ตอนที่ 3 : ข้อตกลง
การทดสอบครั้งที่สองนั้นโชคร้ายที่ หยางเฉิน ยังอยู่ขั้น 1 อยู่ เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะทดสอบได้อีก ดังนั้นเขาจึงต้องกลับไปพร้อมกับ เว่ยหยานหลาน หยางเฉิน ไม่รับรู้ถึงสายตาของ โมโก ที่มองเขาด้วยความอิจฉาและโกรธแค้นราวกับเขาไปฆ่าพ่อและแย่งเมียอีกฝ่ายมา
“ พี่เฉิน หลานเอ๋อ พวกเขาจะไปไหนกัน วันนี้พวกเขายังไม่มาโถงวรยุทธเลย ” เมื่อเดินมาในท้องถนน เว่ยหยานหลาน ที่กอดแขน หยางเฉิน อยู่ก็ถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“ เสี่ยวหยาง เจ้ามาที่โถงวรยุทธแล้วนี่เอง เสี่ยวกั้วติง กับ เทียนเอ๋อ ไปหาเจ้าที่หลังภูเขา เจ้าไม่ได้เจอกับพวกเขารึ ?” ตอนที่ทั้งสองเดินออกมาจากโถงวรยุทธ ชายวัยกลางคนก็หันมามองและถามกับพวกเขา
ชายวัยกลางคนสวมชุดเทา ใบหน้าเขาดูธรรมดา เขาคือซ่งฉีหนึ่งในคนที่ หยางเฉินรู้จักดีในเมืองซูเซียน เขาไม่ได้ดูถูก หยางเฉิน เพราะ หยางเฉินไม่อาจจะบ่มเพาะได้ ในทางกลับกันแล้วเขากลับดูแลหยางเฉินเป็นพิเศษ
“ ลุงซ่ง กั้วติง กับ เทียนเอ๋อไปที่หลังภูเขาจริงๆรึ ? ตอนที่ข้าเดินทางออกมา ข้ากลับไม่พบใครเลย ”
กั้วติง เป็นพี่น้องที่ดีของหยางเฉิน พวกเขาเป็นเด็กกำพร้าที่โดนเลี้ยงดูมาโดยชายแก่ขี้เมา เด็กสาวที่ชื่อเทียนเอ๋อ ชื่อเต็มคือ ซ่งเทียนเอ๋อ นางเองก็เป็นเด็กที่ชายแก่ขี้เมาเลี้ยงดูเช่นกัน เว่ยหยานหลานนั้นไม่ใช่ เว่ยหยานหลานนั้นมีปู่อยู่ นางไม่ใช่เด็กกำพร้าแต่อย่างใด
หนึ่งปีหลังจากที่หยางเฉินกลับมาเกิด เว่ยหยานหลานและปู่ก็ได้เดินทางมาที่เมืองนี้ หยางเฉินได้พบกับเว่ยหยานหลาน หลังจากนั้นครึ่งปี ชายแก่ขี้เมาก็รับเลี้ยงซ่งเทียนเอ๋อ ในอีกครึ่งปีหลังก็รับกั้วติงมาเลี้ยง
ตอนนั้นชายแก่เมาหลับไปสามวันสามคืนแล้วค่อยพัก 1 วัน เมื่อตื่นขึ้นมาอีกวันค่อยกินเหล้าต่อ ใน 8 ปีที่ผ่านมานี้ชายแก่กินเหล้าเมายิ่งกว่าเก่า ชายแกไม่มีเวลาแม้แต่จะสร่างเมา
“ เสี่ยวหยางลุงซ่งของเจ้ายังตาดี พวกเขาไปที่หลังภูเขาจริงๆ ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น หยางเฉินกับเว่ยหยานหลาน ก็ได้ร่ำลาซ่งฉีและเดินไปที่หลังภูเขา
ด้านหลังภูเขาของเมืองซูเซียนนั้นเป็นที่ค่อนข้างปลอดภัยเพราะมันมีทหารลาดตระเวนอยู่บ่อยๆ เมื่อรวมกับการกำหนดเขตเอาไว้แล้ว ดังนั้นตราบใดที่ไม่ออกจากเขตนี้ไป มันก็ไม่มีสัตว์อสูรที่แข็งแกร่ง มันไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องว่าจะโดนโจมตี
ในป่าที่มืดมิดและเงียบสงบ
“ เจ้าขยะ เจ้ากล้าลงมือกับเรารึ รีบส่งของที่เจ้ามีมาซะ ! ” เสียงหัวเราะด้วยความไม่พอใจดังก้องไปทั่วทั้งป่า ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่นั้นมีเด็กหนุ่มอายุประมาณ 15 ปีล้อมเด็กน้อยสองคนเอาไว้
เด็กสองคนนั้นคนหนึ่งมีใบหน้าดุดัน คิ้วหนาและตาโต เขาดูเป็นคนแข็งแกร่งแต่ใบหน้าเขากลับมีรอยแผลที่น่ากลัวอยู่ จมูกเขามีเลือดไหลและใบหน้าที่บวมเปล่ง เขานอนขดอยู่ใต้ต้นไม้ ตรงหน้าทั้งสามคนมีเด็กสาวในชุดสีเหลืองที่ยืนปกป้องเด็กหนุ่มอยู่เพื่อกันไม่ให้สามคนได้เข้าใกล้เด็กหนุ่ม
เด็กสาวคนนี้อายุประมาณ 13-14 ปี เธอมัดผมเปียพาดไว้ที่อก ใบหน้ากลมโตและงดงาม หลังจากที่ได้เห็นผู้คนคงอดไม่ได้ที่จะบอกว่านางนั้นงดงาม ที่มือและหน้าของนางมีรอยแผลแต่ดูแล้วไม่ได้บดบังความงามของนางได้เลย
ตอนนั้นนางมองไปยังชายหนุ่มชุดขาวตรงกลางที่ซึ่งใบหน้าหล่อเหลา ใบหน้าคมกริบมราวกับมีด สีหน้าหม่นหมอง
“ ซงเทียนเอ๋อ เจ้าแข็งแกร่งมากก็จริงแต่เจ้าคิดว่าจะชนะเราสามคนได้รึ ? ”
ชายชุดขาวหัวเราะออกมา “ พี่เชิน พูดถูก ไอ้เด็กเวรนั่นเกือบทำมือข้าหัก ข้าต้องเอาคืน ! ” ชายที่อยู่ทางซ้ายพูดขึ้นมา เขาสวมชุดสีฟ้าและจ้องไปที่ซงเทียนเอ๋อด้วยสายตาอาฆาต เขาเองก็มีสีหน้าหม่นหมองเช่นกัน ชัดแล้วว่าไม่ใช่เรื่องดี
“ เชินเจียนเซียว แม้ว่าจะเป็น 3 ต่อ 1 แต่ข้าซงเทียนเอ๋อก็ไม่กลัว ! ” ซงเทียนเอ๋อ มองไปที่ชายชุดขาวแล้วฮึดฮัดออกมา แม้ว่านางจะดูอ่อนแอแต่คำพูดของนางเด็ดเดี่ยวอย่างมาก
“ พี่เชิน ยัยเด็กเวรนี่หยิ่งจองหองจริงๆ มาสั่งสอนให้นางรู้สำนึกกันดีกว่า ! ” ชายอีกคนฮึดฮัดออกมา
“ คัมภีร์ที่อยู่กับไอ้เด็กเวรนั่นต้องเป็นของดีแน่ๆ เราไม่อาจจะปล่อยให้ตกอยู่ในมือคนอื่นได้ ! ไอ้เด็กเวร เมื่อข้า เชินเจียนเซียว ต้องการสิ่งใด งั้นก็ไม่อาจจะมีใครแย่งมันไปได้ ! ” เชินเจียนเซียว ฮึดฮัดออกมา สายตาเขาเป็นประกาย เขาไม่มีทางปล่อยให้ใครแย่งของที่เขาต้องการไปได้ !
“ วันนี้ข้าอยากเห็นฝีมืออัจฉริยะของเมืองซูเซียนว่าแน่สักแค่ไหน ! ” เชินเจียนเซียว ฮึดฮัดก่อนจะก้าวออกมา หมัดของเขาพุ่งเข้าใส่ ซงเทียนเอ๋อ พลังของหมัดทำให้อากาศสั่นไหว ความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะทำลายหินเพชรได้ 10 ก้อน มันน่ากลัวและรุนแรงเป็นอย่างมาก !
ซงเทียนเอ๋อ กำหมัดก่อนจะบิดเอวแล้วต่อยออกไป หมัดของนางระเบิดอากาศออกแล้วปะทะกับหมัดของอีกฝ่าย การปะทะนี้ทำให้ทั้งสองถอยกลับไปกว่า 3 ก้าวพร้อมกับหน้าที่แดงขึ้นมา
เชินเจียนเซียว หันไปมองลูกน้องอีกสองคนข้างกาย ทั้งสองเข้าใจทันทีและได้อ้อมผ่าน ซงเทียนเอ๋อไปพุ่งเข้าหากั้วติงที่นอนอยู่ใต้ต้นไม้
“ หน้าไม่อาย ! ” ซงเทียนเอ๋อหน้าแดงก่ำนางอยากจะหยุดพวกนั้นแต่หมัดของ เชินเจียนเซียว ได้พุ่งเข้ามาหานางแต่นางไม่ได้เลือกที่จะปกป้องตัวเอง นางกลับเลือกที่จะช่วยกั้วติงเอาไว้
ปัง ปัง ! นางใช้ขาทั้งสองถีบเข้าใส่ชายหนุ่มสองคนที่พุ่งไปหา กั้วติงจนกระเด็นออกไปกว่า 10 ก้าวก่อนจะประคองตัวเองได้แต่ เชินเจียนเซียว ได้ต่อยเข้ามาแล้ว หากไม่มีอะไรที่เกินคาดเกิดขึ้น การโจมตีนี้คงอัดเข้าตัวซงเทียนเอ๋อแน่ๆ
จู่ๆก็มีร่างหนึ่งโผล่มาข้างกายซงเทียนเอ๋อ พร้อมกับหมัดที่พุ่งต่อยเข้าใส่หมัดของ เชินเจียนเซียว พลังของหมัดทั้งสองได้ปะทะกันราวกับเสียงของหมัดที่อัดเข้ากับหิน
“ เว่ยหยานหลาน ! ” เชินเจียนเซียว อึ้งและต้องถอยห่างออกมา หลังจากที่ประคองตัวได้เขาก็มองไปยังคนตรงหน้าด้วยสีหน้าหวาดกลัว
“ กั้วติง ! เจ้าเป็นอะไรรึไม่ ? ” ร่างของกั้วติง ถูกคนข้างกายประคองขึ้นมา ชายคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหยานเฉิน เมื่อเห็นว่ากั้วติงบาดเจ็บ หยางเฉินก็มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้น เขากำหมัดแน่น
“ หัวหน้า ขะ...ข้าไม่เป็นไร...” กั้วติงยิ้มออกมา เขาไม่อยากให้หยานเฉินคิดว่าเขาขี้ขลาด ในฐานะน้องของหยานเฉินแล้วเขาไม่อาจจะอ่อนแอได้ !
หยางเฉินหันกลับไปมองเชินเจียนเซียว ด้วยสายตาเย็นชา “ ใครทำกับ กั้วติง เช่นนี้ ! ” ร่างของเขาระเบิดพลังออกมา มันทำให้ เชินเจียนเซียว และพวกต่างก็พากันตื่นตกใจ
หลังจากที่เพ่งสมาธิได้ไม่นานเชินเจียนเซียวก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ คิดว่าจะเป็นใคร ไอ้ขยะเหมือนกับกั้วติงนี่เอง ”
“ พี่เชิน เขาทำลายหิน 3 ก้อนด้วยระดับการบ่มเพาะขอบเขตกำลังภายในขั้น 1 ได้เชี่ยวนะ เขาคืออัจฉริยะของเมืองซูเซียน ” ชายหนุ่มข้างๆ เชินเจียนเซียว หัวเราะออกมา
“ หลิวหยู เจ้าพูดถูก เขาน่ะเป็นอัจฉริยะแต่เขาแค่เกิดมาโง่เง่า ” ชายหนุ่มอีกคนพูดขึ้น โลกก็เป็นเช่นนี้คนอ่อนแอมักจะโดนดูถูก !
เว่ยหยานหลานและ ซงเทียนเอ๋อ ต่างก็หน้าแดงด้วยความโกรธ ทั้งสองไม่ยอมให้ใครมาดูถูกหยางเฉินได้ ตอนที่ทั้งสองกำลังจะลงมือนั้น หยางเฉินก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ หลานเอ๋อ เทียนเอ๋อ พวกนี้ก็แค่หมาบ้า ทำไมต้องสนใจคนพวกนี้ด้วย ”
“ ไอ้ขยะไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ! เจ้าว่าใครเป็นหมาบ้า ! ” หลิวหยู และชายหนุ่มอีกคนก้าวออกมาตั้งใจจะสั่งสอน หยานเฉิน แต่พวกเขาก็ถูก เชินเจียนเซียว ห้ามเอาไว้
“ ไม่ต้องโกรธกับขยะเช่นนี้ เจ้ากับเขาน่ะไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน ” เชินเจียนเซียว มองไปที่หยางเฉิน ด้วยท่าทีดูถูกแล้วฮึดฮัดออกมา “ มีผู้หญิงคอยปกป้องเขา เขาถึงปากกล้า ข้าอยากเห็นว่าเขาจะพึ่งใครได้หากไม่มีพวกนางอีก ! ”
“ พี่เชินพูดถูก อีก 1 ปีทั้งสองก็ต้องเข้าร่วมสำนัก เราคงได้เข้าร่วมสำนักเช่นกัน ขยะนี่ได้แต่ต้องอยู่ในเมืองซูเซียนไปตลอดชีวิต ” หลิวหยู มองไปที่ หยางเฉิน ด้วยท่าทีดูถูก
‘ พวกเจ้าหลงตัวเองซะจริงๆ...เสี่ยวหยาง เชินเจียนเซียว ผู้นี้น่ะรึที่จะฆ่าข้า ? รอก่อนเถอะ ข้าจะฆ่าเขาให้เจ้าเอง ! ’ หยางเฉิน ฮึดฮัดในใจ เขามองไปที่ หลิวหยู และ เชินเจียนเซียว ด้วยสายตาเย็นชาก่อนจะยื้มออกมา
“ หากสักวันข้าเอาชนะเจ้าได้ เจ้าคงไม่อาจจะเข้าร่วมสำนักได้สินะ ? ”
หลิวหยูและเชินเจียนเซียวราวกับได้ยินเรื่องตลกที่สุดในโลก เชินเจียนเซียวคิดจะพูดบางอย่างออกมาแต่ หลิวหยู หัวเราะออกมาก่อน “ อย่าพูดถึงการที่ข้าโดนขยะเช่นเจ้าเอาชนะได้เลย หากเจ้าเอาชนะข้าได้ใน 1 ปี ข้าจะคุกเข่าคำนับเจ้า 3 ครั้งและเรียกเจ้าว่าปู่ ”
“ หลานที่ดี ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะยอมแพ้ในตอนนี้ ” หยางเฉิน ยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา
“ หลานรึ ? ” หลิวหยู ได้สติทันที กลับเป็นว่าเขาโดนหยางเฉินหลอก เขากำหมัดแน่น เขาคิดจะสั่งสอนบทเรียนหยางเฉิน แต่ เชินเจียนเซียว กลับห้ามเขาเอาไว้อีกรอบ
“ แค่สู้กันด้วยคำพูด ทำไมต้องใส่ใจด้วย ขยะนี่เก่งแต่คำพูด ครั้งที่แล้วข้าไม่ได้จัดการเขา แต่ครั้งหน้าเขาไม่โชคดีแบบนี้หรอก ”
ระหว่างที่พูดนั้น เชินเจียนเซียว ก็หันกลับเพื่อจะเดินออกจากที่นั่น หลิวหยูและเพื่อนพากันมองไปที่หวังเหยาและ กั้วติง ด้วยท่าทีไม่พอใจก่อนจะหันกลับแล้วตาม เชินเจียนเซียว ไปก่อนจะหายไปในป่า
“ พี่เฉิน...”
“ พี่...”
เว่ยหยานหลานและซงเทียนเอ๋อ พากันมองไปที่หยางเฉิน กังวลว่าหยางเฉินจะกังวลแต่เมื่อเห็นรอยยิ้มของหยางเฉิน ทั้งสองก็รู้ว่าหยางเฉินไม่คิดอะไรมาก
“ ข้าไม่เป็นไร ก็แค่ลมปาก เหตุใดต้องสนใจด้วย ” หยางเฉินโบกมือหันกลับไปหากั้วติงและยิ้มออกมา “ กั้วติง ดูสภาพเจ้าสิ เดาว่าเจ้าคงเดินไม่ได้แน่ มาข้าจะช่วยเจ้าเอง ! ”
“ หัวหน้า ข้าตัวหนัก เจ้าจะยกไหวรึ ? ” กั้วติงหัวเราะออกมาแม้ว่าจะเจ็บตัวก็ตาม
“ หากเจ้ากล้าบอกว่าข้าทำไม่ได้ งั้นข้าก็จะไม่ช่วย ข้าจะให้เจ้านอนอยู่กับผีทั้งคืน เจ้าเชื่อรึไม่ว่าข้าจะทำเช่นนั้น ? ” หยางเฉิน หันหลังให้กั้วติงทำท่าจะเดินออกไป
“ ก็ได้ ก็ได้ ข้าจะไม่เชื่อคำพูดหัวหน้าได้ยังไง ? ” กั้วติงทนความเจ็บปวดแล้วปีนขึ้นหลังหยางเฉิน
“ ไปกันเถอะ ” หยางเฉิน แบก กั้วติง ขึ้นหลังพร้อมกับบอกกับสาวน้อยทั้งสอง จากนั้นก็เดินออกไป เด็กสาวทั้งสองมองไปที่ หยางเฉินแล้วเดินตามหลังไปติดๆ
ในห้องแห่งหนึ่งภายในเมืองซูเซียน มันมีเตียงไม้ 3 เตียงที่ถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบ มันไม่ได้มีสิ่งอื่น ๆ กั้วติงนอนอยู่บนเตียงตรงกลาง ซงเทียนเอ๋อและเว่ยหยานหลานคอยดูแลอยู่ข้างๆ
หยางเฉินไม่ได้อยู่ที่นั่น เขาไปหาชายแก่ขี้เมาเพื่อหาของปรุงยา กั้วติงต้องใช้ยารักษาบาดแผล
ชายแก่ขี้เมานั้นคือขยะที่โด่งดังของเมืองซูเซียนและยังเป็นเพื่อนของหยางเฉินด้วย อันที่จริงแล้วชายแก่ขี้เมาก็พอมีทักษะอยู่บ้าง เขารู้วิธีการปรุงยาแต่ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ แน่นอนว่าหยางเฉินเป็นข้อยกเว้น เขามาที่บ้านของชายแก่ไม่ได้มาเพื่อหาสมบัติใดๆแต่มาเพื่อหาของมีค่าของชายแก่
หยางเฉิน มาถึงที่บ้านก่อนจะหันซ้ายหันขวาแล้วเปิดประตูเข้าไป เมื่อเปิดประตูออกก็ได้กลิ่นยาลอยมาเตะจมูก
“ แค่ก เหมือนกับร้านยาจีนเลย ทำไมถึงไม่เปิดร้านทั้งๆที่จนขนาดนี้ จะได้ไม่ต้องอยู่ในสภาพที่น่าอดสูเช่นนี้ ” หยางเฉิน ปิดจมูกและยิ้มออกมา “ ไม่สำคัญว่าเจ้าจะจนรึไม่ ที่สำคัญกว่านั้นคือข้าจะไม่ยอมอยู่ในสภาพนี้เด็ดขาด ”