px

เรื่อง : นายน้อยเจ้าสำราญ : คนบ้าแห่งต้าเฉิน (นิยายแปล) ปลดล๊อคตอนฟรี 3 วัน 1 ตอน
ตอนที่ 30 จือรุ่ยผู้ดุร้าย


ตอนที่ 30 จือรุ่ยผู้ดุร้าย

        

ณ ศาลาว่าการเหลียงอี้

 

นายอำเภอจี้กำลังจัดเตรียมสิ่งของตามที่สวีเสี่ยวเสียนกำชับเขาเอาไว้เมื่อวาน แม้ว่าเขาจะมิเข้าใจเท่าใดนัก ทว่าบัดนี้ก็มิมีวิธีอื่นใดอีกแล้ว แม้มิมีความหวังก็ยังดีกว่ามิลองดูเลย

 

เจ้าหน้าที่ตรวจการโจวนั่งยิ้มอย่างมีเลศนัยอยู่ข้าง ๆ

 

วันนี้ข้าจับหมาดำมาแล้วหนึ่งตัว คืนนี้ที่สวีเสี่ยวเสียนกำลังทำพิธี เขาจะสั่งให้คนสาดเลือดหมาดำใส่เขา ดูสิ ! ว่าพิธีจะยังศักดิ์สิทธิ์อยู่อีกหรือไม่ เขาจะสามารถอัญเชิญวิญญาณได้จริง ๆ หรือ !

 

หากเขามิอาจอัญเชิญวิญญาณมาได้ก็มิสามารถไขคดีได้แล้วเช่นกัน

 

และหากว่าเขามิอาจไขคดีได้ จี้เยวี่ยเอ๋อก็จะกลายเป็นสะใภ้ของข้า ว่าแต่...บัดนี้บุตรชายของข้าควรจะเดินทางมาถึงเขตเหลียงอี้เเล้วนี่ เหตุใดถึงมิมีข่าวคราวเลยเล่า ?

 

ทันใดนั้น ที่ด้านนอกศาลาว่าการก็มีเจ้าหน้าที่โวยวายขึ้นมาว่า “ศาลาว่าการแห่งนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ พวกเจ้าเป็นผู้ใด ? หยุด... หยุดก่อน ! ”

 

“ปึง... ! ”

 

ม้าชราชนเจ้าหน้าที่คนนั้นจนล้มลงไปบนพื้น หลายฝูจึงบังคับม้าให้หยุดลง จากนั้นก็วิ่งเข้าไปในศาลาว่าการอย่างรวดเร็ว ก่อนจะตะโกนเสียงดังว่า

 

“ท่านนายอำเภอขอรับ... ! ”

 

นายอำเภอจี้ชะงักงัน จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นไปมอง เขาขมวดคิ้วนึกอยู่ในใจว่า...นี่มันบ่าวรับใช้จวนสวีมิใช่หรือ ?

 

“ท่าทางตื่นตระหนกเช่นนี้มีเรื่องอันใดกัน ? ”

 

หลายฝูรีบคุกเข่าลงกับพื้นทันใด “ท่านนายอำเภอขอรับ คุณชายของข้าจับพวกอันธพาลชั่วร้ายได้ที่หอต้านสุ่ย พวกเขาทำพฤติกรรมน่ารังเกียจกลางวันแสก ๆ คุณชายของข้าจึงจับกุมพวกเขาเอาไว้อย่างสง่างาม ท่านโปรดส่งเจ้าหน้าที่ไปนำตัวเหล่าอันธพาลกลับมาสอบปากคำด้วยเถิดขอรับ ! ”

 

นายอำเภอจี้กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เจ้าสวีฝานจืออยู่เฉย ๆ บ้างมิได้หรือเยี่ยงไร ?

 

กลุ่มอันธพาลเยี่ยงนั้นหรือ ?

 

ระบบการปกครองในเขตเหลียงอี้ของข้า ย่ำแย่ถึงเพียงนั้นเชียวหรือ ?

 

นี่จะมิทำให้เจ้าหน้าที่ตรวจการโจวหัวเราะเยาะเอาหรอกหรือ ?

 

และแล้วก็เป็นจริงดังนั้น เจ้าหน้าที่ตรวจการโจวหัวเราะขึ้นมาทันใด จากนั้นก็เอ่ยอย่างเจ้าเล่ห์ว่า “ไอหยา...มองดูแล้วปัญหาที่เกิดขึ้นในเมืองเหลียงอี้คงจะมีมากมายเลยทีเดียว เหล่าอันธพาลกล้าทำตัวเกเรตั้งแต่กลางวันแสก ๆ อีกทั้งยังทำต่อหน้าสาธารณชน นายอำเภอจี้ ท่านปกครองได้ดีจริง ๆ แล้วหรือ ? คดีนี้ข้าคงต้องเพิ่มลงไปในบัญชีของท่าน คงมิมากเกินไปใช่หรือไม่ ? ”

 

“ฮึ...” นายอำเภอจี้ได้แต่เก็บความคับแค้นใจเอาไว้ เขาจ้องมองไปที่หลายฝูด้วยความมิพอใจเป็นอย่างยิ่ง “รู้หรือไม่ว่าอันธพาลผู้นั้นเป็นใคร ? ”

 

“ท่านนายอำเภอขอรับ ชายผู้นั้นเหมือนจะมีฉายาว่าโจวเหยียนหวาง...โจวจั้วขอรับ”

 

“......”

 

นายอำเภอจี้อ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็หันศีรษะไปมองเจ้าหน้าที่ตรวจการโจวก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดัง

 

เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจการโจวได้ยินดังนั้นก็ตกตะลึงขึ้นมาทันใด ว่าเยี่ยงไรนะ ? เป็นไปมิได้ !

 

ทุกคราที่โจวจั้วออกเดินทาง เขาก็มักจะพาลูกน้องติดตามไปด้วยเพื่อป้องกันตัว การเดินทางมาเขตเหลียงอี้ในครานี้ แน่นอนว่าเขาจะต้องพาผู้ติดตามมาด้วยมากกว่าปกติ เหตุใดถึงถูกคุณชายนั่นจับกุมได้อย่างง่ายดายเล่า ?

 

เขารีบดีดตัวลุกขึ้นยืนทันใด จ้องมองไปทางหลายฝูที่คุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยท่าทีโมโห “คุณชายของเจ้าคือผู้ใดกัน ? ”

 

“คุณชายของข้าน้อยคือ...สวีเสี่ยวเสียนขอรับ ! ”

 

เจ้าหน้าที่ตรวจการโจวตกตะลึงทันพลัน เจ้าบ้านั่นน่ะหรือ ? !

 

“เขาทำอันใดบุตรชายของข้า ? ”

 

“ก็มิได้ทำอันใดขอรับ ตอนที่ข้าน้อยเดินทางออกมานั้น โจวเหยียนหวางถูกคุณชายกุมตัวเอาไว้ หลังจากนั้นหากจะเกิดอันใดขึ้น ก็คงต้องดูว่าโจวเหยียนหวางให้ความร่วมมือมากน้อยเพียงใด เนื่องจากคุณชายของข้าเป็นบัณฑิต มีจิตใจที่อ่อนโยน เพียงแต่เกรงว่าโรคประสาทของเขาจะถูกกระตุ้นออกมา หากเป็นเช่นนั้นข้าน้อยก็มิรู้ว่าจะเกิดอันใดขึ้นแล้ว”

 

เจ้าหน้าที่ตรวจการโจวทำหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันใด “นายอำเภอจี้ คดีนี้ช่างน่าสงสัยมากยิ่งนัก ข้าขอสั่งให้ท่านรีบส่งคน ออกไปกุมตัวทั้งสองฝ่ายกลับมาสอบปากคำที่ศาลาว่าการโดยด่วน ! ”

 

นายอำเภอจี้ยกขาข้างหนึ่งขึ้นไขว่ห้าง เขาลูบไปที่เครายาวของตนก่อนจะเอ่ยออกมาเบา ๆ ว่า “ท่านเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจการ มิมีอำนาจสั่งการนายอำเภอเยี่ยงข้า”

 

เขายกถ้วยชาขึ้นมาจิบ โดยมิได้เงยหน้ามองเจ้าหน้าที่ตรวจการโจวที่บัดนี้โมโหจนแทบจะกลืนกินคนได้อยู่แล้ว

 

“สวีเสี่ยวเสียนเป็นโรคประสาท หมอเทวดาเป็นผู้วินิจฉัยและให้การตัดสินด้วยตนเอง จริงสิ ! ข้าลืมเล่าเรื่องหนึ่งให้ท่านฟัง ที่จวนของเขานั้นเคยมีบ่าวเจ้าเล่ห์อยู่คนหนึ่ง บ่าวผู้นั้นรังแกเขาเนิ่นนานถึง 14 ปี 14 ปีเชียว ! ท่านรู้หรือไม่ว่ามันยาวนานเท่าใด ! ”

 

“ทว่าเมื่อวันที่สามเดือนสามของปีนี้ อาการของสวีเสี่ยวเสียนกำเริบขึ้น หากมิใช่เพราะข้าเดินทางไปได้ทันเวลา คาดว่าสวีเสี่ยวเสียนคงจะทุบตีบ่าวผู้นั้นจนตายไปแล้ว”

 

“จากกฎหมายที่บันทึกเอาไว้ แม้ว่าผู้ที่เป็นโรคประสาทจะฆ่าผู้อื่นตาย เขาก็จะมิได้รับโทษแต่อย่างใด โทษของเขาทั้งหมดผู้ดูแลจะต้องรับแทน และเขาผู้นี้คือผู้ดูแลของสวีเสี่ยวเสียน”

 

“ข้ากำลังคิดว่า หากสวีเสี่ยวเสียนฆ่าคุณชายโจว บุตรชายของท่านแล้วล่ะก็...” เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ นายอำเภอจี้ก็จ้องมองไปยังเจ้าหน้าที่ตรวจการโจวอย่างลึกซึ้งด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป ก่อนจะโน้มตัวเข้าไปกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหูว่า “สวีเสี่ยวเสียนเป็นเด็กกำพร้า แต่ก็มิใช่ว่าทุกคนจะสามารถรังแกเขาได้ บิดาของเขาคือคุณชายหยุนโหลว คาดว่าท่านก็คงเคยได้ยินชื่อเสียงมาบ้าง ! ”

 

ผู้ตรวจการโจวตกตะลึงขึ้นมาทันใด “ว่าเยี่ยงไรนะ ? สวีเสี่ยวเสียนคือบุตรชายของสวีหยุนโหลวเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

 

นายอำเภอจี้ลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ “ในเขตเหลียงอี้นี้...เคยเป็นที่ซ่อนของมังกรและพยัคฆ์มาก่อน”

 

“เจ้าหน้าที่ รีบเดินทางไปจับกุมผู้ร้ายที่หอต้านสุ่ย ช้าก่อน...ข้าไปด้วย ! ”

 

นายอำเภอจี้ก้าวขาเดินออกไป เจ้าหน้าที่ตรวจการโจวครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็เอ่ยออกมาว่า “ช้าก่อน...ข้าไปด้วย ! ”

 

......

 

......

 

ณ หอต้านสุ่ย

 

ที่ก้นของโจวจั้วยังคงเปียกชุ่มไปด้วยเลือดและมีมีดปักคาอยู่ !

 

มันช่างน่ากลัวมากยิ่งนัก !

 

เขาร้องห่มร้องไห้ออกมาเสียงดัง เขาเป็นคุณชายที่เอาแต่ใจตนเองมาตลอดสิบหกปี ทว่าเรื่องเช่นนี้เขาเพิ่งจะเคยพบเป็นคราแรก

 

เจ็บ... ช่างเจ็บเหลือเกิน ! ถึงเยี่ยงไรเขาก็มีอายุเพียงแค่ 16 ปี นับว่ายังเยาว์อยู่

 

ก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเขาที่ทำร้ายรังแกผู้อื่น บัดนี้ตนกลับถูกทำร้ายเสียเอง เขาเพิ่งจะรู้ว่าความเจ็บปวดนั้นเป็นเยี่ยงไร

 

บรรดาลูกน้องของเขาก็ถูกจับมัดเอาไว้ทั้งหมดแล้ว มิมีผู้ใดเข้ามาช่วยเขาได้เลยสักคนเดียว

 

มือข้างหนึ่งของเขาจับไปที่มีด รู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงโลหิตสีแดงสดที่กำลังไหลออกมาจนเปียกชุ่ม

 

เขารู้สึกว่าตนเองกำลังจะตายแล้ว “ท่านพ่อ... ท่านพ่อ...ช่วยข้าด้วย ! ”

 

จือรุ่ยวิ่งเข้าไปหาสวีเสี่ยวเสียน “คุณชาย คุณชายเจ้าคะ... ! ” นางเขย่าร่างของสวีเสี่ยวเสียน ทันใดนั้นนางก็ร้องตะโกนออกมาเสียงดังว่า “หลายฝู หลายฝู คุณชายตายแล้ว... ! ”

 

น้ำเสียงอันแสบแก้วหูของจือรุ่ยทำให้ทุกคนสะดุ้งโหยง จางหวนกงรีบเดินเข้าไปนั่งยอง ๆ พลางยื่นมือไปจับชีพจรบริเวณข้อมือของสวีเสี่ยวเสียน

 

แม้ชีพจรจะมิเต้นแรงมาก ทว่าก็ยังเต้นอยู่นี่ เขามิได้ตายสักหน่อย

 

โจวจั้วหัวเราะออกมาเสียงดัง เขาทั้งหัวเราะและร้องไห้ในเวลาเดียวกัน “อ้าก ! ฮ่า ๆ ๆ... เจ้าสุนัข เจ้าแทงข้าหนึ่งครา ข้ามิตายแต่กลับเป็นเจ้าที่ตกตายไปทั้งอย่างนั้น ฮ่า ๆ ๆ อ้าก... ! ”

 

สวีเสี่ยวเสียนลืมตาขึ้นมาช้า ๆ จากนั้นก็ลุกขึ้นจากพื้น

 

การแสดงละครฉากนี้น่าจะเพียงพอแล้ว บัดนี้เขามีคนมากพอที่จะเป็นพยานให้แก่ตนได้แล้ว เขาใช้สายตาอันโหดเหี้ยมจ้องมองไปที่โจวจั้ว ทันใดนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าของโจวจั้วก็หุบลงทันใด ราวกับว่าเห็นผีอย่างไรอย่างนั้น “เจ้า เจ้า เจ้ายังมิตายเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

 

“ตายอันใดกัน ! เจ้าอันธพาล ข้าจะจัดการเจ้าด้วยน้ำมือของข้าเอง ! ”

 

เมื่อจือรุ่ยได้ยินดังนั้นก็กระสับกระส่ายทันที คุณชายจะก่อคดีฆาตกรรมมิได้ มิเช่นนั้นฉายาเจ้าบ้าก็คงมิอาจลบเลือนไปได้ชั่วชีวิต

 

หากจะฆ่าคน นางจะเป็นคนลงมือให้เอง !

 

การฆ่าคนคล้ายกับการฆ่าไก่หรือไม่ !

 

จือรุ่ยทำสีหน้าเคร่งขรึม สายตาของนางเย็นชาลง เลือดสูบฉีดขึ้นไปที่สมอง ทันใดนั้นนางก็ลุกขึ้นยืนแล้วตรงเข้าไปทางโจวจั้ว

 

นางเอื้อมมือเข้าไปจับด้ามมีดที่ปักอยู่ตรงก้นของโจวจั้ว จากนั้นก็ดึงออกมา... “อ๊าก ! ! ! ” โจวจั้วร้องโหยหวนออกมาด้วยความเจ็บปวดราวกับใจจะขาด

 

เขาจ้องมองไปทางจือรุ่ยราวกับเห็นพญามัจจุราชอย่างไรอย่างนั้น จือรุ่ยใช้มือทั้งสองข้างจับด้ามมีดเอาไว้ จากนั้นก็ยกขึ้นสุดแรง ใบหน้าของนางในตอนนี้เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น

 

จือรุ่ยหลับตาลงช้า ๆ จากนั้นก็คำรามออกมาเสียงดังลั่น “อ๊าก... ! ”

 

โจวจั้วก้าวขาวิ่งหนีไปทันที สวีเสี่ยวเสียนที่วิ่งเข้ามา บังเอิญชนเข้ากับจือรุ่ย จึงทำให้มีดเล่มนั้นข่วนไปที่หลังของโจวจั้วพอดิบพอดี กลิ่นเหม็นโชยมาแต่ไกล โจวจั้ววิ่งไปทางประตูใหญ่ของหอต้านสุ่ยอย่างทุลักทุเล

 

จือรุ่ยถูกสวีเสี่ยวเสียนชนจนล้มลงไปกับพื้น และมีดเล่มนั้นก็ร่วงลงสู่พื้นเช่นกัน

 

นายอำเภอจี้และผู้ตรวจการโจวเดินทางมาถึงหอต้านสุ่ยพอดี พวกเขาบังเอิญเห็นฉากที่โจวจั้วคลานขึ้นมาจากพื้นด้วยสภาพกางเกงเปียกฉี่

 

ในที่สุดโจวจั้วก็เหมือนกับเห็นแสงสว่างชี้ทางรอด เขาเอื้อมมือข้างหนึ่งออกไปแล้วเอ่ยว่า “ท่านพ่อ ! ...ช่วย ช่วยข้าด้วย เจ้าพวกนี้ ! เจ้าพวกนี้มันเป็นบ้าไปแล้ว ! ”

 

รีวิวผู้อ่าน