px

เรื่อง : นายน้อยเจ้าสำราญ : คนบ้าแห่งต้าเฉิน (นิยายแปล) ปลดล๊อคตอนฟรี 3 วัน 1 ตอน
ตอนที่ 22 กระบองวิเศษ


ตอนที่ 22 กระบองวิเศษ

 

ณ ศาลาว่าการเหลียงอี้

 

เจ้าหน้าที่ตรวจการโจวจ้องมองไปยังนายอำเภอจี้ เขายกยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย ก่อนจะยื่นนิ้วออกมาสองนิ้วแล้วเอ่ยว่า “สองวัน ใต้เท้าจี้...แม้ว่าบุตรชายของข้านั้นจะเกเรไปสักหน่อย ทว่าว่าชายหนุ่มล้วนก็เป็นเช่นนี้ บุรุษคนใดบ้างเล่าที่มิเคยทำตัวเกเรมาก่อน ? คดีในครานี้ข้าสามารถช่วยเจ้าให้ผ่านพ้นไปได้ ส่วนบุตรสาวของท่านถึงเยี่ยงไรสักวันก็ต้องออกเรือน ข้าเองเป็นถึงเจ้าหน้าที่ตรวจการของเหลียงโจว เมื่อบุตรสาวของท่านแต่งเข้ามาในจวนโจวของข้า นางก็จะกลายเป็นฮูหยินแห่งจวนโจว”

 

“ความรุ่งโรจน์ของชีวิตอยู่เพียงแค่เอื้อม อีกทั้งตำแหน่งนายอำเภอของท่านก็ยังสามารถรักษาเอาไว้ได้ พวกเราต่างคนต่างได้ประโยชน์ เหตุใดถึงต้องทำให้ตนเองลำบากเช่นนี้ด้วยเล่า ? ”

 

จี้จงถานลุกขึ้นยืนแล้วตอบว่า “ใต้เท้าโจวขอรับ ต่อให้ข้าน้อยต้องสูญเสียตำแหน่งขุนนางไป ก็จำต้องรอให้การตรวจสอบนี้สิ้นสุดลงแล้วมีหนังสือสั่งปลดออกจากกรมขุนนางเสียก่อน แม้ว่าท่านว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจการของเหลียงโจว แต่ก็ยังมิเพียงพอที่จะปลดตำแหน่งของข้าน้อยได้”

 

“ข้าน้อยขอบอกเอาไว้ ณ ที่นี้เลยว่า ท่านอย่ามัวคิดเรื่องอื่นไปเลย ! หากบุตรชายของท่านทำผิดในพื้นที่การดูแลของข้าน้อย ข้าน้อยก็จะลงโทษเขาเช่นกัน ! ”

 

เจ้าหน้าที่ตรวจการโจวขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น “ฮึ ๆ มีตาหามีแววไม่ ! ข้าจะคอยดู เจ้าอย่าหาแพะรับบาปมาก็แล้วกัน ! เมื่อเวลาอีกสองวันมาถึง ข้าเองก็จะมิประนีประนอมให้แก่เจ้าเช่นกัน ! ”

 

“เชิญตามสะดวก ! ”

 

นายอำเภอจี้ก้าวเดินออกไปทันที ในขณะที่เขากำลังรีบร้อนจะกลับเรือนเพื่อไปนำสัญญาหมั้นหมายไปคืนที่จวนสวี พบว่าผู้ช่วยตู้กำลังเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน

 

“นายท่านขอรับ คุณชายจวนสวีเอ่ยว่ามีเรื่องเร่งด่วนต้องเข้าพบท่าน”

 

“ฝานจือเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

 

“ขอรับ”

 

เขามาทำอันใดกัน ?

 

นายอำเภอจี้ขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความงุนงง หรือว่าเขามิอยากรับสัญญาหมั้นหมายนั้นคืน ดังนั้นจึงทำเรื่องให้ใหญ่โต เพื่อให้ข้ามิสามารถบังคับเขาได้อีก ?

 

ในขณะที่นายอำเภอจี้กำลังขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่นั้น ผู้ช่วยตู้ก็เอ่ยออกมาเบา ๆ ว่า “สวีเสี่ยวเสียนผู้นั้น ดูเหมือนว่าโรคจะกำเริบอีกแล้วขอรับ”

 

นายอำเภอจี้ชะงักงันขึ้นมาทันใด “เหตุใดเจ้าถึงเอ่ยเยี่ยงนี้กัน ? ”

 

“เขา เขา...” ผู้ช่วยตู้กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่แล้วแลบลิ้นเลียริมฝีปากของตน ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างหมดหนทางว่า “เขาสวมชุดคลุมเต๋า ใส่หมวกทรงสูง ในมือถือขันใบเล็กเอาไว้ เขา... เขาเอ่ยว่าตนสามารถไขคดีนี้ได้”

 

ผู้ช่วยตู้ส่ายศีรษะเบา ๆ นายท่านมิมีทางยกคุณหนูเยวี่ยเอ๋อผู้งดงามดุจดอกฟ้าให้กับสวีเสี่ยวเสียนเป็นแน่ นี่มันดอกฟ้ากับหมาวัดชัด ๆ !

 

เมื่อนายอำเภอจี้ได้ยินเช่นนั้นก็ทำหน้าดำคร่ำเครียดขึ้นมาทันที เจ้าสวีฝานจือกลัวผู้อื่นจะมิรู้หรือเยี่ยงไรว่าเขาบ้า ?

 

เขาต้องการให้เจ้าหน้าที่ตรวจการโจวหัวเราะเยาะข้าเยี่ยงนั้นหรือ ?

 

ทันใดนั้นเองผู้ตรวจการโจวก็ได้เดินออกมา คิ้วของเขาเลิกขึ้นเล็กน้อย “โอ้...บุตรเขยบ้าของนายท่านจี้เดินทางมาเยี่ยงนั้นหรือ ? ไป ๆ พวกเราไปดูด้วยกันเถิด จะได้แนะนำให้ข้ารู้จักสักหน่อย”

 

นายอำเภอจี้สูดหายใจเข้าลึก “นี่เป็นเรื่องของข้า มิได้เกี่ยวกับใต้เท้าแต่อย่างใด ! ”

 

หลังจากที่ทิ้งท้ายไว้ด้วยประโยคนี้ นายอำเภอจี้ก็รีบเดินออกไปจากประตูศาลาว่าการทันที ทันใดนั้นดวงตาอันเรียวเล็ก คู่นั้นก็ต้องเบิกกว้างราวกับเห็นผู้ร้าย

 

สวีเสี่ยวเสียนสวมชุดคลุมเต๋าจริง ๆ ด้วย ศีรษะของเขาสวมหมวกหยินหยาง มือข้างซ้ายถือขันใบเล็ก มือข้างขวาถือแส้หางจามรี เขาโบกมันไปมาแล้วหันไปหัวเราะพลางเอ่ยถามบ่าวรับใช้ของตนว่า “จือรุ่ย เจ้าลองดูสิ ว่าบัดนี้ข้าดูเหมือนนักพรตเต๋าแล้วหรือยัง ? ”

 

จือรุ่ยหน้าเขียวหน้าเหลือง มือของนางกำชายเสื้อเอาไว้แน่น เม้มริมฝีปากแล้วเอื้อมมือไปดึงชายเสื้อของสวีเสี่ยวเสียน จากนั้นก็เอ่ยด้วยความกังวลว่า “คุณชายเจ้าคะ ที่นี่คือศาลาว่าการนะเจ้าคะ พวกเรากลับเรือนกันดีหรือไม่ ? ”

 

“โอ้...ท่านนายอำเภอออกมาแล้ว”

 

สวีเสี่ยวเสียนเมินเฉยต่อคำขอของจือรุ่ย เขากำลังจะก้าวขาไปข้างหน้า ทว่ากลับถูกหลายฝูเอื้อมมือเข้ามาคว้าเอาไว้เสียก่อน ก่อนจะกระซิบร้องขอด้วยใบหน้าโศกเศร้าว่า “คุณชาย... คุณชายขอรับ ที่นี่คือศาลาว่าการ ด้านในมีเจ้าหน้าที่มากมายนัก หากว่าคุณชายเข้าไปสร้างความวุ่นวายแล้วล่ะก็ อาจจะถูกทุบตายก็เป็นได้นะขอรับ ! ”

 

“ไสหัวไป... ! ”

 

สวีเสี่ยวเสียนหันหลังกลับมา จากนั้นก็เตะหลายฝูจนกระเด็นออกไป เจ้าหมอนี่ขี้ขลาดกลัวตาย น่ารำคาญเสียจริง !

 

เจ้าหน้าที่ตรวจการโจวเดินตามออกมา เขามองดูแล้วหัวเราะเสียงดังฮ่า ๆ “ไอหยา...ชายหนุ่มท่านนี้คงจะเป็นสวีเสี่ยวเสียนใช่หรือไม่ ? ”

 

สวีเสี่ยวเสียนเบิกตาโพลงพลางจ้องมองเขา ผู้ใดกัน ? หน้าตาน่าเกลียดยิ่งกว่านายอำเภอจี้เสียอีก !

 

ทว่าคนผู้นี้สวมชุดราชการ มิรู้ว่าเป็นขุนนางระดับใด “อ่า...ข้าน้อยคือสวีฝานจือ เอ่อ...ข้าเดินทางมาพบท่านนายอำเภอ ขออภัยด้วย เมื่อเสร็จธุระแล้วข้าจะมาสนทนากับท่านทีหลัง”

 

เมื่อเอ่ยจบ เขาก็เดินไปหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ นายอำเภอจี้ “ฝานจือ”

 

“ขอรับ”

 

“เจ้ากำลังจะทำอันใดกันแน่ ? ”

 

นายอำเภอจี้โมโหจนกัดฟันกรอด

 

น้ำเสียงของเขาแผ่วเบาทว่าหนักแน่น ดวงตาเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น “อ่า...ข้าน้อยเดินทางมาเพื่อช่วยนายท่านไขคดีฆาตกรรมทั้งสามนั่นขอรับ”

 

“ไร้สาระ ! ”

 

นายอำเภอจี้ตะโกนออกมาเสียงดังว่า “เจ้ารีบกลับไปประเดี๋ยวนี้ จงไปรอข้าอยู่ที่จวน ! ”

 

เจ้าหน้าที่ตรวจการโจวได้ยินเสียงดังฟังชัดทั้งสองหู เขาจึงหัวเราะออกมาเสียงดังพลางเอ่ยว่า “ฮ่า ๆ ๆ นายอำเภอจี้ จากที่ข้ามองดูแล้ว ชายหนุ่มผู้นี้ท่าทางดูมีความสามารถมากยิ่งนัก อีกทั้งเขายังแต่งกายผิดแปลกไปจากผู้อื่น มิแน่เขาอาจจะสามารถช่วยท่านไขคดีได้สำเร็จก็เป็นได้”

 

“ฝานจือ ข้าคือเจ้าหน้าที่ตรวจการของเหลียงโจว ข้าคิดว่าชีวิตของผู้คนนั้นมีค่ามากยิ่งนัก จะทำการใดสุ่มสี่สุ่มห้ามิได้เป็นอันขาด ในเมื่อเจ้ามั่นใจว่าจะไขคดีนี้ได้สำเร็จ ข้าก็หวังว่าเจ้าจะทำได้ดังที่กล่าว แล้วข้าจะรอฟังข่าวดีจากเจ้า”

 

คนผู้นี้คาดว่าเป็นใต้เท้าโจวที่บังคับลูกสาวของนายอำเภอจี้ให้แต่งงานกับลูกชายของตน ?

 

ผู้ที่ทำให้นายอำเภอจี้ส่งคืนสัญญาหมั้นหมาย ต้องเป็นเจ้าหมอนี่แน่ ๆ !

 

อยู่ ๆ เขาก็ยิ้มออกมาและยกมือขึ้นคารวะพลางเอ่ยว่า “คารวะท่านใต้เท้าโจวขอรับ ท่านใต้เท้าช่างมีสายตาแหลมคมมากยิ่งนัก ข้าน้อยมีสมญานามว่านักสืบเทวดาแห่งต้าเฉิน ข้าน้อยจะพยายามช่วยเหลือท่านนายอำเภออย่างสุดความสามารถขอรับ”

 

นายอำเภอจี้สั่นสะท้านไปทังร่าง กล้าเอ่ยออกมาได้เยี่ยงไรว่าตนเองเป็นนักสืบเทวดาแห่งต้าเฉิน !

 

เจ้าคงจะป่วยจริง ๆ สินะ !

 

อีกทั้งยังเป็นคนป่วยที่มีอาการทางจิตซึ่งมิอาจรักษาได้อีกด้วย !

 

“หลิวเหนิง ! ” นายอำเภอจี้ตะโกนออกมาเสียงดังอย่างหมดความอดทน

 

“ขอรับ ! ”

 

“นำตัวสวีเสี่ยวเสียน...กลับไปที่จวนของเขาประเดี๋ยวนี้ ! ”

 

“...” ดวงตาของหลิวเหนิงเบิกกว้าง เจ้าบ้านั่นสร้างปมในใจให้เขามิน้อยเมื่อยามที่อยู่ในตรอกหยางหลิว บัดนี้เขารู้สึกกลัวอย่างแท้จริง

 

“หลิวเหนิง ! ”

 

“ขอรับ... ! ”

 

“คำสั่งของข้ามิจำเป็นต้องปฏิบัติตามเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

 

“มิใช่ขอรับนายท่าน” ในขณะที่หลิวเหนิงกำลังจะอธิบายออกมา คาดมิถึงว่าสวีเสี่ยวเสียนจะเอื้อมมือมาลากตัวเขาไปเสียก่อน

 

“ท่านนายอำเภอจี้ ท่านอย่าได้รีบร้อนไปเลย ท่านลองดูสิ่งที่ข้าน้อยจะทำเสียก่อน”

 

สวีเสี่ยวเสียนหันหลังกลับไปแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “จือรุ่ย...จุดเทียน”

 

จือรุ่ยชะงักงัน กลางวันแสก ๆ เช่นนี้ คุณชายจะจุดเทียนเพื่ออันใดกัน ?

 

เมื่อสักครู่ ณ ตลาดตะวันตก คุณชายได้ซื้อเทียนมาด้วยมิน้อย ทว่าเจ้าสิ่งนี้ควรจะจุดในยามราตรีมิใช่หรือ ?

 

“คุณ... คุณชายเจ้าคะ” จือรุ่ยชี้ไปทางสุริยาที่ยังมิตกดิน ก่อนจะเอ่ยอย่างตะกุกตะกักว่า “จะ... จะจุดเทียน จริง ๆ หรือเจ้าคะ ? ”

 

ใต้เท้าโจวเผยอยิ้มขึ้น เจ้าบ้านี่...บ้าสมคำร่ำลือจริงเชียว !

 

บัดนี้นายอำเภอจี้ทั้งโมโหและอับอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี เจ้าสวีเสี่ยวเสียน เจ้านี่มันไร้สาระสิ้นดี เจ้าทำเช่นนี้ข้าจะกล้ามอบเยวี่ยเอ๋อให้แก่เจ้าอย่างวางใจได้เยี่ยงไรกัน ?

 

เขาต้องจงใจทำเช่นนี้เป็นแน่ !

 

เยวี่ยเอ๋อของข้างดงามดุจนางในวรรณคดี เขา... เขากลับ เฮ้อ... !

 

“ผู้ใดบอกว่ากลางวันมิอาจจุดเทียนได้เล่า ? เร็วเข้า... รีบจุดเร็วเข้า ข้าจะทำพิธีเรียกดวงวิญญาณของผู้ตาย อีกประเดี๋ยวก็มิทันการหรอก ! ”

 

ให้ตายสิ !

 

บัดนี้หลายฝูหลับตาลงแน่น เงินเดือนเขามิขึ้นแม้แต่อีแปะเดียว อีกทั้งยังต้องมาคอยแบกหน้ารับอันตรายเช่นนี้อยู่เรื่อย หากสามารถข้ามผ่านเรื่องราวในวันนี้ไปได้ เขาจะกลับไปลาออกจากการเป็นผู้ดูแลจวนสวี แล้วค่อยหาทางอื่นดำรงชีวิตต่อไป

 

จือรุ่ยทำได้เพียงจุดเทียนตามคำสั่งของคุณชาย

 

จากนั้นพวกเขาทุกคนก็จับจ้องไปที่สวีเสี่ยวเสียน ซึ่งบัดนี้เขากำลังเคาะไปที่บักฮื้อและร่ายรำ !

 

รีวิวผู้อ่าน