บทที่ 46 ความสุขที่คาดไม่ถึง
หลี่หูพา ไป๋หยา มาพบกับ มู่เฟิง
เมื่อ ไป๋หยา เห็น มู่เฟิง ใบหน้าของนางเต็มด้วยความตื่นเต้นดวงตากลมโตของนางเต็มไปด้วยแสงประกาย
“พี่ มู่เฟิง ข้าได้ยินจากท่านพ่อบอกว่าทุกคนในเผ่า มังกรเหมิง ถูกจับได้แล้วงั้นหรอ?”
“ใช่ ทั้งหมดผูกมัดรวมกันอยู่ด้านนอกของเผ่า!” มู่เฟิง พยักหน้า
“ท่านแข็งแรงจริงๆมีผู้คนมากมายก็สามารถเอาชนะได้!” ไป๋หยาจับมือเขาและกระโดดพร้อมกับหัวเราะ
“ตอนนี้เราไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับพวกเขาอีกแล้ว!”
“ไม่ต้องห่วงหรอก!” มู่เฟิง ยิ้มจากนั้นพูดต่อ
“พ่อของเจ้าบอกเจ้าหรือยังว่าเรียกเจ้ามาเพื่ออะไร?”
“บอกแล้ว เขาบอกให้ข้าพาท่านไปหาไม้แห้ง ดูเหมือนจะทำอะไรสักอย่างที่ชื่อว่าโต๊ะเก้าอี้!”
“ใช่เจ้ารู้หรือไม่ว่าไม้แบบนี้อยู่ที่ไหน?”
“ข้ารู้ มันอยู่ที่ทางภูเขาตะวันตกของเผ่า พวกเราไปตัดไม้ที่นั่นแต่ไม้ค่อนข้างหนาและยากที่จะตัด”
“พาข้าไปดูหน่อย!”
ดังนั้น ไป๋หยา จึงพา มู่เฟิง ไปที่ภูเขาทางตะวันตก เนื่องจากที่นี่ติดกับเผ่า ต้นไม้บนภูเขาสูงมาก บนพื้นไม่ค่อยมีพุ่มหญ้า ดังนั้นจึงมีสัตว์ป่าน้อยมาก
มู่เฟิง เดินตามไป๋หยาไปที่ภูเขาด้านหลัง ด้านหลังมีชาย 2 คนมาคอยแบกไม้ให้ มู่เฟิง โดยเฉพาะ
“พี่ มู่เฟิง โต๊ะเก้าอี้ มีไว้ทำอะไร?” ไป๋หยา กะพริบตาพร้อมกับถามด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุข หลังจากที่เผา มังกรเหมิง พ่ายแพ้ หญิงสาวกลับมาดูไร้เดียงสาอีกครั้ง
“โต๊ะสูงขนาดนี้สามารถใช้วางของได้ เราเคยกินด้วยกันแล้ววางบนกระดานหินมันยุ่งยากเกินไป!” มู่เฟิง วาดเส้น
“เก้าอี้ก็คือสิ่งที่ถูกนำมาใช้สำหรับนั่ง การนั่งบนนั้นจะสะดวกสบายมาก”
“มหัศจรรย์ขนาดนั้นเลยหรอ?” ไป๋หยาเอียงคอ กัดนิ้วคิดไปคิดมาด้วยท่าทางน่ารัก
“ถ้าอย่างนั้นทำเก้าอี้ให้ข้าด้วยได้หรือไม่”
“ได้แน่นอน!” มู่เฟิงพยักหน้า
“เมื่อข้าทำ ข้าจะเรียกท่านลุงและคนอื่นๆในเผ่ามาเพื่อเรียนรู้การทำและสามารถทำพวกมันได้ในอนาคต!”
“เยี่ยมไปเลย!” ไป๋หยา โห่ร้องด้วยความยินดี
“งั้นให้ข้าช่วยเลือกไม้ให้นะแบบไหนถึงจะเหมาะสม?”
“อืม.. ต้องแห้ง ต้องหนา ไม่มีรอยแตกตรงกลาง” มู่เฟิง อธิบาย
ไป๋หยา คิดอย่างรอบคอบแล้วมองหาไม้ด้วยความหวังทั้งซ้ายและขวา
มู่เฟิง เองก็เริ่มค้นหาขณะพูดเช่นกัน
เขาได้เรียนรู้จาก “ฐานความรู้”ของระบบว่า ไม้ที่สามารถทำเป็นโต๊ะเก้าอี้และม้านั่งมีมากมาย เช่น ไม้จันทร์แดง ไม้ลูกแพร ไม้พุทราเปรี้ยว และอื่นๆ ล้วนเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน
แต่ตรงหน้าไม่มีสิ่งเหล่านี้ ดังนั้นสิ่งที่จะเหมาะสมทำโต๊ะเก้าอี้ก็คือต้นสน ต้นวิลโลว์ และต้นไทร
“เดี๋ยวก่อน!” มู่เฟิง ตาเป็นประกาย “ ต้นเอล์ม”
เขาตบหน้าผากตัวเอง “ใช่แล้วเมล็ดของมันกินได้ไม่ใช่หรอ?”
เขาจำได้ว่าตอนเด็กๆที่อยู่ในชนบททุกฤดูใบไม้ผลิคนแก่มักจะเก็บเม็ดของมันไปกิน เขาจะล้างให้สะอาดและใส่เครื่องปรุงลงไปเล็กน้อยนึ่งกับน้ำส้มสายชูกลิ่นนั้นทำให้เขาลืมไม่ลง
แต่น่าเสียดายในยุคดึกดำบรรพ์นี้ยังไม่สามารถที่จะทำแป้งหรืออะไรทำนองนั้น แน่นอนว่าเมล็ดของมันยังมีคนนำไปต้มน้ำซุปดื่มด้วยรสชาติก็ไม่เลวเช่นกัน
“ฮ่าๆๆ” มู่เฟิง ยิ้ม “ ข้ารู้สึกดีใจมาก!”
“แม้ยังหาไม้ไม่เจอแต่หาของกินได้แล้ว!” เงยหน้าขึ้นไปมองเมล็ดที่อยู่บนต้นและหัวเราะอย่างมีความสุข
“ พี่ มู่เฟิง ท่านหัวเราะอะไร? ไป๋หยา หันศรีษะกลับมาใบหน้าเต็มด้วยความสงสัย
“ฮ่าๆๆ ข้าพบของอร่อยๆ!” มู่เฟิง หัวเราะ
“มันคืออะไร?” ไป๋หยา ไม่เข้าใจ
“มันคือเมล็ดของต้นไม้ต้นนี้!” มู่เฟิง ยิ้ม
“มันอร่อยมาก!”
“หืม?สิ่งนี้กินได้หรอ?” ไป๋หยา ประหลาดใจ
“กินได้แน่นอนแต่ต้องรอก่อน!”
พูดจบ มู่เฟิง หยิบเชือกเห็นออกมาจากตะกร้าด้านหลังเขาผูกกิ่งไม้นั้นหนาเส้นหนึ่งแล้วหมุนหลายรอบก่อนที่จะโยนขึ้นไปแขวนบนกิ่งที่มีเมล็ดเต็มไปหมด
หลังจากที่เชือกเอ็นที่แขวนอยู่บนกิ่งไม้ มู่เฟิง ก็เริ่มออกแรงดึงมีเสียงดัง แกร็ก กิ่งไม้ถูกดึงจนหักลงมา
มู่เฟิง หัวเราะเสียงดังแล้วดึงเมล็ดจำนวนเล็กน้อยใส่ปากเคี้ยว 2 -3คำก่อนจะถอนหายใจ “รสชาติที่คุ้นเคย!”
“พี่ มู่เฟิง…” ไป๋หยา เบิกตากว้าง เดิมทีนางคิดจะห้าม มู่เฟิง ไม่ให้กินเมล็ดลงไปถึงอย่างไรก็ไม่มีใครรู้ว่าเมล็ดของต้นไม้ชนิดนี้กินได้จริงหรือไม่
แต่นางก็ต้องรีบปิดปากของนางเพราะ มู่เฟิง ได้ส่งเมล็ดของต้นไม้นี้ใส่ปากของนาง ดูเหมือนว่านางจะได้กลิ่นหอมหอมจากมัน
ไป๋หยา รู้สึกลังเลสักพักก่อนที่จะเคี้ยวอย่างระมัดระวัง ใบหน้าปรากฏความประหลาดใจ
“อ๊า หวานจัง!”
“แน่นอน!” มู่เฟิง ส่งสัญญาให้คนทั้ง 2 ที่ตามมาลองชิมดูพวกเขามองไปที่ มู่เฟิง อย่างไม่แน่ใจจากนั้นลองกัดและกินมัน จากนั้นเขาก็หัวเราะออกมาด้วยความยินดี
“พี่ มู่เฟิง…” ไป๋หยา พูดขณะที่กินอยู่เต็มปากแก้มทั้งสองข้างกลมโต
“พี่รู้ได้ยังไงว่าสิ่งนี้กินได้?”
มู่เฟิง ยิ้มกว้าง “ข้าไม่บอกเจ้าหรอก!”
ไป๋หยา ไม่ได้ถือสาอะไรเพียงแค่ยิ้มอย่างงงไม่สนใจภาพลักษณ์เลยสักนิดแสดงออกถึงความน่ารักน่าเอ็นดู
มู่เฟิง ประหลาดใจและมีความสุขอีกครั้ง ดูเหมือนหญิงสาวจะเชื่อใจเขาจริงๆไม่ว่าจะเป็นการกินของแปลกๆหรือเหตุผลแปลกๆใดๆ
แต่เขารีบหันหน้าไปมองต้นไม้ที่อยู่ไกลออกไป ยอดไม้สีขาวราวกับหิมะผุดขึ้นมาในใจ
“ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ก็ควรที่จะอยู่กับต้นไทร..”