ตอนที่ 6 : หีบห่อ
“ ท่านพี่ ห่อนี่ได้มาจากร่างของนักล่าอสูร เรายังไม่ทันได้เปิดมัน ” ตอนนั้น ซงเทียนเอ๋อก็ยิ้มหวานออกมา นางไม่ได้ดูแกร่งแบบตอนที่เผชิญหน้ากับเชินเจียนเซียวและคนอื่นๆ นอกซะจากว่าคนอื่นจะมาหาเรื่องหยางเฉิน และกั้วติงนางก็มักจะแสดงท่าทีน่ารักตรงไปตรงมา
“ ห่อของนักล่าอสูร ” หยางเฉินรู้ว่าในห่อนี้มันต้องไม่ใช่ของธรรมดาแน่ ทุกอย่างที่ถูกซื้อขายในโถงการค้าจะใช้แลกเงินได้จำนวนมาก
มันมีโถงการค้าสองแห่งในเมืองซูเซียน ตึกเถียกับตึกสมบัติ ตึกทั้งสองนี้มีผู้ล่าอสูรหลายคนเดินเข้าออก หากพวกนั้นได้ของดีๆมา พวกเขาก็จะนำไปประมูล ด้วยการประมูลนี้จะทำให้พวกเขาได้เงินมากขึ้นกว่าเก่า
ห่อนี้ถูกเปิดออกแล้วกางออกบนเตียง มันมีของสามอย่างในห่อ กล่องสีดำขนาดเท่ากับฝ่ามือ, คริสตัลสีแดงเลือดขนาดเท่ากับนิ้วโป้งและเขารูปร่างเสี้ยวพระจันทร์
“ ผลึกเลือด ! ” เมื่อเห็นคริสตัลสีแดง หยางเฉินก็สูดหายใจเข้าลึกๆ มีแค่หัวใจของสัตว์อสูรเหนือกว่าระดับขอบเขตปกครองเท่านั้นที่จะมีผลึกเลือดได้ มันแทบจะเป็นของที่มีค่าที่สุดในร่างสัตว์อสูร
หากนำผลึกเลือดนี้ไปประมูลพวกเขาอาจจะได้เงินกว่า 100,000 เหรียญ แม้แต่สำหรับนักปรุงยาแล้วก็สามารถนำไปใช้ปรุงยาขึ้นมาได้จำนวนมาก
ระดับของสัตว์อสูรก็เหมือนกับมนุษย์ ขอบเขตกำลังภายใน, ธุลี, ปรมาจารย์, บรรพจารย์, ราชา....สัตว์อสูรขอบเขตบรรพจารย์นั้นแกร่งอย่างมาก หากคิดจะฆ่าสัตว์อสูรขอบเขตบรรพจารย์แล้วก็ เกรงว่าอาจจะต้องใช้ผู้บ่มเพาะขอบเขตบรรพจารย์ถึง 5 คน ถูเชิน คนที่แกร่งเป็นอันดับสองของเมืองอยู่แค่ขอบเขตธุลี แม้แต่คนแบบเขาก็ยังไม่กล้าเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรขอบเขตบรรพจารย์เพียงลำพัง
แน่นอนว่าซงเทียนเอ๋อ และกั้วติงรู้ว่าของตรงหน้านั้นมีค่าแค่ไหน ใบหน้าของทั้งสองต่างก็แสดงความตะลึงออกมา
“ พระเจ้า ไม่ใช่ว่ามีเงินมาให้ถึงที่เลยรึไง ข้าไม่มีเงินใช้อยู่พอดี ” หยางเฉินลูบจมูกเขาไม่ได้สนใจ ซงเทียนเอ๋อและยกผลึกเลือดขึ้นจูบ ผู้ล่าอสูรคนนี้คงแข็งแกร่งอย่างมากจนหาของแบบนี้มาได้
“ ท่านพี่ แล้วของอีกสองอย่างล่ะ ? ” ซงเทียนเอ๋อมองไปที่ของอีกสองอย่างและเผยสีหน้าสงสัยออกมา
หยางเฉิน หยิบกล่องดำและเขาสัตว์อสูรขึ้นมาดูก่อนจะคิ้วขมวด “ ข้าไม่รู้ว่ามันเป็นเขาของสัตว์อสูรอะไรแต่เมื่ออยู่ในมือนักล่าอสูรงั้นก็ต้องไม่ใช่ของธรรมดาแน่ ”
เขามองไปที่กล่องดำแล้วพูดขึ้นมา “ ด้านในมันมีสมบัติอะไรรึไม่ ? ” เขาคิดจะเปิดกล่องออกแต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อกล่องนี้ราวกับติดกาวเอาไว้ ไม่ว่าเขาจะออกแรงแค่ไหนแต่ก็ไม่อาจจะเปิดกล่องได้
“ หัวหน้า เจ้าลองให้เทียนเอ๋อสิ นางทำลายหินเพชรได้ถึง 10 ก้อนเลย ” กั้วติง หัวเราะออกมา
“ ไอ้เด็กตัวเหม็น เจ้าอยากมีเรื่องรึไง? ” หยางเฉิน กดกั้วติงเอาไว้และแสดงสีหน้าราวกับจะฆ่าอีกฝ่าย
“ ท่านพี่อย่าทำให้ กั้วติงกลัวเอากล่องมาให้ข้านี่ ” ซงเทียนเอ๋อ ยิ้มออกมาเผยลักยิ้มเล็กๆบนแก้มสองข้างแล้วยื่นมือมาหยิบกล่องในมือ หยางเฉิน
หยางเฉินส่งกล่องให้กับซงเทียนเอ๋อ แต่ไม่ได้ปล่อยให้ซงเทียนเอ๋อได้ลงมือ เขาก็ลูบจมูกแล้วพูดขึ้น “ เทียนเอ๋อ เจ้าเอากล่องไปวางบนโต๊ะแล้วลองใช้ไม้เปิดมันออก ”
“ ทำไมกัน ?” กั้วติง และ ซงเทียนเอ๋อพากันมองหยางเฉินด้วยความสงสัย
‘ เด็กน้อยทั้งสอง หากมีอะไรอันตรายอยู่ด้านในล่ะ ? ’ หยางเฉิน ถอนหายใจออกมา ‘ เด็กก็ยังเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ พวกนี้ไม่รู้จักปกป้องตัวเองด้วยซ้ำ ’
หลังจากที่บ่นออกมาในใจ หยางเฉินก็อธิบายด้วยรอยยิ้ม “ หากมีอะไรอันตรายด้านใน เมื่อเปิดมันออก มันอาจจะทำให้เจ้าบาดเจ็บ เผื่อว่าจะเป็นเช่นนั้นเราควรจะระวังได้ดีกว่า ”
“ ท่านพี่ เจ้านี่รอบคอบจริงๆ ”
“ หัวหน้าสมกับเป็นหัวหน้าจริงๆ ”
ซงเทียนเอ๋อ และกั้วติงมองหน้ากันและรู้สึกว่าคำพูดของหยางเฉินมีเหตุผล
“ ท่านพี่ งั้นข้าจัดการเอง ” ซงเทียนเอ๋อเดินไปด้านนอกบ้านเพื่อหาไม้ทันทีก่อนจะกลับมาในห้อง
“ เด็กน้อยบ้าพลัง ” หยางเฉิน วางกล่องไว้บนโต๊ะแล้วก้าวออกมากว่า 2 ม.แล้วพูดขึ้น “ เทียนเอ๋อ เจ้าลงมือเลย ”
ซงเทียนเอ๋อ พยักหน้ามือของเธอจับไม้ไว้แน่นและค่อยๆเหวี่ยงไม้ไปมาเพื่อฟาดกล่อง การฟาดนี้ทำให้เกิดเสียงตัดสายลมดังขึ้น ปัง ! แรงที่มากพอจะทำลายหินเพชรกว่า 10 ก้อนได้โดนอัดเข้าใส่กล่อง กล่องได้แตกออกเผยให้เห็นแสงสีดำ แสงสีดำนี้กลับพุ่งเข้าหาหยางเฉินแทน
“ อันตราย ! ” สีหน้าของหยางเฉินเปลี่ยนไปทันที เขารีบถอยหลัง แต่มันสายเกินไปแล้ว แสงนี้รวดเร็วดั่งสายฟ้าและพุ่งเข้ามาที่หว่างคิ้วของหยางเฉิน !
“ พระเจ้า ข้าทำกรรมอะไรไว้กัน ! ” หยางเฉินมึนหัวขึ้นมาพร้อมกับทรุดลงไป ปราณที่เขาเพิ่งบ่มเพาะในตันเถียนโดนสูบไปหมดทันที
“ ท่านพี่ เกิดอะไรขึ้นกัน ? ” สีหน้าของซงเทียนเอ๋อ เปลี่ยนไปทันที นางรีบวิ่งมาข้างๆ หยางเฉินแล้วประคองเขาที่กำลังจะทรุดเอาไว้
“ หัวหน้า ! ” กั้วติงที่บาดเจ็บอยู่ได้กระโดดขึ้นจากเตียงแล้ววิ่งมาหาหยางเฉิน
“ เทียนเอ๋อ ข้าไม่เป็นไร ข้าแค่อยากตาย ” หยางเฉิน รู้สึกว่าปราณในตันเถียนหายไป เขาพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเศร้า เขาแทบจะร้องไห้ไปกับอ้อมแขนของซงเทียนเอ๋อ
“ หัวหน้า ทำไมเจ้าถึงอยากตายกัน ? ไม่ใช่ว่าเจ้าแค่โชคร้ายรึไง เจ้าน่ะเป็นแบบนี้ตลอด ” กั้วติงปลอบใจออกมา
หน้าผากของหยางเฉินมีเส้นสีดำปรากฏขึ้นมา เขาสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วออกจากอ้อมแขนของซงเทียนเอ๋อ เขาลองรวบรวมสมาธิเพื่อดูดซับปราณรอบตัว ปราณได้กลับไปตันเถียนอีกครั้ง เมื่อรู้สึกว่าเขายังบ่มเพาะได้อยู่ หยางเฉินก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“ ท่านพี่ นี่มันอะไรกัน ? ” ซงเทียนเอ๋อ ถามพร้อมคิ้วที่ขมวด
“ ข้าเองก็ไม่รู้ ” หยางเฉิน ลูบหน้าผากสายตาเขาจับจ้องไปยังกล่องบนโต๊ะ ในซากกล่องนั้นมีกระดาษสีดำอยู่หลายชิ้น
“ นี่มันอะไรกัน ? ” หยางเฉิน หยิบกระดาษขึ้นมาดู เขาสงสัยขึ้นมาทันที มันมีเส้นสีทองบนกระดาษเรียงรายกันอยู่คล้ายกับตัวหนังสือ มันไม่ใช่ตัวหนังสือที่มีอยู่ในโลกนี้แน่ๆ
หยางเฉิน ส่ายหน้าแล้วยิ้มออกมาอย่างขมขื่น - “ เฮ้อ ฉันว่าเราคงไม่ได้โชคดีตลอด ”
“ โอ๊ยเจ็บ ” กั้วติง ร้องออกมาจากด้านหลัง หยางเฉินและซงเทียนเอ๋อ พากันหันกลับไปมองก็พบว่า กั้วติง นั้นนอนกองอยู่กับพื้น เขาคงเพิ่งนึกออกว่าเขาบาดเจ็บอยู่
หยางเฉิน ยิ้มออกมาและประคอง กั้วติง กลับไปที่เตียงแล้วพูดขึ้น “ แผลยังไม่หายดีจนลืมเจ็บไป ร่างกายเจ้านี่แกร่งดีจริงๆ ”
กั้วติง มองไปที่ หยางเฉิน แล้วพูดขึ้น “ หัวหน้า เราจะทำยังไงกับมันดี ? ”
“ ใช่ ท่านพี่ เราจะเอาของพวกนี้ไปขายงั้นรึ ? ” ซงเทียนเอ๋อ กระโดดขึ้นมาบนเตียงแล้วมองไปที่ หยางเฉิน
“ ไม่ หากเราเอาของพวกนี้ไปที่โถงการค้า เรายังไม่ทันได้ขายของก็คงโดนฆ่าไปแล้ว ” หยางเฉิน ส่ายหน้า “ ก่อนอื่นเราต้องเก็บมันไว้ให้ดีที่สุดและรอจนกว่าจะหาทางขายมันได้ ”
กั้วติงและซงเทียนเอ๋อ พยักหน้าตอบรับ พวกเขาฟังคำสั่งหยางเฉินทุกอย่าง ยังไงซะในสายตาพวกเขา หยางเฉินก็เหมือนญาติสนิทของพวกเขาและรู้มากกว่าพวกเขา
....
วันต่อมาตอนที่ทั้งสามคนตื่นขึ้นมาพวกเขาก็ได้รับการแจ้งเตือนจากโถงวรยุทธให้พวกเขาไปชุมนุม สำหรับว่าเกิดอะไรขึ้นนั้นพวกเขาไม่อาจจะรู้ได้
เด็กหลายร้อยคนได้มารวมตัวกันในห้องโถง หยางเฉินมองไปยังคนข้างกายถูเชิน เขาไม่เคยเห็นชายคนนี้มาก่อน
ชายสวมเสื้อกั๊กและชุดหนังสัตว์ ด้านในนั้นเป็นเสื้อผ้าที่ดูหรูหรา เขาสวมรองเท้าหนังหน้าตาของเขาไม่ได้หล่อเหลานัก เขาดูอายุประมาณ 30 ปีมีหนวดเครา มันทำให้เขาดูสมชายชาตรีมากกว่าเก่า
จากเสื้อผ้า หยางเฉินก็สรุปตัวตนของชายคนนี้ได้ว่าเป็นนักล่าอสูร
‘ มาเพราะห่อของที่เราได้มารึไม่ ? ’ หยางเฉิน กลืนน้ำลายและได้แต่หวังว่าคงไม่ใช่แบบที่เขาคิด หากชายคนนี้มาเพราะห่อของที่พวกเขาได้มา งั้นคงจะเกิดปัญหา
เว่ยหยานหลานและซงเทียนเอ๋อ ที่อยู่ข้างซ้ายขวาของหยางเฉิน พากันมองไปที่หยางเฉินด้วยสายตาอิจฉา กั้วติงไม่ได้มาด้วยเพราะอาการบาดเจ็บ
“ เขาเป็นสมาชิกของหน่วยทลายอสูร ลอร์ดเสี่ยวหมิง เขามาเพื่อรับศิษย์ให้กับหัวหน้าหน่วยทลายอสูร พวกเจ้าต้องคว้าโอกาสนี้เอาไว้ให้ได้ ” เสียงของถูเชิน ดังขึ้นในหูหยางเฉิน
“ เด็กน้อยทั้งหลาย หากพวกเจ้าเป็นศิษย์ของหัวหน้าหน่วยแล้ว อนาคตของพวกเจ้าจะไม่มีอะไรมาจำกัดได้ ” เสี่ยวหมิง มองไปรอบๆและสุดท้ายก็มองไปที่หยางเฉิน, เว่ยหยานหลานและซงเทียนเอ๋อ
ถูเชิน ยิ้มออกมาอย่างพอใจ การที่ได้รับเป็นศิษย์ของหัวหน้าหน่วยนั้นไม่แย่กว่าการได้เข้าร่วมกับสำนักใหญ่เลย นี่ไม่ต้องพูดถึงการที่เป็นศิษยสายตรง อนาคตนั้นถือว่าไร้ขีดจำกัดจริงๆ
ในมุมมองของถูเชินแล้ว เสี่ยวหมิงนั้นต้องให้ค่า เว่ยหยานหลานและซงเทียนเอ๋ออยู่แล้วแต่ไม่ใช่หยางเฉินแน่ๆ แต่แปลกที่ทำไม เสี่ยวหมิงถึงไม่มองไปยังโมโก ? ถูเชินมองไปที่โมโกที่แสดงอาการไม่พอใจออกมาก่อนจะมองไปที่เสี่ยวหมิง
“ พวกเจ้าสามคน “
เสี่ยวหมิงเพิ่งจะพูดแต่ทุกคนก็ต้องอึ้ง สามคน ? นับรวมหยางเฉินด้วยรึ ? เกิดอะไรขึ้นกัน ? ทำไมเจ้าขยะนี่ถึงได้ถูกเลือกได้ ?
ถูเชินตะลึงกับคำพูดของเสี่ยวหมิง ยิ่งกว่าใครแต่เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา เขาไม่อาจจะดูหมิ่นคนของหน่วยทลายอสูรได้ สิ่งที่คนเหล่านี้บอกว่าเป็นอะไร พวกเขาก็ได้แต่ฟัง พวกเขาไม่อาจจะปฏิเสธได้เพราะไม่มีใครในเมืองซูเซียนที่รับมือกับหัวหน้าหน่วยได้ไหว
โมโกที่ยืนอยู่ในฝูงชนกำหมัดแน่น เขาไม่อาจจะเชื่อได้ว่านี่เป็นความจริง เขากลับไม่โดนเลือกงั้นรึ ? มันเป็นไปได้ยังไงกัน ?
เสี่ยวหมิงเผยรอยยิ้มออกมาและมองไปที่หยางเฉินกับคนอื่นๆ “ พวกเจ้าสามคน วันนี้พวกเจ้ายังไม่ต้องเก็บของ ก่อนอื่นพวกเจ้าไปพบกับหัวหน้าของข้าก่อนเพื่อดูว่าเขาพอใจรึไม่ หากเขาพอใจ ข้าจะพาพวกเจ้าไปเก็บของเอง ”
“ หัวหน้าหน่วยอยู่ในเมืองบังหวัน เราเดินทางไปกลับได้ในครึ่งวัน ” เสี่ยวหมิงมองไปที่ถูเชินแล้วยิ้มออกมา “ น้องถู ข้าขอพาตัวพวกเขาไปก่อน ”
เด็กรอบๆพากันมองหยางเฉิน และสาวๆทั้งสองด้วยสายตาอิจฉา
ถูเชินพยักหน้าเขาไม่กล้าจะขัดคำสั่งหน่วยทลายอสูร เขาได้สั่งเว่ยหยานหลานและซงเทียนเอ๋อ แต่ไม่ได้พูดอะไรกับหยางเฉิน
“ เจ้านักเชือด นี่อะไรกัน? ข้าไม่อยากเข้าร่วมหน่วยทลายอสูรรึหน่วยไหนเลย กลุ่มคนพวกนี้ถึงข้าตายไปก็ไม่มีใครซื้อโลงศพให้ ! ”
หยางเฉิน ได้แต่บ่นพึมพำออกมา จากนั้นเขาก็คิดในใจ ‘สัญชาตญาณบอกข้าว่าชายคนนี้ต้องมีปัญหาแน่ๆ ’
หยางเฉิน หลอกคนมาตั้งแต่เด็ก เขามองสายตาของเสี่ยวหมิงออก เป้าหมายของเสี่ยวหมิงไม่ใช่การรับศิษย์แน่ๆ !