px

เรื่อง : นายน้อยเจ้าสำราญ : คนบ้าแห่งต้าเฉิน (นิยายแปล) ปลดล๊อคตอนฟรี 3 วัน 1 ตอน
ตอนที่ 7 ฟ้าส่งน้องหลินมา


ตอนที่ 7 ฟ้าส่งน้องหลินมา

 

“คุณชายเจ้าคะ จะมิไปทะเลสาบฉายหยุนจริงหรือเจ้าคะ ? หากว่า...หากว่าคุณหนูเยวี่ยเอ๋อเห็นว่าอาการป่วยของคุณชายดีขึ้น แล้ว นางอาจจะเปลี่ยนใจขึ้นมาก็ได้นะเจ้าคะ”

 

“เพื่ออันใดกัน...”

 

สวีเสี่ยวเสียนเดินเล่นบนถนนตลาดตะวันตกตลอดทั้งบ่าย พบว่าการใช้ชีวิตในยุคโบราณนั้นมิได้ง่ายดายเท่าใดนัก

 

จะหลงตนเองเกินไปแล้ว !

 

หากจะเป็นหมอต้องไปสอบเอาใบอนุญาตทางการแพทย์ ทั้งยังต้องไปสอบที่สำนักหมอหลวงที่เป่ยเหลียงอีกด้วย !

 

สิ่งที่ตนเองร่ำเรียนมาเล็กน้อยนี้ จะสอบผ่านได้เยี่ยงไร !

 

เขาน่าจะเชื่อจือรุ่ยแล้วลองไปที่ทะเลสาบฉายหยุนดู แม้ว่าจี้เยวี่ยเอ๋อจะมีรูปลักษณ์เหมือนกับบิดาของนาง ทว่าหากได้แต่งงานกับนางแล้วก็จะมีนายอำเภอคอยหนุนหลัง การทานอาหารอ่อนดูเหมือนว่าจะเหมาะกับปากและฟันของตนเองในตอนนี้มากกว่า

 

นอกจากนี้ข้าดูเป็นคนตื้นเขินที่ตัดสินผู้คนจากภายนอกเยี่ยงนั้นหรือ ?

 

แม่นางจี้เยวี่ยเอ๋อคือสตรีที่มีความสามารถสูงส่ง นี่คือรูปลักษณ์ภายในของนาง ข้านั้นให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายในมาโดยตลอด

 

ข้าได้ทำผิดพลาดไปแล้ว ราวกับข้ากำลังปีนต้นไม้หาปลา... คนโบราณจริงใจ มิหลอกลวงข้า บัดนี้สายเกินไปที่จะไปทะเลสาบฉายหยุนแล้วหรือไม่ ?

 

สวีเสี่ยวเสียนเงยหน้าขึ้นมองท้องนภา พบว่าสุริยากำลังจะลาลับขอบฟ้าไป

 

เพียงก้าวแรกก็เดินพลาดแล้ว บัดนี้ยังสามารถทำอันใดได้อีกกัน ?

 

เขาพาจือรุ่ยขึ้นรถม้า เขายังคงมีอีกหนึ่งความหวัง “จงไปหอต้านสุ่ย ! ”

 

“ไปทำอันใดที่นั่นหรือเจ้าคะ ? ”

 

“ขายตำราปรุงอาหาร ! ”

 

จือรุ่ยอ้าปากเล็ก ๆ ของตน พลางเผยสีหน้าประหลาดใจออกมา นางจ้องมองไปที่สวีเสี่ยวเสียน แล้วลอบคิดว่าอาการบ้าคลั่งของเขานั้นน่ากลัวเสียจริง

 

หลายฝูคิดว่าคุณชายต้องการพาพวกเขาไปกินอาหารเลิศรสที่หอต้านสุ่ย เขาจึงรู้สึกดีใจมากยิ่ง เขาขับรถม้าไปตามเส้นทางที่เงียบสงบด้วยความเบิกบาน

 

ทว่าทันใดนั้นที่หัวมุมถนนตรงนั้น ก็มีม้าสีขาวราวกับหิมะพุ่งตรงมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน หลายฝูตื่นตกใจ เขาจึงรีบรั้งสายบังเหียนอย่างรวดเร็ว

 

ความเร็วของรถม้ามิได้เร็วมากนัก “ฮี้... ! ” ม้าชราส่งเสียงร้องออกมาและหยุดฝีเท้าลงอย่างกะทันหัน

 

“ปัง... ! ” ศีรษะของสวีเสี่ยวเสียนกระแทกเข้ากับตัวรถ สองตาพร่าจนเห็นดาว เจ้าสุนัขนี่ เกิดอุบัติเหตุเยี่ยงนั้นหรือ ?

 

เขาลูบหน้าผากที่กระแทกเข้ากับตัวรถ “ว้าย... ! ” พลันได้ยินเสียงร้องตกใจของสตรีดังขึ้นมาจากท้องนภา จากนั้นด้านบนของตัวรถก็เกิดเสียงดัง “ตึง... ! ” ตามมาด้วยเสียงร้อง “โอ๊ย ! ”

 

จือรุ่ยตื่นตกใจมากยิ่งนัก นางขดตัวอยู่ที่มุม ๆ หนึ่ง

 

แท้จริงแล้วในชั่วพริบตานั้น สวีเสี่ยวเสียนเอียงศีรษะแล้วยื่นมือออกไป รู้สึกราวกับถูกตีอย่างแรงเข้าที่สองมือ หลังจากนั้นก็มีคนผู้หนึ่งเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด !

 

เป็นสตรีนางหนึ่ง !

 

นางเงยหน้ามองท้องนภา เห็นสีหน้าตื่นกลัวของสวีเสี่ยวเสียน

 

นี่มันแปลกประหลาดและน่ากลัวมากยิ่งนัก !

 

สวีเสี่ยวเสียนร้องโวยวายออกมา จากนั้นก็ปล่อยมือ จนสตรีนางนั้นตกกระแทกกับพื้นรถ “โอ๊ย ! ” นางส่งเสียงโอดครวญออกมา

 

หลังจากนั้นพวกเขาก็สบสายตากัน ต่างคนต่างมิเอ่ยอันใด

 

สิ่งที่สวีเสี่ยวเสียนประหลาดใจก็คือใบหน้าของสตรีผู้นี้

 

พระเจ้า ฟ้าส่งน้องหลินมา1 !

 

น้องหลินผู้นี้สวมชุดกระโปรงสีแดง ในยามนี้ค่อนข้างยุ่งเหยิง ทว่าก็งดงามราวกับฤดูใบไม้ผลิ

 

สวีเสี่ยวเสียนจ้องมองไปยังใบหน้าของสตรีผู้นี้ ทันใดนั้นใจของเขาก็เต้นระรัว

 

นี่คือใบหน้าที่งดงามมากยิ่งนัก !

 

ใบหน้าที่มิได้ผัดแป้ง ดวงตาพร่างพราวเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ผิวที่บอบบางมิทราบเหมือนกันว่าแดงเพราะความตื่นตระหนกหรือไม่ มองดูราวกับลูกท้อที่สุกงอมก็มิปาน

 

ขนตายาวงอนเล็กน้อย จมูกเล็กมีหยาดเหงื่อผุดขึ้นมาจนทอประกาย

 

ริมฝีปากแดงชุ่มฉ่ำราวกับถูกแต่งแต้มไว้ด้วยชาด ความงามที่เปล่งประกายออกมาราวกับผลเชอร์รี่ที่ต้องน้ำค้างยามเช้า

 

ลำคอขาวเรียวระหง... น่าเสียดาย ที่มิสามารถพรรณนาต่ำกว่าคอลงไปได้ สวีเสี่ยวเสียนกลืนน้ำลายหนึ่งอึก จากนั้นก็สูดหายใจเข้าลึก กลิ่นหอมของดอกกล้วยไม้อ่อน ๆ !

 

งดงามที่สุดในใต้หล้า ! งดงามราวกับจ่าวลี่อิง คู่รักในฝันเมื่อชาติก่อนของเขา !

 

ให้ตายเถิด ! ราวกับนางฟ้าตัวน้อย !

 

ดูเหมือนว่านางฟ้าตัวน้อยผู้นี้จะงุนงง จนกระทั่งสายตาของสวีเสี่ยวเสียนเลื่อนลงไปที่ภูเขาสองลูกของนาง นางรับรู้ได้ถึงสายตาล่วงละเมิดของสวีเสี่ยวเสียน นางจึงลุกขึ้นนั่ง ดวงตาเรียวถลึงโต ใบหน้าแดงก่ำ “มองอันใดมิทราบ เชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถควักลูกตาของเจ้าได้ ! ”

 

จี้ซิงเอ๋อหดหู่ใจมากยิ่งนัก เป็นการยากที่จะควบม้าออกมาข้างนอกได้ ในตอนที่กำลังจะไปรับพี่สาวที่ทะเลสาบฉายหยุน จะไปรู้ได้เยี่ยงไรกันว่าจะพบกับผีที่หัวมุมนี้ คาดมิถึงว่าจะได้ปะทะกัน อีกทั้งยังลอยมาตกอยู่ในรถของเขาอีกด้วย

 

ไอหยา...เจ็บสะโพกยิ่งนัก นางอยากนวดตรงจุดนั้นมากยิ่งนัก แต่จะทำเช่นนั้นต่อหน้าชายแปลกหน้าได้เยี่ยงไร

 

เมื่อสวีเสี่ยวเสียนได้ยินดังนั้น ก็คิดว่าแม่นางผู้นี้มิมีเหตุผลเอาเสียเลย !

 

คิดว่าสวยแล้วจะทำอันใดก็ได้เยี่ยงนั้นหรือ ?

 

เขายื่นหน้าออกไปเห็นม้าสีขาวตัวโต จากนั้นก็เข้าใจเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นทันที

 

ดังนั้น เขาจึงยกมือขึ้นลูบหน้าผากและก้มมองจ้าวลี่อิงที่อยู่ห่างกันเพียงคืบ ไม่สิ ! ก้มมองนางฟ้าตัวน้อย

 

“ทางกลับบ้านเจ้าเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

 

“มิเข้าใจหลักการง่าย ๆ เช่น ทางโค้งต้องถอยให้ทางตรงเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

 

“อุบัติเหตุครานี้เจ้าต้องรับผิดชอบทั้งหมด ! ”

 

“ม้าชราของข้าเป็นปู่ของม้าขาวของเจ้าเสียด้วยซ้ำ มันจะวิ่งได้เร็วสักเท่าใดกันเชียว ? ”

 

“อย่าได้คิดว่าเป็นสตรีแล้วจะวุ่นวายเยี่ยงไรก็ได้ เจ้าพุ่งเข้ามาอย่างดุดัน เจ้ามิแม้แต่จะเอ่ยขอโทษข้าด้วยซ้ำ ทั้งยังกล้าว่าร้ายผู้อื่นอีก เช่นนี้พวกเราไปหาท่านนายอำเภอเพื่อขอความเป็นธรรมกันเถิด ! ”

 

จี้ซิงเอ๋อถูกสวีเสี่ยวเสียนต่อว่าจนหัวสมองหยุดทำงานชั่วครู่ ท่านนายอำเภอก็คือบิดาของนาง ทุกวันนี้เขาควบคุมนางอย่างเข้มงวดแล้ว หากบิดาทราบเข้า ภายภาคหน้าอย่าหวังว่าตนจะได้ขี่ม้าออกมาอีกเลย

 

เพื่ออิสระ จี้ซิงเอ๋อจึงยอมจำนน นางเบะปากและถลึงตามองสวีเสี่ยวเสียนอย่างนึกชัง หลังจากนั้นก็ก้มศีรษะลง ทว่าในใจกลับรู้สึกมิเป็นธรรมอย่างยิ่ง

 

เหตุใดคนผู้นี้ถึงใจแคบเช่นนี้กัน ?

 

มิรู้หรือเยี่ยงไรว่าบุรุษต้องยอมถอยให้กับสตรี ?

 

ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นข้าที่งดงามถึงเพียงนี้ !

 

“จะพล่ามอันใดนักหนา ? เหอะ ข้ามิต่อล้อต่อเถียงกับเจ้าแล้ว ! ”

 

เมื่อเอ่ยจบ จี้ซิงเอ๋อก็ลุกขึ้นยืน จากนั้นก็ปรี่ลงจากรถม้าแล้วเดินกะเผลกไปยังม้าขาวของตน ทันทีที่จับสายบังเหียนและพลิกตัวขึ้นไปนั่งบนหลังม้า ก็มีเสียงร้องเจ็บปวดดังออกมาจากปากของนาง เจ็บมากยิ่งนัก !

 

สวีเสี่ยวเสียนชักจะมิสบอารมณ์เสียแล้ว เจ้าทำรถม้าของข้าพังแล้วยังคิดจะหนีอยู่อีกหรือ ?

 

สตรีผู้นี้มองเพียงปราดเดียวก็ทราบแล้วว่าเป็นคุณหนูจากตระกูลใหญ่ มิสามารถให้นางเอาเปรียบได้

 

ดังนั้น สวีเสี่ยวเสียนจึงลงจากรถม้าเช่นเดียวกัน ทันใดนั้นเขาก็ส่งเสียงร้องออกมา สองมือกุมหน้าผากและล้มลงไปกับพื้น  หลังจากนั้นก็มิไหวติงอีกเลย

 

จือรุ่ยรีบลงจากรถม้าอย่างเร็วไว นางคุกเข่าลงข้างกายสวีเสี่ยวเสียน “คุณชาย คุณชายเจ้าคะ... ไอหยา... หลายฝู คุณชายสิ้นใจแล้ว ! ”

 

ขาของหลายฝูอ่อนแรงขึ้นมาทันใด คุณชายตายแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ?

 

ข้าจะทำเยี่ยงไรดี ? ค่าจ้างเดือนนี้ข้าจะไปเอากับผู้ใด ?

 

เมื่อจี้ซิงเอ๋อได้ยินเช่นนั้นก็ตื่นตกใจจนสะดุ้งโหยง คนผู้นี้เมื่อครู่ยังดี ๆ อยู่เลยนี่ เขาจะตายได้เยี่ยงไรกัน ?

 

นางพลิกกายลงมาจากหลังม้า ย่อตัวลงข้างกายสวีเสี่ยวเสียน จากนั้นก็ยื่นมือออกไปจับช่วงลำคอของสวีเสี่ยวเสียน

 

ยังมิตาย !

 

ถือว่ายังดี !

 

หากคนผู้นี้ตายเพราะตน ต้องเป็นเรื่องวุ่นวายคับฟ้าเป็นแน่

 

“จ่ายเงินมา ! ”

 

น้ำเสียงจะเป็นจะตายดังออกมาจากปากของสวีเสี่ยวเสียน เมื่อจี้ซิงเอ๋อได้ยินดังนั้นก็รู้สึกราวกับว่าได้ยินเสียงสวรรค์

 

หากสามารถใช้เงินแก้ไขปัญหาได้ ก็มิใช่เรื่องใหญ่อันใดแล้ว !

 

นางพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว “ดี ! ข้า... ข้าจะจ่ายเงินให้ เจ้าจะเอาเท่าใด ?”

 

“ที่ตัวเจ้ามีเท่าใด ? ”

 

สวีเสี่ยวเสียนนอนอยู่บนพื้น อดที่จะมองไปยังภูเขาสองลูกนั้นอีกครามิได้ ให้ตายเถิด นางฟ้าตัวน้อยผู้นี้ !

 

จี้ซิงเอ๋อจะตระหนักถึงสายตาล่วงละเมิดของสวีเสี่ยวเสียนได้เยี่ยงไรกัน นางหยิบกระเป๋าเงินออกมาจากช่วงเอว “น่าจะมีอยู่ 5 ตำลึง นี่คือทั้งหมดที่มีอยู่ ข้ายกให้เจ้าทั้งหมดเลย”

 

สวีเสี่ยวเสียนยื่นมืออันสั่นเทาออกไป ทันทีที่รับกระเป๋าเงินนั้นมาก็พลิกตัวลุกขึ้นยืน “สะสางทั้งสองฝ่าย”

 

“...สะสางทั้งสองฝ่ายอันใด ? ”

 

“เจ้าก็ข้ามสะพานไม้แผ่นเดียวของเจ้าไป ส่วนข้าจะเดินไปตามทางที่รุ่งโรจน์ของข้า แล้วพบกันใหม่ ! ”

 

“...” ปากของจี้ซิงเอ๋ออ้าค้าง ผ่านไปชั่วอึดใจนางถึงได้เข้าใจความหมายของสวีเสี่ยวเสียน มิใช่ ! เหตุใดข้าต้องข้ามสะพานไม้แผ่นเดียวด้วย ?

 

“ไอหยา...แล้วพบกันใหม่ ! ไม่ อย่าได้พบเจอกันอีกเลย ! ”

 

เมื่อนางลุกขึ้นยืน สวีเสี่ยวเสียนจึงได้เห็นขาเรียวยาวทั้งสองของนาง !

 

ขาเรียวถูกห่อหุ้มด้วยชุดกระโปรงสีแดง ทอประกายระยับ สว่างจนตาเขาพล่ามัว ให้ตายเถิด ขาสองข้างนี้ ข้าสามารถเล่นได้เป็นสิบปี !

 

เขารีบลุกขึ้นยืน ปัดก้นเล็กน้อย ลูบจมูกไปมา ยังดีที่เลือดกำเดามิได้ไหลออกมา

 

เขาจ้องมองสาวงามในชุดแดงที่พลิกร่างขึ้นไปบนม้าพลางยืนอยู่อีกด้านเพื่อเปิดทางให้กับนาง จากนั้นก็ยิ้มให้นางอย่างสดใสทั้งยังโบกมือให้อีกด้วย

 

จี้ซิงเอ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่มิถูกต้อง เมื่อครู่มิใช่ว่าเขาเป็นลมหรอกหรือ ? เหตุใดตอนนี้ดูเหมือนจะมิเป็นอันใดแล้วเล่า ?

 

ช่างเถิด ต้องรีบไปหาพี่สาวแล้ว

 

วันนี้ช่างโชคร้ายมากยิ่งนัก เงินติดกระเป๋าเดือนนี้ได้หมดลงไปแล้ว ถือว่าเสียเงินเพื่อเลี่ยงหายนะ นางต้องรีบไปแล้ว หากเขามีอาการขึ้นมาอีกจะลำบากข้าเอาได้

 

“ย่าห์... ! ”

 

จี้ซิงเอ๋อขี่ม้าห้อตะบึงออกไป สวีเสี่ยวเสียนมองตามหลังนาง ความงามของคนสมัยโบราณ งามจนมิอาจบรรยายได้ จ้าวลี่อิงในชุดสีแดง ช่างสวยงามเสียจริง !

 

สตรียุคโบราณงดงามถึงเพียงนี้เลยหรือ ?

 

ภายภาคหน้าหากข้ามีเงินแล้ว คงต้องไปเยี่ยมเยียนตรอกหลานกุยสักหน่อยแล้ว

 

เขาคลึงกระเป๋าเงินในมือ จากนั้นก็ดึงสายตากลับคืนมา กระเป๋าเงินสีเขียวปักอักษรไว้หนึ่งตัว...ดาว

 

มิรู้ว่ามีความหมายว่าเยี่ยงไร

 

เมื่อปีนขึ้นรถม้าก็ได้เปิดกระเป๋าเงินและเทออกมานับจำนวนดู ด้านในนั้นมีเงินอยู่มากมาย การปะทะครานี้ถือว่าใช้ได้

 

“หลายฝู”

 

“ขอรับ”

 

“ขับให้ช้าลงหน่อย บังคับรถม้ามิได้เรื่อง ครอบครัวจะหลั่งน้ำตา เจ้าจงจำเอาไว้ให้ดี ! ”

 

“ข้าน้อยจะจำเอาไว้ขอรับ ! ”

 

ม้าชราและรถผุ ๆ พัง ๆ ได้เคลื่อนตัวไปอย่างช้า ๆ หลายฝูกำลังครุ่นคิดว่า คุณชาย...คือครอบครัวของข้าเยี่ยงนั้นหรือ ?

 

 

1ฟ้าส่งน้องหลินมา เป็นบทกวีจากเรื่องความฝันในหอแดง

รีวิวผู้อ่าน