เรื่อง : นายน้อยเจ้าสำราญ : คนบ้าแห่งต้าเฉิน (นิยายแปล) ปลดล๊อคตอนฟรี 3 วัน 1 ตอน
ตอนที่ 19 เรียกข้าว่าท่านพ่อตา
ตอนที่ 19 เรียกข้าว่าท่านพ่อตา
คดีนี้กลายเป็นคดีที่ไขมิได้แล้ว ชั่วชีวิตนี้ก็อย่าได้คิดที่จะไขคดีนี้เลย
หากยังมินำศพลงไปฝัง ศพก็จะส่งกลิ่นเน่าเหม็นคละคลุ้งไปทั่วทั้งเมือง !
ภายในใจของจี้จงถานรู้สึกผิดหวัง บัดนี้เขายังจะทำอันใดได้อีกกัน ?
ก็ถูกไล่ออกน่ะสิ !
มิว่าเยี่ยงไรบุตรสาวของเขาก็มิสามารถแต่งงานกับโจวเหยียนหวางได้ แม้ว่าจะต้องแต่งงานกับคนบ้าเยี่ยงสวีเสี่ยวเสียนก็ยังดีกว่าแต่งงานกับโจวเหยียนหวางเป็นร้อยเป็นพันเท่า
สวีเสี่ยวเสียนมิรู้ว่านายอำเภอจี้กำลังคิดอันใดอยู่ เมื่อได้ยินเสียงเรียก เขาก็ทำได้เพียงหันหน้ากลับไปเท่านั้น
นายอำเภอจี้เดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้าเขา “ไป... ไปหาที่นั่งสนทนากัน”
เพื่อผ่อนคลายเยี่ยงนั้นหรือ ?
อาจจะเป็นไปได้
ดังนั้น ม้าชราจึงลากรถม้าผุพังตามรถม้าของนายอำเภอจี้ไปยังไร่ชาที่ค่อนข้างเงียบสงบ
สวีเสี่ยวเสียนตามนายอำเภอจี้ไปยังห้องรับรองที่อยู่ในไร่ชา เหลือทิ้งไว้เพียงหลายฝูและจือรุ่ย ดูเหมือนว่านายอำเภอจี้จะคุ้นเคยกับที่นี่เป็นอย่างดี
ทั้งสองนั่งลงตรงข้ามกันที่โต๊ะน้ำชา นายอำเภอจี้ต้มชาหนึ่งกา จากนั้นก็เหลือบตาไปมองสวีเสี่ยวเสียน ชายหนุ่มผู้นี้หล่อเหลาเอาการ ทั้งยังเป็นปัญญาชน ช่างเหมาะสมกับเยวี่ยเอ๋ออย่างแท้จริง น่าเสียดายมากยิ่งนัก...เหตุใดเขาถึงเป็นโรคประสาทได้เล่า !
ทว่าบัดนี้แม้จะเป็นคนบ้าก็มิสำคัญอันใดแล้ว เพราะทั้งสองข้างทางคือหลุมไฟ เห็นได้ชัดว่าหลุมไฟฝั่งสวีเสี่ยวเสียนนั้นเล็กกว่า
เวลากระชั้นชิดจนเกินไป ค่อนข้างจะฉุกละหุกที่จะค้นหาลูกเขยตามใจชอบอีกครา ทั้งยังไร้หนทางที่จะเอ่ยเท็จต่อใต้เท้าโจวอีกด้วย
ดังนั้นเมื่อลองตริตรองดูดี ๆ แล้ว จึงกลับมาหาสวีเสี่ยวเสียนอีกครา
จี้จงถานมิได้เอ่ยอันใดออกมา สวีเสี่ยวเสียนจึงเปิดปากขึ้นมาก่อน เพราะบรรยากาศค่อนข้างอึดอัด
“นายท่านอย่าได้กังวลไปเลย เยี่ยงไรเสียคนร้ายก็มิอาจรอดพ้นไปได้ ในมิช้าก็เร็วคดีนี้ก็จะคลี่คลายลงได้”
เจ้าหมอนี่ถือว่ายังรู้จักปลอบใจคน ทว่าเวลาที่เหลืออยู่นั้นมีเพียงสองวัน อย่าเอ่ยถึงคดีเลย แม้แต่เบาะแสก็ยังมิมีเลยด้วยซ้ำ แล้วแบบนี้จะคลี่คลายคดีได้เยี่ยงไร !
“ที่วันนี้มาหาเจ้า มิใช่เรื่องคดี”
“เช่นนั้น...นายท่านกังวลเรื่องใดกัน ? ”
จี้จงถานรินชาสองถ้วย ส่งหนึ่งถ้วยให้กับสวีเสี่ยวเสียน ก่อนจะเงยหน้ามองสวีเสี่ยวเสียนแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “เป็นเช่นนี้...สัญญาหมั้นหมายนั่นข้าได้ขอคืนกลับไปแล้วใช่หรือไม่ ? ”
สวีเสี่ยวเสียนรู้สึกประหม่าขึ้นมาทันใด จากนั้นเขาก็พยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ใช่ ! ท่านได้นำกลับไปแล้ว”
“ประเดี๋ยวข้าจะส่งกลับไปที่จวนของเจ้าอีกครา”
“......”
ดวงตาของสวีเสี่ยวเสียนเบิกโพลง เขาอ้าปากกว้างด้วยความตกตะลึง จากนั้นก็ขบเม้มริมฝีปากอีกครา “ไม่ ! นายท่าน... หากซื้อขายแลกเปลี่ยนไปแล้วก็มิมีเหตุผลให้ต้องเปลี่ยนใจ ! ”
ดวงตาของจี้จงถานเบิกกว้างขึ้นมาทันใด เจ้าหมอนี่ควรจะดีใจมิใช่หรือ ?
นี่หมายความว่าเยี่ยงไร ?
เขามิยินยอมเยี่ยงนั้นหรือ ?
บุตรของข้าเป็นสาวงามล่มเมือง เจ้ามิยินยอมที่จะแต่งด้วยเยี่ยงนั้นหรือ ?
“เพราะเหตุใด ? หากแต่งงานกับบุตรสาวของข้า มันทำให้เจ้าต้องกล้ำกลืนฝืนทนเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“อ่า...มิใช่ ! ” สวีเสี่ยวเสียนวางถ้วยชาลง ภายในหัวค่อนข้างยุ่งเหยิง แนวคิดของคนโบราณช่างน่าตกตะลึงมากยิ่งนัก ออกไพ่มิเป็นไปตามทำนองคลองธรรมเอาเสียเลย !
“ข้าป่วย...ท่านก็ทราบดี หนังสือวินิจฉัยของหมอเทวดายังอยู่ที่จวนของข้าอยู่เลย”
ข้าก็คิดไปว่าเจ้าจะปฏิเสธ นายอำเภอจี้ลอบถอนหายใจพลางโบกมือไปมา “นี่มิใช่เรื่องใหญ่อันใด ยามค่ำ...ข้าจะนำสัญญาหมั้นหมายไปคืนให้กับเจ้า”
ต้องมีเรื่องอันใดปิดบังข้าอยู่เป็นแน่ ! สวีเสี่ยวเสียนมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง !
มิมีบิดามารดาคนใดยินยอมให้บุตรสาวของตนเองแต่งงานกับคนบ้าได้หรอก !
ทั้งยังมิอาจรักษาให้หายได้ เห็นได้ชัดว่านี่คือการโยนบุตรสาวเข้ากองไฟ
หรือว่าเมื่อวันที่สามเดือนสามบุตรสาวของเขานามจี้เยวี่ยเอ๋อผู้นั้น จะโยนลูกบอลแพรปักมิโดนผู้ใดเลยกัน ?
หรือบางทีอาจจะโดนแล้ว ทว่าผู้ที่รับได้นั้นมิได้ชอบพอจี้เยวี่ยเอ๋อ
อ่า...มีความเป็นไปได้อย่างยิ่ง นายอำเภอจี้มีปากแหลมและแก้มเหมือนลิง คาดว่าบุตรีของเขาก็คงจะมิต่างกันมากนัก คาดว่าเขาคงกังวลว่าบุตรสาวของตนเองจะขายมิออก จึงต้องรีบร้อนขายออกไป
จะทำเยี่ยงไรกับเรื่องนี้ดี ? ข้าเองก็มิสามารถรับของที่มิดีไว้ได้เช่นกัน !
“นายท่าน...ข้าคิดว่ามิจำเป็นต้องรีบร้อนเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเรามาสนทนาเรื่องคดีความกันดีหรือไม่ ? ”
จี้จงถานชะงักงัน มิเร่งรีบ ? ข้ารีบร้อนจะเป็นจะตาย เจ้ามิเห็นหรือเยี่ยงไร ?
เห็นได้ชัดว่าสมองของเจ้าหมอนี่ยังใช้การได้มิดี คนบ้าเยี่ยงเจ้ากลับจะสนทนาเรื่องคดีความกับข้า เรื่องคดีมันเกี่ยวอันใดกับเจ้ากัน เรื่องที่สำคัญในตอนนี้คือเรื่องสัญญาหมั้นหมายต่างหากเล่า ?
สัญญาหมั้นหมายจำต้องส่งถึงมือสวีเสี่ยวเสียน นี่ต่างหากถึงจะเป็นเรื่องใหญ่คับฟ้า !
“หากเจ้ามิรับสัญญาหมั้นหมายกลับคืนไป ข้าจะปล่อยตัวจางซิ่ว ! เจ้าเองก็รู้นี่ว่าเขายังมีลูกสมุนอีก 8 คนอยู่ในเขตเหลียงอี้ ! ”
บัดซบ...เจ้าใช้อำนาจข่มขู่ข้า !
คนโบราณปลิ้นปล้อน เอ่ยไว้เสียดิบดี ทว่าเพียงพริบตาเดียวก็กลับคำ ช่างหน้ามิอายเสียจริง !
“นายท่าน...”
จี้จงถานทำเป็นมิสนใจ เขาเพียงยกถ้วยชาขึ้นมาดื่มเท่านั้น
เอาเถิด...ข้าเองก็อยากดื่มชาเช่นกัน
“เรียกข้าว่าท่านพ่อตา ! ”
“...” สวีเสี่ยวเสียนเกือบจะตายเพราะสำลักน้ำชา เขายังมิทันได้กลืนมันลงไปเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงสำลักแล้วพ่นน้ำชาในปากออกไปเต็มหน้าจี้จงถาน
“ไอหยา... ! ” สวีเสี่ยวเสียนตื่นตกใจขึ้นมาทันใด เขาจึงรีบดึงผ้าเช็ดหน้าออกมา จนกระเป๋าเงินสีเขียวมรกตหล่นลงมา
เขาวางกระเป๋าเงินไว้บนโต๊ะน้ำชา แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าส่งให้จี้จงถานเพื่อเช็ดหน้า
สายตาของจี้จงถานจดจ้องไปที่กระเป๋าเงินใบนั้น ทันใดนั้นคิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากันแน่น เขาคุ้นเคยกับกระเป๋าเงินใบนี้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะด้านบนที่ปักคำว่า ‘ซิง’ เอาไว้ด้วยสีแดงตัวโต
ทันใดนั้นใจของเขาก็กระตุกขึ้นมา จึงคว้าผ้าเช็ดหน้าจากสวีเสี่ยวเสียนแล้วเช็ดหน้าของตนเองเป็นพัลวัน จากนั้นก็ใช้มืออีกข้างหยิบกระเป๋าเงินขึ้นมาดู
นี่เป็นกระเป๋าเงินของบุตรสาวคนรอง จี้ซิงเอ๋อ !
เหตุใดถึงมาอยู่ที่สวีเสี่ยวเสียนกัน ?
หรือว่า... หรือว่าที่เจ้าหมอนี่คืนสัญญาหมั้นหมายอย่างเร็วไว และบัดนี้ที่มีท่าทีอิดออดมิยอมรับคืน ก็เพราะเขามีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับซิงเอ๋อเยี่ยงนั้นหรือ ?
จี้จงถานถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง มิมีทางเป็นไปได้ !
เพียงบุตรสาวคนโตถูกโยนลงกองไฟ ข้าก็ปวดใจจะแย่แล้ว ข้าจะต้องดึงบุตรสาวคนรองกลับมา เจ้าอย่าได้หวังไปเลย มิมีทางเสียหรอก !
เรื่องนี้จะเอะอะไปมิได้ หลังจากที่กลับไปคงต้องสนทนากับซิงเอ๋อสักหน่อยแล้ว... มิใช่ ! มิใช่ว่าซิงเอ๋อชอบนักรบหรอกหรือ ? รูปร่างอ่อนแอลู่ตามลมเยี่ยงสวีเสี่ยวเสียน เขาจะหลอกลวงซิงเอ๋อได้เยี่ยงไรกัน ?
จี้จงถานส่งกระเป๋าเงินคืนไปโดยมิได้ตำหนิแต่อย่างใด “ข้าถือว่าเจ้าได้ชนถ้วยชากับข้าแล้ว และน้ำชาเคารพนี้ ข้าก็ได้ดื่มไปแล้ว ต่อจากนี้พวกเรามาเข้าเรื่องกันเถิด”
“ยามค่ำ เจ้าจงอยู่ที่จวนเพื่อรอข้า ข้าจะนำสัญญาหมั้นหมายไปคืนให้ เรื่องนี้ถือว่าตัดสินใจเยี่ยงนี้ก็แล้วกัน ส่วนจะตบแต่งกันเมื่อใด เรื่องนี้ไว้ค่อยหารือกัน เจ้าจงจำเอาไว้ว่า เจ้าจะต้องแต่งงานกับบุตรสาวคนโตของข้าจี้เยวี่ยเอ๋อ จงลืมจี้ซิงเอ๋อไปเสีย นี่คือเส้นตายของข้าและถือเป็นโชคดีของเจ้าเช่นกัน ภายภาคหน้าเจ้าต้องปฏิบัติต่อเยวี่ยเอ๋อให้ดี”
สวีเสี่ยวเสียนกลืนน้ำลายลงคืออึกใหญ่ ให้ลืมจี้ซิงเอ๋อเยี่ยงนั้นหรือ ?
ข้ามิเคยพบจี้ซิงเอ๋อมาก่อนเลยด้วยซ้ำ จี้เยวี่ยเอ๋อผู้นั้นหน้าตาเป็นเยี่ยงไรก็มิรู้ มิเห็นต้องบังคับซื้อขายกันเลยนี่ !
“นายท่าน...”
“เรียกข้าว่าท่านพ่อตา ! ”
“...มิใช่ ! ท่านได้รับสิ่งใดที่สะเทือนใจมาหรือไม่ ? ”
“จงจำเอาไว้ว่า ยามค่ำเจ้าจงรอข้าอยู่ที่จวน ข้ายังมีงานต้องสะสาง ขอตัว ! ”
จี้จงถานลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปทันที ทิ้งสวีเสี่ยวเสียนไว้เพียงลำพัง
สินค้าที่ถูกส่งเสริมการขายมักจะมิใช่ของดี ข้าข้ามโลกมาอย่างยากลำบาก เรื่องใหญ่เยี่ยงการแต่งงานจะทำเป็นเล่นได้หรือเยี่ยงไร ?
นอกจากนี้ บัดนี้กระเป๋าเงินของข้าก็มีเงินแล้ว วิถีชีวิตก็ดีขึ้นมากแล้ว มิมีความจำเป็นต้องรับของที่มิดีชิ้นนี้แล้วนี่ !
ต้องรู้ให้ได้ว่าแท้จริงแล้วในช่วงหลายวันมานี้เกิดอันใดขึ้นกับนายอำเภอจี้กันแน่ ?
จะต้องมีเหตุผลแฝงอยู่เป็นแน่
เขาจึงลุกขึ้นยืน ในตอนที่กำลังจะเดินออกไป กลับมีสตรีชุดเขียวเดินเข้ามาโค้งคำนับ “คุณชาย...โปรดชำระเงินด้วยเจ้าค่ะ”
“...เท่าใด ? ”
“โหวขุยชั้นยอด 100 อีแปะเจ้าค่ะ ! ”
“......”
ให้ตายเถิด !
ซื้อไก่สองตัวได้เลยนะ !
สวีเสี่ยวเสียนหยิบเงินออกมาด้วยสีหน้าเจ็บปวด ทั้งยังเอ่ยเรื่องพิลึกออกมาอีกด้วย
“ภายภาคหน้าอย่าได้สวมใส่ชุดสีเขียวอีก ! ”
สตรีชุดเขียวทำหน้างุนงง คุณชายท่านนี้...เป็นบ้าหรือไม่ ?