บทที่ 49 เชือกผูกนภา
“ผู้อาวุโสจิน นั่นซอมบี้กลายพันธุ์ระดับ 4!” ไป๋หวา มองไปที่ชายชราด้วยความตกใจ เมื่อได้ยินเช่นนั้นชายชราเองก็ตกตะลึง และหันไปสังเกตดวงตาของอาต้าและหงเย่
“ไอ้หนู เจ้าเป็นใครกันแน่!” ผู้เฒ่าจิน มองไปที่ เย่หลี่ และตะโกนถามออกมา เขาไม่เข้าใจจริงๆว่ามนุษย์สามารถควบคุมซอมบี้ได้อย่างไรอีกทั้งยังสามารถควบคุมได้ถึง 2 ตัวในขณะเดียวกัน ในตอนแรก ไป๋หวา ก็ไม่เชื่อว่าจะมีคนสามารถควบคุมซอมบี้ได้ แต่ตอนนี้คงทำได้แต่ยอมรับความจริง
“ฉันเป็นใครหรอ ก็เป็นคนที่พวกนายไม่สามารถยั่วยุได้ไงล่ะ!” เย่หลี่ พูดช้าๆ
“ฮ่าๆๆ”
ผู้เฒ่าจินหัวเราะเสียงดัง ราวกับว่าเขาไม่เคยได้ยินเรื่องตลกขบขันแบบนี้มาก่อนตั้งแต่เกิด
“เจ้าคิดจริงๆหรอว่าซอมบี้กลายพันธุ์ระดับ 4 2 ตัวนี้จะสามารถเอาชนะข้าได้?” ผู้เฒ่าจินมองดู เย่หลี่ อย่างดูถูก
“อาต้า หงเย่ รู้ใช่ไหมว่าต้องทำอะไร” เย่หลี่ พูดขึ้นเสียงเบา
ทันใดนั้นอาต้าและหงเย่ ก็พุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว ความเร็วของพวกมันทำให้ทุกคนตกตะลึงถึงขีดสุด ผู้เฒ่าจินฟาดฝ่ามือออกไปเกิดลำแสงสีแดงพุ่งปะทะกับซอมบี้ทั้ง 2 ตัว
ผู้เฒ่าจินเป็นนักสู้พันธุกรรมระดับ A เมื่อผู้เฒ่าจินและซอมบี้ทั้ง 2 ปะทะกัน ฉากทั้งหมดราวกับเป็นการปะทะกันของลำแสงจนสายตาของผู้มองแทบจับการเคลื่อนไหวไม่ทัน
“อึก!”
ไม่กี่วินาทีต่อมาผู้เฒ่าจินก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก เขาถอยหลังออกไปหลายสิบเมตรในขณะที่จ้องมองซอมบี้ทั้ง 2 ตัว
“บัดซบ เจ้าทำให้ข้าต้องใช้อาวุธวิเศษอันดับ 1 ของสำนักของเรา พวกแกทุกคนจงภูมิใจที่ได้ตายด้วยอาวุธวิเศษนี้” ผู้เฒ่าจินกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เชือกผูกนภา”
ผู้เฒ่าจึงตะโกนเสียงดัง ทันใดนั้นก็เกิดวงล้อปรากฏขึ้นบนพื้นที่ที่อาต้าและหงเย่ยืนอยู่
ทันใดนั้นเชือก 2 เส้นก็ปรากฏขึ้นและมัดซอมบี้ทั้งสองเอาไว้แน่นด้วยกระบวนการทั้งหมดใช้เวลาน้อยกว่า 1 วินาทีเสียอีก
เย่หลี่ รู้สึกตกใจมากเขาไม่คาดคิดว่าจะมีเชือกที่สามารถมัดซอมบี้ของเขาทั้งสองได้
“ฮ่าๆๆ” ไป๋หวา หัวเราะเสียงดังด้วยความสะใจ เขากล้าสาบานกับตัวเขาเองว่าไม่เคยภาคภูมิใจขนาดนี้มาก่อนในชีวิต
“ เย่หลี่ เอ๋ย เย่หลี่ ตอนนี้รู้หรือยังว่าสำนักดอกบัวขาวของฉันนั้นน่ากลัวแค่ไหน” ไป๋หวา กล่าวอย่างพึงพอใจในขณะที่เขามองไปที่ เย่หลี่ ไป๋หวา ไม่คิดว่าผู้อาวุโสจินจะนำสมบัติของสำนักมาด้วย นี่คือสิ่งที่เขาไม่คาดคิดมาก่อน
“ไอ้หนู แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าควบคุมซอมบี้กลายพันธุ์ระดับ 4 2 ตัวนี้ได้อย่างไรแต่วันนี้เจ้าจะต้องตาย!!” ผู้เฒ่าจินมองไปที่ เย่หลี่ และกล่าวขึ้น
เย่หลี่ กำลังโทษตัวเองดูเหมือนว่าเขาจะประเมินมนุษย์ของโลกใบนี้ต่ำเกินไป เมื่อเขาเห็นอาต้าและหงเย่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ตอนนี้เขาทำได้แต่พึ่งพาตัวเองเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม...สวรรค์ไม่เคยทอดทิ้งหนุ่มโสด!
แม้ว่า เย่หลี่ ไม่ต้องการเปิดเผยว่าเขามีดาบสังหารมังกร แต่เนื่องจากสถานการณ์ในตอนนี้เขาทำได้เพียงใช้มันเท่านั้น
ดังนั้น เย่หลี่ จึงนำดาบสังหารมังกรออกมาจากพื้นที่ของระบบตอนนี้อัตราการซ่อมแซมปัจจุบันของดาบสังหารมังกรอยู่ที่ 10% รอยสนิมยังคงลดลงไปอย่างมากแต่ก็ยังมีให้เห็น และเนื่องจากมันเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่ มันก็น่าจะตัดเชือกผูกนภา เหล่านี้ได้เช่นกัน
“สหายตัวน้อย แกกลัวจนปัญญาอ่อนไปแล้วหรือถึงเอาดาบหักๆออกมาและคิดจะใช้ดาบหักๆนี้ทำลายเชือกผูกนภา?” ไป๋หวา มองไปที่ เย่หลี่ อย่างเย้ยหยัน
ใบหน้าของผู้อาวุโสจินก็เต็มไปด้วยความรังเกียจเช่นกัน ในตอนแรกเขาคิดว่า เย่หลี่ จะเป็นผู้มีความสามารถคนหนึ่งแต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อพบว่า เย่หลี่ นั้นปัญญาอ่อนเกินไปที่จะใช้มีดขึ้นสนิมแบบนั้นตัดอาวุธวิเศษของเขา
เย่หลี่ ยิ้มให้กับตัวเองโดยคิดว่าเขาคงทำให้สองคนนี้ต้องตกตะลึงอีกครั้งเสียแล้ว เขาไม่คิดว่าผู้อาวุโสจินและ ไป๋หวา จะโง่เขาขนาดปล่อยให้ เย่หลี่ ตัดเชือกผูกนภาง่ายๆ
เย่หลี่ ค่อยๆเดินไปด้านข้างของอาต้าและหงเย่ อย่างสบายๆ จากนั้นเขาก็ฟันไปที่เชือกผูกนภาที่ผูกบนร่างของอาต้าและหงเย่
“แกร็ก!”
เชือกผูกนภาที่กล่าวกันว่าตกน้ำไม่ไหลตกไฟก็ไม่ไหม้ได้ถูกผ่าครึ่งอย่างง่ายๆด้วยดาบขึ้นสนิม