px

เรื่อง : นายน้อยเจ้าสำราญ : คนบ้าแห่งต้าเฉิน (นิยายแปล) ปลดล๊อคตอนฟรี 3 วัน 1 ตอน
ตอนที่ 16 กวีงาม อาหารเลิศรส


ตอนที่ 16 กวีงาม อาหารเลิศรส

 

“ท่านพี่...รีบมาชิมเร็วเข้า”

 

ใจของจี้เยวี่ยเอ๋อแตกสลาย !

 

นางยกมือขึ้นตบหน้าผากตนเองพลางจ้องมองไปทางจี้ซิงเอ๋ออย่างสิ้นหวัง จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาว่า “ข้าให้เจ้าไปสืบดูว่าแต่ละวันสวีเสี่ยวเสียนทำอันใดบ้างมิใช่หรือ ? แล้วเจ้าไปเอาไก่จานนี้มาจากที่ใดกันเล่า ? ”

 

จี้ซิงเอ๋อยกยิ้มขึ้น หยิบไก่ฉีกขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วใส่เข้าไปในปากพลางตอบพี่สาวว่า “ข้าเล่าไปท่านพี่อาจจะมิเชื่อ ทว่าบัดนี้ข้ามั่นใจมากยิ่งนักว่าอาหารสองจานนั้นเป็นฝีมือของสวีเสี่ยวเสียนอย่างแน่นอน”

 

นางเอ่ยพลางยื่นเนื้อไก่ชิ้นหนึ่งใส่เข้าไปในปากของจี้เยวี่ยเอ๋อ “ท่านพี่ลองชิมดูสิ ! ”

 

อ่า...รสชาตินี้ มีรสเผ็ดชาเล็กน้อย ทั้งยังมีรสเปรี้ยว รสหวาน เข้มข้นอร่อยมากยิ่งนัก !

 

จี้เยวี่ยเอ๋อค่อย ๆ เคี้ยวพลางเงยหน้าขึ้นมองน้องสาว

 

“เจ้าไปขโมยสิ่งนี้มาจากจวนสวีเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

 

จี้ซิงเอ๋อยกยิ้มเก้อ จากนั้นก็ทำจมูกย่นก่อนจะเอ่ยอย่างเคอะเขินว่า “มิใช่เพราะข้าไปที่เรือนด้านหลังแล้วมิเจอเจ้าสวีเสี่ยวเสียนนั่นหรอกหรือ ? จากนั้นข้าก็ไปที่เรือนหลักทว่าก็มิพบเขาเช่นกัน จึงไปที่เรือนด้านหน้า พบว่าสาวใช้ของสวีเสี่ยวเสียนเดินออกมาจากห้องครัวและบังเอิญได้กลิ่นหอมชวนน้ำลายสอของไก่ตัวนี้เข้าพอดี...”

 

อยู่ ๆ นางก็ก้มตัวลง ดวงตากลมโตคู่นั้นส่องแสงประกายวิบวับแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงกระซิบกระซาบว่า “ท่านพี่... ท่านมิรู้หรอกว่าซุปไก่นั้นรสชาติยอดเยี่ยมมากเพียงใด ข้าก็มิเข้าใจเช่นกันว่าเขามีวิธีการทำเยี่ยงไร ทว่าว่ามันช่างหอมหวนมากยิ่งนัก ข้าเลยอดมิได้ที่จะเข้าไปในห้องครัว พบว่าบนโต๊ะวางสำรับมีไก่จานนี้วางอยู่ น่าเสียดายที่ซุปไก่ร้อนจนเกินไปข้าจึงมิอาจชิมได้”

 

นางยืดตัวขึ้นอีกครา ก่อนจะบิดเอวเรียวบางของตน “ข้าเห็นว่าเขาเป็นคู่หมั้นของท่านพี่ ต่างก็เป็นคนกันเองมิใช่หรือ ? ข้าเลยมิได้เกรงอกเกรงใจเขามากนัก”

 

จี้เยวี่ยเอ๋อหันไปจ้องนางตาเขม็ง “เหตุใดเจ้าถึงเอ่ยเยี่ยงนี้ ? หนังสือสัญญาหมั้นหมายก็ได้ถอนกลับคืนมาแล้ว บัดนี้ข้าและเขาหาได้เกี่ยวข้องอันใดต่อกันไม่”

 

จี้เยวี่ยเอ๋อเอ่ยพลางเอื้อมมือไปหยิบไก่ใส่ปาก “ถึงเยี่ยงไรเจ้าก็ขโมยกลับมาแล้ว หากมิกินก็คงเสียดายแย่”

 

จี้ซิงเอ๋อลอบหัวเราะอยู่ในใจ ฮึ ๆ ช่างปากแข็งเสียจริง “ท่านพี่ ข้ารู้สึกว่าสวีเสี่ยวเสียนเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมิน้อย ท่านดูสิ ! ทำให้ท่านพี่ที่มิค่อยอยากอาหารสักเท่าใดรู้สึกอยากอาหารขึ้นมา ร่างกายของท่านพี่ซูบผอมมากยิ่งนัก อย่างเช่นตรงนี้...”

 

จี้ซิงเอ๋อยืดหน้าอกของตนออกมาอย่างภาคภูมิใจ จากนั้นก็ชี้แล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “ท่านดูนี่สิ...ข้าใหญ่กว่าท่านตั้งเยอะ”

 

เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ จี้เยวี่ยเอ๋อก็รู้สึกมิดีขึ้นมา “เจ้าจะภูมิใจอันใดนักหนา ? ตอนที่อยู่ในท้องท่านแม่นั้น ข้าได้แบ่งสารอาหารให้เจ้าไปจนสิ้น ข้าจึงได้รับสารอาหารมิเพียงพอ อีกอย่าง...ใหญ่แล้วเยี่ยงไรเล่า ? ข้าคิดว่าขนาดของข้ากำลังพอดี”

 

เมื่อประโยคหลังถูกเอ่ยออกมา น้ำเสียงของจี้เยวี่ยเอ๋อก็แผ่วเบาลงอย่างเห็นได้ชัดราวกับนางขาดความมั่นใจในเรื่องนี้เช่นกัน !

 

พี่น้องฝาแฝด หน้าตาเหมือนกัน ผิวพรรณเหมือนกัน รูปร่าง...รูปร่างโดยมากก็เหมือนกัน เพียงแต่ในส่วนนั้นของน้องสาวช่างใหญ่กว่านางมากนัก อีกทั้งยังเป็นส่วนที่สำคัญยิ่ง ช่างน่าโมโหยิ่งนัก !

 

“ท่านพี่ ข้ามิได้หมายความว่าเช่นนั้น ข้าหมายความว่าเป็นเพราะข้ากินอาหารมากกว่าท่าน ที่ท่านเป็นเช่นนี้ก็เพราะกินอาหารน้อย ได้รับสารอาหารมิเพียงพอ ส่วนอาหารที่สวีเสี่ยวเสียนทำนั้น เช่น อาหารทั้งสองจานเมื่อคืนนี้และไก่จานนี้ ล้วนถูกปากท่านพี่ หากว่าท่านพี่แต่งงานกับเขา ท่านพี่จะต้องเป็นเหมือนข้าอย่างแน่นอน ! ”

 

จี้ซิงเอ๋อเอ่ยอย่างแน่วแน่ แท้ที่จริงแล้วนางคิดในใจว่า...หากพี่สาวแต่งงานกับสวีเสี่ยวเสียนจริง ๆ นางก็จะสามารถไปกินอาหารที่จวนสวีได้ตามใจชอบ จากนั้นนางก็หยิบไก่ใส่ปากหนึ่งชิ้น อร่อยมากยิ่งนัก !

 

จี้เยวี่ยเอ๋อมิได้เอ่ยต่อ นางยังคงก้มหน้าก้มตากินไก่ฉีก มินานไก่ฉีกก็ถูกกินจนเกลี้ยง แม้แต่แตงกวาที่ใช้รองจานก็ถูกกินจนหมด

 

สองพี่น้องหยิบผ้าเช็ดปากขึ้นมาเช็ด จากนั้นก็เอ่ยออกมาพร้อมกันว่า “อร่อยยิ่งนัก ! ”

 

“อืม...รสชาติช่างล้ำเลิศเสียจริง อ่าจริงสิ ! ” จี้ซิงเอ๋อเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ว่ามีกวีสองบทที่นางหยิบมาจากจวนสวี “ดูนี่สิ ! ข้าคิดว่าหลังจากที่ท่านพี่อ่านแล้วคงอยากจะแต่งงานกับเขาขึ้นมาเป็นแน่ ! ”

 

จี้ซิงเอ๋อนำกระดาษสองแผ่นนั้นยื่นให้พี่สาว จี้เยวี่ยเอ๋อหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมาเปิดอ่าน

 

“คูเมืองเก้าโค้งสามเดือนสาม ต้นหลิวยาวสยาย

 

ฝุ่นหอมโหมทะยานดั่งม้ารมไปทั่วถนนสีทอง ชะล้างเศษผ้าของฤดูไม้ผลิ

 

หน่อไม้ขมปลาตะลุมพุกรสชาติบ้านเกิดที่เลิศรส ฝันของเจียงหนาน

 

หมอกบนผืนน้ำลมยามเย็นที่สงบนิ่ง ณ ประตูตะวันตก ปลดใบเรือแล่นกลับไป”

 

หัวใจของนางสั่นสะท้านขึ้นมาทันใด อักขระช่างสง่างามน่าเกรงขามมากยิ่งนัก อีกทั้งกวีบทนี้งดงามเสียจนมิอาจหาคำมาบรรยายได้ คำแต่ละคำก็คล้องจองกันอย่างหาที่ติมิได้ จี้เยวี๋ยเอ๋อเงยหน้าขึ้นมาแล้วเอ่ยถามด้วยสีหน้าเหลือเชื่อว่า “เขาเป็นผู้ประพันธ์เยี่ยงนั้นหรือ ? ”

 

“ข้าพบกวีบทนี้วางอยู่ในห้องที่เรือนด้านข้าง จวนสวีมีเขาเพียงคนเดียวที่ได้ศึกษาเล่าเรียนมิใช่หรือ ? แล้วจะเป็นผู้อื่นได้เยี่ยงไร แน่นอนว่าต้องเป็นเขาน่ะสิ”

 

จี้เยวี่ยเอ๋อครุ่นคิด ถึงเยี่ยงไรเมื่อปีที่แล้วเขาก็เป็นถึงเจี่ยหยวน แม้ว่าเขาจะมิได้รับคัดเลือก แม้ว่าผลจัดอันดับจะออกมาเป็นเช่นนั้น แต่การที่เจ้าหนอนหนังสือนั่นสามารถประพันธ์กวีเช่นนี้ออกมาได้ก็ดูเหมือนจะสมเหตุสมผลแล้ว

 

นางก้มหน้าอ่านกวีบทนั้นอีกสามครา ก่อนจะขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น องค์ประกอบเช่นนี้มิเหมือนกวีและมิเหมือนคำกลอน สรุปว่ามันเป็นกวีหรือคำกลอนกันแน่ ?

 

สตรีผู้มีความสามารถที่สุดในเมืองเหลียงอี้ตกอยู่ในห้วงภวังค์ความคิด นางพยายามหวนนึกไปถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้มาจากจางหวนกง แต่ก็พบว่ามิอาจหาคำตอบได้ นางจึงคิดจะนำกวีบทนี้ ไปให้ท่านอาจารย์จางดูสักหน่อย

 

นางวางกระดาษแผ่นนั้นลง จากนั้นก็หยิบกระดาษอีกแผ่นออกมากาง ใบหน้างดงามของนางก็ต้องตกตะลึงอีกครา !

 

ประการแรก...นี่เป็นอักขระรูปแบบเสียวข่าย

 

ทว่าแผ่นก่อนหน้านี้ เป็นอักขระรูปแบบสิงซู ดูมีสง่าราศี แต่ละขีดฉวัดเฉวียนมีเอกลักษณ์

 

ส่วนอักขระรูปแบบเสียวข่ายนี้ กลับให้ความละเอียดอ่อนประณีตอ่อนโยนดั่งปุยนุ่น

 

อักขระทั้งสองแบบมีลักษณะที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง นางรู้สึกมิเชื่อในสายตาตนเอง กระดาษแผ่นแรกดูเหมือนว่าจะยืนอยู่ท่ามกลางถิ่นทุรกันดารและฝันถึงเจียงหนาน ทว่าแผ่นหลังนี้ดูเหมือนว่าจะยืนอยู่ในเจียงหนานแล้ว

 

อักขระแต่ละตัวที่นางเห็น ดุจดั่งบุปผาที่กำลังเบ่งบาน

 

“พิณทองมีห้าสิบสายไร้เหตุผล หนึ่งสายหนึ่งเสาคิดถึงปีเรืองรอง

 

จวงเชิงเสียวเลอะเลือนถึงผีเสื้อ ใจหวังตี้ชุนฝากฝังที่นกแขกเต้า

 

ไข่มุกจันทราที่สดใสหลั่งน้ำตาในทะเลมรกต นาสีครามอากาศอุ่นหยกเกิดเป็นควัน

 

ความรู้สึกนี้ถือได้ว่าเป็นการระลึกถึง แต่ตอนนั้นมันหายไป”

 

จี้เยวี่ยเอ๋อรู้สึกราวกับว่าตนเองถูกบทกวีนี้ดึงดูดเข้าไปในภวังค์ ราวกับเห็นชายหนุ่มรูปงาม ราวกับเห็นชายหนุ่มกำลังบรรเลงพิณทอง ทำท่าทางครุ่นคิดถึงเวลาโชติช่วงซึ่งจางหายไป...

 

เสียงบรรเลงจากพิณทองนั้นได้ส่งความรู้สึกสี่อย่าง ได้แก่ เหมาะสม ขุ่นเคือง ชัดเจนและกลมกลืนรวมทั้งหมดเข้าด้วยกัน บัดนี้ข้างหูของนางได้ยินเสียงบรรเลงดังก้อง มันเป็นเสียงโศกเศร้าที่สื่อออกมาอย่างแผ่วเบา เป็นการอาลัยอาวรณ์ความรักในอดีตที่ผ่านไป

 

เขาเพิ่งจะอายุ 17 ปีเท่านั้น ทั้งยังเป็นพวกหนอนหนังสือ ทว่าดูจากกวีบทนี้แล้ว ดูเมือนว่าเขาจะมีความรัก ความรู้สึกที่ลึกซึ้งและถูกความรักนั้นทำลาย...

 

“ความรู้สึกนี้ถือได้ว่าเป็นการระลึกถึง แต่ตอนนั้นมันหายไป”

 

การที่เขาสูญเสียความรักครานั้นไป...หมายถึงการที่ท่านพ่อถอนหนังสือหมั้นหมายกลับคืนมา จึงทำให้เขารู้สึกโศกเศร้าในใจเยี่ยงนั้นหรือ ?

 

เขาเป็นคนโง่ก็จริง ทว่ามิใช่คนบ้า ดังนั้นลึก ๆ ในใจของเขาย่อมมีความต้องการความรัก เพียงแต่เขามิรู้ว่าจะแสดงออกมาเยี่ยงไร อีกทั้งมิรู้วิธีปฏิเสธ ดังนั้นจึงได้คืนสัญญาหมั้นหมายกลับมาอย่างไร้เงื่อนไขใด ๆ เขาสื่อความรู้สึกออกมาผ่านกวีบทนี้ นำความรู้สึกเศร้าโศกขมขื่นใจของตนเขียนลงบนกระดาษ แล้วคืนอิสรภาพให้แก่นาง

 

เขาผู้นั้น...ช่างยิ่งใหญ่เสียเหลือเกิน !

 

ความโดดเดี่ยวของเขา นอกจากข้าแล้วจะยังมีผู้ใดเข้าใจเขาอีกเล่า !

 

แต่เขา แต่เขากลับยอมรับความเจ็บปวดนั้นเอาไว้เพียงลำพัง...

 

อยู่ ๆ น้ำตาของจี้เยวี่ยเอ๋อก็ไหลอาบสองแก้ม นางสะอึกสะอื้นและปล่อยให้น้ำตานั้นร่วงลงบนกระดาษ

 

“พิณทองมีห้าสิบสายไร้เหตุผล หนึ่งสายหนึ่งเสาคิดถึงปีเรืองรอง... เขานำความคะนึงหาปิดกั้นเอาไว้กับเสานั้น จวงเชิงเสียวเลอะเลือนถึงผีเสื้อ เป็นคำสอนใจว่าชีวิตก็เหมือนความฝัน อดีตก็เหมือนควัน แม้ว่าเขาจะตกอยู่ในสภาวะกลืนมิเข้าคายมิออก ทว่าท้ายที่สุดแล้วก็เป็นเพียงความฝันอันน่าเศร้า...”

 

จี้เยวี่ยเอ๋อระบายออกมาด้วยความเจ็บปวด จี้ซิงเอ๋อเบิกตาโพลง เจ้าบ้านั่นทำให้พี่สาวของข้าร่ำไห้ !

 

เมื่อได้ยินพี่สาวของนางเอ่ยออกมาเช่นนี้ ก็ดูเหมือนว่านางจะเข้าใจอันใดบางอย่าง หัวใจของนางจึงสั่นสะท้านขึ้นมาเยี่ยงนี้ ไอหยา ! ท่านพี่ตกหลุมพรางของเขาเข้าแล้ว !

 

มิได้การ ! แม้ว่าสวีเสี่ยวเสียนจะทำอาหารอร่อย แต่ก็มิอาจหนีความจริงที่ว่าเขาเป็นโรคประสาทไปได้ !

 

ระหว่างอาหารกับความสุขของพี่สาว บัดนี้จี้ซิงเอ๋อได้พยายามเลือกในสิ่งที่ยากเย็นมากยิ่งนัก “ท่านพี่ ตั้งสติหน่อยเถิด ! เขามิปกติ ซ้ำยังป่วยเป็นโรคที่รักษามิหายอีกด้วย ! ”

รีวิวผู้อ่าน