ตอนที่ 7 ฟ้าส่งน้องหลินมา
“คุณชายเจ้าคะ จะมิไปทะเลสาบฉายหยุนจริงหรือเจ้าคะ ? หากว่า...หากว่าคุณหนูเยวี่ยเอ๋อเห็นว่าอาการป่วยของคุณชายดีขึ้น แล้ว นางอาจจะเปลี่ยนใจขึ้นมาก็ได้นะเจ้าคะ”
“เพื่ออันใดกัน...”
สวีเสี่ยวเสียนเดินเล่นบนถนนตลาดตะวันตกตลอดทั้งบ่าย พบว่าการใช้ชีวิตในยุคโบราณนั้นมิได้ง่ายดายเท่าใดนัก
จะหลงตนเองเกินไปแล้ว !
หากจะเป็นหมอต้องไปสอบเอาใบอนุญาตทางการแพทย์ ทั้งยังต้องไปสอบที่สำนักหมอหลวงที่เป่ยเหลียงอีกด้วย !
สิ่งที่ตนเองร่ำเรียนมาเล็กน้อยนี้ จะสอบผ่านได้เยี่ยงไร !
เขาน่าจะเชื่อจือรุ่ยแล้วลองไปที่ทะเลสาบฉายหยุนดู แม้ว่าจี้เยวี่ยเอ๋อจะมีรูปลักษณ์เหมือนกับบิดาของนาง ทว่าหากได้แต่งงานกับนางแล้วก็จะมีนายอำเภอคอยหนุนหลัง การทานอาหารอ่อนดูเหมือนว่าจะเหมาะกับปากและฟันของตนเองในตอนนี้มากกว่า
นอกจากนี้ข้าดูเป็นคนตื้นเขินที่ตัดสินผู้คนจากภายนอกเยี่ยงนั้นหรือ ?
แม่นางจี้เยวี่ยเอ๋อคือสตรีที่มีความสามารถสูงส่ง นี่คือรูปลักษณ์ภายในของนาง ข้านั้นให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายในมาโดยตลอด
ข้าได้ทำผิดพลาดไปแล้ว ราวกับข้ากำลังปีนต้นไม้หาปลา... คนโบราณจริงใจ มิหลอกลวงข้า บัดนี้สายเกินไปที่จะไปทะเลสาบฉายหยุนแล้วหรือไม่ ?
สวีเสี่ยวเสียนเงยหน้าขึ้นมองท้องนภา พบว่าสุริยากำลังจะลาลับขอบฟ้าไป
เพียงก้าวแรกก็เดินพลาดแล้ว บัดนี้ยังสามารถทำอันใดได้อีกกัน ?
เขาพาจือรุ่ยขึ้นรถม้า เขายังคงมีอีกหนึ่งความหวัง “จงไปหอต้านสุ่ย ! ”
“ไปทำอันใดที่นั่นหรือเจ้าคะ ? ”
“ขายตำราปรุงอาหาร ! ”
จือรุ่ยอ้าปากเล็ก ๆ ของตน พลางเผยสีหน้าประหลาดใจออกมา นางจ้องมองไปที่สวีเสี่ยวเสียน แล้วลอบคิดว่าอาการบ้าคลั่งของเขานั้นน่ากลัวเสียจริง
หลายฝูคิดว่าคุณชายต้องการพาพวกเขาไปกินอาหารเลิศรสที่หอต้านสุ่ย เขาจึงรู้สึกดีใจมากยิ่ง เขาขับรถม้าไปตามเส้นทางที่เงียบสงบด้วยความเบิกบาน
ทว่าทันใดนั้นที่หัวมุมถนนตรงนั้น ก็มีม้าสีขาวราวกับหิมะพุ่งตรงมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน หลายฝูตื่นตกใจ เขาจึงรีบรั้งสายบังเหียนอย่างรวดเร็ว
ความเร็วของรถม้ามิได้เร็วมากนัก “ฮี้... ! ” ม้าชราส่งเสียงร้องออกมาและหยุดฝีเท้าลงอย่างกะทันหัน
“ปัง... ! ” ศีรษะของสวีเสี่ยวเสียนกระแทกเข้ากับตัวรถ สองตาพร่าจนเห็นดาว เจ้าสุนัขนี่ เกิดอุบัติเหตุเยี่ยงนั้นหรือ ?
เขาลูบหน้าผากที่กระแทกเข้ากับตัวรถ “ว้าย... ! ” พลันได้ยินเสียงร้องตกใจของสตรีดังขึ้นมาจากท้องนภา จากนั้นด้านบนของตัวรถก็เกิดเสียงดัง “ตึง... ! ” ตามมาด้วยเสียงร้อง “โอ๊ย ! ”
จือรุ่ยตื่นตกใจมากยิ่งนัก นางขดตัวอยู่ที่มุม ๆ หนึ่ง
แท้จริงแล้วในชั่วพริบตานั้น สวีเสี่ยวเสียนเอียงศีรษะแล้วยื่นมือออกไป รู้สึกราวกับถูกตีอย่างแรงเข้าที่สองมือ หลังจากนั้นก็มีคนผู้หนึ่งเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด !
เป็นสตรีนางหนึ่ง !
นางเงยหน้ามองท้องนภา เห็นสีหน้าตื่นกลัวของสวีเสี่ยวเสียน
นี่มันแปลกประหลาดและน่ากลัวมากยิ่งนัก !
สวีเสี่ยวเสียนร้องโวยวายออกมา จากนั้นก็ปล่อยมือ จนสตรีนางนั้นตกกระแทกกับพื้นรถ “โอ๊ย ! ” นางส่งเสียงโอดครวญออกมา
หลังจากนั้นพวกเขาก็สบสายตากัน ต่างคนต่างมิเอ่ยอันใด
สิ่งที่สวีเสี่ยวเสียนประหลาดใจก็คือใบหน้าของสตรีผู้นี้
พระเจ้า ฟ้าส่งน้องหลินมา1 !
น้องหลินผู้นี้สวมชุดกระโปรงสีแดง ในยามนี้ค่อนข้างยุ่งเหยิง ทว่าก็งดงามราวกับฤดูใบไม้ผลิ
สวีเสี่ยวเสียนจ้องมองไปยังใบหน้าของสตรีผู้นี้ ทันใดนั้นใจของเขาก็เต้นระรัว
นี่คือใบหน้าที่งดงามมากยิ่งนัก !
ใบหน้าที่มิได้ผัดแป้ง ดวงตาพร่างพราวเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ผิวที่บอบบางมิทราบเหมือนกันว่าแดงเพราะความตื่นตระหนกหรือไม่ มองดูราวกับลูกท้อที่สุกงอมก็มิปาน
ขนตายาวงอนเล็กน้อย จมูกเล็กมีหยาดเหงื่อผุดขึ้นมาจนทอประกาย
ริมฝีปากแดงชุ่มฉ่ำราวกับถูกแต่งแต้มไว้ด้วยชาด ความงามที่เปล่งประกายออกมาราวกับผลเชอร์รี่ที่ต้องน้ำค้างยามเช้า
ลำคอขาวเรียวระหง... น่าเสียดาย ที่มิสามารถพรรณนาต่ำกว่าคอลงไปได้ สวีเสี่ยวเสียนกลืนน้ำลายหนึ่งอึก จากนั้นก็สูดหายใจเข้าลึก กลิ่นหอมของดอกกล้วยไม้อ่อน ๆ !
งดงามที่สุดในใต้หล้า ! งดงามราวกับจ่าวลี่อิง คู่รักในฝันเมื่อชาติก่อนของเขา !
ให้ตายเถิด ! ราวกับนางฟ้าตัวน้อย !
ดูเหมือนว่านางฟ้าตัวน้อยผู้นี้จะงุนงง จนกระทั่งสายตาของสวีเสี่ยวเสียนเลื่อนลงไปที่ภูเขาสองลูกของนาง นางรับรู้ได้ถึงสายตาล่วงละเมิดของสวีเสี่ยวเสียน นางจึงลุกขึ้นนั่ง ดวงตาเรียวถลึงโต ใบหน้าแดงก่ำ “มองอันใดมิทราบ เชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถควักลูกตาของเจ้าได้ ! ”
จี้ซิงเอ๋อหดหู่ใจมากยิ่งนัก เป็นการยากที่จะควบม้าออกมาข้างนอกได้ ในตอนที่กำลังจะไปรับพี่สาวที่ทะเลสาบฉายหยุน จะไปรู้ได้เยี่ยงไรกันว่าจะพบกับผีที่หัวมุมนี้ คาดมิถึงว่าจะได้ปะทะกัน อีกทั้งยังลอยมาตกอยู่ในรถของเขาอีกด้วย
ไอหยา...เจ็บสะโพกยิ่งนัก นางอยากนวดตรงจุดนั้นมากยิ่งนัก แต่จะทำเช่นนั้นต่อหน้าชายแปลกหน้าได้เยี่ยงไร
เมื่อสวีเสี่ยวเสียนได้ยินดังนั้น ก็คิดว่าแม่นางผู้นี้มิมีเหตุผลเอาเสียเลย !
คิดว่าสวยแล้วจะทำอันใดก็ได้เยี่ยงนั้นหรือ ?
เขายื่นหน้าออกไปเห็นม้าสีขาวตัวโต จากนั้นก็เข้าใจเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นทันที
ดังนั้น เขาจึงยกมือขึ้นลูบหน้าผากและก้มมองจ้าวลี่อิงที่อยู่ห่างกันเพียงคืบ ไม่สิ ! ก้มมองนางฟ้าตัวน้อย
“ทางกลับบ้านเจ้าเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“มิเข้าใจหลักการง่าย ๆ เช่น ทางโค้งต้องถอยให้ทางตรงเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“อุบัติเหตุครานี้เจ้าต้องรับผิดชอบทั้งหมด ! ”
“ม้าชราของข้าเป็นปู่ของม้าขาวของเจ้าเสียด้วยซ้ำ มันจะวิ่งได้เร็วสักเท่าใดกันเชียว ? ”
“อย่าได้คิดว่าเป็นสตรีแล้วจะวุ่นวายเยี่ยงไรก็ได้ เจ้าพุ่งเข้ามาอย่างดุดัน เจ้ามิแม้แต่จะเอ่ยขอโทษข้าด้วยซ้ำ ทั้งยังกล้าว่าร้ายผู้อื่นอีก เช่นนี้พวกเราไปหาท่านนายอำเภอเพื่อขอความเป็นธรรมกันเถิด ! ”
จี้ซิงเอ๋อถูกสวีเสี่ยวเสียนต่อว่าจนหัวสมองหยุดทำงานชั่วครู่ ท่านนายอำเภอก็คือบิดาของนาง ทุกวันนี้เขาควบคุมนางอย่างเข้มงวดแล้ว หากบิดาทราบเข้า ภายภาคหน้าอย่าหวังว่าตนจะได้ขี่ม้าออกมาอีกเลย
เพื่ออิสระ จี้ซิงเอ๋อจึงยอมจำนน นางเบะปากและถลึงตามองสวีเสี่ยวเสียนอย่างนึกชัง หลังจากนั้นก็ก้มศีรษะลง ทว่าในใจกลับรู้สึกมิเป็นธรรมอย่างยิ่ง
เหตุใดคนผู้นี้ถึงใจแคบเช่นนี้กัน ?
มิรู้หรือเยี่ยงไรว่าบุรุษต้องยอมถอยให้กับสตรี ?
ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นข้าที่งดงามถึงเพียงนี้ !
“จะพล่ามอันใดนักหนา ? เหอะ ข้ามิต่อล้อต่อเถียงกับเจ้าแล้ว ! ”
เมื่อเอ่ยจบ จี้ซิงเอ๋อก็ลุกขึ้นยืน จากนั้นก็ปรี่ลงจากรถม้าแล้วเดินกะเผลกไปยังม้าขาวของตน ทันทีที่จับสายบังเหียนและพลิกตัวขึ้นไปนั่งบนหลังม้า ก็มีเสียงร้องเจ็บปวดดังออกมาจากปากของนาง เจ็บมากยิ่งนัก !
สวีเสี่ยวเสียนชักจะมิสบอารมณ์เสียแล้ว เจ้าทำรถม้าของข้าพังแล้วยังคิดจะหนีอยู่อีกหรือ ?
สตรีผู้นี้มองเพียงปราดเดียวก็ทราบแล้วว่าเป็นคุณหนูจากตระกูลใหญ่ มิสามารถให้นางเอาเปรียบได้
ดังนั้น สวีเสี่ยวเสียนจึงลงจากรถม้าเช่นเดียวกัน ทันใดนั้นเขาก็ส่งเสียงร้องออกมา สองมือกุมหน้าผากและล้มลงไปกับพื้น หลังจากนั้นก็มิไหวติงอีกเลย
จือรุ่ยรีบลงจากรถม้าอย่างเร็วไว นางคุกเข่าลงข้างกายสวีเสี่ยวเสียน “คุณชาย คุณชายเจ้าคะ... ไอหยา... หลายฝู คุณชายสิ้นใจแล้ว ! ”
ขาของหลายฝูอ่อนแรงขึ้นมาทันใด คุณชายตายแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ?
ข้าจะทำเยี่ยงไรดี ? ค่าจ้างเดือนนี้ข้าจะไปเอากับผู้ใด ?
เมื่อจี้ซิงเอ๋อได้ยินเช่นนั้นก็ตื่นตกใจจนสะดุ้งโหยง คนผู้นี้เมื่อครู่ยังดี ๆ อยู่เลยนี่ เขาจะตายได้เยี่ยงไรกัน ?
นางพลิกกายลงมาจากหลังม้า ย่อตัวลงข้างกายสวีเสี่ยวเสียน จากนั้นก็ยื่นมือออกไปจับช่วงลำคอของสวีเสี่ยวเสียน
ยังมิตาย !
ถือว่ายังดี !
หากคนผู้นี้ตายเพราะตน ต้องเป็นเรื่องวุ่นวายคับฟ้าเป็นแน่
“จ่ายเงินมา ! ”
น้ำเสียงจะเป็นจะตายดังออกมาจากปากของสวีเสี่ยวเสียน เมื่อจี้ซิงเอ๋อได้ยินดังนั้นก็รู้สึกราวกับว่าได้ยินเสียงสวรรค์
หากสามารถใช้เงินแก้ไขปัญหาได้ ก็มิใช่เรื่องใหญ่อันใดแล้ว !
นางพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว “ดี ! ข้า... ข้าจะจ่ายเงินให้ เจ้าจะเอาเท่าใด ?”
“ที่ตัวเจ้ามีเท่าใด ? ”
สวีเสี่ยวเสียนนอนอยู่บนพื้น อดที่จะมองไปยังภูเขาสองลูกนั้นอีกครามิได้ ให้ตายเถิด นางฟ้าตัวน้อยผู้นี้ !
จี้ซิงเอ๋อจะตระหนักถึงสายตาล่วงละเมิดของสวีเสี่ยวเสียนได้เยี่ยงไรกัน นางหยิบกระเป๋าเงินออกมาจากช่วงเอว “น่าจะมีอยู่ 5 ตำลึง นี่คือทั้งหมดที่มีอยู่ ข้ายกให้เจ้าทั้งหมดเลย”
สวีเสี่ยวเสียนยื่นมืออันสั่นเทาออกไป ทันทีที่รับกระเป๋าเงินนั้นมาก็พลิกตัวลุกขึ้นยืน “สะสางทั้งสองฝ่าย”
“...สะสางทั้งสองฝ่ายอันใด ? ”
“เจ้าก็ข้ามสะพานไม้แผ่นเดียวของเจ้าไป ส่วนข้าจะเดินไปตามทางที่รุ่งโรจน์ของข้า แล้วพบกันใหม่ ! ”
“...” ปากของจี้ซิงเอ๋ออ้าค้าง ผ่านไปชั่วอึดใจนางถึงได้เข้าใจความหมายของสวีเสี่ยวเสียน มิใช่ ! เหตุใดข้าต้องข้ามสะพานไม้แผ่นเดียวด้วย ?
“ไอหยา...แล้วพบกันใหม่ ! ไม่ อย่าได้พบเจอกันอีกเลย ! ”
เมื่อนางลุกขึ้นยืน สวีเสี่ยวเสียนจึงได้เห็นขาเรียวยาวทั้งสองของนาง !
ขาเรียวถูกห่อหุ้มด้วยชุดกระโปรงสีแดง ทอประกายระยับ สว่างจนตาเขาพล่ามัว ให้ตายเถิด ขาสองข้างนี้ ข้าสามารถเล่นได้เป็นสิบปี !
เขารีบลุกขึ้นยืน ปัดก้นเล็กน้อย ลูบจมูกไปมา ยังดีที่เลือดกำเดามิได้ไหลออกมา
เขาจ้องมองสาวงามในชุดแดงที่พลิกร่างขึ้นไปบนม้าพลางยืนอยู่อีกด้านเพื่อเปิดทางให้กับนาง จากนั้นก็ยิ้มให้นางอย่างสดใสทั้งยังโบกมือให้อีกด้วย
จี้ซิงเอ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่มิถูกต้อง เมื่อครู่มิใช่ว่าเขาเป็นลมหรอกหรือ ? เหตุใดตอนนี้ดูเหมือนจะมิเป็นอันใดแล้วเล่า ?
ช่างเถิด ต้องรีบไปหาพี่สาวแล้ว
วันนี้ช่างโชคร้ายมากยิ่งนัก เงินติดกระเป๋าเดือนนี้ได้หมดลงไปแล้ว ถือว่าเสียเงินเพื่อเลี่ยงหายนะ นางต้องรีบไปแล้ว หากเขามีอาการขึ้นมาอีกจะลำบากข้าเอาได้
“ย่าห์... ! ”
จี้ซิงเอ๋อขี่ม้าห้อตะบึงออกไป สวีเสี่ยวเสียนมองตามหลังนาง ความงามของคนสมัยโบราณ งามจนมิอาจบรรยายได้ จ้าวลี่อิงในชุดสีแดง ช่างสวยงามเสียจริง !
สตรียุคโบราณงดงามถึงเพียงนี้เลยหรือ ?
ภายภาคหน้าหากข้ามีเงินแล้ว คงต้องไปเยี่ยมเยียนตรอกหลานกุยสักหน่อยแล้ว
เขาคลึงกระเป๋าเงินในมือ จากนั้นก็ดึงสายตากลับคืนมา กระเป๋าเงินสีเขียวปักอักษรไว้หนึ่งตัว...ดาว
มิรู้ว่ามีความหมายว่าเยี่ยงไร
เมื่อปีนขึ้นรถม้าก็ได้เปิดกระเป๋าเงินและเทออกมานับจำนวนดู ด้านในนั้นมีเงินอยู่มากมาย การปะทะครานี้ถือว่าใช้ได้
“หลายฝู”
“ขอรับ”
“ขับให้ช้าลงหน่อย บังคับรถม้ามิได้เรื่อง ครอบครัวจะหลั่งน้ำตา เจ้าจงจำเอาไว้ให้ดี ! ”
“ข้าน้อยจะจำเอาไว้ขอรับ ! ”
ม้าชราและรถผุ ๆ พัง ๆ ได้เคลื่อนตัวไปอย่างช้า ๆ หลายฝูกำลังครุ่นคิดว่า คุณชาย...คือครอบครัวของข้าเยี่ยงนั้นหรือ ?
1ฟ้าส่งน้องหลินมา เป็นบทกวีจากเรื่องความฝันในหอแดง