px

เรื่อง : นายน้อยเจ้าสำราญ : คนบ้าแห่งต้าเฉิน (นิยายแปล) ปลดล๊อคตอนฟรี 3 วัน 1 ตอน
ตอนที่ 24 แม่ไก่ตีกัน


ตอนที่ 24 แม่ไก่ตีกัน

 

“เหตุใดท่านถึงเอ่ยว่าไร้สาระ ? ข้าได้ยินมาว่าเขาได้เชิญดวงวิญญาณมาต่อหน้าต่อตาท่านพ่อ อีกทั้งยังปรากฏอักขระบนกระดาษสีขาวอีกด้วย ! ”

 

จี้เยวี่ยเอ๋อตกตะลึงขึ้นมาทันใด เนื่องจากเรื่องผีสางและเทพเจ้าเหล่านี้มีความลึกลับมาแต่อดีต มิมีผู้ใดรู้ว่าเป็นจริงหรือเท็จ

 

“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่ ? ”

 

“ข้าจะหลอกท่านเพื่ออันใดกัน ? บัดนี้ทั้งเมืองได้ลือกันไปทั่ว โลงศพถูกขุดออกมาแล้ว บัดนี้ได้นำไปไว้ที่ศาลาว่าการแล้ว คืนพรุ่งนี้พวกเราเดินทางไปดูด้วยกันเถิดว่าเขาจะสอบปากคำคนตายเยี่ยงไร”

 

จี้เยวี่ยเอ๋อมิได้เอ่ยอันใดออกมา นางเพียงขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วครุ่นคิดในใจว่าเขาเป็นหนอนหนังสือมิใช่หรือ ?

 

มีคำกล่าวจากตำราหลุนอี่ว์ว่า นักปราชญ์จะมิเอ่ยถึงเรื่องสัตว์ประหลาด พลังมนตราและเทพเจ้า เขาเป็นผู้ที่ศึกษาตำรามามากมาย เหตุใดถึงทำเรื่องเช่นนี้กัน ?

 

เมื่อนางหันหลังกลับมาก็เห็นกระดาษที่มีอักขระรูปแบบเสียวข่ายเขียนเอาไว้ หลายวันมานี้นางมิได้เดินทางออกจากเรือนเลย และทุกคราที่นางชื่นชมกวีทั้งสองบท นางก็อดมิได้ที่จะตะลึง ความสามารถของเจ้าหนอนหนังสือนั่นช่างมากมายเสียเหลือเกิน เดิมทีนางตั้งใจว่าจะรอให้คดีคลี่คลายลงเสียก่อนแล้วนางจะเดินทางไปพบท่านอาจารย์สักหน่อย เพื่อให้ท่านอาจารย์ช่วยไขปริศนาความข้องใจเหล่านี้

 

หากเขามีพรสวรรค์และทักษะในการทำอาหารที่ยอดเยี่ยมจริง การแต่งงานกับเขาก็คงเป็นความคิดที่มิเลว

 

ส่วนโรคประสาทของเขา...เฮ้อ ! เดิมทีนางคิดว่าอาการของเขาจะดีขึ้นมากแล้ว ทว่าบัดนี้เมื่อลองตริตรองดูดี ๆ ราวกับว่าอาการของเขาจะกำเริบรุนแรงขึ้นกว่าเดิมเสียอีก

 

ในขณะที่จี้เยวี่ยเอ๋อกำลังเศร้าโศก จี้จงถานก็เดินเข้ามาในห้องบุตรสาวของเขา

 

“เยวี่ยเอ๋อ พ่อมีเรื่องหนึ่งที่จะต้องสนทนากับเจ้า”

 

“ท่านพ่อเชิญนั่งก่อนเถิด มีเรื่องอันใดเยี่ยงนั้นหรือเจ้าคะ ? ”

 

“เรื่องเป็นเช่นนี้...” จี้จงถานลูบเคราของเขาทั้งสองข้าง น้ำเสียงฟังดูหนักแน่น “การที่เจ้าหน้าที่ตรวจการโจวแห่งเหลียงโจวเดินทางมาที่เขตเหลียงอี้ของเรา มิได้มาช่วยพ่อคลี่คลายคดีแต่อย่างใด”

 

จี้เยวี่ยเอ๋อรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย นางจึงเงยหน้าขึ้นมองบิดา “เช่นนั้นเขามาเพื่อสิ่งใดกันเจ้าคะ ? ”

 

“เขามีบุตรชายอยู่คนหนึ่ง มีฉายาในเหลียงโจวว่าโจวเหยียนหวางหรือยมบาลโจว เขาต้องการจะใช้คดีนี้มาบีบบังคับพ่อเพื่อให้พ่อยกเจ้าให้แก่บุตรชายที่ไร้ความสามารถของเขา”

 

จี้เยวี่ยเอ๋อเบิกตาโพลง นางผงะไปชั่วครู่แล้วเอ่ยออกมาว่า “ลูกมิเห็นด้วย ! ”

 

“แน่นอนว่า พ่อเองก็มิเห็นด้วย ทว่าบัดนี้มีเวลาอีกเพียงแค่หนึ่งวันก็จะถึงวันตัดสินคดีแล้ว ทว่าคดีนี้ยังมิมีเบาะแสอันใดเลย วันนี้ยามเว่ยที่ตรอกหยางหลิว พ่อพบเข้ากับสวีเสี่ยวเสียนและได้ร่วมดื่มน้ำชากับเขา พ่อจึงคิดว่า...เจ้าลองฟังดูก่อนเถิด”

 

“ท่านพ่อเชิญกล่าว...”

 

จี้ซิงเอ๋อเอนกายเข้าไปนั่งข้าง ๆ บิดา มือทั้งสองข้างเท้าคางเอาไว้แล้วฟังอย่างตั้งใจ

 

“เจ้าสวีเสี่ยวเสียนผู้นั้นแม้จะเป็นโรคประสาทและมิอาจรักษาให้หายได้ ทว่าดูจากตอนนี้เหมือนว่าคงมิถึงตาย หากคดีนี้ยังมิอาจคลี่คลายได้ เจ้าหน้าที่ตรวจการโจวก็คงจะออกหนังสือปลดพ่อออกจากตำแหน่ง คาดว่าตำแหน่งนายอำเภอของพ่อคงจะถึงจุดจบแล้ว”

 

จี้ซิงเอ๋ออ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง นางคาดมิถึงว่าเรื่องจะรุนแรงถึงเพียงนี้ ดวงตาของนางสั่นคลอน “หรือว่า...คืนนี้จะให้ลูกย่องไปสังหารเจ้าหน้าที่ตรวจการผู้นั้นเสีย ! ”

 

“ไร้สาระ...เจ้าจงหุบปากเสีย ! ”

 

จี้ซิงเอ๋อหดศีรษะกลับมาแล้วหุบปากลงอย่างน้อยอกน้อยใจ ก่อนจะได้ยินบิดาเอ่ยขึ้นมาอีกว่า “การที่พ่อต้องสูญเสียตำแหน่งนี้ไป นั่นหมายความว่าพ่อมิสามารถรักษาร้านหนังสือซานเว่ยและบรรดาที่นาที่เจ้าซื้อเอาไว้ได้แล้ว เพียงเจ้าหน้าที่ตรวจการโจวใช้อุบายเล็กน้อยก็สามารถทำให้ร้านหนังสือซานเว่ยของเจ้าปิดกิจการได้ทันที บัดนี้แม่ของเจ้าเดินทางไกลยังมิกลับมา หากพวกเราไร้แหล่งรายได้อื่น พวกเราจะใช้ชีวิตต่อไปเยี่ยงไรในเหลียงโจว ? ”

 

“กลวิธีของขุนนางนั้นโหดร้ายเป็นอย่างมาก พ่อคาดว่าเขาจะทำเรื่องเลวร้ายออกมาเป็นแน่ ท้ายที่สุดแล้วคาดว่ามีความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวซึ่งนั่นก็คือ ให้เจ้าแต่งงานกับบุตรชายของเขา จวนเราจึงจะพ้นจากพิบัติครานี้”

 

“บุตรชายของเขาจะเดินทางมาถึงเขตเหลียงอี้ในวันพรุ่งนี้ พ่อได้คิดอย่างถี่ถ้วนแล้วว่ามีเพียงการจัดงานหมั้นหมายของเจ้าให้เสร็จสิ้นเท่านั้น เขาถึงจะมิมีโอกาส”

 

“สวีเสี่ยวเสียน...แม้เขาจะมีอาการป่วย ทว่าหากเทียบกับบุตรชายของผู้ตรวจการโจวแล้ว พ่อคิดว่าเขาดีกว่ามากนัก ดังนั้นพ่อจึงคิดว่าจะมอบสัญญาหมั้นหมายนี้คืนให้แก่สวีเสี่ยวเสียน หลังจากนั้นพวกเจ้าทั้งสองคนก็จะกลายเป็นคู่หมั้นหมายกันอย่างถูกต้องดังเดิม เจ้าคิดเห็นเป็นเช่นไร ? ”

 

หัวใจของจี้เยวี่ยเอ๋อเต้นโครมครามขึ้นมาทันใด นี่...สัญญาหมั้นหมายเพิ่งจะถอนคืนกลับมาได้มินานก็ต้องส่งคืนกลับไปอีกครา มันมิน่าอายเกินไปหรือ ?

 

“เขา...เขามีท่าทีเยี่ยงไรเจ้าคะ ? ”

 

“เขา...พวกเรามิต้องไปสนใจท่าทีของเขาหรอก”

 

จี้เยวี่ยเอ๋อรู้สึกสับสนขึ้นมาทันใดเมื่อได้ยินประโยคนี้ นางรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป “เขามิยอมรับหนังสือสมรสคืนเยี่ยงนั้นหรือเจ้าคะ ? ”

 

“เอ่อ...ลูกพ่อ สมองของเขามิปกติ พวกเจ้าก็ใช่ว่าจะเคยพบกับเขามาก่อน เขาจึงมิรู้ว่าเจ้านั้นดีเพียงใด”

 

จี้เยวี่ยเอ๋อจึงลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยว่า “วันพรุ่งนี้เขาจะทำการสอบปากคำศพเพื่อไขคดีมิใช่หรือ ? หากว่าเขาสามารถคลี่คลายคดีได้สำเร็จ เจ้าหน้าที่ตรวจการโจวก็มิอาจแตะต้องท่านพ่อได้ ลูกคิดว่าควรรอให้ถึงวันพรุ่งนี้ก่อนเถิด หากเขาคลี่คลายคดีเสร็จแล้วค่อยว่ากันอีกครา อีกอย่าง...”

 

นางมองไปทางจี้ซิงเอ๋อ “ต่อให้สวีเสี่ยวเสียนมิอาจไขคดีได้ ข้ายังมีน้องสาวอีกคนมิใช่หรือ ? หากว่าบุตรชายของเจ้าหน้าที่ตรวจการโจวชื่นชอบน้องสาวของข้าขึ้นมาเล่า”

 

จี้ซิงเอ๋อโมโหจนขนลุกฟู่ราวกับลูกแมว “ท่านพี่ ข้าจะมิแต่งงานกับพวกอันธพาลไร้ความสามารถเช่นนั้นเป็นแน่ ! ”

 

“ข้าก็เช่นกัน แล้วเหตุใดถึงต้องเป็นข้าแต่มิใช่เจ้าเล่าที่ต้องแต่งงานออกไป ? ”

 

“เขาได้เอ่ยชื่อท่านพี่มาแล้วว่าจะแต่งงานกับท่านพี่ ผู้ใดใช้ให้ท่านเป็นสตรีที่งดงามและมีความสามารถมากที่สุดในเขตเหลียงอี้ของเรากันเล่า ? ”

 

“พอ ๆ พอได้แล้ว ! ” นายอำเภอจี้ทำหน้าดำคร่ำเครียด บุตรสาวฝาแฝดของเขา ตามปกติแล้วพวกนางมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ทว่าหากทะเลาะกันขึ้นมาแล้วล่ะก็ มิมีผู้ใดยอมให้ผู้ใด

 

“เอาล่ะ ๆ เอาตามที่เยวี่ยเอ๋อเอ่ยมาก็แล้วกัน หากว่าในวันพรุ่งนี้สวีเสี่ยวเสียนสามารถไขคดีได้ เรื่องนี้ก็มิต้องเอ่ยถึงอีก ทว่าหากเขามิอาจไขคดีได้ สัญญาหมั้นหมายฉบับนั้นพ่อจะต้องยัดเยียดให้แก่เขาเอง”

 

จี้จงถานลุกขึ้นยืนแล้วเดินจากไป ภายในห้องจึงเหลือเพียงสองพี่น้องที่กำลังทะเลาะกันราวกับแม่ไก่สองตัวที่กำลังต่อสู้กันอยู่

 

“จี้ซิงเอ๋อ ! ข้าจะบอกเจ้าให้ว่าข้ายอมแต่งงานกับสวีเสี่ยวเสียนแล้วยกโจวเหยียนหวางผู้นั้นให้เจ้า ! ”

 

“จี้เยวี่ยเอ๋อ ! ข้าก็จะบอกกับเจ้าเช่นกันว่า ข้าจะบั่นศีรษะโจวเหยียนหวางผู้นั้นเสีย ต่อให้ข้าต้องถูกบั่นศีรษะ ข้าก็จะมิยอมแต่งงานกับเขาเป็นอันขาด ! ”

 

“ฮึ ! จี้ซิงเอ๋อ พวกเราจะได้เห็นดีกัน ! ”

 

“เหอะ...จี้เยวี่ยเอ๋อ เจ้าอย่าได้คิดจะรังแกข้า หากเจ้ารังแกข้าล่ะก็ ข้าจะแย่งสวีเสี่ยวเสียนมาจากเจ้าเสีย ! ”

 

“ผู้ใดกันที่เอ่ยว่าจะแต่งงานกับแม่ทัพผู้ไร้เทียมทานในชุดเกราะ ? เหตุใดอยู่ ๆ ถึงหันมาสนใจหนอนหนังสือได้เล่า ? ถ้าเช่นนั้นข้าจะยกสวีเสี่ยวเสียนให้เจ้าก็ได้”

 

“ฮ่า ๆ สัญญาหมั้นหมายของคนบางคน สวีเสี่ยวเสียนยังมิอยากจะรับไว้เลย แล้วจะทำอวดเก่งเพื่ออันใดกัน ? ”

 

“เจ้า... ! ”

 

“ข้าทำไม ? ข้าใหญ่กว่าเจ้า ! ” จี้ซิงเอ๋อยกแขนสองข้างขึ้นกอดอกพลางยืดหน้าอกของนางด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง จี้เยวี่ยเอ๋อรู้สึกโมโหจนต้องกัดฟันกรอด “ข้าจะต้องหลอกให้สวีเสี่ยวเสียนแต่งงานกับข้าให้ได้ ข้าอยากจะเห็นเสียจริงว่า เจ้าจะสามารถชนะข้าด้วยเจ้านั่นทั้งสองข้างได้หรือไม่ ? ”

 

......

 

......

 

ข่าวที่สวีเสี่ยวเสียนพยายามจะไขคดีในคืนวันพรุ่งนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งเขตเหลียงอี้

 

เจ้าหน้าที่ทางการได้เผยแพร่วิธีการเรียกวิญญาณของเขาออกไปราวกับเรื่องลึกลับ ทว่าผู้คนส่วนมากกลับดูถูกเหยียดหยามเขา

 

บนหอต้านสุ่ย ซูผิงอันส่ายศีรษะและหัวเราะออกมาว่า “ท่านจู...ท่านเชื่อเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ ? ท่านอย่าลืมสิว่าสวีเสี่ยวเสียนเป็นเพียงคนบ้า ! ”

 

โจวรั่วหลานยกมือขึ้นปิดปากแล้วหัวเราะเบา ๆ พลางเอ่ยออกมาว่า “จะว่าไปเจ้าสวี่เสี่ยวเสียนก็น่าสนใจมากยิ่งนัก บรรดาขุนนางในศาลาว่าการล้วนพากันเชื่อ ทั้งยังทำให้หยางหยวนเหว่ยต้องแบกโลงศพไปวางที่ศาลาว่าการ คืนพรุ่งนี้พวกเราจะเดินทางไปดูหรือไม่ ? ”

 

“แน่นอนว่าต้องเดินทางไปดูสิ ข้าล่ะสงสัยเสียจริงว่าสวีเสี่ยวเสียนจะจัดการกับสถานการณ์นี้เยี่ยงไร ? ”

 

จูจ้งจี๋ถอนหายใจยาวออกมา “ข้าหวังว่าสวีเสี่ยวเสียนจะสามารถไขคดีนี้ได้จริง ๆ ข้าได้ยินท่านพ่อเอ่ยว่า โจวจั้วบุตรชายของเจ้าหน้าที่ตรวจการโจวที่มีฉายาว่าโจวเหยียนหวางจะเดินทางมาถึงเขตเหลียงอี้ของเราในวันรุ่งขึ้น เอ่ยว่าเขาถูกชะตากับจี้เยวี่ยเอ๋อ เฮ้อ...ข้ายอมให้เยวี่ยเอ๋อแต่งงานกับสวีเสี่ยวเสียนดีกว่าต้องแต่งงานกับโจวเหยียนหวางผู้นั้น”

 

“นี่มันกองเพลิงชัด ๆ ! ”

 

“แล้วสวีเสี่ยวเสียนมิใช่กองเพลิงหรอกหรือ ? ”

 

“...อย่างน้อยก็กองเล็กกว่าโจวเหยียนหวาง ! ”

รีวิวผู้อ่าน