บทที่ 44 ตรวจยีน
“พ่อคะ หายแล้วจริงๆหรอ?” หยุนหม่าน มองไปที่ หยุนมู่ และถามขึ้น
“ใช่แล้ว ตอนนี้พ่อสามารถหมุนเวียนพลังภายในของพ่อได้ ราวกับว่าเป็นปกติ” หยุนมู่ พูดด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเขาหันไปมอง เย่หลี่ และประสานมือ “ขอบคุณที่ช่วยชีวิตฉัน”
“ทุกอย่างปกติดีก็ดีแล้ว!” เย่หลี่ พูดช้าๆ
หมอทุกคนที่อยู่ในห้องโถงต่างมองหน้ากัน พวกเขาทั้งหมดสงสัยว่าบาดแผลที่ซ่อนอยู่ของปรมาจารย์หยุนนั้นหายเป็นปกติแล้วหรือ หมอเทวดาไป๋ เองก็ตกตะลึงเช่นกัน จากประสบการณ์หลายสิบปีใน ฐานเมืองอันหนาน เขาไม่เคยเห็นใครรักษาโรคแบบนี้มาก่อน เขาไม่อยากจะเชื่อ และก็จะไม่เชื่อแน่นอนหากไม่ได้ตรวจด้วยตัวเอง
“ท่านผู้เฒ่าหยุน ขอให้ชายชราผู้นี้ตรวจดูชีพจรอีกครั้งได้หรือไม่?” หมอเทวดาไป๋ มองไปที่ หยุนมู่ และถามขึ้น หยุนมู่ นั้นเป็น 1 ใน 10 ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในฐานะเมืองอันหนาน ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าหมอเทวดาไป๋กำลังคิดอะไรอยู่”
“ท่านหมอเชิญตรวจดูเถิด”
หยุนมู่ ยื่นมือออกมา เขาคิดว่าถ้าเขาไม่ให้ หมอเทวดาไป๋ ได้จับชีพจร หมอเทวดาไป๋ อาจจะไม่เชื่อ
หลังจากนั้น หมอเทวดาไป๋ ก็เริ่มตรวจชีพจรของ หยุนมู่ มีหมอมากกว่า 1 โหลกำลังจ้องมองไปที่หมอเทวดาไป๋ โดยธรรมชาติแล้วพวกเขาไม่เชื่อทักษะการแพทย์ของ เย่หลี่ จะยอดเยี่ยมขนาดนั้น ในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีเขารักษาอาการบาดเจ็บที่ซ่อนเร้นของ หยุนมู่ ได้ แม้แต่หมอเทวดาไป๋ก็ยังรักษาไม่ได้
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที หมอเทวดาไป๋ ก็ตัวแข็งเหมือนกับหุ่น
“ หมอเทวดาไป๋ เป็นอย่างไรบ้างครับ”
หลังจากนั้นไม่นาน หมอเทวดาไป๋ ก็กลับมารู้สึกตัวอีกครั้งเขาพึมพำกับตัวเองว่า “อาการบาดเจ็บที่ซ่อนอยู่ของปรมาจารย์หยุนได้หายดีแล้ว”
เป็นไปได้ยังไงเนี่ย?
หมอมากกว่า 1 โหลสูดอากาศเย็นเข้าไปเมื่อได้ยินสิ่งนี้
“ฉันไม่ได้คาดหวังว่าคุณจะเป็นหมออัจฉริยะ ฉันทำให้คุณหัวเราะเสียแล้ว” หมอเทวดาไป๋ ทำความเคารพ เย่หลี่
“ ฉันไม่ใช่หมออัจฉริยะ และฉันก็ไม่ใส่ใจกับความเจ็บป่วยเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ด้วย” เย่หลี่ กล่าวเสียงเบา
ด้วยการแนะนำของทักษะศิลปะบำบัดระบุว่าความเจ็บป่วยทั้งหมดสามารถรักษาได้อาจกล่าวได้ว่าเขาเป็นหมออัจฉริยะระดับ 1 ของโลก
“ขอทราบชื่อท่านได้หรือไม่” หมอเทวดาไป๋ ประสานมือแล้วถาม
“ เย่หลี่”
“ ฉัน หมอเทวดาไป๋ ขอเชิญคุณเย่ เป็นประธานสมาคมหมอแห่งฐานเมืองอันหนาน”
“ไม่สนใจ”
เขาไม่สนใจที่จะเป็นประธานสมาคมการแพทย์หรือว่าผู้มีเกียรติใดๆทั้งสิ้น
หมอเทวดาไป๋ รู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อยและไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรอยู่คู่หนึ่ง
“ใช่แล้ว เย่หลี่ ทำไมเราไม่ตรวจสอบระดับพันธุกรรมของ เสี่ยวฮุย กันล่ะ” เหม่ยหลิน พูดขึ้น
เย่หลี่ คิดว่าทำไมเขาถึงลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท?
คนที่สามารถจะปลุกพลังได้ต้องมีระดับยีนคลาส D ถ้ายีนของ เสี่ยวฮุย สามารถปลูกพลังได้ก็คงเป็นเรื่องดี
“ไปกันเถอะ” เย่หลี่ พยักหน้า
หลังจากนั้น เย่หลี่ เหม่ยหลิน และ เสี่ยวฮุย ก็เดินออกไป
“ผู้อาวุโสรอฉันด้วย” หยุนหม่าน ตะโกนและวิ่งออกไปเมื่อเห็นเช่นนี้ หยุนเฟิง ก็ติดตามไปเช่นกัน
“คุณเย่ รอเดี๋ยว” หยุนมู่ ก็ติดตามไปเช่นกัน
หมอเทวดาไป๋ และหมออีกมากมองหน้ากันก่อนที่จะพยักหน้าและเดินตามเขาออกไป
ตอนนี้พวกเขากำลังเดินทางไปยังสถาบันทดสอบพันธุกรรม สถาบันแห่งนี้เป็นศูนย์กลางของฐานเมืองอันหนาน เย่หลี่ เดินไปพร้อมกับผู้คนอีกเป็นขบวน สิ่งที่ เย่หลี่ คาดไม่ถึงก็คือ ผู้คนที่เห็นเหตุการณ์นี้กำลังพูดถึงเขาในขณะที่เขากำลังเดินไป
“พวกเขาเป็นใคร นายน้อยหยุนและคุณหนูหยุนถึงพาพวกเขามาทดสอบพันธุกรรม”
“คนที่ยืนอยู่ด้านข้างพวกเขาดูเหมือนจะเป็นปรมาจารย์ตระกูลหยุน หยุนมู่”
“ ใครคือ หยุนมู่?”
ชายหนุ่มที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไร ถามขึ้น การกระทำของเด็กน้อยคนนี้ทำให้หลายคนต้องกลอกตา พวกเขาไม่รู้ว่าไอ้เด็กคนนี้มันไปอยู่ที่ไหนมา