px

เรื่อง : นายน้อยเจ้าสำราญ : คนบ้าแห่งต้าเฉิน (นิยายแปล) ปลดล๊อคตอนฟรี 3 วัน 1 ตอน
ตอนที่ 39 มิพบ


ตอนที่ 39 มิพบ

 

สวีเสี่ยวเสียนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ในศาลาริมน้ำเซียนหยุนรู้สึกคันหูขึ้นมาเล็กน้อย

 

เขาเกาเบา ๆ พบว่ามันยังร้อนอยู่มาก ผู้ใดกำลังนึกถึงข้าอยู่กัน ?

 

ก็แค่ไขคดีเพียงเรื่องเดียวมิใช่หรือ ?

 

สวีเสี่ยวเสียนมิได้คิดเลยว่าบทกวี ‘พิณทอง’ ของเขาจะถูกจี้เยวี่ยเอ๋อเข้าใจผิดคิดเข้าข้างตนเองไปแล้ว กวีบทนั้นเขาประพันธ์ให้กับอดีตภรรยา... ไม่ ! นี่ถือว่าเป็นอดีตภรรยาอยู่หรือไม่ ?

 

จี้เยวี่ยเอ๋อที่นั่งอยู่ภายในรถม้าซึ่งกำลังจะเดินทางไปยังจวนสวี ทันใดนั้นนางก็ตระหนักขึ้นมาได้ว่า การที่อยู่ ๆ ไปเยือนถึงหน้าประตูจวน ค่อนข้างน่าอายโดยแท้จริง ถึงเยี่ยงไรสัญญาหมั้นหมายฉบับนั้นก็ได้นำกลับคืนมาแล้ว เอ่ยได้ว่าระหว่างทั้งสองมิมีอันใดเกี่ยวข้องกันแล้ว

 

“จื่อเอ๋อ ประเดี๋ยว...ประเดี๋ยวเจ้าจงตามท่านอาจารย์และท่านหมอเทวดาฮัวไปพบคนผู้นั้นนะ”

 

จื่อเอ๋อชะงักงัน “คุณหนูมิเข้าไปดูสักหน่อยหรือเจ้าคะ ? ”

 

จี้เยวี่ยเอ๋อหน้าแดงเรื่อขึ้นมาทันใด นางก้มหน้าหลบแล้วเอ่ยพึมพำว่า “ข้า...ข้ามิขอพบหน้าเขาก่อนจะดีกว่า”

 

จื่อเอ๋อพยักหน้า พลางจ้องมองเจ้านาย เช่นนั้นประเดี๋ยวต้องสำรวจสวีเสี่ยวเสียนผู้นั้นโดยละเอียดเพื่อคุณหนู

 

สวีเสี่ยวเสียนมิได้อ่านหนังสือ เพราะเขากำลังขายสูตรอาหารอีกสองสูตรให้แก่เถาสี ซึ่งหนึ่งสูตรราคา 300 ตำลึง บัดนี้ในกระเป๋าของเขามีเงินอยู่ 800 ตำลึงด้วยกัน ถือเป็นเงินก้อนใหญ่เลยทีเดียว มิใช่เรื่องดีที่จะนำเงินเก็บไว้ในกระเป๋า จำต้องรีบใช้ให้เร็วที่สุด

 

ซื้อที่ดิน เป็นเจ้าของที่ นี่คือปณิธานเพียงหนึ่งเดียวในขณะนี้ของสวีเสี่ยวเสียนที่มิได้เปลี่ยนไป

 

ในช่วงหลายวันมานี้เขามิสามารถออกไปด้านนอกได้ ความนิยมของเขายังสูงจนเกินไป เมื่อจือรุ่ยและหลายฝูกลับมา ใบหน้าของพวกเขาต่างก็เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ !

 

พวกเขาเอ่ยว่าคนทั้งเมืองต่างก็เอ่ยถึงนามของเขา... เขามิชอบเอาเสียเลย ดังนั้นเรื่องยุ่งยากนี้จึงค่อนข้างน่ารำคาญ เขามิอยากเดินอยู่บนท้องถนนแล้วถูกผู้คนจ้องมอง ทั้งยังยื่นนิ้วชี้มาราวกับเป็นลิงก็มิปาน

 

จำต้องทำให้เรื่องนี้เงียบลง

 

ซึ่งวิธีการที่จะทำให้เรื่องนี้เงียบลงนั้นง่ายดายเป็นอย่างมาก...ก็คือมิออกจากเรือนเลย !

 

ความจำของคนทั่วไปนั้นมีจำกัด มินานพวกเขาก็จะถูกเรื่องราวในชีวิตประจำวันทำให้ลืมหัวข้อสนทนานี้ไป

 

แน่นอนว่า...การที่มิออกจากเรือนยังมีอีกหนึ่งเหตุผล เพราะว่าเจ้าสุนัขโจวเหยียนหวางยังมิจากไป !

 

แม้ว่าจางหวนกงจะตบอกรับประกัน ทว่าเขาก็มิอาจปกป้องตนได้ทุกเมื่อ หากเขาออกไปแล้วถูกสุนัขรับใช้ของโจวเหยียนหวางใช้กระสอบคลุมแล้วลากไปนอกชานเมือง จากนั้นก็รุมตีจนตาย เมื่อเป็นเช่นนั้นจะไปหาผู้ใดมาโต้แย้งได้กัน ?

 

กระบองไฟฟ้ามิสามารถทำได้ทุกอย่าง ที่สำคัญมันเหลือแบตเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น แล้วเขาจะสามารถไปชาร์จแบตที่ใดได้อีกกัน ?

 

ทว่าเมื่อพักอยู่ในเรือน

 

อย่างน้อยก็ยังมีฉางเหว่ยคอยช่วยเหลือ

 

ให้ฉางเหว่ยประจำอยู่ที่เรือนด้านหน้า ต้องทำเช่นนี้เท่านั้นเรือนหลักถึงจะปลอดภัย

 

เมื่อคิดได้ดังนั้น สวีเสี่ยวเสียนจึงเดินไปยังเรือนด้านหน้า จากนั้นเขาก็เห็นจือรุ่ยที่สวมชุดกระโปรงสีเหลืองห่านนั่งปักผ้าอยู่ใต้เงาต้นไม้ วันนั้นนางยอมสละชีวิตของตนเพื่อช่วยเหลือเขา เรื่องนี้ทำให้สวีเสี่ยวเสียนซาบซึ้งเป็นอย่างมาก นี่ต่างหากถึงจะเป็นคนรู้ใจ ภายภาคหน้าคงต้องให้จือรุ่ยและหลายฝูอยู่ข้างกายตลอดเวลา

 

ทว่าความจงรักภักดีของหลายฝูจำต้องทำการทดสอบ คราหน้าหากมีอันตราย เขาจะให้หลายฝูนำหน้าไปก่อน !

 

เขาหยุดยืนอยู่ใต้เงาต้นไม้ จือรุ่ยเงยหน้ามองคุณชาย ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเคารพ

 

“เชิญคุณชายนั่งเถิดเจ้าค่ะ”

 

“ข้านั่งจนปวดก้นไปหมดแล้ว ยืนดีกว่า”

 

“โอ้...” จือรุ่ยจึงลุกขึ้นยืนเป็นเพื่อนคุณชาย คุณชายสวมชุดสีขาว จือรุ่ยสำรวจคุณชายผู้หล่อเหลา แต่แล้วสายตาของนางก็จ้องไปยังสวนดอกไม้ด้านหลังคุณชาย มีดอกไม้เบ่งบานจำนวนมาก ท่ามกลางหมู่มวลดอกไม้มีผีเสื้ออยู่สองตัว

 

ผีเสื้อสีขาวหนึ่งตัวและผีเสื้อสีเหลืองอีกหนึ่งตัว

 

จือรุ่ยก้มหน้ามองชุดกระโปรงสีเหลืองห่านของตนเอง จากนั้นก็หันไปมองชุดสีขาวของคุณชายอีกครา ที่คุณชายให้ตนสวมชุดกระโปรงสีเหลืองหรือว่า...จะมีความหมายซ่อนอยู่กัน ?

 

ไอหยา...เหตุใดผีเสื้อสีเหลืองจึงร่อนลงบนหลังของผีเสื้อสีขาวกัน ?

 

ใบหน้าของจือรุ่ยแดงเรื่อขึ้นมาทันใด สองมือกำชายเสื้อเอาไว้แน่น สีหน้าท่าทางของนางดูมิค่อยเป็นธรรมชาติเท่าใดนัก

 

สวีเสี่ยวเสียนมิได้สนใจ เขามองไปยังกำแพงเรือน กำแพงเรือนด้านนั้นเป็นของเพื่อนบ้าน คาดมิถึงว่าจะมีกิ่งของต้นซิ่งยื่นข้ามกำแพงมายังฝั่งของตน บนต้นมีดอกสีแดงจำนวนมากซึ่งใกล้จะบานสะพรั่งเต็มทีแล้ว

 

“จือรุ่ย”

 

“เจ้าคะ”

 

“จวนข้าง ๆ นี้...มิมีผู้ใดอยู่เลยหรือ ? ”

 

“อืม...เดิมทีผู้ที่อาศัยอยู่จวนข้าง ๆ นี้คือคหบดีเฉียน เขาย้ายไปเมืองเหลียงโจวเมื่อสองปีก่อนแล้วเจ้าค่ะ”

 

“ไอหยา...เขามิได้ขายเรือนเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

 

“ติดประกาศไว้ที่พ่อค้านายหน้าเจ้าค่ะ เพราะราคานั้นแพงหูฉี่ ได้ยินว่าขายในราคา 500 ตำลึง เกรงว่าจนถึงวันนี้ก็ยังมิมีผู้ใดซื้อไปเจ้าค่ะ”

 

สวีเสี่ยวเสียนมิได้ให้ความสนใจกับเรื่องนี้ เขามีเงิน 800 ตำลึง ทว่าเขามิได้ต้องการจะซื้อเรือน เขาต้องการจะซื้อที่ดิน

 

เรือนหลังนี้ก็กว้างขวางมากพอแล้ว ซื้อที่ดินมาถือครองไว้ย่อมคุ้มค่ากว่ามากโข เพราะสุดท้ายก็ยังสามารถมีรายได้จากการปล่อยเช่า

 

“มื้อค่ำวันนี้พวกเราจะทาน...ไก่ยัดไส้”

 

ดวงตาของจือรุ่ยเป็นประกายขึ้นมาทันใด “หมายถึงไก่ยัดไส้ที่ขายสูตรให้กับหลงจู๊เถาใช่หรือไม่เจ้าคะ ? ”

 

“ใช่ ! แล้วหลายฝูเล่า ? ”

 

“คุณชายให้หลายฝูไปซื้อกระดูกมาให้ฉางเหว่ยมิใช่หรือเจ้าคะ ? คาดว่าใกล้จะกลับมาแล้วล่ะเจ้าค่ะ”

 

สวีเสี่ยวเสียนเดินไปยังบ้านสุนัขที่อยู่อีกมุมของเรือน “ฉางเหว่ย ฉางเหว่ย... ! ”

 

ฉางเหว่ยลืมตาขึ้นมาอย่างเกียจคร้าน จากนั้นก็ส่งเสียงเห่าดัง “โฮ่งโฮ่ง ! ”

 

“เจ้าออกมาหาข้าประเดี๋ยวนี้ กินแล้วก็นอน นอนแล้วก็กิน เจ้าคิดว่าตนเองเป็นหมูหรือเยี่ยงไรกัน ? ”

 

ฉางเหว่ยหดหู่ใจมากยิ่งนัก ในฐานะสุนัขที่เคยใช้ชีวิตอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย เดิมทีชีวิตของข้ามีเพียงกิจกรรมออกไปพบปะตัวเมียตามรายทางด้านนอกเท่านั้น ทว่าบัดนี้เล่า ?

 

กลับถูกขังอยู่ในสถานที่ที่เล็กจ้อย ชีวิตสุนัขที่มิสามารถมีความรักได้อีกแล้ว เจ้ายังจะมาทรมานกันอีก

 

ฉางเหว่ยถูกบีบบังคับโดยอำนาจของนายน้อยผู้นี้ มันจึงทำได้เพียงเดินออกมาจากบ้านสุนัขอย่างมิเต็มใจ มันสะบัดร่างไปมา เพื่อไล่เศษหญ้าที่ติดตามตัวออก

 

“จำต้องฝึกเจ้าสุนัขขี้เกียจนี่ให้ดี มิเช่นนั้นเกรงว่าจะกลายเป็นฮัสกี้เข้าสักวัน”

 

จือรุ่ยมิรู้ว่าสิ่งใดคือฮัสกี้ แต่แล้วนางก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา นางจึงหันไปมองสวีเสี่ยวเสียน

 

สวีเสี่ยวเสียนถอนหายใจยาวออกมา พลางเอ่ยว่า “เฮ้อ...มีชื่อเสียงก็น่ารำคาญเช่นนี้แหละ บอกพวกเขาไปว่าข้ามิอยู่”

 

เอ่ยจบสวีเสี่ยวเสียนก็จูงฉางเหว่ยเข้าไปในเรือนหลัก จือรุ่ยจึงเดินไปเปิดประตู ทันใดนั้นดวงตาของนางก็เบิกโพลง หมอเทวดาฮัว !

 

โอ้...หมอเทวดาฮัวมาแล้ว !

 

“คุณชายตระกูลเจ้าอยู่ในเรือนหรือไม่ ? ” หมอเทวดาฮัวเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มนวล ใบหน้าดูมีเมตตา ในใจของจือรุ่ยจึงเกิดความสับสนขึ้นมา ดังนั้นนางจึงเอ่ยพึมพำขึ้นมาว่า “คุณชายอยู่เรือนหรือไม่นะ ? ”

 

เมื่อหมอเทวดาฮัวได้ยินเช่นนั้นก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย หรือว่าโรคประสาทจะสามารถแพร่เชื้อได้กัน ?

 

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าคุณชายของเจ้าอยู่ในเรือนหรือไม่ ? ”

 

“เอ่อ...บ่าวทราบเจ้าค่ะ เพียงแต่...เพียงแต่คุณชายของบ่าวนั้น เขา...เขาจะอยู่ในเรือนหรือไม่นั้นจะแตกต่างกันไปตามบุคคลเจ้าค่ะ”

 

จื่อเอ๋อที่ยืนมองอยู่อีกข้าง นึกเอือมระอาเล็กน้อย สาวใช้ผู้นี้เหมือนว่าจะเป็นโรคประสาทเช่นกัน

 

“ข้าเดินทางมาเพื่อตรวจคุณชายของเจ้าอีกครา เช่นนี้คุณชายของเจ้าจะอยู่ในเรือนได้หรือยัง”

 

แน่นอนว่าจือรุ่ยหวังให้หมอเทวดาฮัวตรวจอาการของคุณชายอีกครา หากคุณชายสบายดีมิเจ็บป่วยแล้ว ก็จะสามารถลบล้างชื่อเสียงฉาวโฉ่ที่คุณชายเป็นบ้าได้ทั้งหมด

 

“ท่านหมอเทวดาโหวโปรดรอสักครู่ ประเดี๋ยวบ่าวขอเข้าไปถามคุณชายก่อนนะเจ้าคะว่าเขาอยู่ในเรือนหรือไม่”

 

เมื่อจางหวนกงได้ยินเช่นนั้นก็ตกตะลึงขึ้นมาทันใด

 

จือรุ่ยหันหลังกลับแล้ววิ่งเข้าไปในเรือนอย่างรวดเร็ว ครานี้นางวิ่งอย่างสุดกำลัง นางพุ่งเข้าไปยังเรือนด้านหน้า วิ่งผ่านประตูพระจันทร์เสี้ยวเข้าไป ราวกับผีเสื้อที่กำลังถูกแมวไล่ตาม “คุณชาย คุณชายเจ้าคะ... ! ”

 

สวีเสี่ยวเสียนกำลังฝึกฉางเหว่ยให้กระโดดข้ามแม่น้ำ ได้ยินเสียงร้อนรนของจือรุ่ยดังขึ้นมา “เกิดอันใดขึ้นกัน ? ”

 

จือรุ่ยตบอกของตนเอง ดวงตาทอประกายสดใส

 

“คุณชาย หมอเทวดาฮัวมาแล้วเจ้าค่ะ ! ”

 

สวีเสี่ยวเสียนตกตะลึงขึ้นมาทันใด “มิพบ ! ”

 

“อ่า...หมอเทวดาฮัวเชียวนะเจ้าคะ เหตุใดถึงมิพบกัน ! ”

 

“...ข้าฝึกสุนัขอยู่ มิว่าง เจ้าจงออกไปเร็ว ๆ เข้า”

 

รีวิวผู้อ่าน


54 วันที่แล้ว

can you buy priligy online Uncommonly incidences of endometrial cancer and rare instances of uterine sarcoma mostly malignant mixed Mullerian tumours has been reported in association with Tamona treatment


  แสดงความคิดเห็น

397 วันที่แล้ว

propecia buy This work was supported by National Institute of Health Grants EY027193 A


  แสดงความคิดเห็น