก็แค่พระสงฆ์ที่จมน้ำตายรูปหนึ่งเท่านั้นมิใช่หรือ ?
หากได้พบเจอดรุณีแรกรุ่นหรือผู้มีความสามารถที่นี่ วันนี้ในปีหน้าก็คงจะมีบุตรเป็นโขยงแล้ว
บนหอซิ่ว จี้เยวี่ยเอ๋อยังคงนั่งอยู่ริมหน้าต่าง ควันจากชาลอยอวลอยู่บนโต๊ะ ทว่ามิได้บดบังใบหน้าที่งดงามนั้นแต่อย่างใด
นางยกมือขึ้นเท้าคางพลางเอียงหน้ามองคลื่นน้ำด้านนอกด้วยสีหน้าเซื่องซึม น้ำในทะเลสาบเป็นสีเขียวมรกต เหนือผิวน้ำมีเรือแล่นอยู่หลายลำ บนเรือนั้นมีชายหญิงอยู่เป็นจำนวนมาก สายลมในฤดูใบไม้ผลิที่อบอุ่นพัดผ่านมา อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของบุปผาจาง ๆ ทั้งยังนำพาเสียงครื้นเครงบนเรือนั้นมาด้วย
ฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้ว มาถึงฤดูกาลที่ทุกสรรพสิ่งจะฟื้นฟูขึ้นมาอีกครา
ผู้ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับนางคือสาวใช้นามว่าจื่อเอ๋อ จื่อเอ๋อกำลังต้มชา นางลอบมองคุณหนูของตนผ่านควันจาง ๆ นางรู้สึกมิค่อยสบายใจเท่าใดนัก เพราะในแววตาของคุณหนูมิได้มีความสุขแต่อย่างใด ออกจะดูสับสนเสียมากกว่า
ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้าหนอนหนังสือนั่น !
โชคดีที่นายท่านเฉลียวฉลาด หากคุณหนูแต่งงานกับหนอนหนังสือผู้นั้นจริง ๆ ไม่สิ ! แต่งกับหนอนหนังสือมิได้มีปัญหาอันใดเพราะคุณหนูก็ชอบกลิ่นหนังสือเช่นกัน ทว่าเจ้าหนอนหนังสือผู้นั้นกลับป่วยเป็นโรคประสาท
แต่งงานกับคนบ้า...จื่อเอ๋อจินตนาการถึงชีวิตในวันข้างหน้าของคุณหนูมิออกเลย
เมื่อตอนที่นายท่านมาจัดการคดีก็ได้นำสัญญาหมั้นหมายฉบับนั้นมาให้คุณหนูด้วย ทั้งยังเอ่ยอีกว่าสวีเสี่ยวเสียนผู้นั้นมิได้ทำให้เรื่องราวยุ่งยาก โชคดีที่เขาเป็นคนบ้า ไม่สิ ! แต่เดิมเขาก็มิรู้จักความงามล่มเมืองของคุณหนูอยู่แล้ว ถือเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง
บัดนี้ได้สัญญาหมั้นหมายกลับคืนมาแล้ว คุณหนูได้รับอิสรภาพกลับคืนมาอีกคราและสามารถเลือกคู่ครองใหม่ได้แล้ว
คุณหนูชื่นชอบบทกวีและบทความของสี่ผู้มีพรสวรรค์จากเจียงหนานเป็นอย่างมาก ทว่าสี่ผู้มีพรสวรรค์แห่งเจียงหนานอยู่ห่างไกลจากที่นี่จนเกินไป ยิ่งไปกว่านั้นเจียงหนานมีสาวงามมากโข สี่ผู้มีพรสวรรค์คงมีสาวงามอยู่ข้างกายมิขาดเป็นแน่ การแข่งขันสูงจนเกินไป มิต่างอันใดกับน้ำตาลใกล้มด คาดว่าคุณหนูคงมิมีหวัง
ท้ายที่สุดแล้ว ก็ต้องใช้ชีวิตกับความเป็นจริง
ได้ยินว่าผู้ที่ร่ำรวยอันดับหนึ่งแห่งเมืองเหลียงอี้ จูจ้งจี๋คุณชายใหญ่ของตระกูลจูก็มาด้วยเช่นกัน ทว่าบัดนี้ก็ยามอู่แล้ว เหตุใดถึงมิเห็นแม้แต่เงาของคุณชายใหญ่แห่งตระกูลจูกัน ? ใช่ ! คุณชายใหญ่จูยังมิทราบว่าคุณหนูเป็นอิสระแล้ว
เรื่องที่คุณชายใหญ่ตระกูลจูชื่นชอบคุณหนูมิใช่ความลับแต่อย่างใด แต่เพราะตระกูลของเขามีสถานะเป็นพ่อค้า นายท่านจึงค่อนข้างพะว้าพะวัง และเพราะคนบ้าผู้นั้นสอบได้อันดับที่หนึ่งจากการสอบประจำท้องถิ่นเมื่อปีที่แล้วพอดิบพอดี จึงได้เกิดเรื่องหมั้นหมายขึ้นมา
แม้ว่าคุณชายใหญ่แห่งตระกูลจูจะมิมีพรสวรรค์ด้านวรรณกรรม ทว่าตระกูลของเขามีเงินนี่ ทั้งยังเป็นบุตรเพียงคนเดียวของตระกูลจูอีกด้วย กิจการในอนาคตของตระกูลจูย่อมตกเป็นของเขาอย่างแน่นอน หากคุณหนูได้ตบแต่งเข้าไป ก็จะกลายเป็นนายหญิงของตระกูลจู
ในภายภาคหน้าก็มิจำเป็นต้องโผล่หน้าไปที่กิจการร้านหนังสือซานเว่ยนั่นอีก อยู่สบาย ๆ อย่างมีความสุข มิแน่ว่าอาจจะประพันธ์บทกวีที่น่าทึ่งออกมาอีกก็เป็นได้ เยี่ยงนี้ก็จะวิเศษเป็นอย่างมาก !
ในตอนที่จื่อเอ๋อกำลังครุ่นคิดอันใดไปเรื่อยเปื่อยนั้น ก็ได้เกิดเสียงครึกครื้นที่ด้านล่างหอซิ่ว อีกด้านหนึ่งของหอ คาดว่าคงจะเป็นคุณหนูสักคนที่โยนลูกบอลแพรปักไปโดนชายหนุ่มเข้าสักคน
จื่อเอ๋อเหลือบสายตามองคุณหนู ราวกับว่าคุณหนูของตนมิได้ยินเสียงครึกครื้นนั้นแต่อย่างใด นางยังคงนั่งเท้าคางเหม่อลอยอยู่ดังเดิม มิได้ขยับเขยื้อนเลยสักนิด
คุณหนูกำลังคิดอันใดอยู่กัน ? เรื่องการถอนหมั้นถือเป็นเรื่องที่ดี เหตุใดคุณหนูถึงมิมีความสุขเอาเสียเลย ?
จื่อเอ๋อใจสั่นไปชั่วครู่ หรือว่าคุณหนูกำลังคิดถึงคนบ้าผู้นั้นอยู่กัน ?
มิมีเหตุผลเอาเสียเลย คุณหนูมิเคยพบหน้าสวีเสี่ยวเสียนผู้นั้นมาก่อน นางมิมีทางรู้สึกอันใดกับคนบ้าเยี่ยงนั้นเป็นแน่
“คุณหนูเจ้าคะ”
“อือ...”
“บ่าวคิดว่าเรื่องนี้ได้ผ่านไปแล้ว ถือเสียว่ามิเคยเกิดขึ้นดีกว่าเจ้าค่ะ”
“จื่อเอ๋อ”
“เจ้าคะ”
“ข้าหิวแล้ว”
“......”
จื่อเอ๋อหยิบกล่องอาหารขึ้นมา จี้เยวี่ยเอ๋อจึงหันมองกลับมาพลางยกมือขึ้นเกี่ยวผมที่ปรกลงมาไปทัดข้างหู ทันใดนั้นมุมปากของนางก็กระตุกขึ้นเล็กน้อย ดวงตาของนางเป็นประกายระยับ “สวีเสี่ยวเสียน...มีรูปลักษณ์เยี่ยงไรกัน ? ”
จื่อเอ๋อชะงักงัน “บ่าวก็มิทราบเช่นกันเจ้าค่ะ มิใช่ ! คุณหนูกำลังคิดถึงเขาอยู่เยี่ยงนั้นหรือเจ้าคะ ? ”
“ทานข้าว”
“......”
สวีเสี่ยวเสียนเดินทางออกจากจวน โดยมีหลายฝูเป็นคนขับรถม้า ส่วนเขาและจือรุ่ยนั่งอยู่ในรถม้า
อยู่ ๆ เขาก็เอ่ยถามขึ้นมาเช่นกันว่า “จี้เยวี่ยเอ๋อผู้นั้นมีรูปลักษณ์เยี่ยงไรกัน ? ”