1055 วันที่แล้ว
ตัวละครเอกคือแจกความรู้ยับ ๆ ไม่หวงผลประโยชน์ของเผ่าเลย (มีพิมพ์ผิดอยู่นะคะ บางประโยคอ่านแล้วความหมายเปลี่ยน
บทที่ 13 โทษข้าที่ซ่อนเร้นไม่ได้
“เจ้าต้องการที่จะเรียนรู้เรื่องนี้ด้วยหรือ?” มู่เฟิง ถาม
“ใช่!” ฉางหนิง หน้าแดง ดวงตาของนางเป็นประกายรู้สึกว่าการเดินทางครั้งนี้ไม่สูญเปล่า ในเผ่าเล็กๆที่ดูไม่ใหญ่นักกับเจอเรื่องที่ทำให้นางตกใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ตกปลาด้วยการใช้ไม้ไผ่,อาวุธที่ทรงพลัง,กำแพงหนามแหลม.. สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่นางไม่เคยเห็นในเผ่าอื่นมาก่อนรวมถึงเผ่าวิหคเขียวของนางเช่นกัน!
แม้ว่านางจะไม่เคยเห็นสิ่งเหล่านี้ แต่นางสามารถรับรู้ได้ถึงผลกระทบที่มันจะส่งผลกระทบต่อเผ่าเมื่อมีการใช้กันอย่างแพร่หลาย
มู่เฟิง รู้ในใจว่า ฉางหนิง ได้รับรู้ถึงความพิเศษของสิ่งเหล่านี้เขาพยักหน้าและกล่าวว่า “ได้ แต่มังกรดินที่เจ้าพูดถึงก่อนหน้านี้ และขนสัตว์ที่จะส่งมาให้กับพวกเราหวังว่าคงไม่ลืม!”
“ไม่มีปัญหา!” ฉางหนิง พยักหน้าดวงตากลมโตขนตายาวขยับเน้นดวงตาของนางทำให้แสดงออกถึงความจริงใจและดูน่ารักไปอีกแบบ น่ารักจน มู่เฟิง รู้สึก “ฉันคงต้องยอมแล้วแหละ!”
“ได้!” มู่เฟิง หันไปมองหลี่หู “ หลี่หู จัดการเรื่องนี้แทนข้าที”
“ มู่เฟิง!” หลี่หูตวาดเสียงต่ำและมองไปที่ ฉางหนิง อย่างประหม่า มู่เฟิง รู้สึกขบขันและกดส่ายหัวไม่ได้ “ถ้าพวกเขาต้องการลงมือกับพวกเราพวกเขาคงจัดการเราตั้งแต่พบกันแล้ว วางใจเถอะ!”
“อุกะอุกะ!” หลี่หูหมุนตัวแล้วจากไป
“ทำไมพวกเขาถึงเรียกเจ้าว่า มู่เฟิง?” ดวงตาดำขลับของ ฉางหนิง เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ทำไมพวกเขาไม่เรียกเจ้าว่าหัวหน้าเผ่า”
“มันก็แค่ชื่อเรียกเท่านั้น!” มู่เฟิงส่ายหัว แล้วหันไปมอง ฉางหนิง
“ เช่นนั้นเจ้าอยากเรียกอะไร!”
“เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ!” ฉางหนิง ขมวดคิ้วเล็กน้อยชี้ไปที่กำแพงหนาม
“เผ่าของข้ามีคนอยู่มากมาย สถานที่อยู่อาศัยต้องการได้รับการป้องกันแบบนี้!”
“ได้!” มู่เฟิง พยักหน้า
“สิ่งนี้เรียกว่ากำแพง แบ่งออกเป็น 3 ชั้น!” พูดไป มู่เฟิง ก็ส่งสัญญาณให้ ฉางหนิง เดินเข้ามาดู จากภายในสู่ภายนอกเป็นกำแพงหินรั้วไม้และต้นหนาม
“ถ้าเผ่าของเจ้าต้องการสร้างกำแพง ก็ทำรั้วไม้ให้เรียบร้อยก่อนโดยการฝังลึกลงไปในดิน!” มู่เฟิง วาดรูปประกอบเล็กน้อย
“จากนั้นเจ้าสามารถใช้ก้อนหินวางเรียงซ้อนกันหลังต้นไม้ที่ฝังลงไป ก้อนหินพยายามเลือกก้อนที่เรียบที่สุด ถ้าไม่มีอาจจะต้องวางซ้อนกันให้หนาขึ้นอีกหน่อย สุดท้ายก็ปลูกต้นหนามไว้ด้านนอก!”
มู่เฟิง อธิบายไปราวกับศาสตราจารย์ที่กำลังอภิปรายอยู่ในห้อง เขาเน้นรายละเอียดทั้งหมด แต่นักเรียนคนนี้ค่อนข้างพิเศษเพราะนางคือ “มาโด้” ของเผ่าวิหคเขียว
มู่เฟิง สื่อสารกับระบบและได้รับการยืนยันว่า “มาโด้”คล้ายกลับ “องค์หญิง” ในชีวิตก่อนของเขา
“แต่ต้นหนามจะงอกตรงนี้ได้อย่างไร!” ฉางหนิง ขมวดคิ้วสีหน้าไม่เข้าใจ
“ไม่เป็นไร ยิ่งมันหนาและยาวเท่าไหร่ มันยิ่งเหนียวและสามารถปกป้องเผ่าจากภายนอกได้มากขึ้นเท่านั้น”
“กำแพงหินหนากว่านี้หน่อยได้หรือไม่” ฉางหนิง ถามอีกครั้ง
“แน่นอน!” มู่เฟิง พยักหน้า “กำแพงแบบนี้ยิ่งสูงยิ่งดี ยิ่งหนาก็ยิ่งดี! นอกจากนี้เจ้ายังสามารถปิดกั้นช่องว่างระหว่างหินด้วยน้ำและดินโคลนเพื่อให้มันแข็งแกร่งขึ้น!”
“โคลน น้ำ ยิ่งแข็งแกร่ง…” ฉางหนิง ก้มหน้าพึมพำกับตัวเองดวงตาเป็นประกาย ขนตายาวเหมือนตะขอที่ดึงดูดใจ
“ข้าเข้าใจแล้ว!” ฉางหนิง เงยหน้า เผยรอยยิ้มสดใส ปรากฏลักยิ้มที่แก้มของนาง
“เฮ้อ!” มู่เฟิง อุทานในใจ “ถ้าสาวน้อยคนนี้อยู่ในยุคปัจจุบันเธอจะต้องเป็นสาวสวยระดับหายนะอย่างแน่นอน!”
“ถ้าอย่างนั้นรบกวนท่านสอนข้าถึงวิธีการป้องกันหอกไม้ไผ่!”ฉางหนิง มองตา มู่เฟิง ปริบๆราวกับลืมฐานะของตัวเองที่สูงส่ง
“นี่…” มู่เฟิง เกาหัว “ของสิ่งนั้นยังไม่มี แต่สามารถทำขึ้นมาตอนนี้ได้!”
“ทำตอนนี้?”ดวงตาของ ฉางหนิง เป็นประกาย กระโดดโลดเต้นเหมือนกวางน้อย
“เยี่ยมไปเลย ให้ข้าดูอยู่ข้างๆจะได้ไหม?”
“ได้สิ!” มู่เฟิง พยักหน้า จากนั้นไปพบหลี่หูและให้เตรียมอุปกรณ์ เป็นหญ้าแห้ง ที่เตรียมไว้และท่อนไม้เรียวยาวกับเส้นเอ็นของเผ่าที่ใช้มัดหนังสัตว์
เมื่อเห็นสิ่งของที่ไม่เกี่ยวข้องกันเหล่านี้วางอยู่ ฉางหนิง ตกตะลึงและไม่รู้ว่า มู่เฟิง จะทำอะไร มู่เฟิง มองไปที่หลี่หูและกล่าวว่า “พวกเจ้าเองก็ดูตัวอย่างเช่นกัน ต่อไปเผ่าของเราต้องการของพวกนี้!”
“อุกะอุกะ” หลี่หูตอบอย่างตรงไปตรงมาและยืนนิ่ง
มู่เฟิง หยิบหญ้ามุงจากที่ยาวเกือบ 1 เมตรขึ้นมา วางหัววางเท้าให้เท่ากันจับมัดจนแน่น จากนั้นใช้เส้นเอ็นของสัตว์อสูรมัดให้แน่นทุกระยะ มัดเป็นกำมือแล้ววางลงกับพื้น จากนั้นเขาก็ทำแบบเดิมอีก 20 ชิ้น กระบวนการทุกอย่างที่มู่เฟิง ทำหลี่หูและ ฉางหนิง ต่างยืนมองอยู่ด้านข้างไม่กล่าววาจาสักคำ
จากนั้น มู่เฟิง ก็วางหญ้าเป็น 2 ชั้น ชั้นบนใช้ไม้วางไว้อีกชั้นหนึ่งแล้วใช้เส้นเอ็นมัดเหมือนเดิม
หลังจากมัดท่อนไม้รวมกับมัดหญ้าก็กลายเป็นโล่หญ้าสูง 1 เมตร
หลังจากนั้น มู่เฟิง ก็ใช้เส้นเอ็นหลายเส้นมาผูกด้านข้างของท่อนไม้เพื่อไว้สำหรับใช้มือสอดเข้าไปพอดี
“สำเร็จแล้ว!” มู่เฟิง ถอนหายใจ แต่ ฉางหนิง และหลี่หูยังคงสงสัย
“สิ่งนี้มีประโยชน์อย่างไร?”
“ง่ายมากข้าจะแสดงให้ดู!” มู่เฟิง ส่งโล่หญ้าให้กับ หลี่หู
“ เจ้ายกมันขึ้นเหนือศีรษะ ป้องกันศีรษะเอาไว้แบบนี้…”
“อุกะอุกะ!” แม้ว่าหลี่หูจะรู้สึกแปลกใจแต่เขาก็ยังคงพยักหน้าและทำตาม มู่เฟิงยกหอกไม้ขึ้นมาจากด้านข้างและถอยหลังไป 2ก้าวก่อนที่จะโยนใส่โล่หญ้าที่เขาทำขึ้น
“ปึก” หอกไม้ปักลงตรงโล่หญ้า หลี่หูรู้สึกสะเทือนแขนทั้งสองข้างหลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เป็นอย่างไรบ้าง ตอนนี้เจ้ารู้วิธีการป้องกันหอกไม้ไผ่แล้ว!” มู่เฟิง หันไปมอง ฉางหนิง
“นี่…” ฉางหนิง ตกตะลึงใบหน้างดงามแดงระเรื่ออีกครั้งเห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะความตื่นเต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งดวงตาที่สดใสของนางเปล่งประกายเหมือนน้ำในฤดูใบไม้ผลิ นางมองไปที่ มู่เฟิง ราวกับว่ามองเห็นสมบัติล้ำข้า!แม้แต่ มู่เฟิง ยังรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว
ตัวละครเอกคือแจกความรู้ยับ ๆ ไม่หวงผลประโยชน์ของเผ่าเลย (มีพิมพ์ผิดอยู่นะคะ บางประโยคอ่านแล้วความหมายเปลี่ยน