บทที่ 42 หมอเทวดาไป๋
“คุณมาที่นี่เพื่อมาทวงสมบัติงั้นหรอ?” เหม่ยหลิน มองไปที่ เย่หลี่
เย่หลี่ ส่ายหัว “ไม่ใช่”
“หรือว่า…?” เหม่ยหลิน รู้สึกงงเล็กน้อย
“ผมจะไม่ทวงสมบัติคุณในตอนนี้แต่...” เย่หลี่ กล่าว
“ เสี่ยวฮุยต่อไปนี้ผู้หญิงคนนี้จะเป็นอาจารย์ของเธอ”
เสี่ยวฮุย ชะงัก “ พี่ใหญ่..ฉัน”
เย่หลี่ ยกมือขึ้นและหยุด เสี่ยวฮุย จากการพูดคุย
“เธอไม่เห็นด้วยหรอ” เย่หลี่ มองไปที่ เสี่ยวฮุย และพูดเบาๆ เหม่ยหลิน มองไปที่ เย่หลี่ เหมือนกับตอนที่เธอพบกับ เย่หลี่ ในครั้งแรกใครก็ตามที่ได้เห็น เย่หลี่ จะไม่มีวันลืมเขาอย่างแน่นอน มันสงบเหมือนตอนกลางคืนและดูลึกล้ำราวกับท้องทะเล
“ไม่ต้องห่วงฉันจะดูแลเธออย่างดี” เหม่ยหลินพูดขึ้น
เย่หลี่ คือผู้ช่วยชีวิตของเธอดังนั้นแน่นอนว่าเธอจะต้องเห็นด้วย
“ในอนาคตเธอจะมีชีวิตที่ดีได้ที่นี่” เย่หลี่ กล่าวกับเสี่ยวฮุย อย่างช้าๆ ดวงตาของ เสี่ยวฮุย เต็มไปด้วยน้ำตาเมื่อเธอได้ยินเรื่องนี้ แน่นอนว่าเธอทนไม่ได้ที่จะต้องแยกทางกับ เย่หลี่
“ ทำอะไรกันอยู่หรอ?” มีเสียงหนึ่งดังขึ้น เย่หลี่ มองไปทางต้นเสียงและพบชายวัยกลางคนเดินเข้ามา ชายวัยกลางคนผู้นี้มีรูปลักษณ์ที่สง่างาม มีคิ้วแหลมคมราวกับดาบ ดวงตาเหมือนกับเสือใบหน้าของเขาเป็นสีเหลืองซีด
“มนุษย์วิวัฒนาการระดับ 4” เย่หลี่ คิด
อย่างไรก็ตาม….
เย่หลี่ หรี่ตาของเขาและตระหนักว่าชายคนนี้ได้รับบาดเจ็บและบาดแผลของเขายังคงอยู่ นี่น่าจะเป็นเพราะศิลปะบำบัดของเขาทำให้เขาเห็นบาดแผลที่หลงเหลืออยู่
ชายวัยกลางคนนี้ชื่อหยุนมู่ เป็นบิดาของ หยุนหม่าน และ หยุนเฟิง รวมทั้งเป็น 1 ใน 10 ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในฐานเมืองอันหนาน
“พ่อคะ ได้เจอหมอเทวดาไป๋หรือเปล่า” หยุนหม่านกล่าวขึ้นขณะที่เธอมองไปที่ หยุนมู่
“ หมอไป๋เขาไม่ว่าง พรุ่งนี้เขาจะมาที่นี่” หยุนมู่ ตอบกลับ
ในวันนี้เนื่องจากมันดึกมากแล้วพวกเขาจึงค้างอยู่ที่ตระกูลหยุ่น ในวันรุ่งขึ้น เย่หลี่ พร้อมที่จะจากไป แต่ก่อนที่จะจากไปเขาตัดสินใจที่จะรักษาอาการบาดเจ็บบนร่างกายของ หยุนมู่ ท้ายที่สุด เสี่ยวฮุย ก็ไม่มีญาติอยู่ที่นี่ดังนั้นจึงถือได้ว่าเป็นการกระทำเพื่อเธอ
ในขณะที่เขากำลังจะพูดเขาก็ได้ยินเสียงหลายเสียงมาจากนอกประตู
“ หมอเทวดาไป๋ คราวนี้หมอที่มีชื่อเสียงในเมืองอันหนานของเรากำลังจะมารักษาผู้เฒ่าหยุน คุณคิดว่าจะสามารถรักษาเขาให้หายขาดได้หรือไม่?”
“แน่นอนว่ามันสามารถรักษาให้หายขาดได้ หมอเทวดาไป๋ เป็นหมออันดับ 1 ในฐานเมืองอันหนานนะ”
“ใช่แล้ว ไม่ว่าป่วยเป็นอะไร หมอเทวดาไป๋ ก็รักษาได้!”
หยุนมู่ รีบออกมาต้อนรับ หมอเทวดาไป๋ และประสานมือคารวะเขา
“ หมอเทวดาไป๋ คุณมาแล้ว”
หมอเทวดาไป๋ อายุประมาณ 60 ปีแล้วเขาจะเป็นเพียงมนุษย์วิวัฒนาการระดับหนึ่ง แต่สถานะของเขาในในฐานะเมืองอันหนานนี้สูงมากอยากแน่นอน นอกจากนี้ หมอเทวดาไป๋ ยังมาจากตำหนักเทพยา ซึ่งเป็นองค์กรที่ไม่มีใครกล้ายุ่งด้วย แม้แต่ผู้ ปรมาจารย์อย่าง หยุนมู่ ก็มีตำแหน่งเทียบเท่ากับหมอเทวดาไป๋
“ ผู้เฒ่าหยุน ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้” หมอเทวดาไป๋ ทักทายกลับไป
ผู้คนนับสิบคนที่ติดตามมาด้วยเป็นหมอที่มีชื่อเสียงในฐานะเมืองอันหนาน หลังจากที่ หยุนมู่ ได้เชิญพวกเขามานั่งลงพักผ่อนก่อน หมอเทวดาไป๋ ก็มองไปที่ หยุนมู่ และกล่าวว่า
“ผู้เฒ่าหยุน ฉันได้ยินมว่าคุณได้รับบาดเจ็บ และอาการยังคงซ่อนเร้นอยู่ในร่างกาย เพราะการต่อสู้กับปรมาจารย์สำนักดอกบัวขาวใช่หรือไม่?” หมอเทวดาไป๋ มองไปที่ หยุนมู่ และถามขึ้น
“ใช่แล้วอาการบาดเจ็บของฉันนั้นมาจากการต่อสู้ที่รุนแรงจริงๆ” หยุนมู่ ตอบ
“ท่านผู้เฒ่าหยุน ยื่นมือออกมาให้ข้าตรวจชีพจรของท่าน”
หยุนมู่ ยื่นมือออกมาและ หมอเทวดาไป๋ ก็รู้สึกถึงชีพจรของเขา
หมอที่มีชื่อเสียงคนอื่นๆต่างมองไปที่หมอเทวดาไป๋เพื่อต้องการฟังความคิดเห็นของเขา
“อาการบาดเจ็บของฉัน…”
ก่อนที่ หยุนมู่ จะทันพูดอะไร หมอเทวดาไป๋ ก็ขัดจังหวะ
หมอเทวดาไป๋ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ ท่านผู้เฒ่าหยุน ถึงแม้ว่าคุณจะดูแข็งแรงมากแต่ความจริงแล้วภายในนั้นบาดเจ็บหนัก”